เจตคติเรื่องเพศใดในสังคมไทยที่เหมาะสมกับสภาพสังคมในปัจจุบัน เพราะเหตุใด

วัยรุ่นกับเจตคติทางเพศ 

ความหมายของเจตคติ 
         หมายถึง  สภาวะทางจิตใจหรือความพร้อมทางจิตใจของบุคคลที่จะปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องต่าง  จะมีแนวโน้มสูงที่จะปฏิบัติต่อสิ่งนั้นตามแนวทางที่เขาเชื่อและรู้สึก


ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อเจตคติทางเพศของวัยรุ่น 
          1)  ครอบครัว   เป็นสถาบันแรกที่ให้การอบรมเลี้ยงดู   รวมถึงการสอนและปลูกฝังความรู้ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยในการเปลี่ยนแปลงเจตคติทางเพศได้  โดยเฉพาะพ่อแม่ย่อมพร้อมที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ลูกเสมอ
          2)  เพื่อน   เพื่อนจะมีอิทธิต่อเจตคติทางเพศของวัยรุ่นอย่างมากจึงควรร่วมกันแนะนำให้ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องตามกรอบวัฒนธรรมไทย 
          3)  วัฒนธรรม   หมายถึง   ผลรวมของความคิด   ความเชื่อ   ค่านิยม   การรับรู้  และปฏิบัติที่เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งสังคมหนึ่งๆ  ยึดถือสืบปฏิบัติมาเป็นเวลานาน  
          4)  สื่อ   มีอิทธิพลอย่างมากต่อการปลูกฝังเจตคติทางเพศ  โดยเฉพาะในกลุ่มของวัยรุ่นที่อยากรู้อยากลองในสิ่งใหม่ๆตัวอย่างสื่อนี้  เช่น  ป้ายโฆษณา  โทรทัศน์  ภาพยนตร์  เป็นต้น

