1 มิ.ย. 2022 Show [ประเด็นสำคัญ] Working Capital หรือ เงินทุนหมุนเวียน คือ เงินทุนส่วนที่เหลือ ที่กิจการสามารถนำไปใช้หมุนเวียน สำหรับการดำเนินงานในแต่ละวัน คำนวณได้จากเงินทุนหมุนเวียน = สินทรัพย์หมุนเวียน - หนี้สินหมุนเวียน สำหรับเงินทุนหมุนเวียน เราจะมองเป็นกรอบระยะเวลา 1 ปี ยกตัวอย่างเช่น และมีหนี้สินหมุนเวียน ดังนี้ แปลว่าบริษัท A จะมีเงินทุนหมุนเวียน เท่ากับ 1,500,000 บาท ถ้าเงินทุนหมุนเวียนมีค่าเป็นบวก
ถ้ามีค่าเป็นลบ เราจะเห็นได้ว่าทั้งสินค้าคงคลัง, ลูกหนี้การค้า และเจ้าหนี้การค้า จึงมีอีกการคำนวณที่เฉพาะเจาะจงลงไป เพื่อใช้ดูเงินทุนหมุนเวียนได้อีกวิธี จากตัวอย่างของบริษัท A สามารถคำนวณเงินทุนหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเงินทุนหมุนเวียนนั้นควรจะมีค่าเป็นบวก แต่การที่มีเงินทุนหมุนเวียนมากเกินไป ก็อาจไม่ใช่สิ่งที่ดี เพราะถือเป็นการเสียโอกาสในการนำทุนไปหาผลตอบแทนทางอื่น ในขณะที่แต่ละธุรกิจ ก็ต้องการเงินทุนหมุนเวียนในจำนวนที่ไม่เท่ากัน ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจค้าปลีกที่ต้องเติมสินค้าตามฤดูกาล หรือธุรกิจขนาดเล็กที่มีอำนาจต่อรองไม่มาก ก็อาจจะต้องมีเงินทุนหมุนเวียนมากกว่า สุดท้ายแล้วเงินทุนหมุนเวียน ต้องมีมากแค่ไหนถึงจะพอดี การบริหารกิจการให้สำเร็จนั้น ผู้บริหารจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการรักษาความสมดุลของเงินทุนหมุนเวียนในอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม โดยสามารถดูหรือคาดคะเนได้จาก การพยากรณ์การตลาด การจัดทำงบการเงินโดยคาดคะเนและการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินที่เหมาะสม การบริหารเงินทุนหมุนเวียน การตัดสินใจทางการเงิน แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. การตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน 2. การตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุน 3. การตัดสินใจเกี่ยวกับการปันผล แผนกลยุทธ์การวางแผนกลยุทธ์จะสามารถช่วยให้เราสามารถคาดคะเนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ ซึ่งการวางแผนกลยุทธ์ที่มีความสำคัญในสายตาผู้บริหารมี 4 ประการคือ 1. การวางแผนกลยุทธ์จะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในปัจจุบันที่มีผลต่ออนาคต 2. การวางแผนกลยุทธ์เป็นกระบวนการ 3. การวางแผนกลยุทธ์เป็นปรัชญา 4. การวางแผนกลยุทธ์เป็นโครงสร้างของแผน เงินทุนหมุนเวียนเงินทุนหมุนเวียน คือ เงินลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียนของธุรกิจ เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ คือ ผลต่างระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียนกับหนี้สินหมุนเวียน เงินทุนหมุนเวียนแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 1. เงินทุนหมุนเวียนถาวร คือ มูลค่าของเงินทุนหมุนเวียนที่ธุรกิจต้องการอย่างต่ำที่สุด เพื่อรักษาไว้ซึ่งการดำเนินงานตามปกติ 2. เงินทุนหมุนเวียนผันแปร คือ มูลค่าของเงินทุนหมุนเวียนที่ธุรกิจต้องรักษาไว้ ซึ่งการดำเนินงานตามฤดูกาลหรือในกรณีพิเศษ การกำหนดนโยบายเงินทุนหมุนเวียนพิจารณาจากการแลกเปลี่ยนชดเชยระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนซึ่งเกี่ยวข้องกันจาก 1. สัดส่วนระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียนและสินทรัพย์ถาวร 2. สัดส่วนระหว่างหนี้สินหมุนเวียนและเงินทุนระยะยาวใช้ในการลงทุนสินทรัพย์หมุนเวียน การกำหนดนโยบายแบ่งเป็น 4 แบบ คือ 1. นโยบาย Matching กำหนดให้ธุรกิจจักหาเงินทุนตามอายุของสินทรัพย์ที่ธุรกิจต้องใช้ นโยบายนี้จะมีความเสี่ยงเกิดขึ้นเนื่องจากไม่สามารถคาดคะเนการแสเงินสดได้อย่างถูกต้อง 2. นโยบาย Conservative ไม่แบ่งแยกสินทรัพย์หมุนเวียนออกเป็นส่วนและส่วนผันแปร ในนโยบายนี้ฝ่ายบริหารมีนโยบายที่จะจัดหาเงินทุนเพื่อนำมาลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน ส่วนผันแปรหลังจากหักเจ้าหนี้การค้าและค่าใช้จ่ายค้างจ่ายด้วยการก่อนหนี้ระยะยาว การจัดหาเงินทุนในลักษณะนี้ ความเสี่ยงในเรื่องการชำระหนี้เงินกู้ระยะยาวนั้นไม่มี ธุรกิจจะมีความคล่องตัวสูง ลีเงินเหลือใช้ในบางเวลา 3. นโยบาย Aggressive ใช้เงินทุนระยะสั้นจัดหาสินทรัพย์ส่วนผันแปรและสินทรัพย์หมุนเวียนส่วนถาวรบางส่วน และใช้เงินทุนระยะยาวจัดหา สินทรัพย์หมุนเวียนส่วนถาวรที่เหลือ และสินทรัพย์ถาวร นโยบายนี้สามารถทำกำไรได้สูงสุด เนื่องจากใช้เงินทุนจากแหล่งเงินทุนระยะสั้น แต่จะมีความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องสูง เกิดจากการที่ธุรกิจต้องจัดหาเงินทุนระยะสั้น ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยไม่แน่นอนอยู่เสมอ หรือเกิดจากความไม่สมดุลของกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 4. นโยบาย Balanced ใช้เงินทุนระยะยาวจัดหาสินทรัพย์ถาวร สินทรัพย์หมุนเวียนส่วนถาวรตลอดจนสินทรัพย์หมุนเวียนส่วนผันแปบางส่วน และใช้เงินทุนระยะสั้นจัดหาสินทรัพย์หมุนเวียนส่วนผันแปรส่วนที่เหลือ นโยบายนี้จะทำให้ธุรกิจมีส่วนสำรองเพื่อความปลอดภัย นโยบายเงินทุนหมุนเวียนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ1. ความสามารถในการคาคะเนจำนวนและระยะเวลาของกระแสเงินสด 2. Cash Vonversion Cycle ธุรกิจจะต้องมีระดับเงินทุนหมุนเวียนสูงเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดสภาพคล่อง 3. ทัศนคติของผู้บริหาร ประโยชน์ของการใช้แหล่งเงินทุนระยะสั้นและระยะยาวประโยชน์ของการใช้แหล่งเงินทุนระยะสั้น 1. ต้นทุนต่ำกว่า เพราะกิจการจะชำระดอกเบี้ยของทุนเฉพาะช่วงที่นำมาใช้เท่านั้น 2. เกิดความสัมพันธ์กับธนาคารอย่าใกล้ชิด กู้ยืมเฉพาะเวลาที่ต้องการและชำระคืนทันทีเมื่อหมดความต้องการ ประโยชน์ของการใช้แหล่งเงินทุนระยะยาว1. ลดความเสี่ยง 2. ให้ความมั่นคง 3. เพิ่มสภาพคล่อง การวางแผนและพยากรณ์ทางการเงิน1. การพยากรณ์โดยใช้แนวโน้ม ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ผ่านมาทั้งหมดของรายการทางการเงินที่ได้ถูกพยากรณ์ขึ้น ขึ้นอยู่กับแนวโน้มในอดีตและ ความถูกต้องตามฤดูกาล 2. การพยากรณ์โดยใช้อัตราส่วน แสดงถึงความสัมพันธ์ของข้อมูลทางการเงินสองชนิด แสดงในรูปอัตราส่วน ซึ่งการพยากรณ์รายการทางการเงินแต่ละรายการได้สูตร