พระเจ้ากรุงธนบุรี หรือที่รู้จักกันดีในนามพระเจ้าตาก เป็นผู้กอบกู้เอกราชของสยามจากพม่าในปี พ.ศ.2310 โดยทรงยกทัพตีฝ่าวงล้อมของพม่า หวังจะรวบรวมไพร่พลมากอบกู้เอกราช ในอันดับแรก ทรงยกทัพไปทางดินแดนชายฝั่งทะเลตะวันออกเพื่อรวบรวมกำลังพลแล้วจึงทรงยกทัพไปปราบพม่าที่ยังอยู่ในดินแดนสยามและกอบกู้เอกราชได้ในที่สุด Advertisment แต่รู้หรือไม่ว่า ไพร่พลที่พระเจ้าตากทรงรวบรวมนั้นเป็นใคร พระองค์ต้องประสบปัญหาอะไรในการรวบรวมไพร่พลบ้าง ในบทความนี้จะนำท่านผู้อ่านไปพบกับคำตอบเหล่านั้นด้วยบทความ “พระเจ้าตากสินกับการปราบปรามโจรสลัดในชายฝั่งทะเลตะวันออก” โดย กำพล จำปาพันธ์ ตีพิมพ์ในนิตยสาร ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนสิงหาคม 2560 ทำไมต้องเป็นหัวเมืองตะวันออกดินแดนบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกนั้นอุดมไปด้วยทรัพยากร จึงมีการซ่องสุมกำลังเพื่อปล้นสะดมพ่อค้าวาณิช ซึ่งผู้ที่ซ่องสุมกำลังล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นทั้งนั้นที่จะเป็นใหญ่และได้รับการยอมรับจากชาวบ้านพื้นถิ่น เนื่องจากหัวเมืองชายทะเลอยู่ห่างไกลจากอำนาจการปกครองของส่วนกลางจึงยากต่อการควบคุม Advertisement เมื่อพระเจ้าตากทรงยกทัพมารวบรวมไพร่พลกอบกู้เอกราช จึงต้องทรงปราบปรามผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น อันจะมาเป็นกำลังพลสำหรับกอบกู้เอกราชของสยามประเทศ และเป็นพลเมืองในพระราชอาณาจักรของพระองค์ต่อไป จิตรกรรมฝาผนังแสดงเหตุการณ์ในคราวเสียกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าตากกับพวกได้ฝ่าวงล้อมของพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยา ภาพนี้จัดแสดงในอาคารภาพปริทัศน์ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานีกอบกู้เอกราชก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2310 พระเจ้าตากและพวกได้ฝ่าวงล้อมของพม่า ยกทัพมายังดินแดนเมืองท่าชายฝั่งทะเลตะวันออก เพื่อรวบรวมผู้คน เสบียงอาหาร ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อกลับมากอบกู้เอกราชจากพม่า ระหว่างการเดินทัพของพระองค์ต้องรบกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นขุนหมื่นทนายที่บ้านดง (แขวงนครนายก) หลวงพลแสนหาญ ขุนจ่าเมือง ที่มาปล้นค่ายที่วัดลุ่ม (วัดลุ่มมหาชัยชุมพล อำเภอเมือง จังหวัดระยอง) หรือนายทองอยู่นกเล็กที่บางปลาสร้อย (ชลบุรี) เป็นต้น ซึ่งคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนผู้มีอิทธิพลที่มีพื้นที่อิทธิพลอยู่ในดินแดนชายฝั่งทะเลตะวันออกที่ดักปล้นสะดมสินค้ามีค่าของพ่อค้าที่เดินทางผ่านมา Advertisement กลุ่มผู้มีอิทธิพลที่สำคัญกลุ่มผู้มีอิทธิพลในดินแดนชายฝั่งทะเลตะวันออกนั้นมีอยู่หลากหลายแห่ง