Pine bark extract ม ขายท ว ตส นม ย

ในยุคปัจจุบันผู้หญิงส่วนใหญ่ให้ความสนใจด้านความงานเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเรื่องผิว ผู้หญิงไทยหลายๆคนมีความไม่พึงพอใจกับการที่เกิดมามีผิวพรรณที่สีเข้ม คล้ำ ดำ หรือไม่กระจ่างใสจึงค้นหาวิธีการต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ผิวพรรณของตนเองนั้นขาวใส ตัวเลือกที่เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดในยุคปัจจุบันนี้คือการรับประทานหรือการฉีดกลูตาไธโอนเข้าสู่ร่างกาย ทำให้มีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อผิวขาวออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งสารที่ได้รับความนิยมมากได้แก่ กลูต้าไธโอน ในวงการของอาหารเสริม มีการนำสารกลูต้าไธโอนมาทำเป็นยาเม็ด แคปซูล และทำเป็น อาหารเสริมเจลลี่ อาหารเสริมกัมมี่ เพื่อใช้ในการรับประทานเป็นอาหารเสริม โดยหวังผลว่าประโยชน์ของกลูต้าไธโอนจะสามารถเสริมและทดแทนปริมาณกลูต้าไธโอนที่ร่างกายมีไม่พอบกพร่องไป อันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ

Pine bark extract ม ขายท ว ตส นม ย

กลูต้าไธโอน (Glutathione) คืออะไร มาทำความรู้จักกัน

กลูต้าไธโอน (Glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เซลในร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ได้เองจากอาหาร เช่นเนื้อสัตว์ ผักผลไม้ต่างๆ กลูต้าไธโอนมีประโยชน์และคุณสมบัติเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งประกอบด้วยกรดอะมิในที่สำคัญ 3ชนิดรวมตัวกันอยู่ คือ ซิสเตอิน (Cystein) ไกลซิน (Glycine) และ กลูตาเมท (Glutamate) ทำหน้าที่ในการปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกทำลายโดยสารต้านอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายและที่สำคัญยังช่วยตับในการทำลายและขจัดพิษออกจากร่างกายอีกด้วย

Pine bark extract ม ขายท ว ตส นม ย

ประโยชน์และสรรพคุณของกลูต้าไธโอน

1. Antioxidation : จะถูกเปลี่ยนไปเป็นเอนไซม์ Glutathione Peroxidase มีคุณสมบัติเป็นสาร Antioxidant ที่สำคัญของร่างกาย ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย 2. Detoxitication : ช่วยสร้างเอนไซม์ชนิดต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะ Glutathione-S-transferase ที่ตับ ช่วยในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษ ชนิดไม่ละลายน้ำ(ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ไม่อันตราย และละลายน้ำได้ดีขึ้นแล้วขับออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับจากการถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์การสะสมของ Acetaldehyde(ทำให้เกิดอาการเมาค้าง) บุหรี่ และยา 3. Immune Enhancer : จะส่งผลในการเพิ่มความสามารถในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาว ชนิด Neutrophils และยังเพิ่มความสามารถในการทำงานของ เซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทานของร่างกายด้วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น 4. Beauty and Whitening : รังสี UV-A และ UV-B ในแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินและอนุมูลอิสระ ทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำและเกิดฝ้า L-Glutathione (แอล กลูต้าไธโอน) มีคุณสมบัติช่วยในการต่อต้านกลไกของอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เกิด Lipid peroxide ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดฝ้า นอกจากนี้ Glutathione (กลูต้าไทโอน) ยังไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ Tyrosenase ส่งผลให้เม็ดสีเมลานินไม่ถูกสร้างขึ้น ทำให้ผิวค่อยๆขาวขึ้น 5. Male Fertity : ทำให้ Sperm เคลื่อนที่ได้และลดอัตราการตายของ Sperm ด้วย

แม้ว่าร่างกายสามารถผลิต กลูต้าไธโอน ได้เอง และยังสามารถได้รับจากอาหารจำพวกผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ แต่สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน เช่น แสงแดด, มลภาวะ ฝุ่น ควัน, การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ และความเครียด มีผลทำให้ร่างกายได้รับกลูต้าไธโอนไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆได้อย่างเต็มที่

Pine bark extract ม ขายท ว ตส นม ย

ประโยชน์ทางการแพทย์ของกลูต้าไธโอน

- ฤทธิ์ต้านออกซิเดชันของกลูต้าไธโอน - การลดความเป็นพิษของยาด้วยกลูต้าไธโอนและวิตามินซี - การกำจัดโลหะหนักด้วยกลูตาไธโอนหรือ N-Acetylcysteine และยังมีรายงานการนำสารกลูต้าไธโอนมาใช้เป็นยารักษาโรคหลายกรณี อาทิ ระบบประสาทบกพร่อง โรคพากินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรคสมองเสื่อม โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งต่อมลูกหมาก รักษาความเป็นพิษจากโลหะหนัก ช่วยชะลอวัย และเป็นยาอยุวัฒนะ

กลูต้าไธโอนกับกลไกการเกิดสีผิว

สีผิวของมนุษย์เกิดจากเม็ดสีที่เรียกว่าเมลานิน (Melanin) ซึ่งเป็นโพลิเมอร์ที่ไม่ละลายน้ำกระจายตัวอยู่ในชั้นผิวเม็ดสีที่อยู่ในผิวหนัง มีหน้าที่สำคัญในการปกป้องผิวหนังจากอันตรายของ แสง UV แสงจากพระอาทิตย์โดยการดูดกลืนรังสี UV แล้วเปลี่ยนพลังงานให้เป็นความร้อน เมลานินถูกผลิตขึ้นจากกรดอะมิโนที่ชื่อ ไทโรซีน (Tyrosine) โดยทั่วไปมี 2ชนิด คือ ยูเมลานิน (Eumelanin) และ ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) 1. ยูเมลานิน (Eumelanin) มีรูปร่างกลม เรียบไม่ละลายน้ำ ประกอบด้วย Crosslinked 5,6-dihy-droxyindole (DHI) และ 5,6-dihydroxyindole-2-carboxylic acid (DHICA) ซึ่งจำแนกได้เป็น 2ชนิด คือ Black eumelanin และ Brown eumelanin อาจเรียกว่า Black and Brown eumelanin 2. ฟิโอเมลานิน (Pheomelanin) มีรูปร่างไม่เรียบ ละลายในด่าง ประกอบด้วย 5-S-cyteinyldopa, 5-S-cysteinyldopa quinine และ Benzothaizine intermediates ลักษณะของฟีโอเมลานินจะมีสีแดง หรือสีเหลือง อาจจะเรียกว่า Red to Yellow pheomelanin โดยปริมาณเม็ดสีที่กระจายตัวอยู่ในผิวหนังจะมีมากหรือน้อยเป็นลักษณะทางพันธุกรรม โดยที่ยูเมลานิน พบมากในคนผิวเข้ม ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรซึ่งมีความเข้มของรังสี UV มาก ในขณะที่ฟีโอเมลานิน พบในคนผิวขาว ซึ่งได้รับปริมาณรังสี UV น้อยกว่า สารกลูตาไธโอนที่เข้าสู่ร่างกาย จะทำหน้าที่กระตุ้นให้กรดอะมิโน Tyrosine เปลี่ยนรูปเป็นฟีโอเมลานินในปริมาณที่มากขึ้น หรืออาจกล่าวอีกในหนึ่งว่า สารกลูต้าไธโอนจะเปลี่ยนเม็ดสียูเมลานินให้กลายเป็นฟีโนเมลานิน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ที่ได้รับสารดังกล่าวมีสีผิวที่ขาวขึ้น จากกลไกดังกล่าว จึงมีการคิดนำเอาสารชนิดนี้มาเป็นอาหารเสริมในรูปแบบต่างๆ โดยหวังว่าจะสามารถเสริมและเพิ่มความเข้มข้นของกลูต้าไธโอนในกระแสเลือดให้มากขึ้นเพื่อหวังผลให้ผิวขาวอบชมพู แต่ในความเป็นจริงอาหารเสริมที่มีสารกลูต้าไธโอนนั้นมีผลทำให้ผิวขาวได้ไม่ค่อยมากจึงมีการดับแปลงโดยการฉีดเข้าเส้นเลือด หรือเข้ากล้ามเนื้อ

การเสริมสร้างกลูต้าไธโอน

การฉีด เนื่องจากตัวยากลูต้าไธโอนมีความไม่คงตัวในกระแสเลือดสลายตัวได้ง่ายและรวดเร็ว ดังนั้นผู้ที่หวังผลในการรักษาจะต้องให้แพทย์ฉีดบ่อยๆ เช่น ในกรณีของการฉีดเข้าเส้นเลือดดำเพื่อหวังผลให้สีผิวมีความขาวใส โดยมากแพทย์มักจะฉีดร่วมกับวิตามินซี หากฉีดในความเข้มข้นสูงและฉีดอาทิตย์ละ 2ครั้ง นอกจากจะเสียเงินมากแล้วที่สำคัญการฉีดในความเข้มข้นสูงอาจทำให้เกิดการช็อคความดันต่ำเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงกล้ามเนื้อสั่นประสาทหรอ หายใจติดขัด หลอดลมตีม อาจเป็นนอันตรายถึงชีวิตได้และผู้ที่ได้รับยาฉีดนี้นานๆ เป็นประจำอาจทำให้เม็ดสีที่จอตาลดลงทำให้รับแสงได้น้อยลงเสี่ยงต่อการมองเห็นได้ในอนาคต ทางวารสารการแพทย์ในสหรัฐอเมริกาจึงจัดสารกลูต้าไธโอนเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงทางสายตา การรับประทาน เนื่องจากโมเลกุลของกลูต้าไธโอนมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะถูกดูดซึมในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหาร นอกจากนี้โมเลกุลของกลูต้าไธโอนยังถูกสลายตัวได้ง่ายในทางเดินอาหารอีกด้วยจึงไม่สามารถรับประทานกลูต้าไธโอนได้โดยตรงดังนั้นจึงต้องทำเป็นลักษณะรูปแแบของอาหารเสริมในรูปแบบต่างๆ เช่น ยาเม็ด ยาแคปซูล ผงชงดื่ม เจลลี่ กัมมี่ ที่ผสมสารกลูต้าไธโอน แต่อาหารเสริมอาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร การทาผิว สารกลูต้าไธโอนเมื่อนำมาผสมในผลิตภัณฑ์ประเภทครีมหรือเจล สำหรับทาผิวหนังเพื่อหวังให้ผิวขาวนั้นจะไม่ค่อยได้รับประโยชน์ใดๆ เพาะโมเลกุลสารนี้ค่อนข้างใหญ่ไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้

ข้อเสียของการที่ได้รับกลูต้าไธโอนมากเกินไป

ปริมาณกลูต้าไธโอนที่เหมาะสมในการรับเข้าไปในร่างกายควรอยู่ที่ 60-250 กรัม/วัน ซึ่งเป็นปริมาณที่แพทย์อนุญาต แต่ถ้าร่างกายได้รับสารกลูต้าไธโอนเป็นเวลานานๆ จะทำให้เม็ดเลือดสีเมลานินบริเวณผิวหนังและที่จอตามีปริมาณลดลงทำให้จอตารับแสงได้น้อยลงและเสี่ยงต่อการมองเห็นได้ในอนาคต ทางวารสารทางการแพทย์ของประเทศสหรัฐอเมริกาจึงจัดว่ากลูต้าไธโอนเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงทางตา ส่วนเม็ดสีเมลานินที่ผิวหนังจะทำหน้าที่เหมือนฟิล์มกรองแสงที่ผิวหนัง หากเม็ดสีที่ผิวหนังมีปริมาณลดลงร่างกายก็จะขาดเกราะป้องกันแสงอัลตราไวโอเลต UV ทำให้ผิวเหี่ยวย่นเร็วและแก่เร็วขึ้นรวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย ดังนั้น ถึงแม้ตัวกลูต้าไธโอนเองจะเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระแต่การได้รับแสงอัลตราไวโอเลตในปริมาณมากกลับอันตรายยิ่งกว่าอนุมูลอิสระเสียอีก นอกจากนี้ยังพลอาการความดันต่ำ หอบหืดเฉียบพลันอีกด้วย ในบางรายอาจเกิดการแพ้ จากการปนเปื้อนหรือความไม่บริสุทธิ์ของสารนี้ดังนั้นจึงต้องระวังเป็นพิเศษสำหรัผู้ที่แพ้ยาฉีดกลูต้าไธโอน

ข้อควรระวังในการใช้กลูต้าไธโอนในหญิงตั้งครรภ์

แม้ว่ากลูต้าไธโอนจะถูกสังเคราะห์และพลมากในเกือบทุกเซลล์ในร่างกายคนเราแต่ไม่ได้หมายความว่าสารกลูต้าไธโอนจะปลอดภัยสำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์และหญิงที่อยู่ในระหว่างการให้นมบุตร สารจากธรรมชาติมากกมายที่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียงในหญิงตั้งครรภ์ ดังนั้นในทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเหล่านี้เป็นอาหารเสริมในระหว่างตั้งครรภ์จะปลอดภัยที่สุด นอกเสียจากว่าได้รับการแนะนำให้ใช้ด้วยเหตุผลทางการแพทย์เป็นพิเศษ

กลูต้าไธโอนเป็นสารที่มีอยู่แล้วในร่างกายและมีความสำคัญต่อกระบวนการต่างๆ อีกทั้งยังเป็นสารต้านออกซิเดชันที่ใช้ในการรักษาเสริมสำหรับโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดและหัวใจ โรคจิตเภท โรคเอดส์ โรคสมองเสื่อม เป็นต้น อย่างไรก็ตามไม่ควรใช้กลูต้าไธโอนหรือสารอื่นๆ ที่มีฤทธิ์เพิ่มระดับกลูต้าไธโอนในร่างกายโดยไม่จำเป็นเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ ดังนั้นก่อนจะใช้กลูต้าไธโอนหรือสารอื่นๆ ควรศึกษาทั้งข้อดีและข้อเสียรวมถึงผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินความปลอดภัยและพิจารณาความจำเป็นในการใช้เสียก่อน