เพศกับวัยรุ่น

1.   พัฒนาการและการปรับตัวทางเพศของวัยรุ่น 
      เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น   ทั้งเพศชายและเพศหญิงจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายอย่างรวดเร็วมีน้ำหนักและส่วนสูงเพิ่มขึ้น  สัดส่วนของอวัยวะในร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงไป  เช่น  แขนและขามีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว  มือและเท้ามีอัตราการเจริญเติบโตเร็วกว่าอวัยวะอื่นๆจึงดูเหมือนว่ามือและเท้าใหญ่ผิดปกติ  ตลอดจนมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจและอารมณ์  เช่น  มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย  มีความเข้าใจและความรู้สึกนับถือตนเองมากขึ้น  เป็นต้น 
                   1.1   พัฒนาการทางเพศของวัยรุ่น 
                   นอกจากพัฒนาการด้านร่างกาย  จิตใจ  และอารมณ์แล้ว  ในช่วงวัยรุ่นยังมีการพัฒนาการทางเพศซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและหน้าที่ของอวัยวะเพศ  ทำให้มีลักษณะทางเพศที่แสดงถึงความพร้อมของอวัยวะสืบพันธุ์  (Reproductive Organs)  ที่จะทำงานเต็มที่  เป็นผลมาจากอิทธิพลของฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อทั้ง  4  ต่อม  ได้แก่  ต่อมใต้สมอง  ต่อมไทรอยด์  ต่อมหมวกไต  และต่อมเพศ  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายซึ่งเรียกว่า “ลักษณะประจำตัวทางเพศขั้นที่สอง  (Secondary  Sex  Characteristic)” ดังต่อไปนี้
วัยรุ่นชาย 
                   1.  รูปร่างเปลี่ยนไป กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น พละกำลังมากขึ้น
                   2.  มีขนขึ้นตามร่างกาย แขนขา รักแร้ รอบอวัยวะเพศ และโคนขาด้านใน ตลอดจนมีหนวดเคราขึ้นตามใบหน้า และรอบริมฝีปาก
                   3.  เสียงเปลี่ยนจากเดิม เป็นเสียงห้าว แปร่งขึ้น
                   4.  ขนาดลูกอัญฑะโตขึ้นเมื่ออายุ 10-12 ปี ตามด้วยการเจริญเติบโตขององคชาต
                   5.  องคชาตมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้า มีการแข็งตัว เมื่อมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องเพศหรือจากการสัมผัส ทั้งนี้เป็นผลจากการขยายตัวของเส้นเลือด มีเลือดมาคั่งอยู่ จึงมีการขยายขนาดและแข็งตัวขึ้น
                   6.  การแข็งตัวขององคชาตและการหลั่งน้ำกามในเวลากลางคืนที่เรียกว่า "ฝันเปียก" เป็นลักษณะที่แสดงว่าร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์เริ่มเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เป็นการผ่อนคลายความกดดันทางเพศ และไม่เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
วัยรุ่นหญิง 
                   1.  เสียงทุ้ม
                   2.  ทรวกอกขยาย
                   3.  สะโพกผายออก
                   4.  มีประจำเดือนครั้งแรกอายุประมาณ 12 – 13  ปี
                   5.  ปกติในรอบ 28 วัน  จะมีไข่สุก 1 ใบ
                   6.  ประจำเดือนแต่ละครั้งไม่เท่ากันอาจช้าหรือเร็วขึ้นเดือนล่ะ  3 – 5  วัน
                   1.2  การปรับตัวทางเพศของวัยรุ่น
                         พัฒนาการทางเพศของวัยรุ่น  รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย  ดังนั้นวัยรุ่นจึงเป็นวัยที่จะต้องมีการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว  ดังนี้ 
                         1.   ให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายและทางเพศของตนเอง   
                         2.  รู้จักปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม
                         3.  รู้จักการปรับตัวเข้าเพื่อนเพศเดียวกันและเพื่อนต่างเพศ
                         4.  ถ้ามีปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องของการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย  ควรปรึกษาผู้รู้  เช่น พ่อ แม่ ครูอาจารย์ที่นับถือ  เป้นต้น
2.  วัยรุ่นกับเจตคติทางเพศ 
                   2.1  ความหมายของเจตคติ 
                         หมายถึง  สภาวะทางจิตใจหรือความพร้อมทางจิตใจของบุคคลที่จะปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องต่าง  จะมีแนวโน้มสูงที่จะปฏิบัติต่อสิ่งนั้นตามแนวทางที่เขาเชื่อและรู้สึก
                   2.2  ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อเจตคติทางเพศของวัยรุ่น 
                         1)  ครอบครัว   เป็นสถาบันแรกที่ให้การอบรมเลี้ยงดู   รวมถึงการสอนและปลูกฝังความรู้ซึ่งเป็นวิธีการที่ช่วยในการเปลี่ยนแปลงเจตคติทางเพศได้  โดยเฉพาะพ่อแม่ย่อมพร้อมที่จะใก้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ลูกเสมอ
                         2)  เพื่อน   เพื่อนจะมีอิทธิต่อเจตคติทางเพศของวัยรุ่นอย่างมากจึงควรร่วมกันแนะนำให้ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องตามกรอบวัฒนธรรมไทย 
                         3)  วัฒนธรรม   หมายถึง   ผลรวมของความคิด   ความเชื่อ   ค่านิยม   การรับรู้  และปฏิบัติที่เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งซึ่งสังคมหนึ่งๆ  ยึดถือสืบปฏิบัติมาเป็นเวลานาน  
