กลไก ไฟฟ า และอ เล กทรอน กส ppt ม.4

กลไก ไฟฟา และ อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ บอื งตน้

เข้าสู่บทเรยี น

เนือหาในบทเรยี น

กลไก (MECHANISM) ไฟฟา (ELECTRIC) อิเล็กทรอนกิ สเ์ บอื งต้น

(ELECTRONICS BASIC)

แบบทดสอบก่อนเรยี น

นกั เรยี นคิดวา่ ... "กลไก" หมายถึงอะไร?

กลไก (mechanism)

หมายถึง

สว่ นของอุปกรณ์ หรอื เปลียนทิศทาง

ทีทําหนา้ ทีสง่ ผา่ นการเคลือนที ความเรว็ ลักษณะการเคลือนที ทําใหม้ กี ารเปลียนตําแหนง่ จาก นอกจากนยี งั ชว่ ยผอ่ นแรง ต้นทางไปยงั ปลายทางของการ ทํางานไดง้ ่าย มปี ระสทิ ธภิ าพ

เคลือนที

ไขควง มกี ลไก หรอื ไม?่

เฉลย โดยใชห้ ลักการ มกี ลไก ล้อและเพลา

คําถาม

ไขควง เปนอุปกรณท์ ีชว่ ยผอ่ นแรงในการขนั สกรู ใชห่ รอื ไม่ อยา่ งไร

คําตอบ

ใช่ ชว่ ยใหข้ นั สกรแู ละทํางานง่ายขนึ

คําถาม

ไขควง เปนอุปกรณท์ ีทําหนา้ ที สง่ ผา่ นการ เคลือนที หรอื ไม่ อยา่ งไร

คําตอบ

เปน โดยเปนการสง่ ผา่ นการเคลือนทีจากดา้ ม ใหญไ่ ปยงั ปากไขควง

กลไก "ล้อและเพลา"

ซงึ เปนกลไกอยา่ งง่าย ทีพบเหน็ ในชวี ติ ประจาํ วนั

เพลา คือ กลไลทีชว่ ยผอ่ นแรงใน การทํางาน ประกอบดว้ ยวตั ถทุ รง กระบอก 2 อันทีมขี นาดแตก

ล้อ ต่างกัน และอยูต่ ิดกัน วตั ถใุ หญเ่ รยี กวา่ "ล้อ" วตั ถเุ ล็กเรยี กวา่ "เพลา"

*เมอื วตั ถอุ ยา่ งใดอยา่ งหนงึ หมุน อีกวตั ถกุ ็จะหมุนตาม

ตัวอยา่ งการนาํ กลไก ล้อและเพลาไปประยุกต์ใชง้ าน

ไขควง

พดั ลม

สวา่ นไฟฟา

เพลาและเฟอง นาํ ไปใชก้ ับรถจกั รยาน

"ไฟฟา"

มคี วามจาํ เปนต่อการใชช้ วี ติ อยา่ งไร...?

ไฟฟา

เกิดจากการเคลือนทีของ อิเล็กตรอนหรอื โปรตอน

นาํ ไปใชโ้ ดยเปลียนเปนพลังงานรูปแบบอืนๆได้ เชน่

เเสงสวา่ ง ความรอ้ น เสยี ง การเคลือนที

ชนดิ ของไฟฟา ใชใ้ นบา้ นเรอื นทัวไป

ใชก้ ับอุปกรณพ์ กพา

ไฟฟากระเเสตรง ไฟฟากระเเสสลับ

ไฟฟามที ิศทางเคลือนทีใน ไฟฟามที ิศทางเคลือนทีใน วงจร"ไปทิศทางเดียว"ได้เเก่ วงจร"ไป-กลับตลอดเวลา"

Bettery,Solar cell ได้เเก่ ไดนามา

ตัวอยา่ งวงจรไฟฟาอยา่ งง่าย

วงจรไฟฟาของไฟฉาย

จา่ ยไฟกระเเสตรง นาํ ไฟฟา โดยใช้ อุปกรณท์ ีเแลียน ให้เเก่อุปกรณ์ สายไฟ/โลหะ ไปยงั พลังงานไฟฟาเปน

อุปกรณต์ ่างๆ พลังงานรูปอืน

แหล่งกําเนดิ ไฟฟา ตัวนาํ ไฟฟา อุปกรณไ์ ฟฟา

สญั ลักษณ์เเละตัวอยา่ งการใชง้ าน

ของอุปกรณไ์ ฟฟาเเละอิเล็กทรอนกิ สพ์ นื ฐาน

อุปกรณ์ สญั ลักษณ์ ตัวอยา่ งการใชง้ าน

รถของเล่น รโี มท ไฟฉาย นา ิกา

โคมไฟ พดั ลม เครอื งใชไ้ ฟฟา

สญั ลักษณ์เเละตัวอยา่ งการใชง้ าน

ของอุปกรณไ์ ฟฟาเเละอิเล็กทรอนกิ สพ์ นื ฐาน

อุปกรณ์ สญั ลักษณ์ ตัวอยา่ งการใชง้ าน

สว่ นประกอบพนื ฐานทีพบในทกุ

วงจรไฟฟา

หลอดไฟให้แสง สวา่ งตามบา้ น

สญั ลักษณ์เเละตัวอยา่ งการใชง้ าน

ของอุปกรณไ์ ฟฟาเเละอิเล็กทรอนกิ สพ์ นื ฐาน

อุปกรณ์ สญั ลักษณ์ ตัวอยา่ งการใชง้ าน

ปายโฆษณา ไฟฉาย ไฟท้ายรถยนต์

ลําโพง

แบบทดสอบหลังเรยี น

CREATE BY. . . จดั ทําโดย

RUNGWIT THONGTORTHAM นายรุง่ วทิ ย์ ตรงต่อธรรม

สาขาเทคโนโลยกี ารศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยบูรพา

กลไก ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์

วชิ าเทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี)

ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔

โดย ธัญธิฌาย์ นันทวงษ์

1

กลไก

ไฟฟ้าและอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์

กลไก

จะทางานนนั้ ตอ้ งอาศยั อปุ กรณ์หรอื ชนิ้ สว่ นเป็นตวั ทาให้ เกิดการทางานในลกั ษณะตา่ งๆ ซึ่งอุปกรณ์แตล่ ะประเภท จะมีหนา้ ทแ่ี ตกตา่ งกนั ไป และจาเป็นอยา่ งยงิ่ ทตี่ อ้ งควบคมุ การทางานใหเ้ ปน็ ไปตามความตอ้ งการ

ไฟฟา้

พลังงานรปู แบบหนงึ่ ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การเคลอื่ นทขี่ องอิเลก็ ตรอน หรอื โปรตอน นามาใชป้ ระโยชนโ์ ดยทาใหเ้ ปลย่ี นเปน็ พลังงาน รปู แบบอน่ื ๆ ได้ เช่น แสงสวา่ ง ความร้อน เสียง การเคลอ่ื นที่

ไฟฟา้ และอเิ ลก็ ทรอนกิ สเ์ ปน็ สงิ่ ทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ นั ในการสรา้ งเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ต่างๆ เพอื่ ทาหนา้ ทค่ี วบคมุ ปรมิ าณ หรอื ทศิ ทางของกระแสไฟฟา้

อเิ ลก็ ทรอนิกส์

การควบคมุ การเคลอื่ นทขี่ องกระแสไฟฟา้ เพอ่ื ใหไ้ ดป้ ริมาณ หรือทศิ ทางการเคลอื่ นทขี่ องกระแสไฟฟา้ ตามทตี่ อ้ งการ อุปกรณท์ างอเิ ลก็ ทรอนกิ สม์ หี ลายชนดิ เชน่ หลอด LED

