เฉลยแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษในชีวิตจริง 20000-1202

          ปฏิบัติเกี่ยวกับการฟัง-ดู พูด อ่านและเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน คำศัพท์สำนวนภาษาที่ใช้บ่อย ๆ การสนทนาเกี่ยวกับครอบครัว การศึกษา งานอดิเรก สุขภาพ เทศกาล ทิศทาง ตำแหน่งที่ตั้ง การเดินทาง ขั้นตอนการปฏิบัติงาน การสนทนาทางโทรศัพท์ การอ่านข้อความ กำหนดการ ป้ายประกาศการกรอกแบบฟอร์ม การเขียนข้อความและจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ภาษาตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ

ปฏิบัติเกี่ยวกับการฟัง-ดูและพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและการปฏิบัติงาน หลักและวิธีการฟัง และพูดภาษาอังกฤษ การฟัง-ดูการสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษจากสื่อประเภทต่าง ๆ การออกเสียงตามหลักการออกเสียง การใช้คำศัพท์สำนวน และการสนทนา โต้ตอบในสถานการณ์ต่าง ๆ การใช้วัจนะภาษาและอวัจนะภาษา (verbal and non-verbal language) การใช้ภาษาตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และการใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ

แผนการจดั การเรียนรู้ รหัส 20000-1201 วิชาภาษาอังกฤษในชีวติ จริง หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2562 ประเภทวิชาพาณิชยกรรม สาขาวชิ าการบญั ชี,การตลาด,คอมพิวเตอร์ธุรกิจ ประเภทอุตสาหกรรมการทอ่ งเทย่ี วและการโรงแรม สาขาวชิ าการโรงแรม จดั ทำโดย นายสรุ พล แพทย์จตั รุ สั วิทยาลัยอาชีวศึกษาออมสนิ อปุ ถัมภ์

รายการตรวจสอบและอนุญาตให้ใช้  ควรอนญุ าตให้ใชก้ ารสอนได้  ควรปรบั ปรุงเก่ียวกบั ........................................................................................................................................ .................................................................................................. .................................................................................. ............................................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ........................................... ........................................................................ ลงชอื่ (....................................................................) หัวหน้าสาขาวิชา ............../.................................../....................  เหน็ ควรอนุญาตใหใ้ ชก้ ารสอนได้  ควรปรับปรุงดังเสนอ  อื่น ๆ .................................................................................................................................... ........................... ....................................................................................................... ............................................................................. ............................................................................................................................. ............................................... ........................................................................ ลงชอ่ื (....................................................................) รองผูอ้ ำนวยการฝ่ายวชิ าการ ............../.................................../....................  อนญุ าตให้ใชก้ ารสอนได้  อ่นื ๆ ...................................................................................................................... ......................................... ............................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ............................................... ........................................................................ ลงช่ือ (....................................................................) ผอู้ ำนวยการ ............../.................................../.................... 2

3

ลักษณะรายวชิ า รหสั …............20000-1201..…ช่ือวชิ า…ภาษาอังกฤษในชีวติ จริง …... หน่วยกิต................1......................เวลาเรียนต่อภาค…………36…………..ชวั่ โมง รายวิชาตามหลกั สตู ร จดุ ประสงคร์ ายวชิ าเพ่ือให้ 1. รู้และเขา้ ใจเกยี่ วกบั หลกั การใช้ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจำวันและในการปฏบิ ตั งิ าน 2. สามารถฟัง-ดู พูด อา่ น และเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบตั ิงาน 3. ตระหนกั ถึงความสำคัญและเหน็ ประโยชน์ของการใช้ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจำวันและในการ ปฏบิ ตั ิงาน สมรรถนะรายวชิ า 1. ฟัง–ดภู าษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั และในการปฏบิ ัติงาน 2. สนทนาโตต้ อบตามสถานการณ์ในชวี ติ ประจำวนั และในการปฏบิ ตั งิ าน 3. อ่านข้อความ กำหนดการและป้ายประกาศภาษาอังกฤษในชวี ิตประจำวนั และในการปฏิบตั ิงาน 4. กรอกแบบฟอร์มที่ใชใ้ นชีวิตประจำวนั และในการปฏิบัติงาน 5. เขียนขอ้ ความและจดหมายอเิ ลค็ ทรอนกิ สใ์ นชีวติ ประจำวันและในการปฏบิ ัตงิ าน 6. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวนั และในการปฏบิ ัติงาน คำอธิบายรายวชิ า ปฏิบัติเก่ียวกับการฟัง–ดูพูดอ่านและเขียนภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันและในการปฏิบัติงาน คำศัพท์สำนวนภาษาที่ใช้บ่อยๆการสนทนาเกี่ยวกับครอบครัวการศึกษางานอดิเรกสุขภาพ เทศกาล ทิศทาง ตำแหนง่ ท่ีต้ัง การเดินทาง ข้ันตอนการปฏิบัติงาน การสนทนาทางโทรศัพท์ การอ่านข้อความกำหนดการ ป้าย ประกาศ การกรอกแบบฟอร์ม การเขียนข้อความและจดหมายอิเล็คทรอนิคส์ การใช้ภาษาตามมารยาทสังคม และวฒั นธรรมของเจ้าของภาษาและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ 4

5

หลักสูตร :ประกาศนยี บตั รวิชาชีพ พทุ ธศักราช 2562 โครงการสอน หน้าท่ี 1-3 รหสั วิชา : 20000-1201 ต่อภาคเรยี น วัดผล ชอ่ื วชิ า :ภาษาองั กฤษในชวี ิตจริง แผ่นท่ี : 1-3 8 ระดับการศึกษา ปวช. ปี 1❑ ปี 2❑ ปี 3 คะแนน จำนวน : 2 ชั่วโมงตอ่ สัปดาห์ จำนวน : 18 สัปดาหต์ อ่ ภาคเรยี น สอนในภาคเรยี นท่ี 1/2563 8 คะแนน สปั ดาหท์ ี่ หัวข้อ Teaching Point กจิ กรรม สอื่ 8 1-2 Unit 1 *Greeting -บรรยาย ถาม-ตอบ *Power Point คะแนน Social Language *Introduction -ทำแบบฝึกหดั *Internet (1) *Parting -ฟงั แถบเสียง *Worksheet *Let’s communicate. -ฟัง พูด อ่าน เขยี น *Desktop/Laptop *Language focus. เรื่องที่กำหนด *Projector *Situation. -สรุป *Book *Let’s listen, speak, read and write. *Monitor your progress. 3-4 Unit 2 *Thanking -บรรยาย ถาม-ตอบ *Power Point Social Language *Excuses & Apologizes -ทำแบบฝึกหดั *Internet (2) *Special Expressions -ฟังแถบเสยี ง *Worksheet *Let’s communicate. -ฟงั พดู อา่ น เขยี น *Desktop/Laptop *Language focus. เร่อื งที่กำหนด *Projector *Situation. -สรุป *Book *Let’s listen, speak, read and write. *Monitor your progress. 5-6 Unit 3 *Requests -บรรยาย ถาม-ตอบ *Power Point Social Language *Invitations -ทำแบบฝกึ หดั *Internet (3) *Suggestions -ฟงั แถบเสยี ง *Worksheet *Let’s communicate. -ฟัง พดู อ่าน เขียน *Desktop/Laptop *Language focus. เร่ืองที่กำหนด *Projector *Situation. -สรุป *Book *Let’s listen, speak, read and write. *Monitor your progress. 6

7-8 Unit 4 *Expressing an opinion -บรรยาย ถาม-ตอบ *Power Point 10 Expressing an *Agreement -ทำแบบฝกึ หัด *Internet คะแนน Opinion *Disagreement -ฟังแถบเสียง *Worksheet *Let’s communicate. -ฟัง พดู อ่าน เขียน *Desktop/Laptop 9-10 Unit 5 *Language focus. เรอื่ งท่ีกำหนด *Projector Describing *Situation. -สรุป *Book People *Let’s listen, speak, read and write. -บรรยาย ถาม-ตอบ *Power Point 10 11-13 Unit 6 *Monitor your progress. -ทำแบบฝกึ หัด *Internet คะแนน Numbers *Describing Appearance -ฟงั แถบเสียง *Worksheet *Describing Character -ฟงั พูด อา่ น เขียน *Desktop/Laptop *Let’s communicate. เรอ่ื งที่กำหนด *Projector *Language focus. -สรุป *Book *Situation. *Let’s listen, speak, read -บรรยาย ถาม-ตอบ *Power Point 14 and write. -ทำแบบฝกึ หัด *Internet คะแนน *Monitor your progress. -ฟงั แถบเสยี ง *Worksheet *Telling the time -ฟงั พดู อ่าน เขยี น *Desktop/Laptop *Telling the date เรื่องที่กำหนด *Projector *Ordinal numbers -สรุป *Book *Cardinal numbers *Let’s communicate. *Language focus. *Situation. *Let’s listen, speak, read and write. *Monitor your progress. 7

14-16 Unit 7 *Signs, Warnings and -บรรยาย ถาม-ตอบ *Power Point 14 *Internet คะแนน Signs, Warnings, Notices -ทำแบบฝึกหัด *Worksheet *Desktop/Laptop Notices & Labels *Labels -ฟงั แถบเสยี ง *Projector *Book *Let’s communicate. -ฟงั พูด อ่าน เขียน *Language focus. เรื่องที่กำหนด *Situation. -สรปุ *Let’s listen, speak, read and write. *Monitor your progress. 17 Unit 8 *Holodays -บรรยาย ถาม-ตอบ *Power Point 8 *Internet คะแนน Holidays & *Festivals -ทำแบบฝึกหดั *Worksheet *Desktop/Laptop Festivals *Let’s communicate. -ฟงั แถบเสียง *Projector *Book *Language focus. -ฟัง พูด อา่ น เขียน *Situation. เรอื่ งท่ีกำหนด *Let’s listen, speak, read -สรุป and write. *Monitor your progress. 18 Final ข้อสอบแบบเลอื กตอบจำนวน สอบตามตาราง ขอ้ สอบ 20 คะแนน Examination 60 ขอ้ ลงชอื่ ............................................. ( นายสุรพล แพทย์จัตรุ ัส ) ครูผสู้ อน 8

ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สูตร รหสั .....20000-1201..... วชิ า .....ภาษาอังกฤษในชวี ิตจรงิ ........ หน่วยกติ ...............1.................... ชั้น ...ปวช.1/1,2,3,4,5,6,7.. สาขาวิชา/กลมุ่ วิชา/....การบัญชี,การตลาด,คอมพิวเตอรธ์ รุ กิจและการโรงแรม ... พทุ ธพิ ิสัย ความ ู้ร พฤติกรรม ความ ้ขาใจ นำไปใช้ ชอื่ หน่วย ิวเคราะ ์ห สังเคราะ ์ห Social Language (1) ประเมินค่า Social Language (2) ทักษะพิสัย Social Language (3) ิจต ิพสัย Expressing an Opinion Describing People รวม Numbers ลำดับความสำคัญ Signs, Warnings, Notices & Labels จำนวนคาบ Holidays & Festivals  7 2 4  7 2 4  7 2 4 8 1 4  4 4 4  7 2 6  726   5 3 2 9

รวม 86737687 ลำดับความสำคัญ 13242312 10

เกณฑ์การวดั และประเมินผลวชิ าภาษาองั กฤษในชีวติ จริง การวดั และประเมินผลรายวิชาภาษาองั กฤษในชวี ิตจรงิ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี 2562 ได้ กำหนดให้ใชส้ ดั สว่ นของคะแนนระหวา่ งภาคต่อปลายภาคเท่ากับ 80 : 20 ซง่ึ มี รายละเอียดดังนี้ 1.การประเมินผลกำหนดหลักเกณฑ์ ดังนี้ อัตราสว่ นระหว่างภาคและปลายภาคเท่ากับ 80:20 การกำหนดคะแนน 1) คะแนนระหว่างภาค 80 คะแนน 50 - ทำแบบฝกึ หดั และทดสอบยอ่ ย 20 คะแนน คะแนน - ความสนใจในการเรยี น - เลือกศกึ ษาเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง ตามความสนใจใน ศูนย์การเรยี นรดู้ ้วยตนเอง(SALC-Learning Log) 10 คะแนน 2) คะแนนสอบปลายภาค 20 คะแนน 100 คะแนน รวม 4. เกณฑก์ ารประเมินผล ใช้เกณฑ์การประเมินแบบองิ เกณฑ์ มรี ะดบั ดังน้ี 80 - 100 คะแนน ได้ระดบั ผลการเรียน 4 หมายถงึ ดเี ย่ยี ม 3.5 หมายถึงดีมาก 75 - 79 คะแนน ไดร้ ะดบั ผลการเรยี น 3 หมายถงึ ดี 2.5 หมายถงึ ดีพอใจ 70 - 74 คะแนน ไดร้ ะดับผลการเรียน 2 หมายถึงพอใช้ 1.5 หมายถงึ อ่อน 65 - 69 คะแนน ได้ระดบั ผลการเรยี น 1 หมายถงึ ออ่ นมาก หมายถงึ ตก 60 - 64 คะแนน ได้ระดับผลการเรยี น 55 - 59 คะแนน ได้ระดบั ผลการเรียน 50 - 54 คะแนน ได้ระดบั ผลการเรยี น 0 - 49 คะแนน ไดร้ ะดบั ผลการเรียน 0 11

หน่วยท่.ี .......1........... แผนการจดั การเรียนรู้ จานวน.....4......ชั่วโมง สัปดาห์ท่.ี ........1-2......... วิชา...........................ภาษาองั กฤษในชีวติ จริง .....รหสั 20000–1201........................................................ 1ช.่ือสหานร่ะวสยำ..ค..ัญ................................................Social Language(1)....................................................... ……ช……่ือเ……ร่ือ……ง……..……...……...……..……1.……1……G……re……e……tin……g……1.……2……In……tr……od……u……ct……io……n……1…….3……P……ar……ti……ng……..……...……...……...……...……...……...……...……..……...……...……...……...……...……...……...……...……...……..……...…………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1. สาระสำคัญ 1. การทักทาย (Greeting) เป็นภาษาสากลที่ใชใ้ นชีวติ ประจำวันของคนเราทุกชาตทิ ุกภาษามกี ารใช้ท่ัวไป 2 รูปแบบคอื แบบทางการ Formal greeting และแบบไม่เปน็ ทางการ Informal greeting 2. การแนะนำบุคคล (Introduction) การท่ีบุคคลสังคมไม่รู้จักกันมาก่อนจะต้องมีการแนะนำตัวเองควร เร่ิมด้วยการแนะนำตัวเองก่อนบุคคลที่ได้รับการแนะนำก็จะต้องแนะนำตัวเองดว้ ยเช่นกันเป็นมารยาททางสังคมท่ี ต้องเลือกใช้สำนวนภาษาให้ถูกต้องแต่ในการแนะนำบุคคลให้รู้จักกันก็อาจะมีข้อมูลอ่ืนประกอบการแนะนำว่า เก่ียวข้องสมั พนั ธ์กนั อย่างไรภาษาทใี่ ชใ้ นการแนะนำบุคคลให้รู้จกั กนั มีท้ังแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ 3. การอำลา (Parting) เปน็ ภาษาสากลทใี่ ชใ้ นชีวิตประจำวันของคนเราทุกชาตทิ กุ ภาษาเชน่ เดียวกนั มกี าร ใชท้ วั่ ไป 2 รปู แบบคอื ทั้งแบบทางการ Formal parting และแบบไมเ่ ป็นทางการ Informal parting 2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรยี นรู้ 1. ฟัง-ดู เร่อื งราวในชีวติ ประจำวนั 2. สนทนาทกั ทาย แนะนำบุคคลและอำลาตามสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวนั 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ดา้ นความรู้และทักษะ 1.ทักทาย (Greeting) โดยใช้สำนวนภาษาต่างๆทัง้ แบบทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ 2.แนะนำตัวเองและแนะนำบุคคลให้รูจ้ ักกัน (Introduction) ไดโ้ ดยใชส้ ำนวนภาษาต่างๆทง้ั แบบทางการ และไม่เป็นทางการ 3. กลา่ วอำลา (Parting) โดยใช้สำนวนภาษาตา่ งๆทัง้ แบบทางการและไม่เปน็ ทางการ ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง ตรงต่อเวลา มวี ินยั มคี วามรบั ผดิ ชอบ ละเอียดรอบคอบ ทำงานเรียบรอ้ ย สนใจใฝร่ ู้ มคี วามซ่ือสัตย์ ขยันหม่นั เพยี ร ปฏิบัติตนในแนวทางทีด่ ี 12

4. สาระการเรียนรู้ 1.1 Greeting ในการทักทายเราสามารถใช้สำนวนภาษาต่างกนั ไดด้ ังนี้ Good morning/Good afternoon/Good evening ใช้สำหรับการทักทายในเวลาที่ต่างกันของวัน นับเป็นการพูดทักทายที่ดูเป็นทางการใช้ในสถานการณ์ที่เป็นพิธีรีตองเช่นในการประชุมในสำนักงานเม่ือมีการ ติดต่อพดู จาส่ือสารกันเปน็ ครงั้ แรกผสู้ นทนายงั ไมค่ ุ้นเคยกันเทา่ ที่ควร Hello/Hi/Hey there/Hi there เป็นสำนวนทนี่ ิยมใช้ในหมู่คนท่ีค่อนข้างสนทิ สนมมีความเป็นกันเอง ในกลุ่มเพ่ือนเพื่อนร่วมงานใช้ได้กับทุกเพศทุกวัยนอกจากการทักทายข้างต้นที่มีความหมายว่าสวัสดีครับ /ค่ะแล้ว มกั จะตามดว้ ยข้อความหรือสำนวนทตี่ อ่ เนอื่ งกบั การทกั ทายว่า How are you? How are you today? How are you doing? How are things? How’s business? How is it going? How’s everything? How have you been? What’s up? What’s new with you? 1.2 Introduction Introduction หรือการแนะนำตัวเมอ่ื พบกนั เรามักจะใช้สำนวนเพ่อื การแนะนำตวั เอง (Introducing yourself) และการแนะนำตัวบุคคลอืน่ ให้ร้จู กั กัน (Introducing other people to someone) These are expressions to introduce yourself: ตวั อย่างประโยคทเี่ ราสามารถใช้แนะนำตวั เอง ได้มดี ังน้ี Hello, my name is ………….. /Hi, I’m ................... สวัสดีครับ/ค่ะผม/ดิฉนั ชื่อ .......................... ฯลฯ สำหรับการพูดแนะนำตัวเองอาจมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองให้มากขึ้นเช่นมาจากไหนเช้ือชาติใด ประกอบอาชีพอะไรเป็นต้นตวั อย่างเชน่ May I introduce myself? ผม/ดฉิ ันขอแนะนำตัวเองครับ/คะ่ My name is …........................(name/surname) ผม/ดฉิ ันชือ่ –นามสกลุ …..... ครบั /ค่ะ I am …..…..(nationality)…….… ผม/ดิฉันเปน็ ชาว.…(เช้ือชาติ)… ฯลฯ ในการตอบรบั เมื่อมีคนมาแนะนำตวั กบั เราโดยปกตเิ ราจะตอบกลบั ดว้ ยการแนะนำตวั เช่นกนั ตวั อยา่ งเช่น Hello, my name is ……………. Hi, I’m ..................... 13

Nice to meet you; I’m ....................... Pleased to meet you; I’m ....................... It’s a pleasure to meet you; I’m .......................... 1.3 Parting เมื่อการสนทนาส้ินสุดลงการกล่าวลาคือส่งิ ทีค่ สู่ นทนาจะต้องพดู สำนวนเหล่านี้สามารถใชใ้ นการกลา่ ว ลาได้ See you again See you later See you soon See you then หรือใชส้ ำนวนเกล่านก้ี ล่าวลาพร้อมคำอวยพร Have a nice day Have a nice holiday Have a nice weekend Have a good trip Have a good time สำนวนทีน่ ิยมในการกล่าวลายังมีอีกมากมายเชน่ Take care Take care of yourself Sweet dream Sweet well Good luck ฯลฯ 5. กจิ กรรมการเรียนรู้(สัปดาห์ท่ี..........1-2.........) กิจกรรมการเรียนรู้ Greeting ข้ันเตรยี ม 1. ครขู านชอื่ ผูเ้ รยี นทักทายนักเรียนและสังเกตความพร้อม 2. ครแู นะนำรายวิชา วธิ ีการเรียนการสอน การวัดผลและประเมนิ ผล ข้ันนำเขา้ สูบ่ ทเรียน 3. ครูให้นักเรียนทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยที่ 1 4. ครูตง้ั คำถามเพื่อนำเขา้ สบู่ ทเรยี นเรอ่ื ง Greeting ขนั้ เรยี นรู้ 5. ครูอธิบาย ถาม-ตอบในหวั ขอ้ Greeting 6. ครูให้นกั เรียนฝึกปฏิบัตกิ ารทกั ทายท้ังรายบคุ คลและรายกลุ่ม 7. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยแบบฝึกปฏบิ ัติ Practice ข้นั สรุป 8. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มสรุปเนื้อหาสาระสำคัญในบทเรียน กิจกรรมการเรียนรู้ Introduction ขน้ั เตรยี ม 14

