Mission impossible 5 rogue nation ม ชช นอ มพอสซ เบ

เผยแพร่: 29 ก.ค. 2558 10:49 โดย: MGR Online

กำกับ : คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ แสดงนำ : ทอม ครูซ, เจเรมี่ เรนเนอร์, ไซมอน เพ็กก์, รีเบคก้า เฟอร์กูสัน, อเล็ค บอลด์วิน กำหนดฉาย : 30 ก.ค. 2558

ทอม ครูซ กลับมารับบทอีธาน ฮันท์ อีกครั้ง ใน Mission: Impossible: Rogue Nation หรือ มิชชั่น: อิมพอสซิเบิ้ล : ปฏิบัติการรัฐอำพราง คราวนี้ อีธาน พร้อมด้วยทีมของเขาจะกลับมาในปฏิบัติการครั้งใหม่ เพื่อจัดการกับองค์กรลับระดับนานาชาติ ที่มุ่งเป้าทำลายล้างหน่วยงาน IMF

ภาคนี้ ทอม ครูซ, เจเรมี เรนเนอร์ และ ไซมอน เพ็กก์ กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง และยังได้ อเล็กซ์ บอลด์วิน และ นักแสดงสาวที่ผ่านงานแสดงใน Hercules อย่าง รีเบ็คกา เฟอร์กูสัน มาเสริมทีมนักแสดงอีกด้วย ภาพยนตร์กำกับการแสดงโดย คริสโตเฟอร์ แม็คควอร์รี ที่เคยมีผลงานร่วมกับทอม ครูซ อย่าง Jack Reacher มาแล้ว โดยภาพยนตร์ขยับกำหนดฉายในเมืองไทยมาระเบิดความมันส์ให้เร็วขึ้น 30 กรกฏาคมมันส์

ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่

Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ

http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่

ซูเปอร์สตาแกรม

Found the first three films ones that had a lot to like (namely the action, the visuals, good casting on the whole and Philip Seymour Hoffmann's superb villain in the third) but also their faults (plot convolution in the first and third and the characters could have been written better in the second and third).

'Ghost Protocool' to me was a great film and the best of the series since the original, and actually better than it, mainly because the story even though somewhat familiar seemed more focused and far less convoluted. The latest instalment 'Rogue Nation' is on 'Ghost Protocool's' very high level. Sure, there is a little bit of familiarity and the basic structure is somewhat formulaic, but 'Rogue Nation' has enough freshness and so much fast and furious excitement and thrills it doesn't feel like an issue.

Visually, 'Rogue Nation' is even slicker and even more stylish than 'Ghost Protocool', perhaps the most audacious of all five films put together. The locations, from sinister drabness to stunningly colourful, are a feast for the eye and the effect dazzle. The music doesn't overbear the action and such at all while making a pulsating impact thanks to the thrillingly authentic sound.

With the exception of a few choppy combat scenes, big emphasis on the few, the action is bigger, bolder and more dynamic than any other action scenes seen before in the previous four instalments. Many are breath-taking in their excitement and also nuances. Christopher McQuarrie's directing is some of the best he's ever done, with a great sense of visual style and a real grasp of the storytelling.

'Rogue Nation's' script is sharp, knowingly sophisticated with the humour (not cheesy or out of place) and intrigue superbly balanced. The story is told at a breakneck pace without being rushed and grips one right in and never lets go. There is an appealing light-heartedness, tongue-in-cheek and suspense of superior tension and elegance (as far as the 'Mission Impossible' films go) worthy of Alfred Hitchcock, a big claim and to some hyperbolic but it felt that way to me and it is grand praise indeed.

Tom Cruise is very impressive, handling the stunts with effortless and enviable ease and acting with steely charisma. Rebecca Ferguson shows a knack for scene-stealing, with her in ersatz breath-of-fresh-air form. Sean Harris is an intimidatingly menacing villain, one of the best written villains of the series, while Simon Pegg's comic relief in no way jars and is actually very funny and Jeremy Renner's presence is more than welcome. It is a shame however that Ving Rhames, though charismatic, is underused.

เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1996 ภาพยนตร์ (ดำเนินเรื่องหลังเหตุการณ์ใน ละครโทรทัศน์ภาคต่อของละครโทรทัศน์ก่อนหน้านี้) ติดตามภารกิจของทีมภาคสนามหลักของ IMF ภายใต้การนำของฮันต์ เพื่อหยุดยั้งกองกำลังของศัตรู ในขณะเดียวกันก็ป้องกันภัยพิบัติระดับโลกที่กำลังจะเกิดขึ้น ภาพยนตร์ชุดเน้นไปฮันต์ตัวละครนำ ตรงข้ามกับโครงสร้างนักแสดงนำจำนวนมากของละครโทรทัศน์ ถึงแม้ว่าตัวละครบางตัว เช่น ลูเทอร์ สติกเคล (แสดงโดย วิง เรมส์) และ เบนจี ดันน์ (แสดงโดย ไซมอน เพกก์) กลับมาปรากฏตัวอยู่หลายครั้ง

ภาพยนตร์ชุดได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วไป เป็น โดยทำเงินมากกว่า 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก และมักจะได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ภาพยนตร์แนวโลดโผนที่ดีที่สุดในปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดซึ่งเป็นเรื่องที่เจ็ด มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง ออกฉายเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2023 และภาพยนตร์เรื่องที่แปดใช้ชื่อว่า มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่สอง กำหนดฉายวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2024 ภาพยนตร์ มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ทุกเรื่องร่วมสร้างและจัดจำหน่ายโดย พาราเมาต์พิกเจอส์

ภาพยนตร์[แก้]

ฝ่าปฏิบัติการสะท้านโลก (1996)[แก้]

อีธาน ฮันต์ ถูกใส่ร้ายในคดีฆาตกรรมสมาชิกในทีมไอเอ็มเอฟของเขา ระหว่างภารกิจที่ล้มเหลวในปราก และถูกกล่าวหาว่าขายความลับของรัฐบาลให้กับพ่อค้าอาวุธที่รู้จักกันในชื่อ "แม็กซ์" เท่านั้น ระหว่างหลบหนี อีธานพยายามเปิดโปงคนทรยศที่แท้จริงและล้างชื่อของเขา

ฝ่าปฏิบัติการสะท้านโลก 2 (2000)[แก้]

อีธานกลับมาทำงานอีกครั้งและทำงานร่วมกับโจรมืออาชีพ ไนยาห์ นอร์ดอฟ-ฮอล (แทนดี นิวตัน) ทั้งคู่ปลอมตัวเพื่อหยุดยั้งเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟนอกคอก ฌอน แอมโบรส (ดูเกรย์ สก็อต) (ซึ่งเป็นอดีตคนรักของไนยาห์ด้วย) จากการขโมยไวรัสที่ร้ายแรงแล้วทำให้เกิดการระบาดทั่วและขายยาแก้พิษให้กับผู้ที่เสนอราคาสูงสุด

เอ็ม ไอ ทรี: มิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล (2006)[แก้]

อีธานหมั้นกับจูเลีย มีด (มิเชล โมนาแกน) โดยเธอไม่รู้งานที่แท้จริงของเขา อีธานรวบรวมทีมเพื่อเผชิญหน้ากับ โอเวน เดเวียน (ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน) นายหน้าซื้อขายอาวุธที่จับตัวได้ยากและนายหน้าข้อมูล โดยเขาตั้งใจจะขายวัตถุอันตรายลึกลับที่เรียกว่า "ตีนกระต่าย"

มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการไร้เงา (2011)[แก้]

อีธานและหน่วยไอเอ็มเอฟทั้งหมดถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้วางระเบิดเครมลิน ขณะเดียวกันก็สืบสวนบุคคลที่รู้จักกันในชื่อ "โคบอลต์" เท่านั้น (ไมเคิล นิคควิสต์) อีธานและเจ้าหน้าที่อีกสามคนถูกทิ้งให้หยุดเขา เพื่อไม่ให้เริ่มสงครามนิวเคลียร์ระดับโลก

มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง (2015)[แก้]

อีธาน ฮันท์ถูกคุกคามจากซินดิเคต เมื่อต้องเผชิญกับการแยกตัวของไอเอ็มเอฟ ฮันท์จึงรวบรวมทีมของเขาทำภารกิจเพื่อพิสูจน์การมีตัวตนอยู่ของซินดิเคตและโค่นล้มองค์กรด้วยวิธีการใด ๆ ที่จำเป็น

มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ฟอลล์เอาท์ (2018)[แก้]

เมื่อภารกิจกู้พลูโทเนียมของไอเอ็มเอฟล้มเหลว โลกต้องเผชิญกับภัยคุกคามของดิอะพอสเทิลส์ องค์กรก่อการร้ายที่ก่อตั้งโดยอดีตสมาชิกของซินดิเคต ขณะที่อีธาน ฮันท์รับหน้าที่ทำภารกิจเดิมให้สำเร็จ ซีไอเอเริ่มตั้งคำถามถึงความภักดีและแรงจูงใจของเขา

มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง (2023)[แก้]

ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2019 มีการประกาศว่าภาพยนตร์ มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล เรื่องที่เจ็ดและแปด กำลังอยู่ในการพัฒนา โดย คริสโตเฟอร์ แมคควอรี กลับมาเป็นผู้กำกับและผู้เขียนบททั้งสองเรื่อง มีรายงานว่าภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องจะถ่ายทำต่อเนื่องกัน โดยกำหนดฉายเดิมคือวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2021 และ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2022 เนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19 ทำให้วันฉายเลื่อนเป็นวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2023 และ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2024 ตามลำดับ

ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2019 แม็คควอรี่ประกาศในบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัวว่า เฮย์ลีย์ แอตเวลล์ จะเข้าร่วมเป็นนักแสดงในภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง ต่อมาก็ได้รับการยืนยันจากตัวนักแสดงเอง สองเดือนต่อมา ผู้กำกับเปิดเผยถึงการมีส่วนร่วมของ ปอม เกลม็องตีแย็ฟ และในช่วงปลายเดือนธันวาคม เช วิกัม ได้รับการยืนยันว่าเป็นนักแสดงในภาพยนตร์ทั้งสองเรื่อง ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 แม็คควอรี่ ประกาศว่า นิโคลัส เฮาลต์ จะเข้าร่วมเป็นนักแสดงในภาพยนตร์และในเดือนเดียวกัน ไซมอน เพกก์ ยืนยันว่าเขาจะกลับมารับบทเดิมเป็นเบนจี ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2020 แม็คควอรี่ ประกาศว่า เฮนรี แชร์นี จะกลับมารับบทเดิมเป็น ยูจีน คิตทริดจ์ จากภาพยนตร์เรื่องแรก ในขณะที่ วาเนสซา เคอร์บี ยืนยันว่าเธอจะกลับมารับบทเดิมเป็น อลันนา/แม่ม่ายขาว ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2020 มีข่าวว่าเฮาลต์ถอนตัวจากภาพยนตร์ และเอไซ โมราเลสจะรับบทแทน ภาพยนตร์เริ่มถ่ายทำในเดือนกันยายน ค.ศ. 2020 ก่อนจะเสร็จสิ้นในเดือนกันยายน ค.ศ. 2021