เกร็ดความรู้

ไฟฟ้าแบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ “ไฟฟ้ากระแสตรง” คอื ไฟฟา้ ทีม่ ที ิศทางการเคล่อื นทใ่ี นวงจรไปทางเดยี ว แหล่งกาเนดิ แบตเตอร่ี โซลาร์เซลล์ ส่วนมากเราจะใช้ในอปุ กรณพ์ กพา “ไฟฟา้ กระแสสลบั ” คือ ไฟฟ้าทม่ี ที ศิ ทางการเคลอ่ื นท่ใี นวงจรไปกลบั ตลอดแหลง่ กาเนดิ ไดนาโม ใชก้ ันตามบา้ นเรอื น มขี นาดแรงดันไฟฟ้า

220 โวลต์

เฟือง (Gears) 2

ลกั ษณะ

เปน็ ชน้ิ สว่ นเครอื่ งกลทมี่ รี ปู รา่ งเปน็ จานแบนรปู วงกลม ตรงขอบมลี ักษณะ

เป็นแฉก (เรียกวา่ ฟนั เฟอื ง)

ลกั ษณะการใชง้ าน

สามารถนามาใชส้ ง่ ผา่ นแรงหมนุ ปรบั ความเรว็ , แรงหมนุ และ ทศิ ทางการหมนุ ในเครอื่ งจกั รได้ มคี วามสามารถคล้ายคลงึ กับ

ระบบสายพาน แต่จะดีกวา่ ตรงทรี่ ะบบเฟอื งจะไมส่ ญู เสยี พลงั งานไปกบั การยดื หดและการลนื่ ไถลของสายพาน

ประเภทของเฟอื ง เฟืองดอกจอก (Bevel Gears)

เฟืองเฉยี ง (Helical Gears) มักถกู นาไปใชง้ านในยานพาหนะทง้ั ทาง มลี กั ษณะคลา้ ยเฟอื งตรง แต่ลกั ษณะแนวของ บกและทางนา้ เช่น ยานยนตโ์ ดยเฉพาะ ฟันเฟืองจะไมข่ นานกบั เพลาแตจ่ ะทามมุ เฉียง ในระบบสง่ กาลงั และขบั เคลอ่ื น

เฟอื งตรง (Spur Gears) เฟืองตวั หนอน (Worm Gears)

ประสทิ ธภิ าพในการใชง้ านสงู ประกอบงา่ ย และ ทางานในรปู แบบการหมนุ จะทามมุ กันท่ี สญู เสยี พลงั งานตา่ เพราะแรงลนื่ ไถลมนี อ้ ย มมุ ฉาก 90 องศา ทางานเสยี งเงยี บและ มแี รงสนั่ สะเทอื นเกดิ ขน้ึ นอ้ ย เฟอื งสะพาน (Rack Gears) เฟอื งเกลยี วสกรู (Spiral Gears) ถกู นาไปใชง้ านในการสง่ ถ่ายกาลงั ในเครอื่ งจักร กล ใช้ในเครอ่ื งกลงึ ยนั ศนู ยท์ ชี่ ว่ ยใหแ้ ทน่ เลอื่ น นิยมใชใ้ นระบบเฟอื งสง่ กาลงั ของรถยนต์ เคลือ่ นท่ี ซ้าย-ขวา ไมเ่ หมาะทจ่ี ะใชก้ บั ระบบสง่ กาลงั ที่มี กาลงั มาก ๆ เฟืองวงแหวน (Internal Gears)

เป็นเฟอื งสาหรบั ปมั๊ นา้ มนั เครอื่ งของเครื่องยนต์ โดยทเ่ี ฟอื งตวั เลก็ ทอ่ี ยภู่ ายในเป็นตวั ขับสว่ นตวั ใหญ่จะหมนุ ในลกั ษณะการเยอ้ื งศนู ยเ์ พอื่ ดดู นา้ มันเครอ่ื งสง่ ไปใชง้ าน