1. ครขู านช่ือผเู้ รยี นทกั ทายนักเรยี นและสังเกตความพร้อม 2. ครทู บทวนเนอ้ื หา และสมุ่ ให้นักเรยี นออกมาทกั ทายเปน็ ภาษาองั กฤษ ข้นั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 3. ครตู งั้ คำถามเพ่ือนำเข้าสูบ่ ทเรยี นเร่อื ง Introduction ขนั้ เรยี นรู้ 4. ครอู ธิบาย บรรยาย ถาม-ตอบในหัวข้อ Introduction 5. ครูให้นักเรยี นฝึกปฏิบัติการแนะนำตวั ทง้ั รายบุคคลและรายกลมุ่ 6. ครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยแบบฝกึ ปฏบิ ตั ิ Practice ขน้ั สรปุ 7. ครูและนกั เรียนร่วมสรุปเนื้อหาสาระสำคัญในบทเรยี น กิจกรรมการเรียนรู้ Parting ขน้ั เตรยี ม 1. ครูขานช่ือผูเ้ รียนทักทายนักเรยี นและสงั เกตความพร้อม 2. ครทู บทวนเนื้อหา และสุม่ ให้นักเรียนออกมาแนะนำตวั เองเปน็ ภาษาองั กฤษ ขั้นนำเขา้ สู่บทเรียน 3. ครตู ง้ั คำถามเพื่อนำเข้าสบู่ ทเรยี นเร่ือง Parting ขั้นเรียนรู้ 4. ครูอธบิ าย บรรยาย ถาม-ตอบในหัวข้อ Parting 5. ครใู หน้ ักเรยี นฝึกปฏิบตั กิ ารกลา่ วลาท้ังรายบุคคลและรายกลุ่ม 6. ครูและนักเรยี นร่วมกันเฉลยแบบฝกึ ปฏบิ ัติ Practice ขน้ั สรปุ 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมสรุปเนื้อหาสาระสำคัญในบทเรยี นและทดสอบหลงั เรยี นหนว่ ยที่ 1 6. ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรยี นวชิ าภาษาอังกฤษในชวี ติ จรงิ รหัส 20000–1201 หนว่ ยที่ 1 2. รูปภาพเก่ียวกับการทกั ทาย (Greeting) และการแนะนำตนเองและแนะนำผู้อ่นื 3. บัตรคำศัพทเ์ ก่ียวกับการทักทาย (Greeting) และการแนะนำตนเองและแนะนำผู้อื่น 4. ส่อื ของจริงเชน่ บคุ คล สิ่งของ 5. วซี ีดีเวบ็ ไซด์เพลงภาพยนตร์ 7. หลกั ฐานการเรยี นรู้ 1. สังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 3. ประเมนิ จากแบบประเมินผลตนเอง ก่อนและหลงั เรยี น 4. ใบงาน (Work sheet) ทา้ ยบทที่มอบหมาย 15

5. ประเมินจากการทำกจิ กรรมคู่ 6. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ 7. ประเมนิ จากสอบปลายภาคเรียน 8. ผลการฝึกปฏบิ ัติ (Practice) 9. ผลการแสดงบทบาทสมมติเกี่ยวกับการทกั ทาย (Greeting) และการแนะนำตนเองและแนะนำผอู้ น่ื 10. ผลการศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง(Self studying)และงานท่มี อบหมาย 8. การวัดและประเมินผล 8.1 เคร่ืองมอื ประเมนิ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ กอ่ นเรยี น 1) ใชส้ มุดบนั ทึกเวลาเรยี นฯ ขานชอ่ื ผเู้ รยี นและตรวจการตรงต่อเวลา 2) ทดสอบกอ่ นเรียน ขณะเรียน 1) ใช้แบบสังเกตพฤติกรรม สงั เกตการตอบคำถาม ความสนใจใฝร่ ู้ ความรับผิดชอบ ตอ่ งานทม่ี อบหมาย การร่วมกิจกรรม หลังเรียน 1) ทดสอบหลงั เรยี น ใช้เกณฑผ์ ่าน 50 % 8.2 เกณฑ์การประเมนิ 1. แบบทดสอบก่อนเรียนไม่มีเกณฑ์ผ่าน ผู้สอนจะเก็บคะแนนไว้เปรียบเทียบกับคะแนนท่ีได้จาก การ ทดสอบหลังจากเรยี นจบแต่ละหน่วยเรียน 2. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนท่ีได้ ประเมินตาม สภาพจรงิ การวเิ คราะห์ตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ตารางวิเคราะหจ์ ุดประสงค์การเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงค์การสอน ทางสายกลาง หนว่ ยท่ี 1 2 เง่ือนไข เรอื่ งSocial Language (1) ความรู้ คุณธรรม พอประมาณ 3 ห่วง ีมเห ุตผล ีมภู ิม ุ้คมกัน รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระ ัวง ซื่อ ัสต ์ยสุจริต ขยันอดทน ีมสติ ัปญญา แ ่บง ัปน รวม ลำ ัดบความสำ ัคญ 16

1.ทักทาย (Greeting) โดยใช้สำนวนภาษาต่างๆ           10 1 ทง้ั แบบทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ 2.แนะนำตัวเองและแนะนำบุคคลใหร้ ้จู ักกนั (Introduction) ได้โดยใช้สำนวนภาษาตา่ งๆทง้ั         8 2 แบบทางการและไมเ่ ปน็ ทางการ 3. กลา่ วอำลา (Parting) โดยใชส้ ำนวนภาษา   63 ต่างๆท้ังแบบทางการและไมเ่ ป็นทางการ รวม 3 2 2 3 3 3 3 2 2 1 ลำดับความสำคญั 1221111223 หน่วยท่.ี .......2........... แผนการจัดการเรยี นรู้ จำนวน.....4......ชวั่ โมง สัปดาหท์ ี.่ ........3-4......... 1ว.ิชาส.า..ร..ะ...ส..ำ..ค...ัญ................................ภาษาอังกฤษในชวี ติ จริงรหสั 20000–1201..................................... …ช…อื่ ห…น…่ว…ย….…...…...…..…...…...…...…..…...…...…...…. …So…c…ia…l …La…n…g…ua…g…e…(2…)…...…...…...…..…...…...…...…..…...…...…. …………………………………………………… …ช…ื่อเ…ร…อ่ื ง…..…...…..…...…..2….1……Th…a…n…ki…n…g ……2….2…E…x…cu…s…e…s …&…A…p…ol…o…gi…es………2….3……Sp…e…c…ia…l …ex…p…re…s…sio…n…s………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 17

1. สาระสำคัญ 1. การกลา่ วคำขอบคุณ (Thanking) มสี ำนวนท่ีใช้เพ่อื กลา่ วแสดงความรสู้ กึ ซาบซึ้งกบั ผู้ให้ความชว่ ยเหลือ เราเปน็ ภาษาสากลท่ีใช้ในชีวิตประจำวนั ของคนเราทจี่ ะตอ้ งเลอื กใช้คำขอบคุณใหถ้ ูกต้องเหมาะสมกบกาลเทศะ 2. การกลา่ วขอโทษ/ขออภัย (Excuses & Apologies) .ในชีวิตประจำวันของเราบางครัง้ เราอาจกระทำที่ ทำให้ผู้อื่นไม่พอใจจึงควรเลือกใช้สำนวนภาษาเพ่ือแสดงความเสียใจได้อย่างถูกต้องตามวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษามสี ำนวนการแสดงความเสยี ใจกลา่ วคำขออภัยหลายสำนวน 3. การใช้ภาษาในสถานการณ์ต่างๆที่จำเป็น (Special Expressions) เป็นมารยาททางสังคมที่เราควร ฝกึ ฝนเพ่ือการสื่อสารใหเ้ หมาะสมกับสถานการณ์ในชีวิตจรงิ เช่นการแสดงความยินดีการแสดงความเศร้าเสียใจการ อวยพรเรื่องเจบ็ ป่วยการอวยพรให้เดินทางปลอดภยั แมก้ ระท่ังในเทศกาลตา่ งๆนักเรยี นควรเลือกใชส้ ำนวนภาษาให้ ถูกตอ้ งเหมาะสม 2. สมรรถนะประจำหนว่ ยการเรียนรู้ 1. กลา่ วขอบคุณ ขออภยั และใชส้ ำนวนตามสถานการณ์ต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวนั 2. ใช้ภาษาตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาในสถานการณต์ ่าง ๆ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความร้แู ละทกั ษะ 1. กล่าวขอบคุณ (Thanking) โดยใชส้ ำนวนภาษาตา่ งๆไดอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสมตามสถานการณ์ใน ชวี ิตจรงิ 2. กล่าวคำขออภัย (Apologizing) ได้โดยใช้สำนวนภาษาต่างๆอยา่ งเหมาะสมกับสถานการณท์ เ่ี กิดขน้ึ ใน ชวี ติ จรงิ 3. ใชส้ ำนวนภาษาในโอกาสพิเศษตา่ งๆ (Special Expressions) ได้โดยใชส้ ำนวนภาษาตา่ งๆอย่าง เหมาะสมกบั สถานการณ์ ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง ตรงต่อเวลา มีวินัย มคี วามรบั ผดิ ชอบ ละเอียดรอบคอบ ทำงานเรียบร้อย สนใจใฝ่รู้ มคี วามซื่อสตั ย์ ขยนั หมน่ั เพียร ปฏบิ ตั ิตนในแนวทางทีด่ ี 4. สาระการเรยี นรู้ เนอ้ื หาสาระของหนว่ ยที่ 2 ดังนี้ 2.1 Thanking เมอื่ ต้องการกลา่ วคำขอบคณุ เราสามารถเลือกใช้ประโยคดังต่อไปน้ี Thanks you (very much). ขอบคุณ (มาก) 18