ดังนี้ Financial Variable = Ratio x base Variable 3. การพยากรณ์โดยใช้กราฟและสถิติ เป็นวิธีการที่ให้ผลค่อนข้างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการพิจารณาดูความสัมพันธ์ของรายการทางการเงินสองรายการที่เกิดขึ้นในอดีตเพื่อใช้ในการพยากรณ์ ปัญหาในการพยากรณ์ทางการเงินไม่สามารถรับรองได้ว่าจะต้องเกิดขึ้นจริงตามที่ไดพยากรณ์ไว้เสมอไป การพยากรณ์ที่ดีและให้ผลค่อนข้างแน่นอนนั้นขึ้นอยู่กับความคิดเห็นส่วนตัว รวมกับการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นผู้จัดการทางการเงินจะต้องเลือกใช้วิธีพยากรณ์ที่จะให้ผลออกมาสมเหตุสมผลใกล้เคียงกับความจริงได้ งบประมาณและแผนทางการเงินงบประมาณ คือ แผนการที่คาดไว้ว่าจะต้องจ่าย โดยการคิดล่วงหน้าและแสดงออกมาเป็นตัวเลขงบประมาณ อาจแสดงออกมาในรูปของตัวเงิน จำนวนชั่วโมงในการทำงาน จำนวนผลิตภัณฑ์ จำนวนชั่วโมงเครื่องจักร งบประมาณสัมพันธ์กับหน้าที่หลักในการบริหารธุรกิจทั้ง 5 หน้าที่ คือ 1. การวางแผน คือการกำหนดเกี่ยวกับสิ่งที่จะต้องจัดทำในอนาคตไว้ล่วงหน้า 2. การจัดการองค์การ คือ การระบุให้ชัดว่าหน้าที่ใดเป็นหน้าทีหลัก 3. การมอบอำนาจหน้าที่ คือ การบรรจุพนักงานให้เหมาะสมกับตำแหน่ง 4. การอำนวยการ คือ การอำนวยกรในการปฏิบัติงานหน้าที่ในการจัดการองค์การ การมอบหมายอำนาจหน้าที่ และการอำนวยการทั้งสามหน้าที่นี้ 5. การควบคุม คือ การจัดทำรายงานการปฏิบัติงานขององค์การ ชนิดของงบประมาณชนิดของงบประมาณ แบ่งตามชนิดของการวางแผนได้เป็น 2 ชนิด คือ งบประมาณระยะสั้นแลพระยะยาว งบประมาณระยะสั้นแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ 1. งบประมาณดำเนินการ เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในหน่วยงานทุกแผนก 2. งบประมาณการเงิน ข้อมูลที่อยู่ในงบประมาณดำเนินการสามารถนำมาคำนวณเป็นตัวเลขได้ งบประมาณขาย เกิดจากการที่แผนกขายประมาณปริมาณการขายในหน่วยงานของตน มักจะทำในระยะสั้นและระยะยาว งบประมาณสินค้าคงเหลือ เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการกำหนดปริมาณที่จะทำการผลิตหรือปริมาณสินค้าคงเหลือ กิจการจะต้องมีสินค้าคงเหลือเผื่อไว้สำหรับกรณีที่ต้องการสอนมากกว่าปกติ งบประมาณการซื้อ ต้องอาศัยงบประมาณของคงคลัง เพื่อทราบจำนวนของคงเหลือทั้งต้นและปลายงวด ละงบประมาณวัตถุดิบเพื่อทราบปริมาณที่ต้องใช้ในแต่ละงวด งบประมาณการผลิต ต้องอาศัยข้อมูลต่างๆประกอบ ดังนี้ - ปริมาณสินค้าจะขาย - ปริมาณสินค้าคงเหลือ - นโยบายสินค้าคงเหลือ - สมรรถภาพของโรงงานและปัจจัยการผลิตอื่นๆ - นโยบายการผลิต - นโยบายการผลิตคงที่ - นโยบายการผลิตผันแปรตามยอดขาย - นโยบายการผลิตผันแปรตามความเหมาะสม การจัดทำงบประมาณการผลิต เป็นการวางแผนล่วงหน้าทำให้ประหยัดต้นทุนการผลิตลงได้ งบประมาณวัตถุดิบ ต้องอาศัยงบประมาณการผลิต เพื่อทราบหน่วยที่ต้องผลิต งบกำไรขาดทุนโดยประมาณ นำข้อมูลจากงบประมาณขายหักด้วยงบต้นทุนสินค้าโดยประมาณ และงบประมาณค่าใช้จ่ายการผลิต งบประมาณเงินสด เป็นการประมาณจำนวนเงินสดรับและเงินสดจ่ายของกิจการในช่วงระยะเวลาหนึ่ง งบประมาณค่าแรงโดยตรง ค่าแรงที่ทำการผลิตสินค้าโดยตรงเท่านั้น การทำงบประมาณค่าแรงโดยตรงจึงต้องการข้อมูล 1.งบประมาณการผลิต เพื่อทราบหน่วยของสินค้าที่ต้องการผลิตในงวด 2. อัตราค่าแรงที่ต้องจ่าย มี 2 ประเภท คอ อัตราค่าแรงต่อสินค้าหนึ่งหน่วยและอัตราค่าแรงต่อชั่วโมง งบประมาณค่าใช้จ่ายในการผลิต ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการผลิตสินค้ามักจะแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ค่าใช้จ่ายคงที่ และค่าใช้จ่ายผันแปร ซึ่งผันแปรไปตามปริมาณของสินค้าที่ผลิต งบประมาณค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เป็นการประมาณค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในแผนกงานนั้นๆ ผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการประมาณค่าใช้จ่ายนี้ คือ หัวหน้างานฝ่ายขายและฝ่ายบริหารทั่วไป งบกำไรขาดทุนโดยประมาณ นำข้อมูลจากงบประมาณขายหักด้วยงบประมาณต้นทุนสินค้าโดยประมาณ งบประมาณค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ งบประมาณรายจ่ายลงทุน เป็นการประมาณการลงทุนของกิจการในระยะยาว ซึ่งการประมาณนี้มักจะทำควบคู่กับการคิดค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ การลงทุนในรายจ่ายประเภทนี้ผู้ที่เป็นเจ้าของโครงการจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ และต้องได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชา การวิเคราะห์ทางการเงินเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางการเงินที่นิยมใช้กันแพร่หลาย อาจแบ่งได้เป็น 1. อัตราส่วนสภาพคล่อง 2. อัตราส่วนแสดงความสามารถในการทำกำไร 3. อัตราส่วนแสดงความสามารถในการก่อหนี้ 4. อัตราส่วนต่อการประเมินผลของกิจการโดยส่วนรวม การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน มีเครื่องมือ เช่น วิเคราะห์จุดคุ้มทุนของกิจการ การประมาณการงบการเงิน เงินทุนหมุนเวียน มีอะไรบ้างเงินทุนหมุนเวียน = ลูกหนี้การค้า + สต๊อคสินค้า/วัตถุดิบ – เจ้าหนี้การค้า แต่โดยทั่วไปธนาคารจะไม่พิจารณาให้วงเงินสินเชื่อสำหรับเงินทุนหมุนเวียนมากกว่าความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียน ขึ้นอยู่กับนโยบายธนาคาร
เงินทุนหมุนเวียนหมายถึงอะไรเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) หมายถึง เงินทุนที่บริษัทต้องใช้หมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานในแต่ละวัน หรือเงินทุนที่ใช้ในหมุนเวียนเพื่อดำเนินกิจการภายในทั่วไป นั่นหมายความว่า ทุกบริษัทจำเป็นต้องมีเงินทุนหมุนเวียนสำรองไว้ใช้ในกิจการ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่าง ๆ จนกว่าบริษัทจะได้รับเงินสดจากการขายสินค้าและ ...
ข้อใดคือความหมายของเงินทุนหมุนเวียนสุทธิเงินทุนหมุนเวียน คือ เงินลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียนของธุรกิจ เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ คือ ผลต่างระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียนกับหนี้สินหมุนเวียน
ข้อใดคือสมการทุนหมุนเวียนWC (Working Capital) หรือเงินทุนหมุนเวียน
WC = ทรัพย์สินหมุนเวียน – หนี้สินหมุนเวียน
|