                         4)  สื่อ   มีอิทธิพลอย่างมากต่อการปลูกฝังเจตคติทางเพศ  โดยเฉพาะในกลุ่มของวัยรุ่นที่อยากรู้อยากลองในสิ่งใหม่ๆตัวอย่างสื่อนี้  เช่น  ป้ายโฆษณา  โทรทัศน์  ภาพยนตร์  เป็นต้น 
3.  ปัญหาและผลกระทบจากการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน 
                   3.1  สถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์สถานการณ์ดังกล่าวที่อาจเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน  เช่น  
                         1.   เจตนาหรือยินยอมได้รับสิ่งกระตุ้นทางเพศ 
                         2.  ไปเที่ยวกับเพื่อนสองต่อสอง  (ชายและหญิง) 
                         3.  การต้องเข้าไปอยู่ด้วยกันตามลำพังในสถานที่ลับตาคน              
                         4.  การดื่มสุราใช้ยากล่อมประสาท 
                         5.  เหตุการณ์พาไป 
                   3.2  ปัญหาและผลกระทบ 
                         ปัญหาสำคัญประการหนึ่งที่พบในกลุ่มวัยรุ่นไทย  คือ  การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน  อาจจะเกิดโดยที่วัยรุ่นไม่ได้คาดคิด  ไม่ได้ตั้งใจ  เป็นต้น 
4.  ทักษะชีวิตในการปกป้องกันตนเองเรื่องเพศ 
                   4.1  ทักษะการปฏิเสธ 
                         1)  คุณลักษณะของการปฏิเสธ  มีสาระสำคัญดังนี้ 
                                 1.   การปฏิบัติเป้นสิทธิและความต้องการส่วนบุคคล 
                                 2. การปฏิบัติเป็นการแสดงให้เห็นว่า   บุคคลนั้นมีเจตคติหรือความต้องการต่อสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง 
2)  หลักการปฏิเสธ  มีสาระสำคัญดังนี้ 
                    1.   ควรปฏิบัติด้วยคำพูด   น้ำเสียง  เพื่อแสดงความตั้งใจอย่างชัดเจน 
                   2.   แสดงพฤติกรรมความรู้สึกควบคู่กับข้ออ้างประกอบเหตุผล 
3)  การเลือกใช้ทักษะการปฏิเสธ 
                   1.   เมื่อไม่ชอบหรือไม่ต้องการร่วมกิจกรรมต่างๆซึ่งถ้าต้องทำแล้วจะรู้สึกอึดอัดใจข้องใจ 
                   2.   เมื่อรู้สึกลังเลใจต่อการเลือกสถานการณ์ใดสถารการณ์ 
 4.2  ทักษะการต่อรองเพื่อการประนีประนอม 
                   1)  คุณลักษณะของการต่อรองเพื่อการประนีประนอม 
                         1.1)  เป็นการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 
                         1.2)  เป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดี
2.   ความสำคัญของทักษะการต่อรองเพื่อการประนีประนอม   ซึ่งมีทักษะการต่อรองมีความสำคัญดังนี้ 
                   1)   เป็นสร้างความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างบุคคล 
                   2)  เป็นกระบวนการคิดวิเคราะห์คาดการณ์  โดยใช้กระบวนการบูรณาการทักษะชีวิต 
                   3)  เป็นการสร้างวามตระหนักรู้ในตนของบุคคลต่อการรู้จักสิทธิของตน 
                   4)  เป็นกระบวนการช่วยพัฒนาการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ 
                   5)  เป็นการปลูกฝังจิตสำนึกของบุคคลให้รับิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองและผู้อื่น 
3.  การเลือกใช้ทักษะการต่อรองเพื่อการประนีประนอม   โดยมีวิธีการสร้างการต่อรองที่เหมาะสม  ดังนี้ 
                   1.   ตั้งสติให้ดี  ไม่แสดงความตกใจ  ความเครียด  หรือความหวาดกลัวจนเกินเหตุ 
                   2.  รับฟังข้อเสนออย่างตั้งใจ 
                   3.   ไม่แสดงการตอบรับหรือปฏิเสธทันที 
                   4.   แสดงท่าทางที่เป็นมิตรด้วยการพูดจา 
                   5.   แสดงความรู้สึกของตนเองพร้อมประกอบเหตุผลที่สามารถโต้แย้งได้ 
                   6.   เลือกกิจกรรมอื่นมาทดแทน 
                   7.   ผดผ่อนหรือเลี่ยงออกจากสถานการณ์ 
4.3   ทักษะการตัดสินใจเพื่อหลีกเหลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ 
                   1)   ความหมายของทักษการตัดสนใจ   หมายถึง   ความสามารถของบุคคลต่อกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล 
                   2)   ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ   เกิดจากการตัดสินใจ  ดังนี้ 
                         2.1)     บุคลิกภาพ 
                         2.2)   เป้าหมาย 
                         2.3)   ค่านิยม 
                         2.4)   ความรู้ 
4.   กระบวนการตัดสินใจเพื่อหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์
                   วัยรุ่นเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศ   และอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์  หรือเกิดโรคเอดส์ได้ 
5.   การป้องกันตนเองจากปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน   ซึ่งมีวิธีป้องกันตนเองให้หลีกเหลี่ยงจากสถานการณ์เสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์  มีดังนี้ 
                   1)   การปิดกั้นโอกาส 
                   2)   การปิดกั้นตนเอง 
                   3)   การปิดกั้นอารมณ์ 
                   4)   การใช้ทักษะชีวิตด้านการปฏิเสธ   การต่อรอง   และการตัดสินใจ 
                   5)   การใช้ถุงยางอนามัย 
                   6)   ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว