แนวคิดใดที่ส่งเสริมให้เกิดการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์

-เซอร์ฟรานซิส เบคอน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้เสนอแนะการใช้วิทยาการทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้องคือการตั้งสมมติฐาน การพิสูจน์และการสรุปอย่างมีระบบ

-เรอเน เดการ์ต นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้ศึกษาวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งเรขาคณิตวิเคราะห์สมัยใหม่ เซอร์ไอแซก นิวตัน ผู้ค้นพบกฎแห่งแรงโน้มถ่วง และเป็นคนแรกที่สามารถอธิบายการเคลื่อนที่ของโลก ดวงจันทร์ดาวเคราะห์และดวงอาทิตย์ได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์

-เบนจามิน แฟรงกิ้น ค้นพบการเกิดฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า ผู้ประดิษฐ์สายล่อฟ้านำไฟฟ้าจากก้อนเมฆมาใช้ประโยชน์

การปฏิวัติวิทยาศาสตร์๋เริ่มขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นผลมาจากการพัฒนาคาวมคิดที่ยึดหลักเหตุผลซึ่งได้รับอิทธิพลจากขบวนการมนุษย์นิยมในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ยังส่งผลให้เกิดการค้นคว้าเพื่อแสวงหาความรู้ใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงองค์ความรู้ของมนุษยชาติ

แนวคิดใดที่ส่งเสริมให้เกิดการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์

ปัจจัยส่งเสริมการปฏิวัติวิทยาศาสตร์

แนวคิดของนักมนุษย์นิยมที่ให้ความสำคัญกับการใช้หลักเหตุผลในการแสวงหาความจริงและการฟื้นฟูวิทยาการสมัยคลาสสิกเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ในยุโรป

การใช้หลักเหตุผลในการแสวงหาความจริง

ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ธรรมชาติซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมาตั้งแต่ต้นคริสต์ศักราชจนถึงปลายสมัยกลาง เช่น การยอมรับว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก ล้วนเป็นการยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือการพิสูจน์ใดๆ ต่อมาเมื่อมีการส่งเสริมให้ใช้หลักเหตุผลในการแสวงหาความจริง นักวิทยาศาสตร์จึงเริ่มตั้งข้อสงสัยต่อความจริง และเริ่มศึกษาโดยวิธีการสังเกต รวบรวมข้อมูลและทดลอง ก่อนสรุปเป็นองค์ความรู้หรือทฤษฎี วิธีการศึกษาดังกล่าวได้ชื่อว่าเป็น “วิธีการแบบวิทยาศาสตร์” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เพราะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์ความรู้และเกิดการศึกษาค้นคว้าต่อไปเพื่อให้ไดคำตอบที่เป็นความจริง

การฟื้นฟูวิทยาการสมัยคลาสสิก

การศึกษาองค์ความรู้เกี่ยวกับวิทยาการสมัยคลาสสิก ทำให้นักวิทยาศาสตร์ยุโรปเรียนรู้ความคิดที่ก้าวหน้าและการใช้หลักเหตุผลของนักปราชญ์ชาวกรีกและโรมัน เช่น อริสโตเติล ยูคลิด (Euclid) อาร์คิมิดิส (Archemedes) แนวคิดดังกล่าวช่วยให้นักวิทยาศาสตร์หลุดออกจากกรอบความคิดที่ถูกกำหนดโดยอิทธิพลของศาสนา นอกจากนี้ความก้าวหน้าด้านการพิมพืยังช่วยให้องค์ความรู้ใหม่ๆ ด้านวิทยาศาสตร์ได้เผยแพร่สู่สังคม และเป็นที่ยอมรับกันต่อมา

แนวคิดใดที่ส่งเสริมให้เกิดการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์

ผลของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์

ความสำเร็จของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ทำให้โลกก้าวสู่สมัยใหม่ที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และความก้าวหน้าด้านภูมิปัญญา

ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ทำให้สังคมยอมรับวิทยาการสมัยใหม่และทำให้การศึกษาวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์สมัยต่อมาได้ศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้เพิ่มเติมจากทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์รุ่นแรกๆ ค้นคว้าไว้ นอกจากนี้การศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ยังขยายออกไปหลายสาขา เช่น การแพท์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ฯลฯ อนึ่ง ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้ส่งเสริมให้มีการประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีหลากหลาย เช่น เครื่องทุ่นแรงและเครื่องจักรต่างๆ ส่งผลให้เทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์จนถึงปัจจุบัน

ความก้าวหน้าทางด้านภูมิปัญญา

การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ยังส่งผลต่อการศึกษาและการพัฒนาความคิดในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นสมัยที่มีความก้าวหน้าทางภูมิปัญญาทุกด้าน ทั้งด้านปรัชญา การเมือง เศรษฐกิจและสังคม จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสมัยภูมิธรรม (Age of Enlightenment) หรือยุคเหตุผล (Age of Reason) ผู้นพความคิดในการใช้หลักเหตุผล (rationalism) ของสมัยนี้คือ นักปราชญ์ฝรั่งเศส นำโดย วอลแตร์ (Voltaire) และมงเตสกิเออ (Montesquieu) อนึ่ง นักคิดในสมัยนี้ได้นำหลักเหตุผลแบบการศุกษาวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการศึกษาศาสตร์แขนงต่างๆ และสันบสนุนการใช้เสรีภาพในการคิดวิเคราะห์ และการวิพากษ์ ทำให้มีผลงานของนักปราชญ์การเมืองคนสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความคิดของประชาชน เช่น ผลงานของจอห์น ล็อก (John Locke) นักปราชญ์การเมืองชาวอังกฤษ วอลแตร์ มงเตสกิเออ และรูสโซ (Rousseau)

โดยสรุปการปฏิวัติวิทยาศาตร์เป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาความคิดและสติปัญญาของมนุษย์และทำให้สังคมโลกก้าวสู่สมัยแห่งความก้าวหน้าที่มีการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง อนึ่ง การที่การปฏิวัติวิทยาศาสตร์เริ่มต้นจากดินแดนยุโรป จึงทำให้ยุโรปมีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกว่าดินแดนอื่นๆ และเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของยุโรป

แหล่งอ้างอิง:http://metricsyst.wordpress.com/2013/02/24/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95/

การปฏิวัติวิทยาศาสตร์๋เริ่มขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นผลมาจากการพัฒนาคาวมคิดที่ยึดหลักเหตุผลซึ่งได้รับอิทธิพลจากขบวนการมนุษย์นิยมในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ยังส่งผลให้เกิดการค้นคว้าเพื่อแสวงหาความรู้ใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงองค์ความรู้ของมนุษยชาติ

ปัจจัยส่งเสริมการปฏิวัติวิทยาศาสตร์

แนวคิดของนักมนุษย์นิยมที่ให้ความสำคัญกับการใช้หลักเหตุผลในการแสวงหาความจริงและการฟื้นฟูวิทยาการสมัยคลาสสิกเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ในยุโรป

การใช้หลักเหตุผลในการแสวงหาความจริง

ความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ธรรมชาติซึ่งเป็นที่ยอมรับกันมาตั้งแต่ต้นคริสต์ศักราชจนถึงปลายสมัยกลาง เช่น การยอมรับว่าโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก ล้วนเป็นการยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือการพิสูจน์ใดๆ ต่อมาเมื่อมีการส่งเสริมให้ใช้หลักเหตุผลในการแสวงหาความจริง นักวิทยาศาสตร์จึงเริ่มตั้งข้อสงสัยต่อความจริง และเริ่มศึกษาโดยวิธีการสังเกต รวบรวมข้อมูลและทดลอง ก่อนสรุปเป็นองค์ความรู้หรือทฤษฎี วิธีการศึกษาดังกล่าวได้ชื่อว่าเป็น “วิธีการแบบวิทยาศาสตร์” ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เพราะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์ความรู้และเกิดการศึกษาค้นคว้าต่อไปเพื่อให้ไดคำตอบที่เป็นความจริง

