สาระสำคัญ/ความคิดรวมยอดดนตรีจัดเป็นศิลปะที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและสังคมของมนุษย์มาตั้งแต่อดีต เป็นเสียงที่ถูกเรียบเรียงขึ้นเป็นทำนองที่เชื่อมโยงองค์ประกอบสำคัญเข้าด้วยกัน และมีการสร้างสรรค์ดนตรีเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่ผู้คนในสังคมสร้างสรรค์ขึ้นออกมาเป็นบทเพลง ตัวชี้วัด/จุดประสงค์การเรียนรู้จุดประสงค์ - ด้านความรู้ เปรียบเทียบการใช้องค์ประกอบดนตรีที่มาจากวัฒนธรรมต่างกัน - ด้านทักษะและกระบวนการ บรรยายบทบาท และอิทธิพลของดนตรี การวัดผลและประเมินผลการประเมินผล 1 วิธีการ 1.1 ตรวจแบบทดสอบ 1.2 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ 2 เครื่องมือ 2.1 แบบประเมินทักษะและกระบวนการนำความรู้ไปใช้ 2.3 แบบทดสอบ 3 เกณฑ์ 3.1 ทำแบบทดสอบได้ร้อยละ 60 ขึ้นไป 3.2 มีทักษะอยูในระดับคุณภาพ ดี ขึ้นไปร้อยละ 80 3.1 มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์อยู่ในระดับคุณภาพดีขึ้นไป ร้อยละ 80
ดนตรีเป็นศิลปะของมนุษยชาติที่ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดทางวัฒนธรรมของแต่ละวัฒนธรรมจึงย่อมมีการผสมผสาน ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ซึ่งปัจจัยสำคัญ 2 ประการ ที่มีอิทธิพลต่องานดนตรีของประเทศไทย คือ เพลงสรรเสริญพระบารมี
เพลงมหาชัย
เพลงมหาฤกษ์
1.2 ช่วงหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ.2475 ได้มีการใช้เพลงชาติ ฉบับที่พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะการ) ประพันธ์ทำนอง และขุนวิจิตรมาตรา (สง่า
กาญจนาคพันธุ์) ประพันธ์เนื้อเพลง แต่ใช้เป็นระยะเวลาสั้นๆ อย่างไม่เป็นทางการ เพลงชาติไทย
1.3 ช่วงสมัยรัฐนิยม การเมืองของประเทศไทยหลังปี พ.ศ.2475 เป็นต้นมา รัฐบาลมีความต้องการจะพัฒนาประเทศให้มีความทันสมัยเหมือนอย่างตะวันตก รวมทั้งต้องการปลูกฝังให้คนไทยมีความคิดแบบชาตินิยม
จึงพยายามกำหนดวัฒนธรรมใหม่ให้คนไทยยึดถือปฏิบัติ แนวความคิดนี้มีความชัดเจนมากในรัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี พ.ศ.2481-2487 ได้ออกประกาศรัฐนิยมถึง 12 ฉบับ ซึ่งประกอบไปด้วยกิจกรรมหลายลักษณะ รวมทั้งดนตรีก็ถูกนำไปมีส่วนร่วมในการสร้างความรู้สึกรักชาตินิยมด้วย ซึ่งหน่วยงานที่เป็นหลักในการดำเนินงนสร้างจิตสำนึกรักชาติ ได้แก่ กรมศิลปากรและกรมโฆษณาการ บุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการทำงาน คือ หลวงวิจิตรวาทการ (กิมเหลียง วัฒนปฤดา)
ที่ใช้ละครเป็นเครื่องมือสื่อสารแนวคิดในการรักชาติ 1.4 ช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 สถานการณืบ้านเมือบงในขณะนั้น มีความแตกแยกทางความคิดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์
ในขณะเดียวกันก็เกิดการต่อต้านลัทธิทุนนิยมตะวันตก รวมทั้งประชาชนเกิดความต้องการให้บ้านเมืองมีการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาคนยากจนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบและไม่ได้รับความเป็นธรรมต่างๆ วงคาราวาน วงแฮมเมอร์
ช่วงเวลาดังกล่าวก็มีดนตรีในอีกลักษณะหนึ่ง คือ เพลงปลุกใจ ที่มีเนื้อหาสาระเน้นให้รักชาติ รักแผ่นดิน ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ ต่อต้านผู้ที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย เพลงปลุกใจเป็นเพลงที่มีอิทธิพลต่อการกระตุ้นพลังภายในของผู้ฟังให้กระตือรือร้น เกิดความฮึกเหิม กล้าหกาญ ฯลฯ เพลงปลุกใจที่นิยมนำมาขับร้องบ่อย เช่น เพลงหนักแผ่นดิน เพลงถามคนไทย เพลงอยุธยารำลึก เพลงรักกันไว้เถิด เพลงตืนเถดชาวไทย เพลงต้นตระกูลไทย เป็นต้น ต้นตระกูลไทย
ภายหลังเหตุการ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 มาจนถึงปัจจุบัน สภาพบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็นอันมาก และแม้ในบางช่วงจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ภาพดนตรีก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบมากนัก เพียงแต่มีการปรับให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและการแข่งขันทางเศรษฐกิจค่ายเพลง อย่างเพลงเพื่อชีวิตก็ไม่เน้นเรื่องราวของชนชั้นกรรมาชีพมากนัก แต่จะกล่าวถึงเรื่องราวที่สังคมให้ความสน รวมทั้งความรักของหนุ่มสาวด้วย หรือจากจังหวะทำนองที่เรียบง่ายหลายเพลง ก็เปลี่ยนเป้นจังหวะทำนองที่สนุกสนานแทน เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผุ้ฟังที่เป็นวัยรุ่นได้ง่ายขึ้น เนื้อหาของเพลงปลุกใจจะเป็นเรื่องรวหลากหลายมากกว่าเดิม เช่น เน้นในเรื่องการรู้การรู้จักสามัคคี ความจงรักภักดี การอนุรักษ์ทรัพยากระรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น 2. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีกับงานดนตรี
นอกจากการประดิษฐ์เครื่องมือเกี่ยวกับการบันทึกเสียงแล้ว ยังมีการปรับปรุงคุณภาพของงานดนตรีโดยนักฟิสิกส์ชื่อว่า "อเล็กซานเดอร์ เจ.เอลลิส" (Alexander J.Ellis) ได้ศึกษาวิธีวัดระยะขั้นคู่เสียง โดยกำหนดให้ 1 ช่วงทบเสียง (Octave) มีค่าเท่ากับ 1,200 เซ็นต์ โยแบ่งระยะครึ่งเสียงในดนตรีตะวันตก 100 เซ็นต์ ซึ่งวิธีคิดเช่นนี้คงใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ผลิตภัณฑ์ WINKWHITE |