รอก (Spully) 3

ลักษณะ

มีลกั ษณะเปน็ วงลอ้ ทหี่ มนุ ได้ มีเส้นเชอื ก คล้องผา่ นวงลอ้ ใหส้ ามารถหมนุ ไดเ้ ปน็ ระบบ

ลักษณะการใชง้ าน

-ใชผ้ อ่ นแรง เช่น ยา้ ยวสั ดทุ มี่ นี า้ หนกั มากใชร้ ถเครนซงึ่ มรี อก พวกเปน็ กลไกสาคญั ในการยา้ ย -ใช้อานวยความสะดวกและทาใหเ้ กดิ การเคลอ่ื นท่ีในแนวต่างๆ

การเคลอ่ื นทใ่ี นแนวตา่ งๆ

-แนวราบ เคล่ือนทต่ี ามแนวเสน้ ตรงขนานกบั พืน้ เช่น การเคลื่อนที่ กระเชา้ ไฟฟา้ -แบบวงกลม เคล่ือนทต่ี ามเสน้ รอบวงกลม เช่น มอเตอรใ์ นเครอ่ื งซกั ผา้ ทีท่ าใหต้ ัวเครอ่ื งหมนุ -เคลอ่ื นทจ่ี ากการหมนุ เปน็ เสน้ ตรง เชน่ ม้วนสายเบด็ ตกปลา

ประเภทของรอก

รอกเดย่ี วตายตวั รอกเดย่ี วเคลอ่ื นที่ รอกพวง เปน็ รอกท่ชี ว่ ยอานวยความสะดวก เปน็ รอกทีช่ ว่ ยอานวยความ เกิดจากการนารอกหลาย ๆ ตัวมา ผกู ในการทางานแตไ่ มช่ ่วยผ่อนแรง สะดวก และชว่ ยผ่อนแรง ตอ่ กนั เป็นพวง ทาให้ผอ่ นแรง มากข้นึ

4

อุปกรณ์ไฟฟา้

มอเตอร์

แปลงพลงั งานไฟฟา้ เปน็ พลงั งานกล มเี พลามอเตอร์ ซ่ึง เป็นส่วนทต่ี อ่ เขา้ กบั อปุ กรณท์ ต่ี อ้ งการให้เกดิ การเคลอื่ นท่ี ในลกั ษณะ การหมนุ เช่น ใบพดั เพลาของอปุ กรณต์ ่าง ๆ

ประเภทของมอเตอร์

  1. มอเตอรไ์ ฟฟา้ กระแสตรง หรอื ดี.ซี มอเตอร์ เปน็ มอเตอร์ท่ีตอ้ งใชก้ ับแหล่งจา่ ยไฟฟา้ กระแสตรง เช่น เซลล์ไฟฟา้ หรือ

แบตเตอรี่ มอเตอร์ประเภทน้ี สามารถควบคมุ การหมนุ ใหห้ มุนตามเขม็ นาฬกิ า หมุน ทวนเขม็ นาฬกิ า หรอื หยดุ หมนุ ไดง้ า่ ย ซงึ่ อัตราเรว็ ของการหมนุ ขนึ้ อยกู่ ับ แรงเคลื่อนไฟฟา้ หรอื ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ทจ่ี ่ายใหก้ ับมอเตอร์

  1. มอเตอรไ์ ฟฟา้ กระแสสลบั หรอื เรียกว่า เอ.ซีมอเตอร์ เปน็ มอเตอรท์ ี่ตอ้ งใชก้ บั แหล่งจา่ ยไฟฟา้ ท่ีใชใ้ นบ้านเรอื น ในชวี ิตประจาวนั มี

การใช้งานของ มอเตอรก์ ระแสสลับในเครอื่ งใช้ไฟฟา้ หลายชนดิ โดยเฉพาะ เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ทีม่ ลี ักษณะการเคลอ่ื นไหว แบบหมุน เช่น เคร่ืองซกั ผา้ พดั ลม เครือ่ งปนั่

