ว จ ยบร หารจ ดการผ ม ความสามารถโดดเด น

บริษัทส่งเสริมการคิดนวัตกรรมที่ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจให้เติบโตและสามารถแข่งขันได้อยู่เสมออย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ สร้าความคล่องตัว และมีความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับธุรกิจ ผ่านการส่งเสริมงานวิจัยและเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อยกระดับการดำเนินงานด้านนวัตกรรมขององค์กรไปสู่การเป็นผู้นำในด้านการบริหารจัดการนวัตกรรมแห่งอนาคต โดยกำหนดกรอบและแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้

Show

กรอบแนวคิดการจัดการนวัตกรรมของ ซีพี ออลล์

ว จ ยบร หารจ ดการผ ม ความสามารถโดดเด น

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม (Innovation Research and Development)

บริษัทสนับสนุนให้มีการพัฒนงานวิจัย และเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านอาหาร ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า พร้อมทั้งขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโต และสร้างประโยชน์แก่สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยปัจจุบัน บริษัทมีศูนย์เทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งหมด 2 แห่ง ได้แก่

ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านอาหาร บริษัท ซีพี ฟู้ดแล็บ จำกัด

บริษัท ซีพี ฟู้ดแล็บ จำกัด มีบทบาทสำคัญในการทำงานวิจัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยนำประเด็นปัญหารวมถึงความท้าทายเป็นโจทย์งานวิจัยพื้นฐานและงานวิจัยประยุกต์ เพื่อส่งต่อให้ทีมพัฒนาสินค้า (New Product Development: NPD) ปัจจุบัน ซีพี ฟู้ดแล็บ เป็นศูนย์กลางข้อมุลด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารให้กับ ซีพี ออลล์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมถึงบริษัทอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ

  • การวิจัย และพัฒนาอาหารสำเร็จรูปที่เหมาะสมสำหรับแต่ละช่วงวัย (Food For Age Group) เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะทางโภชนาการที่ดีสำหรับแต่ละกลุ่ม
  • การวิจัย และพัฒนาน้ำมันใบกะเพราเพื่อเป็นสารออกฤทธ์ในผลิตภัณฑ์สเปรย์สำหรับบรรเทาอาการอักเสบในช่องปากและลำคอ Phase II ภายใต้ความร่วมมือระหว่างศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพรสถานบันวิจัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ร่วมกับ ซีพีแรม และ ซีพี ฟู้ดแล็บ ในการทำวิจัย ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับกะเพราโดยนำมาใช้เป็นสมุนไพรสำหรับบรรเทาอาการอักเสบในช่องปากและลำคอ และนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสเปรย์ในอนาคต และยังเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร

ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ

8 บุคลากร

บุคลากรด้านวิจัยและพัฒนา

8 ผลงาน

ผลงานวิจัยและพัฒนา

16 ล้านบาท

งบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา

สำนักพัฒนาและประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างนวัตกรรม และการจัดการทางด้านอาหาร รวมถึงการจัดการทางด้านอาหารให้ปลอดภัย และได้คุณภาพตรงตามสุขอนามัยและสุขภาวะที่ดี ภายใต้กรอบความสมดุลของห่วงโซ่อาหารและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งให้บริการ และคำปรึกษาด้านวิชาการที่เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานในการพัฒนา และสร้างให้เกิดความมั่นใจในนคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ประกอบการ โดยทำหน้าที่หลัก ดังนี้