พระเจ้าตากจึงต้องทรงใช้วิธีการปราบที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเจรจา ทำศึก หรือบางแห่งก็มาสวามิภักดิ์เลยก็มี ซึ่งกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่เข้มแข็งที่สุดนั่นคือ ขุนรามหมื่นซ่อง ที่ปากน้ำประแส ยุทธวิธีที่พระองค์ทรงใช้กำจัดขุนรามหมื่นซ่องคือตัดกำลังของข้าศึก โดยเกลี้ยกล่อมให้ชาวบ้านในเขตอิทธิพลของขุนรามหมื่นซ่องมาเข้าข้างพระองค์ แล้วจึงทรงเปิดฉากการปราบปรามขุนรามหมื่นซ่องอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อพระองค์ได้รับชัยชนะแล้ว ขุนรามหมื่นซ่องได้หลบหนีไปอาศัยอยู่กับพระยาจันทบุรี พระเจ้าตากจึงยกทัพติดตามไปเจรจาขอตัวต่อพระยาจันทบุรี แต่พระยาจันทบุรีไม่ยอมส่งตัวคืนให้ จึงต้องรบกับเมืองจันทบุรีจนเมืองแตกพ่ายไปในที่สุด ภาพเรือสาเภาค้าขายของพ่อค้าจีน จิตรกรรมฝาผนังภายในโบสถ์เก่าวัดโขดทิมธาราม อ.เมือง จ.ระยองฟื้นฟูบ้านเมืองครั้นพระเจ้าตากทรงเสร็จการศึกแล้ว ทรงพิจารณาเห็นว่ากรุงศรีอยุธยานั้นมิได้บอบช้ำเสียหายจากการศึกสงครามเพียงอย่างเดียว แต่ผลกระทบของสงครามทำให้บ้านเมืองไร้ขื่อแป ไร้กฎระเบียบ มีการซ่องสุมกำลัง โจรผู้ร้ายคอยดักปล้นพ่อค้าวาณิชเนื่องจากความขาดแคลนปัจจัย 4 ทำให้พ่อค้าจากต่างแดนไม่กล้าเข้ามาค้าขายในดินแดนสยามประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลง จึงทรงต้องฟื้นฟูระเบียบแบบแผนของบ้านเมืองโดยการปราบปรามผู้มีอิทธิพลต่างๆ ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่และคอยปล้นสะดมเหล่าพ่อค้าทั้งทางบกและทางเรือ อันเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ สร้างกฎหมายที่เป็นธรรมต่อการค้ากับต่างประเทศ ชาวต่างชาติที่จะเข้ามาค้าขายก็เกิดความรู้สึกปลอดภัย ทำให้บ้านเมืองมีความสงบสุขเรื่อยมา ดังจะเห็นได้จากพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ที่บันทึกไว้ว่า “ในขณะนั้นบรรดานายชุมนุมทั้งปวง ซึ่งคุมพรรคพวกตั้งอยู่ในแขวงอำเภอหัวเมืองต่างๆ และรบพุ่งชิงอาหารกันอยู่แต่ก่อนนั้น ก็สงบราบคาบลงทุกๆ แห่ง มิได้เบียดเบียนแก่กันสืบไป ต่างเข้ามาถวายตัวเป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาท ได้รับพระราชทานเงินทองและเสื้อผ้า และโปรดชุบเลี้ยงให้เป็นขุนนางในกรุงและหัวเมืองบ้าง บ้านเมืองก็สงบปราศจากโจรผู้ร้าย และราษฎรก็ได้ตั้งทำไร่นา ลูกค้าวานิชก็ไปมาค้าขาย ทำมาหากินเป็นสุข ข้าวปลาอาหารก็ค่อยบริบูรณ์ขึ้น คนทั้งหลายก็ค่อยได้บำเพ็ญการกุศลต่างๆ ฝ่ายสมณสากยบุตรในพระพุทธศาสนาก็ได้รับบิณฑบาตจตุปัจจัย ค่อยได้ความสุขบริบูรณ์” เมื่อพระเจ้าตากทรงรวบรวมไพร่พลจากดินแดนชายฝั่งทะเลตะวันออกไว้ได้ จึงยกทัพชาวหัวเมืองตะวันออกที่สวามิภักดิ์ต่อพระองค์ไปกอบกู้เอกราชแห่งสยามประเทศให้เป็นแผ่นดินที่ชาวไทยได้อาศัยอยู่จนถึงทุกวันนี้ |