บัตรเครดิต และ บัตรเดบิต ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คนนิยมใช้มากขึ้น เพราะ ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากที่อาจเสี่ยงต่อการสูญหาย มีความสะดวกสบาย และ ยังมีสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ ( การสะสมแต้ม การสะสมไมล์ หรือส่วนลดต่าง ๆ ) และการสร้างประวัติทางการเงินที่ดีได้เช่นเดียวกัน Show
เมื่อมีผู้ใช้มาก ก็มีการถูกโจรกรรมมากเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาที่มีข่าวการถูกขโมยข้อมูลบัตรเครดิต ไม่ว่าจะถูกจดบันทึก ถูกถ่ายภาพหรือถูกคัดลอกบัตร ฯ ด้วยเครื่อง Skimming เช่น ใช้รูดบัตรเพื่อซื้อของ แอบถูกพนักงานจดข้อมูลบัตร กว่าจะรู้ตัว ก็ได้รับใบแจ้งยอดบัตรเครดิตจำนวนสูงจนน่าตกใจ ดังนั้น ควรมีขั้นตอนปฏิบัติเบื้องต้น เมื่อได้รับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตในครั้งแรก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของบัตรด้วยตัวคุณเเอง (หรือถ้าใช้งานอยู่แล้ว แล้วยังไม่ได้ทำก็ควรทำ) ดังต่อไปนี้
เป็นขั้นตอนง่ายๆ หลังจากได้รับบัตรเครดิต/เดบิตแล้ว แต่ก็ต้องระมัดระวังในการใช้งานด้วยเช่นกัน ทีม NT cyfence มี 10 วิธี ใช้งานบัตรเครดิต/เดบิตให้ปลอดภัยมาฝากกัน 1. หากไม่จำเป็น งดใช้บัตรเดบิตบัตรเดบิต เป็นบัตรรูดซื้อสินค้าแทนเงินสดคล้ายบัตรเครดิต แต่ต่างกันตรงที่จะตัดเงินในบัญชีของเจ้าของบัญชีโดยตรง หากโดนฉ้อโกงบัตรเดบิต จึงยากที่จะได้รับเงินคืน ซึ่งในบางกรณีอาจหมายถึงเงินออมเลยทีเดียว ดังนั้นหากไม่จำเป็น งดใช้บัตรเดบิตจะดีที่สุด หรือหากต้องการใช้งาน สามารถเปิดใช้บริการ Virtual Credit Card (บัตรเครดิตเสมือน) จากธนาคารที่มีบัญชีเงินฝากอยู่ โดยจำกัดวงเงินใช้บริการให้แค่เพียงพอสำหรับชำระสินค้าหรือบริการนั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัย แบงค์ชาติได้กำหนดยกเลิกใช้บัตร ฯ ที่เป็นแถบแม่เหล็กทุกใบหลัง 15 ม.ค. 2563 และเปลี่ยนมาใช้บัตรชิปการ์ดที่มีระดับความปลอดภัยสูงกว่าบัตรรูปแบบเก่า ซึ่งปลอมแปลง-โจรกรรมข้อมูลยาก หากใครที่ยังมีบัตรเดบิตรุ่นเก่าอยู่ให้รีบไปเปลี่ยนบัตร ฯ ใหม่โดยด่วน 2. อย่าปล่อยให้บัตรคลาดสายตาการปล่อยให้บัตรเครดิตคลาดสายตาแค่แป๊บเดียว ก็อาจถูกขโมยข้อมูลบัตรได้ ดังนั้น ต้องคอยสังเกตบัตรของตัวเองอยู่เสมอ เมื่อยื่นให้พนักงานตอนจ่ายเงิน เพราะถ้าพบสิ่งผิดปกติจะได้รีบแก้ไขได้ทันท่วงที 3. เปิดใช้งาน โหมดไม่ระบุตัวตน เมื่อจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์สาธารณะในการทำรายการข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องใช้บัตรเครดิต เช่น หมายเลขบัตรเครดิตและรหัสผ่าน บนคอมพิวเตอร์สาธารณะ อาจถูกเก็บข้อมูลจากข้อมูลที่เก็บอยู่บนเครื่องได้ ดังนั้นควรเลือกใช้โหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito) ในเบราว์เซอร์ เพื่อป้องกันการถูกบันทึกข้อมูลในขณะใช้งาน 4. อย่าบันทึกรายละเอียดบัตร ฯ ไว้กับเบราเซอร์เบราว์เซอร์เช่น Chrome, Firefox หรือ Safari อาจเสนอการบันทึกรายละเอียดของบัตรเครดิตไว้เพื่อความสะดวก แต่นั่นคือ ความเสี่ยงของข้อมูลบัตร ฯ หากบัญชีนั้นถูกแฮก 5. อย่าใช้บัตรเครดิตกับเว็บไซต์ หรือ ร้านค้าออนไลน์ ที่ไม่น่าเชื่อถือการซื้อของออนไลน์ที่ใช้การตัดเงินผ่านบัตรเครดิต ก็เสี่ยงถูกขโมยข้อมูลเหมือนกัน ดังนั้น ควรเลือกเว็บไซต์ทางการ หรือ เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ มีชื่อเสียง มีรีวิวการซื้อขายและการดูแลความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้าเป็นอย่างดี 6. อย่าเปิดเผยข้อมูลบัตรเครดิตกับผู้อื่นโดยเฉพาะกับผู้ที่โทรศัพท์แอบอ้างว่าเป็น เจ้าหน้าที่ธนาคาร เนื่องจากธนาคารเกือบทั้งหมดไม่มีนโยบายสอบถามข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าทั้งทางโทรศัพท์หรืออีเมล ยกเว้นลูกค้าติดต่อเข้ามายังธนาคารเอง หากไม่มั่นใจควรสอบถามทางธนาคาร หากได้รับโทรศัพท์ หรือ อีเมลล์แปลก ๆ ที่ไม่น่าไว้ใจ 7. อย่าส่งอีเมล และ ระมัดระวังในการใช้โทรศัพท์ เมื่อจำเป็นต้องให้ข้อมูลบัตรฯแฮกเกอร์บางคนมีความสามารถในการใช้เครื่องมือค้นหา สแกน หาตัวเลขที่น่าจะเป็นบัญชีบัตรเครดิตได้ รวมทั้งควรระมัดระวังการสนทนาทางโทรศัพท์ในสถานที่พลุกพล่าน คนเยอะ เพราะอาจถูกคนอื่นแอบฟังข้อมูลบัตรเครดิตของเราได้ 8. ปิดรหัสเลข 3 หลัก CVVรหัส CVV คือเลข 3 หลักที่อยู่หลังบัตร เป็นรหัสการยืนยันตัวตนในการชำระเงินออนไลน์ และหากมิจฉาชีพได้รหัสนี้ไป ก็มีโอกาสที่จะนำไปซื้อสินค้าได้ง่าย ๆ การป้องกันเพียง จำตัวเลขหรือจดบันทึกรหัสไว้ในที่ปลอดภัย แล้วขูดรหัส CVV ด้านหลังบัตรทิ้ง หรือติดสติ๊กเกอร์ปิดรหัส CVV ไว้ ก็ได้เช่นกัน 9. ตรวจสอบรายการบัญชีอย่างสม่ำเสมอหากเป็นไปได้ให้ตั้งค่าการแจ้งเตือนการใช้บัตร ฯ ทางอุปกรณ์พกพา เช่น เปิดใช้งานแอปพลิเคชั่นบัตรเครดิต การแจ้งเตือนผ่าน SMS หรือ อีเมล เพื่อทราบสถานะของบัญชีอยู่เสมอ 10. ใช้บริการ Verified by Visa, MasterCard Secure Code หรือ JCB J/Secureเป็นบริการที่ผู้ออกบัตรร่วมกับ Visa, MasterCard และ JCB พัฒนาขึ้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต โดยจะให้ใช้งานบัตรด้วยรหัสผ่าน (Password) และข้อความยืนยันส่วนตัว (Personal Assurance Message: PAM) เท่านั้น แม้จะมีคนขโมยบัตร หรือจำเลขบัตรไป ก็จะไม่สามารถนำไปใช้จ่ายออนไลน์ได้ กรณีที่พบว่าบัตรเครดิตสูญหาย หรือถูกขโมย ขั้นตอนง่าย ๆ เพียง 3 ขั้น ที่ต้องทำโดยด่วน ดังนี้
นอกจากนั้น ควรเจรจากับธนาคารเพื่อชะลอการชำระเงินตามใบแจ้งหนี้จนกว่ากระบวนการต่าง ๆ จะแล้วเสร็จ มิฉะนั้นจะเป็นการรับสภาพหนี้ไปโดยปริยาย อ้างอิงที่มา: https://www.weststarbank.com/tools-and-resources/15-ways-to-protect-your-credit-card https://www.thebalance.com/difference-between-a-credit-card-and-a-debit-card-2385972 https://www.creditcardinsider.com/learn/credit-card-security/ https://www.finder.com/how-to-safely-use-a-credit-card-to-pay-for-online-purchases https://bettermoneyhabits.bankofamerica.com/en/credit/credit-card-protection https://moneyduck.com/th/วิธีรับมือกับบัตรเครดิตหาย https://www.moneyguru.co.th/banking-finance/articles/บัตรเครดิตหาย-ทำยังไง/ NT cyfence ทีมงานด้าน Cybersecurity ครบวงจรจาก NT ที่พร้อมให้คำปรึกษา และ ดูแลความปลอดภัยให้กับทุกองค์กร อย่างครบวงจร ด้วยทีมงานมืออาชีพ |