Thanks (a lot). ขอบใจ (มาก) Thank you for …………….. ขอบคุณสำหรับ Thank you for your present. ขอบคุณสำหรับของขวัญ Thank you for everything. ขอบคุณสำหรบั ทุกอยา่ ง Thank you for your help. ขอบคุณสำหรบั ความช่วยเหลอื ของคุณ ฯลฯ 2.2 Excuses & Apologies ศัพท์ภาษาอังกฤษท่ีมีความหมายว่าขอโทษยกโทษซึ่งความหมายของศัพท์แต่ละคำนั้นคล้ายคลึงกัน และใช้ในการขอโทษเหมือนกันแต่ต่างกันตรงโอกาสและสถานะของการใช้คำกริยา (Verb) ท่ีแปลว่าขอโทษคือ apologize ออกเสียงว่าอะพอ็ ลโลไจซที่ใช้คำน้เี พราะผู้ขอเกิดความสำนกึ และยอมรบั ว่าไดท้ ำได้ทำวามยุ่งยากหรือ ทำความเจ็บปวดให้กบั ผูอ้ น่ื เช่น I apologized to her for stepping on her foot. ฉันขอโทษทไ่ี ปเหยียบเทา้ เธอ I apologized to him for my error. ฉนั ขอโทษเขาท่ีฉันไดผ้ ิดพลาดอะไรไปบ้าง เวลาเราใช้คำว่า apologize ในการขอโทษเราจะใช้สำนวนประโยคทวี่ ่า I apologize to ............. (ผทู้ ่ีเราตอ้ งการขอโทษ) for .............. (v+ing...........(เรื่องท่เี ราทำผิด) หรอื apologize for ................. (เรอื่ งท่ีเราต้องการขอโทษ) เช่น คำกริยาต่อไปคือคำวา่ forgive ออกเสยี งวา่ ฟอกิฟวหมายความว่าใหอ้ ภัยหรือยกโทษให้กับผ้ทู ่ี ลว่ งเกนิ ตนเปน็ เหตุใหเ้ กิดอารมณเ์ คยี ดแค้นขึน้ ในใจและเมื่อมีการขอโทษและให้อภยั ก็จะได้สบายใจท้ังสองฝ่าย ฯลฯ 2.3 Special expressions (การใช้ภาษาในสถานการณต์ ่างๆที่จำเปน็ ) สำนวนภาษาอังกฤษท่ีนยิ มใช้กนั อยา่ งแพร่หลายในวาระพิเศษต่างๆ 1. In a social situation someone wishing to honor the event might raise their glassandmake an appropriate toast by saying………. ในงานสังคมงานเลีย้ งทม่ี ีการแสดงความยินดดี ้วยการด่ืมอาจจะยกแก้วเครอ่ื งดม่ื พรอ้ มกล่าววา่ To your health.เพือ่ สขุ ภาพ To your new job.ยินดกี ับการไดง้ านใหม่ To friendship.สำหรับมิตรภาพ To your bright future.เพ่ืออนาคตอนั สดใส Cheers. เปลง่ เสยี งไชโย ในกรณีมีบุคคลที่คุณปรารถนาจะอวยพรให้ประสบความสำเร็จเช่นอยากให้มีอนาคตที่ดีการสอบการ สมั ภาษณ์งานการประกวดตา่ งๆอาจจะใชส้ ำนวนอวยพรวา่ Good luck. โชคดีนะ ฯลฯ 19

5. กิจกรรมการเรยี นร้(ู สัปดาห์ท.ี่ ......3-4.........) กจิ กรรมการเรยี นรู้ Thanking ข้ันเตรียม 1. ครูขานชื่อผูเ้ รียนทักทายนักเรยี นและสงั เกตความพร้อม 2. ครทู บทวนเนื้อหา และสุ่มให้นักเรยี นออกมาทกั ทายเพ่อื นเป็นภาษาองั กฤษ ขน้ั นำเข้าสู่บทเรียน 3. ครใู หน้ ักเรียนทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยที่ 2 4. ครูตง้ั คำถามเพอื่ นำเขา้ สบู่ ทเรียนเร่อื ง Thanking ขัน้ เรียนรู้ 5. ครูอธบิ าย ถาม-ตอบในหัวข้อ Thankingand Excuses & Apologies 6. ครูใหน้ ักเรยี นฝกึ ปฏิบตั ิการขอบคณุ และขอโทษ 7. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั เฉลยแบบฝกึ ปฏิบตั ิ (Practice) ขัน้ สรุป 8. ครูและนกั เรียนร่วมสรปุ เน้อื หาสาระสำคัญในบทเรยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ Special expressions ขนั้ เตรียม 1. ครูขานชือ่ ผู้เรยี นทักทายนักเรียนและสังเกตความพร้อม 2. ครทู บทวนเน้อื หา และสุม่ ให้นักเรียนออกมาทกั ทายเปน็ ภาษาอังกฤษ ขน้ั นำเข้าสู่บทเรยี น 3. ครูตง้ั คำถามเพื่อนำเข้าสบู่ ทเรยี นเร่อื ง Special expressions ขั้นเรียนรู้ 4. ครอู ธบิ าย บรรยาย ถาม-ตอบในหัวข้อ Special expressions 5. ครูให้นกั เรียนฝกึ ปฏิบัตกิ ารใช้สำนวนภาษาตามสถานการณท์ ่กี ำหนด 6. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั เฉลยแบบฝกึ ปฏบิ ัติ Practice ขั้นสรุป 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมสรุปเน้ือหาสาระสำคัญในบทเรียน 8. นักเรียนทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 2 6. สื่อและแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรยี นวชิ าภาษาองั กฤษในชวี ิตจรงิ รหัส 20000–1201 หน่วยท่ี 2 2. บตั รคำศพั ทเ์ กย่ี วกับการขอบคุณ และการขอโทษ 3. วีซดี ีเว็บไซดเ์ พลงภาพยนตร์ 20

7. หลักฐานการเรียนรู้ 1. สงั เกตและประเมนิ พฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 2. ประเมินจากแบบประเมนิ ผลตนเอง ก่อนและหลงั เรยี น 3. ใบงาน (Work sheet) ทา้ ยบทท่ีมอบหมาย 4. ประเมนิ จากการทำกิจกรรมคู่ 5. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 6. ประเมนิ จากสอบปลายภาคเรียน 7. ผลการฝกึ ปฏิบตั ิ (Practice) 8. ผลการแสดงบทบาทสมมติเก่ียวกบั การขอบคุณและขอโทษ 8. การวัดและประเมินผล 8.1 เคร่ืองมอื ประเมิน ก่อนเรยี น 1) ใชส้ มุดบันทึกเวลาเรียนฯ ขานช่อื ผู้เรยี นและตรวจการตรงต่อเวลา 2) ทดสอบก่อนเรียน ขณะเรยี น 1) ใช้แบบสงั เกตพฤติกรรม สังเกตการตอบคำถาม ความสนใจใฝร่ ู้ ความรับผิดชอบตอ่ งานท่ี มอบหมาย การร่วมกจิ กรรม หลงั เรยี น 1) ทดสอบหลังเรยี น ใช้เกณฑ์ผา่ น 50 % 1.แบบทดสอบก่อนเรยี น 2.แบบประเมินคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยาม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 3. ผลการฝึกปฏบิ ตั ิ (Practice) 4. ผลการแสดงบทบาทสมมติเก่ียวกบั การขอบคณุ และขอโทษ 5. ผลการทำแบบทดสอบหลังเรียน (Posttest) ของผู้เรียน 8.2 เกณฑ์การประเมิน 1.แบบทดสอบก่อนเรียนไม่มีเกณฑ์ผ่าน ผสู้ อนจะเก็บคะแนนไว้เปรียบเทยี บกับคะแนนท่ีไดจ้ าก การ ทดสอบหลงั จากเรยี นจบแตล่ ะหนว่ ยเรยี น 2.แบบประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ คะแนนท่ีได้ ประเมินตาม สภาพจรงิ 21

การวิเคราะหต์ ามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตารางวิเคราะหจ์ ุดประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงค์การสอน ทางสายกลาง หนว่ ยท่ี 2 2 เงื่อนไข เรื่องSocial Language (2) ความรู้ คุณธรรม พอประมาณ3 ห่วง ีมเห ุตผล ีมภู ิม ุค้มกัน รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระ ัวง ซื่อสัต ์ยสุจริต ขยันอดทน ีมสติ ัปญญา แ ่บง ัปน รวม ลำ ัดบความสำ ัคญ 1. กลา่ วขอบคุณ (Thanking) โดยใชส้ ำนวน ภาษาตา่ งๆไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสมตาม           10 1 สถานการณ์ในชวี ิตจรงิ 2. กลา่ วคำขออภยั (Apologizing) ได้โดยใช้ สำนวนภาษาตา่ งๆอย่างเหมาะสมกับ   8 2 สถานการณ์ทเี่ กิดขน้ึ ในชีวติ จริง 3. ใชส้ ำนวนภาษาในโอกาสพิเศษต่างๆ (Special Expressions) ได้โดยใช้สำนวนภาษา   63 ต่างๆอย่างเหมาะสมกบั สถานการณ์ รวม 3 2 2 3 3 3 3 2 2 1 ลำดับความสำคัญ 1221111223 22

หนว่ ยท.่ี .......3........... แผนการจัดการเรยี นรู้ จำนวน.....4......ช่วั โมง สัปดาห์ท.่ี .......5-6......... วชิ า............................................ภาษาอังกฤษในชีวติ จรงิ รหัส 200ฟ00–1201.............................................. ชอ่ื หน่วย .............................. Social Language (3) ช่อื เรอ่ื ง............3.1 Requests 3.2 Invitations 3.3 Suggestions 1. สาระสำคัญ 1. การขอรอ้ ง (Requests) การขอร้องเป็นคำพดู ท่ีใชใ้ นการสนทนาเปน็ คำขอร้องให้อีกฝ่ายหน่ึงทำส่งิ หนึ่ง สิง่ ใดใหแ้ ละโต้ตอบทง้ั ในการตอบรับและปฏเิ สธ 2. การเชอ้ื เชญิ (Invitations) การเชือ้ เชญิ เป็นมารยาทอยา่ งหน่ึงบางครั้งจำเป็นต้องมีการเชญิ ใหไ้ ป รว่ มงานจึงจำเปน็ ต้องเรยี นรู้การใช้คำเชญิ การตอบรับคำเชิญและการปฏเิ สธคำเชิญ 3. การให้คำชักชวนชี้แนะแนะนำ (Suggestions) การใช้สำนวนชักชวนชี้แนะแนะนำขึ้นอยู่กับ สถานการณเ์ ช่นแนะนำเก่ียวกบั สถานท่ีและการเดินทางหรือคำแนะนำในการใชย้ าเป็นตน้ 23