  • คิดค้นวัตถุดิบเฉพาะ และพัฒนาสูตรอาหาร ตลอดจนพัฒนากระบวนการผลิตในระดับอุตสาหกรรม โดยครอบคลุมกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ภายใต้แบรนด์ของบริษัท เพื่อตอบสนองควงามต้องการของลุกค้า และถูกต้องตามหลักโภชนาการและอนามัยของอาหาร
  • พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยคำนึงถึงทุกกระบวนการในวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นจนจบ (Product Life Cycle) เพื่อป้องกันและลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการจัดการขยะอย่างถูกต้องเหมาะสม และเกิดมูลค่าสูงสุด
  • วางระบบและมาตรการทางด้านการประกันคุณภาพ ตลอดห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงมือผู้บริโภค เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย และได้มาตรฐาน
  • จัดตั้งศูนย์ Food Technology Service ซึ่งให้บริการทางด้านการให้ความรู้ เพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิต การบริการวิเคราะห์และการประเมินทางด้านต่างๆ อาทิ ทดสอบทางประสาทสัมผัส (Sensory Evaluation) และประเมินผลิตภัณฑ์ทางด้านประสาทสัมผัสตามหลักวิชาการสากล สร้างความมั่นใจในการวางจำหน่ายสินค้าใหม่ในร้าน 7-Eleven ให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า พร้อมทั้งศูนย์ปฏิบัติการทดสอบวิเคราะห์เชื้อจุลินทรีย์ และเคมีบางชนิดในผลิตภัณฑ์อาหาร น้ำ รวมถึงสารตกค้างต่างๆ ในผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร

ทั้งนี้สำนักพัฒนาและประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ ยังมีบริการด้านการพัฒนาสินค้าวัตถุดิบ การให้คำปรึกษา และการแก้ไขปัญหาของผลิตภัณฑ์แก่ผู้ที่สนใจ และผู้ประกอบการต่างๆ

ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ

63 บุคลากร

บุคลากรด้านวิจัยและพัฒนา

548 ผลงาน

ผลงานวิจัยและพัฒนา (SKU)

12.7 ล้านบาท

งบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนา

ต่อยอดสินค้านวัตกรรม เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ

เพิ่มตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายและเพื่อเพิ่มมูลค่า และส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ บริษัทร่วมส่งเสริม และยกระดับความสามารถของ SMEs พัฒนานวัตกรรม และสรรหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ในปี 2565 มีผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่โดดเด่น ดังนี้

เทสตี้ฟิต กะทิธัญพืชเพื่อสุขภาพ

บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท ฟอร์แคร์ จำกัด คิดค้นนวัตกรรมการกะทิธัญพืชที่พัฒนาจากน้ำมันรำข้าว ซึ่งมีปริมาณไขมันอิ่มตัวต่ำกว่ากะทิมะพร้าวถึง 4 เท่า มีวิตามินอีสูง และไม่มีไขมันทรานส์ เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการควบคุมไขมันในอาหาร โดยคงรสชาติความอร่อยรวมถึงรูปรสกลิ่นสีที่ใกล้เคียงกะทิจากมะพร้าว ได้รับการรับรองภายใต้โครงการ "อาหารไทย หัวใจดี" จากมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้ที่มีความเสี่ยงจากโรคหัวใจ และหลอดเลือดสามารถรับประทานได้ ปัจจุบันวางจำหน่ายในร้าน 7-Eleven 4,800 สาขาทั่วประเทศ สร้างยอดขายมากกว่า 14 ล้านบาทต่อปี

ว จ ยบร หารจ ดการผ ม ความสามารถโดดเด น

หน่อไม้ในน้ำใบย่านาง ตราแม่บ้าน

บริษัทได้ร่าวมือกับบริษัท อาร์แอนดี ฟู้ดส์ โปรดักส์ จำกัด คิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์หน่อไม้ในน้ำใบย่านางสำเร็จรูป ฉีกซองพร้อมทานที่ยังคงรสชาติหน่อไม้สดจากธรรมชาติ มีรสชาติดี โดยเมื่อต้มกับใบย่านางซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณมากมายจะช่วยให้หน่อไม้หอม สามารถลดการอักเสบจากพิวรีน ช่วยลดกรดยูริคได้ มีการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตโดยใช้วิธีสเตอริไรส์ ทำให้สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องโดยไม่ต้องแช่เย็นได้ 1 ปี รวมถึงการตัดหน่อไม้ให้เป็นชิ้นพอดีคำ ทำให้สะดวกในการรับประทาน ปัจจุบันวางจำหน่ายในร้าน 7-Eleven 1,000 สาขาทั่วประเทศ สร้างยอดขายมากกว่า 6 ล้านบาทต่อปี