การฟื้นฟูวิทยาการสมัยคลาสสิก

การศึกษาองค์ความรู้เกี่ยวกับวิทยาการสมัยคลาสสิก ทำให้นักวิทยาศาสตร์ยุโรปเรียนรู้ความคิดที่ก้าวหน้าและการใช้หลักเหตุผลของนักปราชญ์ชาวกรีกและโรมัน เช่น อริสโตเติล ยูคลิด (Euclid) อาร์คิมิดิส (Archemedes) แนวคิดดังกล่าวช่วยให้นักวิทยาศาสตร์หลุดออกจากกรอบความคิดที่ถูกกำหนดโดยอิทธิพลของศาสนา นอกจากนี้ความก้าวหน้าด้านการพิมพืยังช่วยให้องค์ความรู้ใหม่ๆ ด้านวิทยาศาสตร์ได้เผยแพร่สู่สังคม และเป็นที่ยอมรับกันต่อมา

นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญในสมัยปฏิวัติวิทยาศาสตร์

ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 – 17 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบองค์ความรู้ที่ก่อประโยชน์มหาศาลให้แก่มนุษยชาติ นักวิทยาศาสตร์คนสำคัญ เช่น

นิโคลัส คอเปอร์นิคัส (Nicholas Copernicus) เป็นนักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ซึ่งค้นพบทฤษฎีสุริยจักรวาล คอเปอร์นิคัสพบว่าโลกมีสัณฐานกลมและเป็นดาวดวงหนึ่งในระบบสุริยจักรวาล

กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) เป็นนักวิทยษสาสตร์ชาวอิตาลีซึ่งยืนยันตามทฤษฎีของคอเปอร์นิคัส โดยใช้เครื่องมือที่เขาประดิษฐ์ขึ้น เรีกยว่า “กล้องโทรทรรศน์ (Telescope)” ในการศึกษาระบบสุริยจักรวาล และค้นพบข้อมูลจำนวนมาก เช่น พื้นที่บนดวงจันทร์ วงแหวนของดาวเสาร์ จุดดับบนดวงอาทิตย์ ฯลฯ

โยฮัน เคปเลอร์ (Johann Kepler) เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันที่ใช้คณิตศาสตร์ในการคำนวณการโคจรของดาวเคราห์ในระบบสุริยจักรวาล และค้นพบกฎการเคลื่อนที่ของดวงดาว

เซอร์ฟรานซิส เบคอน (Sir Francis Bacon) เป็นนักวิทยาศาตร์ชาวอังกฤษซึ่งส่งเสริมการศึกษาแบบวิทยาศาสตร์ โดยวิธีการศึกษาแบบอุปนัย (inductive method) เขาเชื่อว่าความรู้ของมนุษย์เกิดจากประสบการณ์ ส่วนวิธีการที่ได้มาซึ่งประสบการณ์คือ ต้องศึกษาข้อมูลที่มีอยูจริงในธรรมชาติอย่างกว้างขวางและรวบรวมข้อมูลเหล่านั้น ก่อนนำมาวิเคราะห์และสรุปเป็นองค์ความรู้หรือทฤษฎีวิธีการศึกษานี้เรียกว่า วิธีการศึกษาแบบวิทยาศาสตร์ หรือ Scientific Method

เรอเน เดสการ์ต (Rene Descartes) เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นผู้เสนอหลักของเหตุผล เขาอธิบายว่าความรู้และความคิดของมนุษย์ต้องตั้งอยู่บนหลักของเหตุผล ที่อธิบายและตรวจสอบได้เช่นเดียวกับหลักคณิตศาสตร์ ดังนั้นหากความรู้และความเชื่อใดที่ยอมรับกันต่อๆ มาไม่น่าเชื่อถือ เพราะไม่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักเหตุผล มนุษย์ก็ต้องแสวงหาความรู้ใหม่ที่ได้รับการยอมรับ

เซอร์ไอแซค นิวตัน (Sir Issac Newton) เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤาซึ่งค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก และให้ข้อสรุปเกี่ยวกับการโคจรและการเคลื่อนไหวในระบบสุริยจักรวาลว่าเป็นไปตามกฎแห่งความโน้มถ่วง (Law of Gravitation)

ผลของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์

ความสำเร็จของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ทำให้โลกก้าวสู่สมัยใหม่ที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และความก้าวหน้าด้านภูมิปัญญา

ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ทำให้สังคมยอมรับวิทยาการสมัยใหม่และทำให้การศึกษาวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์สมัยต่อมาได้ศึกษาค้นคว้าองค์ความรู้เพิ่มเติมจากทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์รุ่นแรกๆ ค้นคว้าไว้ นอกจากนี้การศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ยังขยายออกไปหลายสาขา เช่น การแพท์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ฯลฯ อนึ่ง ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ได้ส่งเสริมให้มีการประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยีหลากหลาย เช่น เครื่องทุ่นแรงและเครื่องจักรต่างๆ ส่งผลให้เทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของมนุษย์จนถึงปัจจุบัน

ความก้าวหน้าทางด้านภูมิปัญญา

การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ยังส่งผลต่อการศึกษาและการพัฒนาความคิดในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นสมัยที่มีความก้าวหน้าทางภูมิปัญญาทุกด้าน ทั้งด้านปรัชญา การเมือง เศรษฐกิจและสังคม จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสมัยภูมิธรรม (Age of Enlightenment) หรือยุคเหตุผล (Age of Reason) ผู้นพความคิดในการใช้หลักเหตุผล (rationalism) ของสมัยนี้คือ นักปราชญ์ฝรั่งเศส นำโดย วอลแตร์ (Voltaire) และมงเตสกิเออ (Montesquieu) อนึ่ง นักคิดในสมัยนี้ได้นำหลักเหตุผลแบบการศุกษาวิทยาศาสตร์ไปใช้ในการศึกษาศาสตร์แขนงต่างๆ และสันบสนุนการใช้เสรีภาพในการคิดวิเคราะห์ และการวิพากษ์ ทำให้มีผลงานของนักปราชญ์การเมืองคนสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความคิดของประชาชน เช่น ผลงานของจอห์น ล็อก (John Locke) นักปราชญ์การเมืองชาวอังกฤษ วอลแตร์ มงเตสกิเออ และรูสโซ (Rousseau)

โดยสรุปการปฏิวัติวิทยาศาตร์เป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาความคิดและสติปัญญาของมนุษย์และทำให้สังคมโลกก้าวสู่สมัยแห่งความก้าวหน้าที่มีการศึกษาค้นคว้าและพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่หยุดยั้ง อนึ่ง การที่การปฏิวัติวิทยาศาสตร์เริ่มต้นจากดินแดนยุโรป จึงทำให้ยุโรปมีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกว่าดินแดนอื่นๆ และเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของยุโรป

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์

การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๒๒ ถึงพุทธศตวรรษที่ ๒๔ สืบเนื่องมาจากการฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ การปฏิวัตินี้ก่อให้เกิดการเรียนรู้ เป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้ผู้คนได้มีความรู้กว้างขวางและสามารถนำความรู้และทฤษฏีใหม่ ๆ มาใช้เพื่อพัฒนาการค้าและเศรษฐกิจให้เจริญรุดหน้ายิ่งขึ้น

ผลของการปฏิวัติวิทยาศาสตร์เป็นอย่างไร

ผลของการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการสมัยใหม่ กระตุ้นให้เกิดการประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์มีการจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติขึ้นทางในอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี เพื่อสนับสนุนการวิจัยการประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้และการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน ทำให้วิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าเพิ่มขึ้น ...

การปฏิวัติวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษใด

การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นในทวีปยุโรประหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16-18 ทำให้มนุษย์สามารถค้นพบวิทยาศาสตร์และเอาชนะธรรมชาติได้ และยังสามารถนำธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เกิดการเรียนรู้และเกิดการพัฒนา ทำให้สังคมชาวตะวันตกสามารถพัฒนาความก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่าดินแดนอื่น ๆ ของโลก และกลายเป็นประเทศที่ทันสมัยของโลกจนถึง ...

เหตุการณ์ใดเป็นอุปสรรคต่อความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในคริตศตวรรษที่ 16 มากที่สุด *

1.การขัดขวางของฝ่ายศาสนาจักรในยุโรป 2.ความไม่สงบจากสงรามศาสนาในยุโรป 3.ชนชั้นสูงสนับสนุนการค้าทางทะเลมากกว่า 4.ปัญญาชนสนใจศึกษาทางศิลปะและวรรณคดีมากกว่า