2. สมรรถนะประจำหนว่ ยการเรียนรู้ 1. ใชส้ ำนวนขอรอ้ ง เชญิ ชักชวน ชี้แนะและแนะนำตามสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชวี ติ ประจำวนั 2. ใชภ้ าษาตามมารยามสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษาในสถานการณ์ต่าง ๆ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรแู้ ละทักษะ 1. ใช้สำนวนการขอร้อง (Requests) และโตต้ อบไดอ้ ย่างหลากหลายในสถานการณ์ต่างๆตามความ เหมาะสมในชวี ิตจรงิ 2. ใช้สำนวนเพ่ือการเชญิ (Invitations) และโต้ตอบได้อย่างหลากหลายในสถานการณ์ต่างๆตามความ เหมาะสมในชวี ิตจรงิ 3. ใช้สำนวนเพือ่ ใหค้ ำชักชวนช้แี นะแนะนำ (Suggestions) ด้วยสำนวนภาษาต่างๆอยา่ งเหมาะสมกับ สถานการณ์ ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง ตรงตอ่ เวลา มวี นิ ยั มคี วามรับผิดชอบ ละเอียดรอบคอบ ทำงานเรยี บร้อย สนใจใฝ่รู้ มีความซื่อสตั ย์ ขยนั หมน่ั เพียร ปฏิบตั ิตนในแนวทางทด่ี ี 4. สาระการเรียนรู้ เนอื้ หาสาระของหน่วยที่ 3 ดังน้ี 3.1 Requests การขอร้องเป็นอีกวิธีหนึ่งซ่ึงสามารถทำให้เราได้ในส่ิงท่ีต้องการโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขอร้องแบบ สุภาพการขอร้องแบบสุภาพในภาษาอังกฤษน้ันมีหลายสำนวนซึ่งน่าจดจำและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเพ่ือเป็น การเสรมิ สรา้ งทักษะของภาษาให้ดขี ้นึ และสวยงามอีกด้วยสำนวนทีใ่ ช้บ่อยและสุภาพ 1) Would/Do you mind…………? Use this to ask someone politely to do something for you or to let you do something. ใช้เพอื่ ขอร้องใครบางคนอย่างสภุ าพเพ่ือให้ใครคนน้ันทำบางส่งิ แก่คุณหรืออนุญาตให้คุณทำสิ่งท่ี คณุ ต้องการ I would like to ask you one question? หรอื Do you mind if I ask you one question? ฉันต้องการถามคุณหน่ึงคำถามคุณจะรงั เกียจไหม 2) Would/could you do me a favor? ฯลฯ 3.2 Invitations 24

การเชิญผู้หน่งึ ผู้ใดให้มารว่ มงานอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นถือเป็นมรรยาททางสงั คมและมีความจำเป็น อย่างยง่ิ ในการสนทนาประโยคท่ีใช้พูดในการเชื้อเชิญมีดังน้ี 1. I should like to invite you to have dinner at my home next week. ผมอยากจะเชญิ คุณไปรับประทานกลางเยน็ ท่ีบ้านผมสปั ดาห์หน้า 2. I should like to have you come to my birthday party this Saturday evening. ผมอยากเชิญคุณมารว่ มงานเล้ียงวนั เกิดของผมเย็นวันเสาร์น้ี 3. Would you like to go to the movies next Sunday? คณุ จะไปดหู นงั วนั อาทิตยห์ น้าไหมครบั 4. Won’t you come in and have a cup of tea? คุณจะไม่เขา้ มาทานชาสักดว้ ยก่อนหรือครบั 5. Will you be able to go to the rock concert with me tomorrow night? คณุ จะไปดูคอนเสริ ต์ เพลงร็อคกับผมคนื พร่งุ นไ้ี ดไ้ หมครับ ฯลฯ 3.3 Suggestions การให้ข้อเสนอแนะนั้นมีอยู่ 2 ลักษณะคือการให้ข้อเสนอแนะเม่ือถูกร้องขอและการให้ข้อเสนอแนะ เม่ือไม่ได้ถูกร้องขอรูปประโยคท่ีใช้สำหรับทั้งสองกรณีน้ีจะเหมือนกันทุกประการจะแตกต่างบ้างก็ในกรณีท่ีเราให้ ข้อเสนอแนะเมื่อไม่ได้ถูกร้องขอนั้นจะต้องเลือกใช้รูปประโยคและคำพูดให้ดีมิฉะนั้นแล้วผู้ฟังอาจคิดว่าเรากำลัง กา้ วกา่ ยเรอ่ื งของเขาหรือกำลังตำหนเิ ขาอยเู่ มื่อต้องการข้อเสนอแนะจากผู้อืน่ Do you have any (other) suggestions? Would you like/care to make any suggestions? ฯลฯ 5. กจิ กรรมการเรยี นรู้(สัปดาหท์ ่.ี .....5-6.........) กิจกรรมการเรียนรู้ Requests ขั้นเตรยี ม 1. ครขู านชอื่ ผู้เรยี นทกั ทายนักเรียนและสงั เกตความพร้อม 2. ครทู บทวนเนื้อหา และสมุ่ ใหน้ ักเรียนเล่าเหตุการณ์ท่เี พื่อนช่วยเหลอื และกลา่ วขอบคุณเป็น ภาษาองั กฤษ ข้นั นำเขา้ ส่บู ทเรียน 3. ครใู หน้ ักเรียนทดสอบก่อนเรยี น หน่วยที่ 3 4. ครูตั้งคำถามเพ่ือนำเขา้ สู่บทเรียนเร่ือง Requests ขนั้ เรยี นรู้ 25

5. ครูอธิบาย ถาม-ตอบในหัวขอ้ Requests and Invitations 6. ครูใหน้ ักเรียนฝกึ ปฏบิ ัติการขอรอ้ งและการเชิญ 7. ครูและนักเรียนรว่ มกันเฉลยแบบฝกึ ปฏบิ ัติ (Practice) ขั้นสรุป 8. ครูและนกั เรยี นรว่ มสรปุ เน้ือหาสาระสำคญั ในบทเรยี น กจิ กรรมการเรยี นรู้ Suggestions ขั้นเตรยี ม 1. ครูขานช่ือผู้เรียนทกั ทายนักเรยี นและสงั เกตความพร้อม 2. ครทู บทวนเนอื้ หา และสมุ่ ใหน้ กั เรียนออกมาเชญิ เพ่ือน 1 คน มาสนทนาเปน็ ภาษาอังกฤษหนา้ ชั้นเรียน ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรยี น 3. ครูตง้ั คำถามเพื่อนำเข้าสู่บทเรียนเรือ่ ง Suggestions ขั้นเรียนรู้ 4. ครูอธิบาย บรรยาย ถาม-ตอบในหวั ข้อ Suggestions 5. ครใู หน้ ักเรียนฝกึ ปฏบิ ตั ิการให้ขอ้ เสนอแนะตามสถานการณท์ ก่ี ำหนด 6. ครสู ุม่ ใหน้ ักเรียนมาเล่าเหตกุ ารณต์ ามทีม่ อบหมาย ข้ันสรปุ 7. ครูและนกั เรยี นร่วมสรปุ เนื้อหาสาระสำคัญในบทเรยี น 8. นักเรยี นทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยที่ 3 6. สื่อและแหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี นวชิ าภาษาองั กฤษในชวี ติ จริงรหัส 20000–1201 หนว่ ยที่ 3 2. บัตรคำศพั ทเ์ กี่ยวกับการขอรอ้ ง การเชิญ และการใหข้ ้อเสนอแนะ 3. วีซดี เี ว็บไซดเ์ พลงภาพยนตร์ 7. หลกั ฐานการเรยี นรู้ 1. สังเกตและประเมินพฤติกรรมด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2. ประเมินจากแบบประเมินผลตนเอง ก่อนและหลังเรยี น 3. ใบงาน (Work sheet) ท้ายบททมี่ อบหมาย 4. ประเมินจากการทำกิจกรรมคู่ 5. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 6. ประเมนิ จากสอบปลายภาคเรยี น 7. ผลการฝกึ ปฏบิ ัติ (Practice) 26

8. ผลการแสดงบทบาทสมมติเก่ียวกบั การขอร้อง การเชญิ การใหข้ ้อเสนอแนะ 9. ผลการศกึ ษาค้นคว้าด้วยตนเอง(Self studying)และงานท่มี อบหมาย 8. การวัดและประเมินผล 8.1 เครือ่ งมอื ประเมนิ กอ่ นเรยี น 1) ใช้สมดุ บันทึกเวลาเรยี นฯ ขานช่ือผ้เู รียนและตรวจการตรงต่อเวลา 2) ทดสอบกอ่ นเรียน ขณะเรยี น 1) ใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรม สงั เกตการตอบคำถาม ความสนใจใฝร่ ู้ ความรับผดิ ชอบ ต่องานทีม่ อบหมาย การร่วมกจิ กรรม หลังเรยี น 1) ทดสอบหลงั เรียน ใช้เกณฑ์ผา่ น 50 % 8.2 เกณฑ์การประเมิน 1.แบบทดสอบกอ่ นเรยี นไม่มีเกณฑ์ผา่ น ผู้สอนจะเก็บคะแนนไวเ้ ปรียบเทียบกับคะแนนท่ีได้จาก การ ทดสอบหลังจากเรียนจบแต่ละหน่วยเรียน 2.แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนที่ได้ ประเมนิ ตาม สภาพจริง 27