ว จ ยบร หารจ ดการผ ม ความสามารถโดดเด น

โครงการ สลัดโรล อร่อยครบจบในกล่องเดียว

สลัดโรลเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน แต่กระบวนการผลิตให้ได้คุณภาพมีความยากและซับซ้อน เช่น ผักสลัดที่ไม่สด แป้งแข็งเมื่อโดนความเย็น หรือเนื้อสัตว์ที่เสี่ยงกับเชื้อจุลินทรีย์ง่าย ทำให้สินค้ามีอายุสินค้าสั้น ทีมจึงนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม Postharvest

ที่ช่วยคงความสดของผักสลัด ผสานกับเทคนิคและทักษะเฉพาะในกระบวนการผลิตสลัดโรล รวมถึงการสร้างสารสูตรเฉพาะสำหรับแช่แป้ง (Only at 7-Eleven) เพื่อคงความนุ่มของแป้งและสินค้าปราศจากเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค ทำให้สินค้ามีอายุวางจำหน่ายนานถึง 5 วัน นับเป็นรายแรก รายเดียวของประเทศผู้บริโภคได้รับสินค้าที่สะอาด สะดวก ปลอดภัยในการบริโภค สร้างรายได้ให้เกษตรกรและยกระดับมาตรฐานการผลิตให้กับ SME

วัตถุประสงค์และเป้าหมาย

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการ

จาก 2 วัน เป็น 5 วัน

เพิ่มโอกาสการขายสินค้าโดยอายุสินค้าเพิ่ม

จาก 36 สาขา เป็น 1,128 สาขา

เพิ่มสาขาวางจำหน่าย

92,970,430 บาทต่อปี

มูลค่าเพิ่มที่ได้จากโครงการ

แนวคิดนวัตกรรม

แผนดำเนินงานถัดไป

ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ

ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ

  • เพิ่มยอดขายสินค้าสลัดโรล
  • เพิ่มพื้นที่การวางจำหน่าย
  • สินค้ามีความหลากหลาย

ผลกระทบด้านสังคม

  • สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
  • สร้างอาชีพให้คนในชุมชน
  • ยกระดับมาตรฐานการผลิต

ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

  • ประชาชนคนไทยกินของดี สุขภาพดี
  • เพิ่มพื้นที่และพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน

คุณค่าทางเศรษฐกิจ

  • เพิ่มยอดขายสินค้าสลัดโรล มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี
  • เพิ่มพื้นที่การวางจำหน่าย 1,128 สาขา

คุณค่าทางสังคม

  • สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร 4.5 ล้านบาทต่อเดือน
  • เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 265 ราย

คุณค่าทางสิ่งแวดล้อม

  • เพิ่มพื้นที่และพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน รวม 200 ไร่

นวัตกรรมหน้ากากผ้า เส้นใยนวัตกรรม โดยเพอร์มา (Perma) (ต่อเนื่อง)

บริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัท เพอร์มา คอร์ปอเรชั่น จำกัด พัฒนานวัตกรรมเส้นใยสังเคราะห์จากนาโนซิงค์ออกไซด์ เพื่อผลิตเครื่องนุ่งห่ม และสิ่งทอทางการแพทย์ เช่น หน้ากากผ้า ปลอกหมอน ผ้าปูเตียงผู้ป่วย ชุดชั้นใน ชุดแพทย์ และชุดผู้ป่วย เป็นต้น โดยนาโนซิงค์ออกไซด์มีคุณสมบัติช่วยยับยั่งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุของกลุ่มที่ไม่พึงประสงค์ โรคภูมิแพ้ และโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ การติดเชื้อที่บาดแผล และบริเวณผิวหนัง พร้อมทั้งมีความคงทน สามารถซักทำความสะอาดได้มากกว่า 150 ครั้ง ปัจจุบันหน้ากากผ้ามีวางจำหน่ายในร้าน 7-Eleven และแพลตฟอร์มออนไลน์ 24shopping

ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ

เพิ่มยอดขาย 22 ล้านบาทต่อปี

ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ว จ ยบร หารจ ดการผ ม ความสามารถโดดเด น

สร้างนวัตกรรมบริการ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความสะดวกแก่ผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Transformation)