5

อปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์

1. ตัวต้านทาน (resistor)

เป็นอปุ กรณท์ ม่ี สี มบตั ใิ นการตา้ นการเคลอ่ื นทขี่ องกระแสไฟฟา้ มี หนว่ ยเปน็ โอหม์ ถา้ ตวั ตา้ นทานมคี า่ มากจะทาใหม้ กี ระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน ได้นอ้ ย สามารถอา่ นคา่ ตวั ตา้ นทานไดจ้ ากแถบสี

2. แอลดอี าร์ (Light Dependent Resistor : LDR) เปน็ ตวั ตา้ นทานทเ่ี ปลยี่ นคา่ ได้ โดยคา่ ความตา้ นทานเปลย่ี นไปตามปรมิ าณแสงทตี่ ก กระทบ จงึ ใชเ้ ปน็ ตวั รบั รคู้ วามสวา่ ง เมอ่ื มแี สงมาตกกระทบแอล ดีอารน์ อ้ ยความตา้ นทานจะมาก ใชใ้ นวงจรเปดิ -ปดิ แสงสวา่ งอตั โนมตั ไิ ด้

3. ตัวเกบ็ ประจอุ เิ ลก็ โทรไลต(์ Electrolytic capacitor) ใชใ้ นงานทตี่ อ้ งการคา่ ความตา้ นทานของฉนวนทม่ี คี า่ สงู และมเี สถยี รภาพแวดลอ้ มทม่ี ี

อุณหภมู สิ งู โดยมากนยิ มใชใ้ นวงจรจา่ ยกาลงั ไฟฟา้ สงู เชน่ เครอ่ื งปรบั อากาศ แหล่งจา่ ยไฟฟา้ กระแสตรง

4. ตัวเกบ็ ประจปุ ระเภท เซรามกิ (Ceramic capacitor) เปน็ ตวั เกบ็ ประจทุ ใี่ ชเ้ ซรามกิ เปน็ ไดอเิ ลก็ ตรกิ และเกบ็ ประจไุ ดไ้ มเ่ กนิ

1 ไมโครฟารดั นยิ มใชก้ นั ทว่ั ไปเพราะมรี าคาถกู เหมาะสาหรบั ใชใ้ นวงจรยา่ นความถว่ี ิทยุ

5. ไดโอดธรรมดา (normal diode) ควบคมุ การเคลอ่ื นทข่ี องกระแสไฟฟา้ ใหผ้ า่ นทางเดยี ว ไดโอดมขี ว้ั ไฟฟา้

บวกและขว้ั ไฟฟา้ ลบ หากต่อวงจรผดิ กระแสไฟฟา้ จะไมส่ ามารถผา่ นได้ ช่วยปอ้ งกนั อปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนกิ สไ์ มใ่ หถ้ กู ทาลายจากการเคลอ่ื นทีข่ องกระแสไฟฟา้ ผิดทาง

6

อุปกรณอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส์

6. ไดโอดเปลง่ แสง (Light Emitting Diode : LED) เปลย่ี นพลังงานไฟฟา้ เปน็ พลงั งานแสงและแสงทเ่ี ปลง่ ออกมามหี ลายสี

ข้ึนอยกู่ บั ประเภทสารกงึ่ ตวั นาทผ่ี ลติ ใช้ในเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ตา่ งๆ ทมี่ ตี ัวเลขและตวั หนงั สอื เรืองแสง เช่น วทิ ยเุ ทป หนา้ ปดั นาฬกิ า เครอ่ื งคดิ เลข จอโทรทศั น์

7. สวติ ซก์ ลไก (mechanical switch) ทาหน้าที่ตดั ต่อ วงจรไฟฟา้ เมอื่ ไดร้ บั แรงกด สวิตซแ์ บบนมี้ กั นาไปใชง้ านใน

อตุ สาหกรรมหรอื เครอ่ื งจกั รทเี่ ปน็ ระบบอตั โนมตั ิ

8. รีดสวติ ซ์ (reed switch) ทาหนา้ ท่ีควบคมุ การเปดิ -ปดิ จากการตรวจจบั ความเขม้ ของสนามแมเ่ หลก็ แทนการกด

มกั จะนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นวงจรสญั ญาณกนั ขโมย เพ่อื ตรวจจบั การเปดิ -ปดิ ประตู

9. โฟโตไดโอด (photo diode) ทาหน้าทเี่ ปลยี่ นแสงใหเ้ ปน็ พลงั งานไฟฟา้ โดยคา่ การนากระแสไฟฟา้ จะมากขนึ้ เมอื่ มี

ความเขม้ แสงมากขน้ึ ใชง้ านในวงจรเปดิ -ปดิ ไฟถนนอตั โนมตั ิ

10. อาทีดี (Resistor Temperature Detector : RTD) ใชห้ ลกั การทคี่ า่ ความตา้ นทานมกี ารเปลย่ี นแปลงขน้ึ

อยกู่ บั คา่ อณุ หภมู ิ มักใชใ้ นอตุ สาหกรรม เนอื่ งจากมรี าคาทแี่ พง

7

อปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนกิ ส์

11. เทอร์โมคปั เปลิ (thermocouple) ทาหนา้ ทเี่ ปลี่ยนพลงั งานความร้อนเปน็ พลงั งานไฟฟ้า

อปุ กรณน์ จ้ี ึงมักจะประยกุ ตใ์ ชใ้ นการตรวจจบั อณุ หภมู ิในตเู้ ยน็ และ เคร่ืองปรบั อากาศในรถยนต์

12. คอนเดนเซอรไ์ มโครโฟน (condenser microphone) เปลยี่ นเสยี งเปน็ พลงั งานไฟฟา้ คา่ ความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟา้ ขน้ึ กบั คา่ ความดังและ

ความถเี่ สยี ง ไมโครโฟนชนดิ นี้นาไปใชใ้ นโทรศพั ทไ์ รส้ าย วงจรตรวจจบั เสยี ง

13. อัลตราโซนิก เซนเซอร์ (ultrasonic sensor ) เปลยี่ นเสยี งเปน็ พลงั งานไฟฟา้ เชน่ เดยี วกบั คอนเดนเซอรไ์ มโครโฟน

ตอบสนองท่ีความถปี่ ระมาณ 38-40 กโิ ลเฮริ ตซ์ ซึง่ สงู กวา่ ทมี่ นษุ ยไ์ ดย้ นิ มกั นาไปใชว้ ดั ระยะทาง

14. แผงวงจร IPST – Link เป็นแผงวงจรทใ่ี ชร้ ว่ มกบั ซอฟแวร์ Scratch เพือ่ เรยี นรกู้ ารเขยี นโปรแกรม

แบบบล็อก และเชอื่ มตอ่ กบั เซน็ เซอร์

15. แผงวงจร IPST – MicroBox เปน็ แผงวงจรสาหรบั การควบคมุ หลกั จะมไี มโครคอนโทลเลอรค์ วบคมุ การทางาน ผา่ นคอมพิวเตอรด์ ว้ ยโปรแกรมภาษา C/C++จากซอฟแวร์ Arduinoและ สามารถรบั ขอ้ มลู จากสง่ิ แวดลอ้ มไดเ้ ชน่ แสง อุณหภมู ิ เปน็ ตน้ และมจี ดุ ตอ่ เพื่อสง่ สญั ญาณไปควบคมุ อปุ กรณภ์ ายนอก เช่น ไดโอดเปล่งแสง และ จอแสดงผลแบบกราฟกิ สี

E - BooK

Electronic devices

9

อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์

เป็ นอุปกรณ์ที่ควบคุมหรือออกแบบการไหลของ กระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า โดยมีชิ้นส่วนหรือ อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ เป็ นส่วนประกอบ จะทาหน้าท่ีควบคุม การไหลของกระแสไฟฟ้า

สรุปง่ายๆ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คือ อุปกรณ์ท่ี สา ม า ร ถ ใ ช้ง า น ไ ด้ก็ ต่ อ เ ม่ื อ มี ก า ร ไ ห ล ผ่า น ข อ ง กระแสไฟฟ้า เมื่อกระแสไฟฟ้าผ่านชิ้นส่ วนของ อิเล็กทรอนิกส์แลว้ ก็จะทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงไป ในทางใดทางหน่ึง เช่น มีขนาดของกระแสไฟฟ้าลดลง หรือมีขนาดความต่างศกั ยเ์ ปล่ียนแปลงไป

10

อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ มอี ะไรบ้าง ?

ไปอ่านทาความเขา้ ใจแบบง่ายๆ กนั เลย

1. ตัวต้านทาน (resistor)

เป็ นอุปกรณ์ที่มีสมบัติในการต้านการเคลื่อนท่ีของ กระแสไฟฟ้า มีหน่วยเป็น โอห์ม ถา้ ตวั ตา้ นทานมีค่ามากจะ ทาให้มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไดน้ ้อย สามารถอ่านค่าตวั ตา้ นทานไดจ้ ากแถบสี

11

2. แอลดีอาร์ (Light Dependent Resistor : LDR)

เป็ นตัวต้านทานที่เปล่ียนค่าได้ โดยค่าความต้านทาน เปลี่ยนไปตามปริมาณแสงท่ีตกกระทบ จึงใช้เป็ นตวั รับรู้ ความสว่าง เมื่อมีแสงมาตกกระทบแอลดีอาร์น้อยความ ตา้ นทานจะมาก ใชใ้ นวงจรเปิ ด-ปิ ดแสงสวา่ งอตั โนมตั ิได้

12

3. ตวั เกบ็ ประจุอเิ ลก็ โทรไลต์ (Electrolytic capacitor)

ใชใ้ นงานท่ีตอ้ งการค่าความตา้ นทานของฉนวนท่ีมี ค่าสูงและมีเสถียรภาพแวดลอ้ มท่ีมีอุณหภูมิสูง โดยมาก นิยมใชใ้ นวงจรจ่ายกาลงั ไฟฟ้าสูง เช่น เคร่ืองปรับอากาศ แหล่งจ่ายไฟฟ้ากระแสตรง

13

4. ตวั เกบ็ ประจุประเภท เซรามกิ (Ceramic capacitor)

เป็ นตวั เก็บประจุที่ใชเ้ ซรามิกเป็ นไดอิเล็กตริกและเก็บ ประจุไดไ้ ม่เกิน 1 ไมโครฟารัด นิยมใช้กนั ทวั่ ไปเพราะมี ราคาถูก เหมาะสาหรับใชใ้ นวงจรยา่ นความถี่วิทยุ

14

5. ไดโอดธรรมดา (normal diode)

ควบคุมการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้าให้ผา่ นทางเดียว ไดโอดมีข้วั ไฟฟ้าบวกและข้วั ไฟฟ้าลบ หากต่อวงจรผิด กระแสไฟฟ้าจะไม่สามารถผ่านได้ ช่วยป้องกันอุปกรณ์ อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ไ ม่ ใ ห้ ถู ก ท า ล า ย จ า ก ก า ร เ ค ล่ื อ น ท่ี ข อ ง กระแสไฟฟ้าผดิ ทาง

15

6. ไดโอดเปล่งแสง (Light Emitting Diode : LED)

เปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานแสงและแสงที่เปล่ง ออกมามีหลายสี ข้ึนอยกู่ บั ประเภทสารก่ึงตวั นาที่ผลิตใชใ้ น เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีตวั เลขและตวั หนังสือเรืองแสง เช่น วทิ ยเุ ทป หนา้ ปัดนาฬิกา เคร่ืองคิดเลข จอโทรทศั น์

16

7. สวติ ซ์กลไก (mechanical switch)

ทาหนา้ ท่ีตดั ต่อ วงจรไฟฟ้าเมื่อไดร้ ับแรงกด สวิตซ์ แบบน้ีมกั นาไปใชง้ านในอุตสาหกรรมหรือเคร่ืองจกั รท่ีเป็น ระบบอตั โนมตั ิ

17

8. รีดสวติ ซ์ (reed switch)

ทาหนา้ ท่ีควบคุมการเปิ ด-ปิ ดจากการตรวจจบั ความเขม้ ของสนามแม่เหล็กแทนการกด มกั จะนาไปประยกุ ตใ์ ชใ้ น วงจรสญั ญาณกนั ขโมย เพือ่ ตรวจจบั การเปิ ด-ปิ ดประตู

18

9. โฟโตไดโอด (photo diode)

ทาหน้าที่เปล่ียนแสงให้เป็ นพลงั งานไฟฟ้าโดยค่าการ นากระแสไฟฟ้าจะมากข้ึนเมื่อมีความเขม้ แสงมากข้ึน ใช้ งานในวงจรเปิ ด-ปิ ดไฟถนนอตั โนมตั ิ

19

10. อาทีดี (Resistor Temperature Detector : RTD)

ใชห้ ลกั การที่ค่าความตา้ นทานมีการเปล่ียนแปลงข้ึน อยู่กบั ค่าอุณหภูมิ มกั ใชใ้ นอุตสาหกรรม เนื่องจากมีราคาท่ี แพง

20

11. เทอร์โมคปั เปิ ล (thermocouple)

ทาหนา้ ท่ีเปล่ียนพลงั งานความร้อนเป็ นพลงั งานไฟฟ้า อุปกรณ์น้ีจึงมกั จะประยุกตใ์ ชใ้ นการตรวจจบั อุณหภูมิใน ตูเ้ ยน็ และเครื่องปรับอากาศในรถยนต์

21

12. คอนเดนเซอร์ไมโครโฟน (condenser microphone)

เปล่ียนเสียงเป็ นพลงั งานไฟฟ้า ค่าความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้า ข้ึนกับค่าความดังและความถ่ีเสียง ไมโครโฟนชนิดน้ี นาไปใชใ้ นโทรศพั ทไ์ ร้สาย วงจรตรวจจบั เสียง

22

13. อลั ตราโซนิก เซนเซอร์ (ultrasonic sensor )

เปลี่ยนเสียงเป็ นพลงั งานไฟฟ้าเช่นเดียวกบั คอนเดนเซอร์ ไมโครโฟน ตอบสนองที่ความถี่ประมาณ 38-40 กิโลเฮิรตซ์ ซ่ึงสูงกวา่ ท่ีมนุษยไ์ ดย้ นิ มกั นาไปใชว้ ดั ระยะทาง

23

14. แผงวงจร IPST – Link

เป็นแผงวงจรท่ีใชร้ ่วมกบั ซอฟแวร์ Scratch เพื่อเรียนรู้การ เขียนโปรแกรมแบบบลอ็ ก และเช่ือมต่อกบั เซ็นเซอร์

24

15. แผงวงจร IPST – MicroBox

เ ป็ น แ ผ ง ว ง จ ร ส า ห รั บ ก า ร ค ว บ คุ ม ห ลั ก จ ะ มี ไมโครคอนโทลเลอร์ควบคุมการทางานผ่านคอมพิวเตอร์ ด้วยโปรแกรมภาษา C/C++จากซอฟแวร์ Arduinoและ สามารถรับขอ้ มูลจากสิ่งแวดล้อมได้เช่น แสง อุณหภูมิ เป็ นตน้ และมีจุดต่อเพื่อส่งสัญญาณไปควบคุมอุปกรณ์ ภายนอก เช่น ไดโอดเปล่งแสง และ จอแสดงผลแบบ กราฟิ กสี