การวเิ คราะหต์ ามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตารางวิเคราะห์จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ โดยบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จุดประสงค์การสอน ทางสายกลาง หนว่ ยท่ี 3 2 เงอื่ นไข เร่อื งSocial Language (3) ความรู้ คุณธรรม 3 ห่วงพอประมาณ ีมเห ุตผล ีมภู ิมคุ้มกัน รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระ ัวง ่ืซอสัตย์สุจริต ขยันอดทน ีมสติปัญญา แบ่งปัน รวม ลำ ัดบความสำคัญ 1. ใชส้ ำนวนการขอรอ้ ง (Requests) และ โตต้ อบได้อยา่ งหลากหลายในสถานการณต์ ่างๆ    9 2 ตามความเหมาะสมในชีวิตจรงิ 2. ใชส้ ำนวนเพื่อการเชิญ (Invitations) และ โต้ตอบได้อยา่ งหลากหลายในสถานการณ์ต่างๆ         8 3 ตามความเหมาะสมในชีวิตจริง 3. ใช้สำนวนเพอ่ื ใหค้ ำชักชวนช้แี นะแนะนำ (Suggestions) ด้วยสำนวนภาษาตา่ งๆอยา่ ง   64 เหมาะสมกับสถานการณ์ รวม 3 2 1 3 3 3 3 2 2 1 ลำดบั ความสำคญั 1231111223 28

หนว่ ยท.ี่ .......4........... แผนการจดั การเรียนรู้ จำนวน.....4......ช่ัวโมง สปั ดาห์ท.่ี ........7-8......... วิชา..............................................ภาษาองั กฤษในชีวติ จริงรหัส 20000–1201....................................... ชอื่ หน่วย ..........................Expressing an Opinion …………. ช่ือเรอื่ ง............4.1 Expressing an opinion 4.2 Agreement-Disagreements 1. สาระสำคญั 1. การแสดงความคิดเห็น (Expressing an opinion) อาจเปน็ การแสดงความคดิ เห็นฝ่ายเดียวให้ฝ่ายตรง ข้ามรบั ทราบหรือเป็นการแลกเปล่ียนความคิดเหน็ ซึ่งกนั และกนั ได้ 2. การเห็นด้วยและการไม่เห็นด้วย (Agreement-Disagreements) การแสดงความเห็นด้วยและไม่เห็น ด้วยใชใ้ นการสนทนาจึงตอ้ งมคี วามระมัดระวังในการคยุ เร่ืองเก่ียวกับการเมอื งศาสนาและสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ 2. สมรรถนะประจำหนว่ ยการเรยี นรู้ สนทนาโตต้ อบตามจุดประสงค์ของการสื่อสารตามสถานการณต์ า่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวัน 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรแู้ ละทกั ษะ 1. ใชค้ ำถามความคดิ เห็นจากบคุ คล 2. สนทนาโตต้ อบเก่ียวกับความคดิ เห็นในสถานการณ์ตา่ งๆและกาลเทศะ 3. ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้การสนทนาในชีวติ ประจำวนั ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพยี ง ตรงต่อเวลา มวี นิ ยั มีความรับผิดชอบ ละเอยี ดรอบคอบ ทำงานเรียบรอ้ ย สนใจใฝ่รู้ มคี วามซ่ือสตั ย์ ขยันหมัน่ เพียร ปฏบิ ัติตนในแนวทางที่ดี 29

4. สาระการเรยี นรู้ เนอื้ หาสาระของหนว่ ยท่ี 4 ดังนี้ 4.1 Expressing an opinion Asking for opinion คือการถามความคิดเห็นทัศนคตจิ ากคูส่ นทนาโดยปกตแิ ล้วประโยคทีม่ ักพบ บอ่ ยๆในชวี ิตประจำวนั มีดังต่อไปน้ี Do you have any (good) ideas? เธอมคี วามคิดอะไร (ดีๆ) ไหม What do you think? คุณคิดว่าไง What are your ideas? คุณมคี วามคิดวา่ ไง How do you feel about that? คุณรู้สกึ ยังไงกบั สงิ่ นั้น What’s your opinion? คณุ มคี วามคดิ เห็นยังไง เราอาจใชส้ ำนวนในการแสดงความคิดเหน็ อ่นื ๆไดอ้ ีกเช่น ฯลฯ 4.2 Agreement-Disagreements Expressions for Agreeing and Disagreeing. • If you want my honest Stating an opinion opinion.... • According to Lisa... • As far as I’m concerned... • If you ask me... 5. กิจกรรมการเรยี นร(ู้ สัปดาหท์ ี.่ ........7- 8.........) กิจกรรมการเรยี นรู้ Expressing an opinion ข้นั เตรียม 1. ครูขานชื่อผูเ้ รยี นทกั ทายนักเรยี นและสังเกตความพร้อม 2. ครูทบทวนเนือ้ หา และสมุ่ ให้นักเรียนออกมาเชญิ เพ่ือน 1 คน มาสนทนาเปน็ ภาษาอังกฤษหน้า ช้ันเรียน ข้นั นำเขา้ สู่บทเรยี น 3. ครใู หน้ กั เรยี นทดสอบก่อนเรยี น หนว่ ยที่ 4 4. ครูตั้งคำถามเพื่อนำเข้าสู่บทเรียนเรอ่ื งExpressing an opinion ขน้ั เรยี นรู้ 5. ครูอธบิ าย บรรยาย ถาม-ตอบในหวั ข้อ Expressing an opinion 6. ครใู หน้ กั เรยี นฝึกปฏิบตั ิบทบาทสมมตกิ ารแสดงความคดิ เห็นตามสถานการณท์ ่ีกำหนด 7. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันเฉลยแบบฝกึ ปฏิบตั ิ (Practice) ขัน้ สรปุ 30

8. ครูและนกั เรยี นร่วมสรปุ เนื้อหาสาระสำคัญในบทเรยี น กจิ กรรมการเรยี นรู้ Agreement–Disagreements ขน้ั เตรียม 1. ครขู านชอื่ ผู้เรียนทักทายนักเรยี นและสังเกตความพร้อม 2. ครทู บทวนเนอื้ หา และสุ่มให้นกั เรียนเลา่ เหตกุ ารณท์ เ่ี พอ่ื นช่วยเหลือและกล่าวขอบคณุ ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 3. ครตู ้ังคำถามเพื่อนำเข้าสบู่ ทเรียนเรอ่ื ง Agreement–Disagreements ขน้ั เรียนรู้ 4. ครูอธิบาย ถาม-ตอบในหัวขอ้ Agreement–Disagreements 5. ครูให้นักเรียนฝึกปฏบิ ตั ิการแสดงความคดิ เห็นตามสถานการณท์ ีก่ ำหนด 6. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั เฉลยแบบฝกึ ปฏบิ ัติ (Practice) ข้ันสรปุ 7. ครแู ละนักเรียนร่วมสรปุ เนื้อหาสาระสำคัญในบทเรยี น 8. นักเรียนทดสอบหลังเรยี นหน่วยท่ี 4 6. สอื่ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สือเรียนวชิ าภาษาอังกฤษในชีวติ จริงรหัส 20000–1201 หน่วยที่ 4 2. วซี ีดีเวบ็ ไซด์เพลงภาพยนตร์ 7. หลกั ฐานการเรยี นรู้ 1. สังเกตและประเมนิ พฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 2. ประเมินจากแบบประเมินผลตนเอง ก่อนและหลังเรียน 3. ใบงาน (Work sheet) ท้ายบททีม่ อบหมาย 4. ประเมนิ จากการทำกจิ กรรมคู่ 5. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม 6. ประเมนิ จากสอบปลายภาคเรียน 7. ผลการฝกึ ปฏบิ ัติ (Practice) 8. ผลการแสดงบทบาทสมมติเก่ยี วกบั การแสดงความคดิ เห็น 9. ผลการศกึ ษาค้นควา้ ด้วยตนเอง(Self studying)และงานที่มอบหมาย 8. การวัดและประเมินผล 8.1 เครอ่ื งมอื ประเมนิ ก่อนเรยี น 1) ใชส้ มดุ บันทึกเวลาเรยี นฯ ขานชือ่ ผู้เรียนและตรวจการตรงต่อเวลา 2) ทดสอบก่อนเรยี น 31

ขณะเรยี น 1) ใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรม สังเกตการตอบคำถาม ความสนใจใฝร่ ู้ ความ รบั ผดิ ชอบ หลงั เรยี น ตอ่ งานท่ีมอบหมาย การรว่ มกิจกรรม 1) กลา่ วแสดงความคดิ เหน็ เป็นภาษาอังกฤษ 2) ทดสอบหลงั เรียน ใช้เกณฑ์ผ่าน 50 % 8.2 เกณฑก์ ารประเมนิ 1.แบบทดสอบก่อนเรยี นไม่มเี กณฑ์ผา่ น ผสู้ อนจะเก็บคะแนนไวเ้ ปรียบเทยี บกบั คะแนนท่ีไดจ้ าก การ ทดสอบหลงั จากเรยี นจบแต่ละหน่วยเรียน 3.แบบประเมินคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนที่ได้ ประเมนิ ตาม สภาพจรงิ การวิเคราะห์ตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ตารางวิเคราะหจ์ ุดประสงค์การเรียนรู้ โดยบูรณาการหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จุดประสงค์การสอน ทางสายกลาง หน่วยที่ 4 2 เง่อื นไข เรื่องExpressing an Opinion ความรู้ คุณธรรม 3 ห่วงพอประมาณ ีมเห ุตผล มีภู ิม ุค้ม ักน รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระ ัวง ซื่อสัต ์ยสุจริต ขยันอดทน ีมสติ ัปญญา แ ่บง ัปน รวม ลำ ัดบความสำ ัคญ 1. ใช้คำถามความคิดเหน็ จากบุคคล    8 1   81 2.สนทนาโตต้ อบเกย่ี วกับความคิดเห็นใน สถานการณต์ ่างๆและกาลเทศะ 32

3. ประยุกต์ใช้ความรู้การสนทนาใน   6 2 ชีวติ ประจำวนั 3 2 22 3 3 3 1 2 1 รวม 1222111323 ลำดบั ความสำคญั หนว่ ยท.่ี .......5........... แผนการจดั การเรียนรู้ จำนวน.....4......ชว่ั โมง สัปดาหท์ .่ี ...........9-10........... วิชา..............................................ภาษาอังกฤษในชวี ติ จรงิ รหัส 20000–1201................................................ ชอ่ื หนว่ ย ..........................Describing People……………………….. ชอ่ื เรื่อง............5.1 Describing Appearance 5.2 Describing Character ……….…….. 33

1. สาระสำคัญ 1. การอธิบายบอกรูปร่างลักษณะภายนอก (Describing Appearance) เราสามารถพิจารณาได้จากผม ใบหน้าสผี ิวรปู รา่ งความสูงน้ำหนักเป็นต้น 2. การอธบิ ายบอกลกั ษณะอุปนิสัยในคอ (Describing Character) ลกั ษณะนิสัยของแต่ละบคุ คลอาจต้อง พิจารณาจากโดยสว่ นรวมวา่ เปน็ เชงิ บวกหรือเชงิ ลบท้ังรปู ร่างลักษณะภายนอกรวมกับอุปนิสัยใจคอเรียกวา่ บุคลิกภาพ (Personality) ซ่ึงเปน็ ลกั ษณะเฉพาะของแต่ละบคุ คลเท่านนั้ 2. สมรรถนะประจำหนว่ ยการเรียนรู้ 1. เขยี นให้ข้อมลู เกีย่ วกับบุคคลในชีวติ ประจำวนั 2. ใชภ้ าษาตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาในสถานการณต์ า่ ง ๆ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ดา้ นความรู้และทักษะ 1. บอกลกั ษณะบคุ คลเชน่ ทรงผมใบหน้าสผี ิวรปู รา่ งความสูงน้ำหนกั ตลอดจนลักษณะนสิ ัย 2. เขียนอธิบายลกั ษณะของบคุ คลท้ังทางกายภาพและลักษณะนิสัย ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง ตรงต่อเวลา มีวินยั มคี วามรับผดิ ชอบ ละเอยี ดรอบคอบ ทำงานเรยี บร้อย สนใจใฝ่รู้ มีความซื่อสตั ย์ ขยันหมนั่ เพียร ปฏิบัติตนในแนวทางท่ีดี 4. สาระการเรยี นรู้ เนอ้ื หาสาระของหนว่ ยที่ 5 ดังน้ี 5.1 Describing Appearance การอธิบายบอกลักษณะของบุคคล (Describing People) โดยกว้างๆมี 2 แบบคือการอธิบายบอก รูปร่างลักษณะภายนอก (Describing Appearance) และการอธิบายบอกลักษณะอุปนิสัยใจคอ (Describing Character) He has grey receding hair and is wearing glasses. He has a wrinkly face with a beard and a moustache. การอธิบายบอกลักษณะของบคุ คล wrinkle (รอยย่น) bald (หัวลา้ น) cross eye (ตาเหล่) ฯลฯ 5.2 Describing Character Positive 34

He / she is warm, friendly, kind, nice, generous, optimistic, honest, cheerful, relaxed, easygoing, strong, sensitive, polite thoughtful, considerate, sweet, interesting, sincere, good-tempered. He / She is cold, unfriendly, unkind, mean, horrible, unpleasant, tingly, pessimistic, miserable, grumpy, tense, weak, insensitive, dishonest, evil, cruel, boring, annoying, insincere, bad- tempered, selfish. Negative He / She is cold, unfriendly, unkind, mean, horrible, unpleasant, tingy, pessimistic, miserable, grumpy, tense, weak, insensitive, dishonest, evil, cruel, boring, annoying, insincere, bad-tempered, selfish. 5. กจิ กรรมการเรียนร้(ู สัปดาห์ท่.ี ......9-10.........) กิจกรรมการเรยี นรู้ Describing Appearance ขัน้ เตรียม 1. ครูขานชอื่ ผู้เรยี นทกั ทายนักเรียนและสงั เกตความพร้อม 2. ครทู บทวนเนือ้ หา และส่มุ ใหน้ ักเรียนออกมาเชิญเพื่อน 1 คน มาสนทนาเปน็ ภาษาอังกฤษ ขน้ั นำเข้าสูบ่ ทเรียน 3. นักเรยี นทดสอบกอ่ นเรียนหน่วยท่ี 5 4. ครตู ั้งคำถามเพ่ือนำเข้าสูบ่ ทเรียนเรอ่ื งDescribing Appearance ขั้นเรียนรู้ 5. ครูอธบิ าย บรรยาย ถาม-ตอบในหวั ข้อ Describing Appearance 6. ครูให้นกั เรียนฝึกปฏบิ ตั ิบอกลักษณะของเพ่ือน เช่น ทรงผม สผี ิว ฯลฯ 7. ครูและนกั เรียนร่วมกนั เฉลยแบบฝกึ ปฏิบัติ Practice ขน้ั สรปุ 8. ครแู ละนกั เรยี นร่วมสรุปเนื้อหาสาระสำคัญในบทเรียน กิจกรรมการเรียนรู้ Describing Character ขน้ั เตรยี ม 1. ครูขานชื่อผู้เรยี นทักทายนักเรยี นและสังเกตความพร้อม 2. ครูทบทวนเน้อื หา และสุม่ ให้นกั เรยี นมาบอกลักษณะของตนเองเป็นภาษาอังกฤษ ขน้ั นำเข้าสูบ่ ทเรียน 3. ครูตง้ั คำถามเพ่ือนำเขา้ สู่บทเรียนเรื่อง Describing Character ขน้ั เรียนรู้ 35

4. ครูอธบิ าย บรรยาย สาธิต ถาม-ตอบในหัวข้อ Describing Character 5. ครใู หน้ กั เรียนฝึกปฏบิ ตั ิเขยี นบอกลกั ษณะบคุ คลและนสิ ยั 6. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยแบบฝึกปฏบิ ตั ิ (Practice) ขัน้ สรุป 7. ครูและนักเรยี นร่วมสรปุ เนื้อหาสาระสำคัญในบทเรียน 8. นักเรียนทดสอบหลงั เรียนหนว่ ยท่ี 5 6. ส่อื และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรียนวิชาภาษาองั กฤษในชีวิตจริงรหัส 20000–1201 หน่วยท่ี 5 2. วีซีดเี ว็บไซดเ์ พลงภาพยนตร์ 7. หลักฐานการเรยี นรู้ 1. สังเกตและประเมนิ พฤติกรรมดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 2. ประเมนิ จากแบบประเมินผลตนเอง กอ่ นและหลงั เรยี น 3. ใบงาน (Work sheet) ท้ายบทที่มอบหมาย 4. ประเมนิ จากการทำกจิ กรรมคู่ 5. สังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 6. ประเมนิ จากสอบปลายภาคเรยี น 7. ผลการฝึกปฏบิ ัติ (Practice) 8. ผลการบอกลกั ษณะของตนเองและลกั ษณะนสิ ัย 9. ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ ดว้ ยตนเอง(Self studying)และงานทมี่ อบหมาย 8. การวัดและประเมนิ ผล 8.1 เครื่องมอื ประเมนิ กอ่ นเรยี น 1) ใชส้ มดุ บันทึกเวลาเรียนฯ ขานช่อื ผู้เรียนและตรวจการตรงต่อเวลา 2) ทดสอบก่อนเรยี น ขณะเรยี น 1) ใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรม สังเกตการตอบคำถาม ความสนใจใฝร่ ู้ ความรับผิดชอบ ต่องานที่มอบหมาย การรว่ มกิจกรรม หลงั เรยี น 1) ทดสอบหลังเรียน ใชเ้ กณฑ์ผ่าน 50 % 8.2 เกณฑ์การประเมิน 1.แบบทดสอบก่อนเรียนไม่มีเกณฑ์ผา่ น ผูส้ อนจะเกบ็ คะแนนไว้เปรียบเทยี บกบั คะแนนที่ได้จาก การ ทดสอบหลงั จากเรียนจบแตล่ ะหน่วยเรยี น 36

2.แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนท่ีได้ ประเมนิ ตาม สภาพจริง การวเิ คราะหต์ ามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตารางวเิ คราะห์จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง จุดประสงค์การสอน ทางสายกลาง หนว่ ยท่ี 5 2 เงอ่ื นไข เรอื่ งDescribing People ความรู้ คณุ ธรรม 3 ห่วงพอประมาณ ีมเห ุตผล ีมภู ิม ุค้มกัน รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระ ัวง ซื่อสัต ์ยสุจริต ขยันอดทน ีมสติ ัปญญา แ ่บง ัปน รวม ลำ ัดบความสำ ัคญ 1. บอกลกั ษณะบคุ คลเชน่ ทรงผมใบหนา้ สผี ิว           10 1 รูปรา่ งความสงู น้ำหนักตลอดจนลกั ษณะนสิ ัย 2. เขยี นอธิบายลกั ษณะของบุคคลทัง้ ทาง   8 2 กายภาพและลักษณะนิสยั 2 2 22 2 2 2 1 2 1 1111111212 รวม ลำดบั ความสำคญั 37

หนว่ ยท่.ี ......6........... แผนการจดั การเรียนรู้ จำนวน.....6......ชัว่ โมง สปั ดาหท์ ี่............11-13 ................. วชิ า.................................... ภาษาองั กฤษในชีวติ จริงรหัส 20000–1201 ........................................................... ช่อื หนว่ ย ..........................Numbers …………………………………….. ช่ือเร่อื ง............6.1 Telling the Time 6.2 Telling the Date 6.3 Ordinal Numbers 6.4 Cardinal Numbers 1. สาระสำคญั 1. ตัวเลขบอกลำดับที่ (Ordinal Number) ใช้บอกลำดับท่ีวันท่ีส่วนใหญ่ได้จากการเติม “th” ท้ายเลข บอกจำนวนยกเวน้ เลขทล่ี งทา้ ยด้วย 1st 2nd 3rd 2. ตัวเลขบอกจำนวน (Cardinal Number) ใชบ้ อกจำนวนเวลาหมายเลขโทรศพั ทเ์ ป็นตน้ 2.1 สำหรับเลข 11 (Eleven) เลข 12 (Twelve) ใช้แตกต่างจากตัวเลขอื่นตั้งแต่ 13-19 ซ่ึงลงท้าย ด้วย Teen แปลว่าสิบถ้าใช้ 10 เฉยๆจะใช้ Teen ไม่ได้ต้องใช้คำว่า Ten และเลข 20 ใช้คำว่า Twenty 30 ใช้ Thirty 50 ใช้ Fifty 2.2 การอ่านเลขจำนวนเต็มนิยมใช้ “One” นำหน้ามากกว่า a และใช้ and ก่อนเลขจำนวนสุดท้าย คำต่อไปนี้ Hundred, Thousand, Million ไม่เติม s เชน่ 38

101 = One hundred and one. 2,360 = Two thousand, three hundred and sixty. 2.3 การอา่ นเวลาวนั ที่เศษส่วนทศนิยมเปอร์เซน็ ต์การคำนวณรวมท้งั การบอกเบอรโ์ ทรศัพท์ ยอ่ มมีวธิ ีการทีแ่ ตกตา่ งกนั 2. สมรรถนะประจำหน่วยการเรยี นรู้ อ่านและเขียนตวั เลขเกย่ี วกบั เวลา วนั เดอื นปีและเลขลำดบั เพื่อการสอื่ สาร 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ด้านความรแู้ ละทักษะ 1. ใช้ตัวเลขเพ่อื ส่อื สารโดยเขียน อ่านเกี่ยวกบั เวลาและวันเดอื นปี 2. ใช้ตวั เลขเพ่ือสอ่ื สารโดยฟังพดู เก่ยี วกบั เวลาวันเดอื นปแี ละเลขลำดับ ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง ตรงต่อเวลา มีวนิ ัย มคี วามรบั ผดิ ชอบ ละเอียดรอบคอบ ทำงานเรยี บรอ้ ย สนใจใฝร่ ู้ มีความซ่อื สัตย์ ขยนั หมัน่ เพียร ปฏบิ ตั ิตนในแนวทางทีด่ ี 4. สาระการเรียนรู้ เน้อื หาสาระของหนว่ ยท่ี 6 ดังน้ี 6.1 Telling the Time เป็นส่งิ จำเป็นที่เราใช้กนั เสมอในชีวติ ประจำวันเชน่ การบอกเวลาวันท่รี าคาท่อี ยู่เบอร์โทรศพั ท์ เปอร์เซน็ ต์ทศนิยมหรือสถิติต่างๆเป็นตน้ การบอกเวลานนั้ มสี อบแบบคือการบอกเวลาตาม clock นาฬกิ าและตามนาฬิกา digital การบอก เวลาตาม clock นาฬกิ านน้ั จะซับซ้อนนิดหน่อยเนื่องจากว่าเราตอ้ งจำวา่ 1. เม่ือใดท่เี ขม็ ยาวเลยเลข 12 แลว้ เรยี กว่า “past” ถา้ หลงั จากเลข 6 เปน็ ต้นไปเรียกวา่ “to” 2. 15 นาทเี รยี กว่า “a quarter” 3. ครึ่งชั่วโมงหรอื 30 นาทีเรียกว่า half (an hour) การบอกเวลาตามนาฬิกา Digital นน้ั งา่ ยมากโดยบอกตามตัวเลขที่เราเห็น 6.2 Telling the Date ในการบอกวันที่ต้องบอกแบบลำดบั ทแี่ ละการบอกปคี .ศ. นน้ั นิยมบอกแบบเปน็ คู่คอื คหู่ น้าและคหู่ ลงั ดงั ตัวอย่างข้างลา่ งนี้ 22 nd August อา่ นว่า The twenty-second of August หรือ August (T=the) twenty-second 14 th march อ่านวา่ the fourteenth of March 39

หรือ March (the) fourteenth การอา่ นปีค.ศ. 1908 อ่านวา่ nineteen oh eight หรือ nineteen zero eight 2030 อ่านวา่ two thousand (and) thirty หรือ twenty thirty 6.3 Ordinal Numbers การบอกลำดบั ทนี่ ้นั ทำไดด้ ังน้ี ลำดบั ท่ีหนง่ึ หรอื ท่ีลงท้ายดว้ ยท่หี นง่ึ นน้ั มักลงทา้ ยด้วย First (1), twenty-first (21), thirty-first (31) ลำดับทสี่ องหรือที่ลงทา้ ยด้วยทส่ี องน้นั มักลงทา้ ยดว้ ย second (2), twenty-second (22), thirty-second (32) ลำดบั ทีส่ ามหรือทล่ี งท้ายด้วยที่สามน้นั มักลงท้ายด้วย third (3), twenty-third (23), thirty-third (33) ลำดับที่เหลือลงทา้ ยด้วย–thเช่น fourth, sixth, tenth, eleventh, thirteenth สำหรบั ลำดับทลี่ งท้ายดว้ ย–tyตอ้ งเปล่ยี น y เป็นie + thเชน่ twentieth, thirtieth, fortieth 6.4 Cardinal Numbers การบอกค่าของเลขประจำหลักในภาษาองั กฤษน้นั มจี ำนวนหลักไมค่ รบเหมือนภาษาไทยคือไม่มหี ลัก หมื่นและหลักแสนต้องใชห้ ลกั สบิ และหลกั พนั มารวมกนั จงึ จะเป็นหลักหม่ืนเช่น หา้ หมนื่ คือห้าสบิ พัน 50,000 = fifty thousand ส่วนหลกั แสนคือหลักร้อยรวมกบั หลักพันเชน่ ห้าแสนคอื หา้ ร้อยพัน 500,000 = five hundred thousand เป็นตน้ 5. กจิ กรรมการเรียนรู(้ สัปดาห์ท.ี่ ......11-13.........) กจิ กรรมการเรยี นรู้ Telling the Time ข้นั เตรียม 1. ครขู านชอ่ื ผ้เู รียนทักทายนักเรยี นและสังเกตความพร้อม 2. ครูทบทวนเน้อื หา และสุ่มใหน้ ักเรียนออกมาบอกเวลาเป็นภาษาอังกฤษหน้าชนั้ เรียน ข้นั นำเขา้ สูบ่ ทเรยี น 3. ทดสอบก่อนเรียนหน่วยท่ี 6 4. ครตู งั้ คำถามเพื่อนำเข้าสู่บทเรยี นเรอื่ งTelling the Time ขั้นเรยี นรู้ 5. ครอู ธบิ าย บรรยาย ถาม-ตอบในหัวข้อ Telling the Time&Telling the Date 6. ครใู หน้ ักเรียนฝกึ ปฏบิ ัติบอกเวลาและใหท้ ำแบบฝึก 7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั เฉลยแบบฝึกปฏิบัติ (Practice) ขนั้ สรุป 8. ครูและนักเรียนร่วมสรปุ เน้ือหาสาระสำคัญในบทเรียน กจิ กรรมการเรยี นรู้ Describing Character 40

ขนั้ เตรียม 1. ครูขานชื่อผู้เรยี นทกั ทายนักเรยี นและสังเกตความพร้อม 2. ครูทบทวนเน้ือหา และส่มุ ให้นักเรียนมาบอกลกั ษณะเวลาเปน็ ภาษาอังกฤษ ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรียน 3. ครูต้งั คำถามเพื่อนำเข้าสู่บทเรียนเรื่อง Describing Character ข้ันเรยี นรู้ 4. ครูอธบิ าย บรรยาย สาธิต ถาม-ตอบในหัวข้อ Describing Character 5. ครูให้นักเรียนฝึกปฏิบตั พิ ดู -เขยี นบอกเวลา และใหท้ ำแบบฝกึ 6. ครูและนักเรยี นรว่ มกันเฉลยแบบฝกึ ปฏิบัติ (Practice) ขั้นสรุป 8. ครูและนกั เรียนร่วมสรปุ เนื้อหาสาระสำคัญในบทเรยี น 9. นักเรยี นทดสอบหลังเรียนหน่วยท่ี 6 6. ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี นวิชาภาษาองั กฤษในชวี ติ จริงรหสั 20000–1201 หนว่ ยท่ี 6 2. แบบทดสอบ 3. วีซีดีเว็บไซดเ์ พลงภาพยนตร์ 7. หลักฐานการเรยี นรู้ 1. สงั เกตและประเมินพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 2. ประเมินจากแบบประเมนิ ผลตนเอง กอ่ นและหลงั เรียน 3. ใบงาน (Work sheet) ท้ายบททีม่ อบหมาย 4. ประเมินจากการทำกจิ กรรมคู่ 5. สงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ 6. ประเมนิ จากสอบปลายภาคเรยี น 7. ผลการฝึกปฏบิ ัติ (Practice) 8. ผลการบอกและเขยี นเวลาตามสถานการณ์ที่กำหนด 9. ผลการศึกษาค้นควา้ ดว้ ยตนเอง(Self studying)และงานท่ีมอบหมาย 8. การวดั และประเมินผล 8.1 เครื่องมือประเมนิ ก่อนเรยี น 1) ใชส้ มุดบนั ทึกเวลาเรียนฯ ขานช่อื ผเู้ รียนและตรวจการตรงต่อเวลา 2) ทดสอบก่อนเรยี น ขณะเรียน 1) ใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรม สงั เกตการตอบคำถาม ความสนใจใฝร่ ู้ ความรับผิดชอบ ต่องานท่มี อบหมาย การรว่ มกจิ กรรม หลงั เรียน 1) ทดสอบหลงั เรียน ใชเ้ กณฑ์ผ่าน 50 % 8.2 เกณฑก์ ารประเมนิ 1.แบบทดสอบก่อนเรียนไม่มีเกณฑผ์ า่ น ผู้สอนจะเกบ็ คะแนนไวเ้ ปรียบเทียบกับคะแนนที่ไดจ้ าก การ ทดสอบหลงั จากเรียนจบแต่ละหน่วยเรียน 2.แบบประเมนิ คุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนท่ีได้ ประเมินตาม สภาพจรงิ การวเิ คราะหต์ ามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ตารางวเิ คราะห์จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ โดยบรู ณาการหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง จดุ ประสงค์การสอน ทางสายกลาง หน่วยที่ 8 2 เงอื่ นไข เรอื่ งHolidays & Festivals ความรู้ คุณธรรม 3 ห่วงพอประมาณ ีมเห ุตผล ีมภูมิ ุ้คมกัน รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระ ัวง ซื่อสัต ์ยสุจริต ขยันอดทน ีมสติ ัปญญา แ ่บง ัปน รวม ลำ ัดบความสำ ัคญ 1. อธิบายเก่ยี วกับวนั หยุดตามนกั ขัตฤกษ์           10 1 ประจำปีตา่ งๆ   8 2 2. อธิบายเกีย่ วกับงานรนื่ เริงตามเทศกาลต่างๆ    6 3 3. เปรยี บเทียบการแสดงออกเกี่ยวกบั ขนบธรรมเนยี มประเพณีของเจา้ ของภาษา 50