ปัจจุบันผู้บริโภคมีพฤติกรรมการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ และบริการผ่านช่องทางสมาร์ทโฟนมากยิ่งขึ้น ภาคธุรกิจจึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน และการตัดสินใจในการซื้อผลิตภัณฑ์ และบริการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาประยุกต์ในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกที่จำเป็นต้องเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จะช่วยยกระดับการดำเนินธุรกิจให้มีความรวดเร็ว และมีประสิทธิดภาพพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในสังคมยุคโลกาภิวัฒน์เพื่อตอบสนองความต้องการ และความพึงพอใจของผู้บริโภค โดยวในปี 2565 มีโครงการที่โดดเด่น ดังนี้

การพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจ Online to Offline (O2O)

บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจ เพื่อยกระดับการสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อให้กับลูกค้า เชื่อมโยงสินค้าและโปรโมชันที่หลากหลายตอบโจทย์ลูกค้าทุกระดับจากช่องทางออฟไลน์ ได้แก่ ร้าน 7-Eleven ไปสู่การจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ ภายใต้แพลตฟอร์ม "ออลล์ ออนไลน์ (ALL Online)" ห้างใกล้บ้านบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน 7-Eleven บนโทรศัพท์มือถือ ภายใต้แนวคิด

  • สะดวกซื้อ เลือกสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางที่หลากหลายทั้งออฟไลน์ ออนไลน์และดิลิเวอรี
  • สะดวกจ่าย เลือกชำระค่าสินค้าได้ทั้งในรูปแบบเงินสด และไม่ใช้เงินสด (Cashless)
  • สะดวกรับ เลือกรูปแบบการรับสินค้าตามความต้องการ โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้า และเลือกมารับสินค้าได้ด้วยตนเองที่ร้าน 7-Eleven หรือรับบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านผ่านบริการ 7 Delivery พร้อมกันนี้ บริษัทได้ยกระดับการให้บริการออนไลน์แก่ลูกค้า โดยการพัฒนาระบบสมาชิก "ออลล์ เมมเบอร์ (All Member)" ผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อใช้เป็นช่องทางสื่อสาร และประเมินความพอใจของลูกค้า พร้อมทั้งให้สิทธิประโยชน์พิเศษแก่สมาชิก ปัจจุบันมีสมาชิกในระบบกว่า 16.67 ล้านราย โดยผลการประเมินความพึงพอใจของลูกค้าสามารถนำมาใช้วางแผน และพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการสำหรับลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

โครงการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อย (SMEs) ผ่านช่องทางการขายแบบ O2O

บริษัท ทเวนดี้โพร์ ช้อปปิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจ O2O บริหารการขายช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (Website) แอปพลิเคชัน (Application) พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ Social Commerce คอลเซนเตอร์ (Call Center) และช่องทางใหม่ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าที่หลากหลายสามารถสั่ง จ่าย และรับสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ร้าน 7-Eleven หรือรอรับที่บ้าน ผ่านระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพกระจายทุกพื้นที่ นอกจากนี้ ยังสนับสนุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางการตลาดแบบผสมผสานแบบ O2O โดยสามารถส่งสินค้าเกษตรผ่านช่องทางออนไลน์ โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อรับวันถัดไป หรือสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre Order) ผ่านแพลตฟอร์ม O2O โดยลูกค้าสามารถมารับที่ร้านสาขา หรือส่งถึงบ้าน อาทิ ทุเรียน ส้มสายน้ำผึ้ง ส้มโอทับทิมสยาม เมลอน อโวคาโด และผลไม้อื่นๆ ตามฤดูกาล รวมถึงต้นไม้มงคล กล้วยไม้ เพื่อเป็นการกระจายรายได้สู่สังคมอย่างทั่วถึง

ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ

179 รายการ

สินค้าทางการเกษตรตามฤดูกาล

19 ราย

เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ

225,000 บาทต่อราย

เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร

นวัตกรรมการบริการทางการเงินใกล้ชุมชน

ให้บริการธุรกิจทางการเงิน ทั้งฝาก-ถอนเงินสด และยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีผ่านระบบออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ไม่มีบัญชีธนาคารและไม่สะดวกใช้บัญชีธนาคาร หรือต้องการรับเงินสดโดยตรง เช่น คนต่างจังหวัดมาทำงานในเมืองแล้วต้องส่งเงินกลับบ้าน หรือพ่อแม่ส่งเงินให้ลูกที่เข้าเรียนหนังสือในเมือง หรือส่งเงินเพื่อชำระหนี้เป็นครั้งคราว เป็นต้น ปัจจุบัน บริษัท เคาน์เตอร์ เซอร์วิส จำกัด ในกลุ่มธุรกิจ ซีพี ออลล์ มีบริการ "โอนปุ๊บ รับปั๊บ" ซึ่งเป็นบริการโอนเงินภายในประเทศทั่วไทย โดยไม่ต้องใช้บัญชีธนาคาร ใช้เพียงบัตรประชาชนตัวจริงในการส่งเงินและรับเงินเท่านั้น โดยฝั่งผู้รับเงินสามารถเข้าไปรับเงินสดที่ร้าน 7-Eleven กว่า 12,500 สาขาทั่วประเทศได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง โดยทำรายการได้สูงสุดครั้งละไม่เกิน 10,000 บาท และไม่เกิน 50,000 บาทต่อคนต่อวัน

การพัฒนาต่อเนื่องแอปพลิเคชัน "ALL Pharma See" สำหรับคนรักสุขภาพ

ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ในกลุ่มธุรกิจ ซีพี ออลล์ ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน "ALL Pharma See" อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คนรักสุขภาพสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ "ง่ายและใกล้ตัว" โดยให้บริการคำปรึกษาเรื่องสุขภาพและการใช้ยาจากเภสัชกรกว่า 3000 ราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ผ่านช่องทางแชทออนไล์ รวมทั้งบริการให้ความรู้สุขภาพ ค้นหาร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ในบริเวณใกล้เคียง

ว จ ยบร หารจ ดการผ ม ความสามารถโดดเด น

ใช้นวัตกรรมเพื่อปรับปรุง เปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน

นอกจานี้ บริษัทพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการดำเนินงานธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามายกระดับการทำงานให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพิ่มความคล่องตัวในกระบวนการทำงานสำหรับพนักงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในปี 2565 มีโครงการที่โดดเด่น ดังนี้

พัฒนากระบวนการรับสินค้า (All Recieve) ร้าน 7-Eleven (ต่อเนื่อง) โครงการ Inteegrate Receiving @ store

เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้บริการเซเว่นดิลิเวอรี (7Delivery) เห็นสินค้าที่ต้องการได้ทันที รวมถึงแก้ไขปัญหาการส่งสินค้าจากซํพพลายเออร์สู่ร้าน 7-Eleven ให้สามารถรับปรุงจำนวนสินค้าเข้าระบบได้แบบเวลาจริง (Real Time) ลดปัญหาการบันทึกสินค้าผิดพลาดและใช้เวลานาน บริษัทได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการรับสินค้าจากการตรวจนับสินค้าโดยพนักงาน เป็นการสแกนรับสินค้าโดยใช้ Personal Digital Assestant (PDA) ของพนักงานแต่ละคน ซึ่งระบบจะส่งต่อข้อมูลไปยังระบบเก็บข้อมูลรายการสินค้าโดยอัตโนมัติ ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ

ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ

66 นาทีต่อสาขา

ลดเวลาการนับสินค้าที่ร้าน

จาก 2 ราย สินค้าจาก 1 รายต่อร้าน

ลดจำนวนพนักงานในขั้นตอนตรวจนับสินค้า

39 ล้านแผ่น เป็นมูลค่ารวม 14 ล้านบาทต่อปี

ลดการใช้กระดาษเอกสาร

พัฒนากระบวนการตรวจนับสินค้าที่ร้าน 7-Eleven โครงการตรวจนับรูปแบบ Sampling Count

ลดเวลาในวันตรวจนับของร้านสาขา ร้านจะได้นำเวลาดังกล่าวมาบริการลูกค้า ไม่ให้สูญเสียโอกาสในการขาย บริษัทพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลสินค้าที่มีผลขาดสูงของแต่ละสาขา โดยใช้หลักการพาเรโตเพื่อชี้เป้ากลุ่มสินค้าที่ต้องตรวจนับ ปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ

ผลลัพธ์และประโยชน์ที่ได้รับ

11 วันทำงาน ต่อสาขาต่อปี

ลดเวลาการตรวจนับสินค้าที่ร้าน

57 ล้านบาทต่อปี

ลดต้นทุนในการตรวจนับ

ร่วมมือกับภาคการศึกษาเพื่อสร้างนวัตกรรมเชิงสังคมและสิ่งแวดล้อม

บริษัทร่วมมือกับสถานบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) และ ออลล์ เวลเนส ธุรกิจในกลุ่มบริษัทพัฒนาหุ่นยนต์ส่งของ (Outdoor Delivery Robot) นำหุ่นยนต์ซึ่งใช้พลังงานแบตเตอรีไฟฟ้าร้อยละ 100 โดยใช้ระบบนำทางอัตโนมัติปัญญาประดิษฐ์ (AI: Artificial Intelligence) ไร้คนขับ เข้ามาช่วยไม่ให้เกิดการขนส่งที่ไม่ก่อมลภาวะ ไม่ส่งเสียงดัง สร้างขนส่งพลังงานสะอาด ช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานของพนักงานร้าน 7-Eleven ในช่วงที่มีปัิมาณการสั่งสินค้าเข้ามาพร้อมกันจำนวนมาก รวมถึงช่วยการขนส่งเวลากลางคืน ตอบโจทย์การเป็นร้านที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง สำหรับการพัฒนาในเฟสแรกหุ่นบนต์สามารถรับส่งของได้ครั้งละ 2 ออร์เดอร์ อีกทั้งช่วยเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคและพนักงาน โดยทดลองวิ่งจริงในพื้นที่ภายใต้การกำกับดูแลโดยเฉพาะ (Sandbox) บริเวณพื้นที่อาคารของพีไอเอ็ม (PIM) และพื้นที่ธาราพาร์ค เพื่อให้แน่ใจว่าการวิ่งส่งของแต่ละครั้งมีความแม่นยำบนถนน และสิ่งกีดขวางหลากหลายรูปแบบ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการพัฒนาในเฟสที่ 2 จะพิจารณาการออกแบบหุ่นยนต์ให้มีหลายขนาดมากขึ้น พร้อมตอบโจทย์การรับ-ส่งสินค้าให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่ โดยมีเป้าหมายขยายผลสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ (New S-Curve) สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์โลกอนาคต โดยมองโอกาสการนำหุ่นยนต์ส่งของ (Outdoor Delivery Robot) เข้าไปช่วยตอบโจทย์การส่งของให้แก่บริษัทหรือร้านค้าอื่นๆ ใกล้ 7-Eleven ไปยังผู้บริโภคด้วย

ว จ ยบร หารจ ดการผ ม ความสามารถโดดเด น

สร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรม (Innovation Culture)

บริษัทจัดอบรมให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ รวมถึงสร้างบรรยากาศให้พนักงานได้เกิดแนวคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ รวมถึงส่งเสริมให้เกิดนวัตกรผ่านเวทีการประกวดโครงการนวัตกรรมภายในของกลุ่มธุรกิจ ซีพี ออลล์ เพื่อเชิดชูเกียรติให้กับโครงการที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมให้มีการจัดการความรู้ภายใจกลุ่ม โดยนำนวัตกรรมใหม่ไปขยายผล และแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศแก่กัน พร้อมทั้งส่งเสริมการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงาน เพื่อลดภาระงานที่ไม่จำเป็นทำให้องค์กรเกิดความคล่องตัว และพนักงานสามารถสร้างสรรค์งาน และนวัตกรรมที่มีคุณค่าให้แก่บริษัทให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และเพื่อให้เกิดวัฒนาธรรมนวัตกรรมที่ผู้บริหาร และพนักงานได้มีส่วนร่วมในการส่งมอบคุณค่าแก่ประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร

ว จ ยบร หารจ ดการผ ม ความสามารถโดดเด น

นวัตกรรมแบบเปิด (Open Innovation)

บริษัทได้ให้ความร่วมมือด้านนวัตกรรมกับองค์กรภายนอก ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน 11 องค์กรระดับประเทศ ภายใต้ "โครงการความร่วมมือขับเคลื่อนนวัตกรรมสำหรับประเทศ Thailand Synergy เพื่อ SMEs ไทย" โดยสนับสนุนผลงานวิจัย และสิ่งประดิษฐ์ของแต่ละองค์กร รวมถึงของผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) เพื่อมอบโอกาสและเพิ่มช่องทางการตลาด พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และนำแนวปฏิบัติมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อต่อยอดงานวิจัยนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่สร้างคุณค่าแก่องค์กร และสังคมต่อไป ในปี 2565 มีโครงการด้านสังคม และสิ่งแวดล้อมที่โดดเด่น ดังนี้

โครงการธัญญโอสถ ข้าวหอมยั่งยืน บริษัท ธัญญโอสถ วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด

เป็นรูปแบบการส่งเสริมธุรกิจต้นแบบเพื่อสังคม ในการแปรรูปข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิกมาเป็นข้าวต้นพร้อมรับประทาน มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ด้วยการรวมกลุ่มชาวนาเกษตรอินทรีย์ปลูกข้าวกล้องหอมะลิ 105 ตามมาตรฐานสากล ให้คงความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ได้มากที่สุด ผ่านการเก็บเกี่ยว และแปรรูปข้าวในสุขภาวะที่เหมาะสม ทั้งการบ่ม การสีและจัดเก็บข้าว ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กลุ่มชาวนาเกษตรอินทรีย์ 380 ครัวเรือน ในจังหวัดสุรินทร์ และบุรีรัมย์ สามารถสร้างรายได้กลุ่มชาวนะเกษตรอินทรีย์ เป็นเงินกว่า 180 ล้านบาท

ว จ ยบร หารจ ดการผ ม ความสามารถโดดเด น

โครงการระบบบำบัดน้ำเสียด้วยเทคโนโลยีวงจรไฟฟ้าชีวภาพ บริษัท อินโน กรีน เทค จำกัด

ระบบบำบัดน้ำเสียด้วยวงจรไฟฟ้าชีวภาพ ประยุกต์มากจากเทคโนโลยีทางชีวเคมีไฟฟ้าของเซลล์เชื้อเพลิงจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยประหยัดพลังงาน ปลอดสารเคมี กากตะกอนต่ำ ใช้พื้นที่น้อย ใช้งานง่าย น้ำใส ไร้กลิ่น สามารถบำบัดน้ำเสียได้ทั้งสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ในระบบเดียว ไม่เกิดแก๊สมีเทนและแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ เพิ่มคาร์บอนเครดิต

ว จ ยบร หารจ ดการผ ม ความสามารถโดดเด น

การพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจ Online to Offline (O2O)

โลตัสพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ชอปปิงและเปิดตัวแอปพลิเคชัน Lotus's SMART App ที่รวมออนไลน์ชอปปิงและรีวอร์ด โปรแกรมใหม่อยู่ในที่เดียว เชื่อมต่อการซื้อสินค้า Omni-Channel ทั้งออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ O2O ของโลตัสโดยใช้สาขาที่มีมากกว่า 2,600 แห่งทั่วประเทศ เป็น Fulfillment Center สำหรับจัดส่งสินค้าในช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อส่งมอบประสบการณ์ การชอปปิงที่ SMART โดย Lotus's SMART App เป็นแอปพลิเคชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานของลูกค้าและนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์และประมวลผล Big Data เพื่อสร้างคูปองส่วนลด โปรโมชัน สิทธิพิเศษ เสนอแนะสินค้าที่ตรงใจลูกค้าแต่ละคนตามความต้องการที่แตกต่างกัน สำหรับรีวอร์ดโปรแกรมใหม่มายโลตัส (My Lotus's) พัฒนาการออกแบบให้ลูกค้ามีประสบการณ์การใช้งานทั้งการสะสมและการแลกง่ายขึ้น ทันใจขึ้น คุ้มขึ้น และตรงใจขึ้นกว่าเดิม โดยไม่มีการส่งสเตทเมนต์และคูปองไปยังบ้านของลูกค้า ช่วยลดการใช้ทรัพยากรกระดาษได้ร้อยละ 100 รวมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยบ