ปฏิกิริยาทรานส์เอสเทอริฟิเคชั่น (transesterification) คือ ปฏิกิริยาการเปลี่ยนหมู่ alkyl ใน โมเลกุล Triglyceride โดยการทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ให้กลายเป็น mono-alkyl ester ได้แก่สารจำพวก Methyl Ester และ Ethyl Ester ไบโอดีเซลที่มีการผลิตอยู่ 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1.ไบโอดีเซล (Straight Vegetable Oil) เป็นไบโอดีเซลที่ใช้น้ำมันของพืช หรือไขมันจากสัตว์โดยตรง เช่น ใช้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม หรือ น้ำมันจากไขสัตว์ เช่น น้ำมันหมู เป็นต้น ป้อนลงไปในเครื่องยนต์ดีเซล โดยไม่ต้องผสมหรือเติมสารเคมีอื่นใด หรือปรับปรุงสมบัติของน้ำมันอีก หากนักเรียนลองสังเกตจะพบว่าน้ำมันพืชมีความหนืดสูงกว่าน้ำมันดีเซล ดังนั้น จะทำให้หัวฉีดน้ำมันในเครื่องยนต์ฉีดน้ำมันให้เป็นฝอยได้ยาก มีผลให้เกิดการสันดาปไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดความยุ่งยาก เมื่อใช้น้ำมันพืชโดยตรงในเครื่องยนต์ ที่มา : www.bionomicfuel.com 2.ไบโอดีเซลแบบลูกผสม (Veggie / Kero Mix) จากปัญหาเรื่องความหนืดของไบโอดีเซลประเภทแรก จึงมีการผสมน้ำมันพืช หรือน้ำมันจากสัตว์กับ “น้ำมันก๊าด” หรือ“น้ำมันดีเซล” เพื่อลดความหนืดของน้ำมันพืชลง เพื่อให้ได้ไบโอดีเซลที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับ “น้ำมันดีเซล” ให้มากที่สุด เช่น ไบโอดีเซลที่ผสมกับน้ำมันมะพร้าว เรียกว่า โคโคดีเซล (Cocodiesel) น้ำมันที่ได้จากวิธีการดังกล่าวเหมาะกับกรณีจำเป็นต้องการใช้น้ำมันอย่างเร่งด่วน และใช้กับเครื่องยนต์ที่ใช้งานหนัก ตลอดจนใช้งานในภูมิอากาศเขตร้อน โดยที่อัตราส่วนผสมระหว่างน้ำมันก๊าดและน้ำมันพืชขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของพื้นที่ใช้งาน อัตราส่วนผสมของน้ำมันก๊าด : น้ำมันพืชมีตั้งแต่ 10:90 ไปจนถึง 40:60 แต่อัตราส่วนผสมที่เหมาะสมอยู่ที่ 20:80 แต่เนื่องจากปัจจุบันราคาของน้ำมันก๊าดค่อนข้างสูงทำให้ปริมาณของน้ำมันก๊าดน้อยเกินไป ทำให้น้ำมันผสมที่ได้เมื่อนำไปใช้จึงเกิดผลกระทบต่อเครื่องยนต์จากปัญหาการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ที่มา : www.energyfantasia.com 3.ไบโอดีเซลแบบเอสเทอร์ เป็นน้ำมันไบโอดีเซลที่ได้มาจากปฏิกิริยาเคมีที่เรียกว่า ปฏิกิริยาทรานส์เอสเทอริฟิเคชัน(Transesterification process)เป็นที่ยอมรับในสากล และมีการใช้อย่างทั่วไป ผลิตได้โดยการนำน้ำมันจากพืชหรือสัตว์ ไปทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ โดยมีกรดหรือเบสเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา น้ำมันชนิดนี้ใช้อย่างแพร่หลาย เช่น สหพันธรัฐเยอรมัน สหรัฐอเมริกา เป็นเชื้อเพลิงที่มีคุณสมบัติเหมือนกับ “น้ำมันดีเซล” มากที่สุดทำให้ไม่มีปัญหากับเครื่องยนต์ ได้น้ำมันที่มีความคงตัวมากขึ้น สามารถนำไปเติมในเครื่องยนต์ดีเซลได้ทุกชนิด ทั้งเติมโดยตรงและผสมลงในน้ำมันดีเซลในอัตราส่วนต่างๆ เช่น B5 หมายถึงการผสมไบโอดีเซลต่อน้ำมันดีเซลในอัตราส่วน 5:95 หรือ B100 ซึ่งเป็นน้ำมันไบโอดีเซล 100 % เป็นต้น แต่ปัญหาคือ ต้นทุนการผลิตมีราคาแพงกว่าเมื่อเทียบกับไบโอดีเซลแบบอื่นๆ สูตรน้ำมันไบโอดีเซล (B5, B20 คืออะไร หมายความว่ายังไงกันนะ???) โดยทั่วไปการใช้น้ำมันไบโอดีเซลในต่างประเทศนั้นนิยมนำไปผสมเป็นสูตรต่างๆ หลายสูตร ตามองค์ประกอบระหว่างไบโอดีเซล : น้ำมันดีเซล ดังนี้ - B2 (ไบโอดีเซล 2 %: ดีเซล 98 %) มีจำหน่ายทั่วไปในมลรัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา และจะบังคับใช้ทั้งมลรัฐในปี พ.ศ. 2548 - B5 (ไบโอดีเซล 5%: ดีเซล 95 %) มีจำหน่ายทั่วไปในประเทศฝรั่งเศส โดยกว่าครึ่งหนึ่งของน้ำมันดีเซลที่จำหน่ายเป็นน้ำมันสูตร B5 - B20 (ไบโอดีเซล 20%: ดีเซล 80%) เป็นน้ำมันผสมที่คณะกรรมการไบโอดีเซลแห่งชาติ และสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ใช้ตามกฎหมายยานยนต์เชื้อเพลิงทดแทนของประเทศ ปัจจุบันนิยมใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกา -B40 (ไบโอดีเซล 40 %: ดีเซล 60%) เป็นสูตรที่ใช้ในรถยนต์ขนส่งมวลชนในประเทศฝรั่งเศส ทั้งนี้เพื่อผลในการลดมลพิษ -B100 (ไบโอดีเซล 100 %) เป็นน้ำมันไบโอดีเซล 100 เปอร์เซ็นต์ ที่ใช้ในประเทศเยอรมนีและออสเตรีย โดยได้รับการรับรองจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของประเทศ สาหร่ายสกัดไบโอดีเซล พืชที่ให้พลังงาน อย่างมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ผ่านการคิดค้นวิจัยออกมาเป็นพลังงานที่ใช้ในรูปแบบแก๊สโซฮอล์อย่างแพร่หลายแล้ว“สาหร่าย”เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่กำลังเป็นเรื่องท้าทายนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ว่าจะสกัดน้ำมันออกมาใช้อย่างไรจึงจะคุ้มค่าสูงสุด ในเรื่องของการลงทุนที่สูงมาก สาหร่ายนำมาสกัดน้ำมันได้เรียกว่า“จุลสาหร่าย”(Microalgae) เป็นคนละชนิดกับสาหร่าย ที่ใช้เป็นอาหาร ที่เรียกว่าสาหร่ายขนาดใหญ่ หรือ (Macroalgae) จุลสาหร่ายเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กคล้ายแบคทีเรีย แต่สามารถสังเคราะห์แสงเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นอาหารของตัวเองได้ จะเห็นจุลสาหร่ายและจำแนกชนิดได้เมื่อมองผ่านกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น ปัจจุบันเริ่มนำเอาจุลสาหร่ายมาประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม ต่างๆ เช่น การนำสาหร่ายมาใช้บำบัดน้ำเสีย การกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นของเสียหลักของโรงงานอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตจุลสาหร่ายไม่ต่ำกว่า 130 บริษัททั่วโลก รวมทั้งการเลี้ยงสาหร่ายในพื้นที่ทะเลทรายขณะนี้เกิดขึ้นแล้ว ปัจจุบันประเทศไทยใช้น้ำมันดีเซลอยู่ประมาณ 50 ล้านลิตรต่อวัน นำมาผลิตเป็นไบโอดีเซลที่อยู่ในรูปของบี 2 ประมาณ 1 ล้านลิตร และในปี 2511 รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ และเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ในปี 2512 แนวโน้มที่จะใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้น จะมีผลต่อพื้นที่ปลูกพืชอาหาร ซึ่งมีอยู่จำกัด ถ้าจำเป็นต้องใช้ไบโอดีเซล สาหร่ายเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เพาะปลูกสูง อีกทั้งมีศักยภาพทดแทนน้ำมัน และเป็นพืชที่มีประสิทธิภาพในการสังคราะห์แสงได้ทุกเซลล์ ในขบวนการการสังเคราะห์แสงสาหร่ายใช้คาร์บอนไดออกไซด์มาเปลี่ยนเป็นน้ำมันใช้กระบวนการนี้ในการจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สามารถพึ่งพิงกระบวนการสังเคราะห์แสงของสาหร่ายในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เท่ากับว่าสาหร่ายเป็นพืชที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกจุดที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรม ซึ่งมีพื้นที่จำกัด เที่ยวบินไบโอดีเซลฉลุย เจเอแอล เหาะด้วยน้ำมันพืช เอเอฟพีรายงานว่า สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ หรือ เจเอแอล ประเดิมทดลองเที่ยวบินพิเศษโดยเครื่องบินที่ใช้พลังงานไบโอดีเซลเป็นครั้งแรกและประสบความสำเร็จด้วยดี เมื่อวันศุกร์ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นสายการบินรายที่ 4 ที่เริ่มทดลองใช้พลังงานไบโอดีเซล ไบโอดีเซล เป็นเชื้อเพลิงเหลวที่ผลิตจากน้ำมันพืชและไขมันสัตว์ ช่วยลดภาวะมลพิษในสิ่งแวดล้อม สำหรับไบโอดีเซลที่สายการบินของญี่ปุ่นใช้ทดลองบินในครั้งนี้ผลิตมาจากพืชคาเมไลนา เป็นพืชพลังงานชนิดใหม่ที่มาแรงมาก เพราะเมล็ดมีปริมาณน้ำมันสูง โดยในการทดลองครั้งนี้เครื่องยนต์หนึ่งของโบอิ้ง 747-300 ใช้พลังงานไบโอดีเซลชนิดนี้ผสมกับน้ำมันเกโรซีน ที่ใช้สำหรับเครื่องบิน โครงการพัฒนาไบโอดีเซลสำหรับเครื่องบินดังกล่าว เป็นโครงการร่วมทีมระหว่างบริษัท แพร็ตแอนด์วิตนีย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำหน้าที่พัฒนาตัว เครื่องยนต์ และเจเอแอลเป็นฝ่ายทดลองการบิน โดยใช้เวลาเหาะเหินราว 90 นาที จากสนามบินฮาเนดะ กรุงโตเกียว ที่มา :หนังสือพิมพ์ข่าวสด กระบวนการผลิตไบโอดีเซล ประเภทของกระบวนการผลิตไบโอดีเซล แบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ
วัตถุดิบที่ใช้ผลิตไบโอดีเซล
มาตรฐานคุณภาพของน้ำมันไบโอดีเซล จุดวาบไฟ (flash point)โดยปกติมาตรฐานจะอยู่ที่ 130 องศาเซียลเซียส ถ้าหากสูงกว่านี้ คือเป็น 150 องศาเซียลเซียส หรือ 170 องศาเซียลเซียส จะทำให้รถสตาร์ทติดยาก หมายเหตุจุดวาบไฟ(Flash Point) คือการหาค่าจุดที่อุณหภูมิต่ำสุดของน้ำมันที่ทำให้เกิดไอน้ำมันเป็นปริมาณมากพอ และเมื่อสัมผัสเปลวไฟก็จะลุกไหม้ทันที ** ข้อแตกต่างระหว่างไบโอดีเซลกับน้ำมันดีเซล **
ศักยภาพของไบโอดีเซลจากปาล์มนำ้มันในประเทศไทย ในปัจจุบันสามารถผลิตไบโอดีเซล 500,000 ลิตร/วัน จากน้ำมันปาล์มที่เหลือจากการบริโภคในประเทศ และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบสามารถรองรับการเพิ่มขึ้นของผลปาล์มดิบได้เกือบสองเท่า เนื่องจาก กำลังการผลิตรวมของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบทั้งสิ้น 10.81 ล้านตันผลปาล์มสดต่อปี เมื่อเทียบกับวัตถุดิบ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบจะมีกำลังผลิตส่วนเกินร้อยละ 50 ในปี 2555 จะสามารถผลิตไบโอดีเซลได้ถึง 8.5 เนื่องจาก ในปี 2551 พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันสามารถขยายอีก 10 ล้านไร่ นอกจากนี้ ยังมีปาล์มสเตียรินซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันปาล์ม ซึ่งสามารถนำมาผลิตไบโอดีเซลได้อีก แต่ปาล์มน้ำมันเป็นพืชที่ต้องการน้ำและสารอาหารมาก จึงเหมาะกับสภาพภูมิอากาศทางภาคใต้เท่านั้น ประโยชน์ของการใช้ไบโอดีเซลด้านสิ่งแวดล้อม การใช้ไบโอดีเซลสามารถลดมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นผลจากการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ คณะกรรมการไบโอดีเซลแห่งชาติ (National Biodiesel) และสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อม (US Environment Protection Agency) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำวิจัยและทดลองใช้น้ำมันไบโอดีเซลสูตรต่างๆ กับเครื่องยนต์ดีเซล และได้รายงานว่าไบโอดีเซลสูตร B100 และ B20 สามารถลดมวลปลดปล่อยจากการเผาไหม้ได้อย่างมีนัยสำคัญ ในกรมอู่ทหารเรือ กองทัพเรือ ก็ได้รายงานผลการทดลองใช้น้ำมันไบโอดเซลกับเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 145 แรงม้า ว่าสามารถลดควันดำได้มากกว่าร้อยละ 40ก) ด้านสิ่งแวดล้อมการใช้ไบโอดีเซลสามารถลดการปล่อยแก๊สเรือนกระจก เพราะผลิตจากพืช การผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว ช่วยลดการน้ำน้ำมันที่ใช้แล้วไปประกอบอาหารซ้ำ และยังช่วยป้องกันมิให้นำน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว (ซึ่งมีสารไดออกซินที่เป็นสารก่อมะเร็งไปผลิตเป็นอาหารสัตว์) ขั้นตอนการผลิตไบโอดีเซล วัตถุดิบที่สำคัญ ได้แก่ 1. น้ำมันพืชใช้แล้ว 2. โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) หรือโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) 3. เมทานอล 20-25% YouTube Videoวิธีทำไบโอดีเซลด้วยตนเอง
ที่มา: http://www.scimath.org/lesson-chemistry/item/7096-biodiesel |