ข้อคิด คติธรรมที่ควรศึกษาและถือเป็นแบบอย่างของพระปฏาจาราเถรี

ข้อคิด คติธรรมที่ควรศึกษาและถือเป็นแบบอย่างของพระปฏาจาราเถรี

2. พระปฏาจาราเถรี

ประวัติพระปฏาจาราเถรี

  • ปฏาจารา เป็นธิดาของเศรษฐีชาวเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล บิดามารดาเป็นคนมั่งคั่งร่ำรวยนางจึงได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี นางเป็นหญิงรูปร่างงดงามแต่นางหลงรักชายคนใช้ของนางเอง 
  • เมื่อบิดมารดาจะหาชายหนุ่มในชนชั้นเดียวกันมาแต่งงานด้วย นางจึงนัดแนะให้คนใช้พาหนีแล้วไปสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยในชนบทอันทุรกันดารแห่งหนึ่ง 
  • เริ่มแรกชีวิตในชนบทปฏจารามีความสุขมากเพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับชายคนรัก เวลาผ่านไปไม่นานนางก็ตั้งครรภ์ ในเวลาใกล้คลอดนางมีความกังกลใจ เพราะไม่มีบิดามารดาและญาติอยู่ใกล้ นางจึงขอร้องให้สามีพากลับไปหาบิดามารดา 
  • เมื่อสามีปฏิเสธคำขอร้องเพราะกลัวเกรงบิดามารดาของนางจะเอาโทษ นางจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพียงลำพัง นางคลอดบุตรคนแรกในระหว่างทาง 
  • เมื่อสามีตามไปพบเขาได้ชี้แจงเหตุผลต่าง ๆ จนพานางกลับบ้านสำเร็จ ในเวลาต่อมาปฏจาราตั้งครรภ์อีกเป็นครั้งที่สอง และข้อร้องสามีเหมือนครั้งก่อน 
  • เมื่อสามีปฏิเสธคำขอร้องเหมือนครั้งที่แล้ว นางจึงพาบุตรน้อยผู้กำลังหัดเดินหนีออกจากบ้าน ในระหว่างทางนางปวดท้องอย่างรุนแรง เพราะกำลังจะคลอดบุตร ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก 
  • สามีตามไปพบนางดิ้นทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางสายฝน จึงได้ตัดไม้เพื่อจะมาทำกำบังฝนชั่วคราว แต่เขาถูกงูพิษร้ายกัดถึงแก่ความตาย 
  • ปฏาจาราคลอดบุตรด้วยความยากลำบาก แล้วนางอุ้มทารกและจูงบุตรน้อยตามไปพบศพสามีจึงมีความเศร้าโศกเสียในมาก นางตัดสินใจจะพาบุตรไปหาบิดามารดาในเมือง 
  • เมื่อมาถึงลำธารใหญ่ที่น้ำกำลังไหลเชี่ยว นางไม่อาจจะพาบุตรข้ามน้ำพร้อมกันได้ จึงให้บุตรคนโตยืนรอที่ฝั่งข้างหนึ่ง แล้วนางก็อุ้มทารกแรกเกิดเดินข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง 
  • ในขณะที่นางมาถึงกลางน้ำ นางเห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังบินโฉบลงเพื่อจิกทารก เพราะมันเข้าใจว่าเป็นก้อนเนื้อ นางจึงยกมือขึ้นไล่เหยี่ยวแต่ก็ไม่อาจช่วยชีวิตทารกน้อยได้ เพราะเหยี่ยวมองไม่เห็นอาการที่ขับไล่จึงเฉี่ยวลูกน้อยไป  
  • บุตรคนโตมองเห็นนางยกมือขึ้นทั้งสองข้าง เข้าใจว่ามารดาเรียกตนจึงก้าวลงสู่แม่น้ำอันเชี่ยวและถูกน้ำพัดพาหายไป ปฏจาราสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในเวลาใกล้กัน 
  • แต่นางยังตั้งสติได้ นางเดินร้องไห้เข้าสู่เมืองสาวัตถี และได้ทราบข่าวจากชาวเมืองคนหนึ่งในระหว่างทางว่าลมฝนได้พัดเรือนบิดามารดาของนางพังทลายและเจ้าของเรือนตายไปด้วย 
  • เมื่อนางทราบข่าวนี้นางไม่อาจตั้งสติได้ นางสลัดผ้านุ่งทิ้งแล้ววิ่งบ่นเพ้อด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่าเข้าไปในพระวิหารเชตวัน ในขณะที่พระพุทธเจ้ากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ทางกลางบริษัท 
  • ประชาชนเห็นนางแล้วร้องบอกกันว่า คนบ้า ๆ อย่าให้เข้ามา พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปล่อยให้นางเข้ามาเถิด แล้วตรัสให้นางได้สติ นางกลับได้สติดังเดิม 
  • ใครคนหนึ่งในที่ประชุมนั้นโยนผ้าให้นางนุ่งห่ม นางนั่งฟังพระธรรมเทศนาอันแสดงถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่งพิจารณาไปตามพระธรรมเทศนานั้นแล้วได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ทูลขอบวชพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้นางบวชในสำนักของภิกษุณี 
  • หลังจากบวชแล้วไม่นาน นางได้เพียงบำเพ็ญสมณธรรมด้วยความตั้งใจจริง และได้บรรลุอรหัตผลในที่สุด
  • พระปฏจาราเถรีมีความสนใจในพระวินัยเป็นพิเศษ ตั้งใจศึกษาพระวินัยจนมีความรู้ความเชี่ยวชาญ ได้รับแต่งตั้งในตำแหน่งเอตทัคคะ (เป็นผู้เลิศกว่าผู้อื่น) ในทางเป็นผู้ทรงพระวินัยเป็นกำลังในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ดำรงอยู่ในภาวะภิกษุณีจนพอสมควรแก่อายุขัยแล้วก็นิพพาน

คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง

  • 1.  เป็นผู้มีความตั้งใจจริง นิสัยตั้งใจจริงต้องทำตามที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จนี้มีมาตั้งแต่พระปฏจาราเถรียังเป็นเด็กสาว แต่เนื่องจากยังขาดประสบการณ์และขาดวิจารณญาณจึงทำให้ผิดพลาดในชีวิต ดังเช่น ตั้งใจจะแต่งงานกับชายคนรักที่ตนรัก ไม่ต้องการแต่งกับคนที่บิดามารดาเลือกให้ก็ต้องทำให้ได้ ดังรายละเอียดข้างต้น แต่ต่อมาเมื่อได้บวชเป็นภิกษุณีแล้วนางได้สานต่อความตั้งใจจริงนั้นในทางที่ถูกต้อง คือ มีความตั้งใจจะศึกษาพระวินัยปิฎกให้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ลดละความพยายาม นางได้ใช้วิริยุอุสาหะเป็นอย่างมากศึกษาจนกระทุ่งสำเร็จตามปรารถนา ได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีรูปอื่นในด้านนี้
  • 2.  เป็นผู้แนะแนวชีวิตที่ดียิ่ง ชีวิตของพระปฏจาราเถรีเป็นชีวิตที่มากด้วยประกบการณ์ ได้ผ่านมาทั้งความสุข ความสมหวัง และความทุกข์ ความผิดหวังอย่างสาหัส จนเกือบกลายเป็นคนบ้าเสียสติ แต่เมื่อนางได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตแห่งชีวิตเข้ามาสู่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาแล้ว ประสบการณ์เหล่านั้นกลับเป็นประโยชน์แก่นางและคนอื่น คือ สตรีอื่น ๆ ที่มีปัญหาชีวิตพากันมาขอคำแนะนำ นางได้ให้คำแนะนำที่ดีและช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาเหล่านั้น จนกระทั้งได้รับยกย่องว่า “เป็นครูผู้ยิ่งใหญ่” ของพวกเขา

บรรณานุกรม

วิทย์  วิศทเวทย์ และ เสถียรพงษ์ วรรปก. หนังสือสังคมศึกษา รายวิชา ส 0410 พระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (ม.5)พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพม

18/10/2012 · 8:38 am

:: นางปฏาจารา ::

พระปฏาจาราเถรี เป็นธิดาของเศรษฐีในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล นางมีสิริโฉมที่งดงามเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั่วไป ครั้นเจริญวัยได้ 16ปี บิดาจึงได้ให้นางอยู่บนคฤหาสน์ ไม่ยอมให้พบปะกับผู้ชายอื่น นอกจากบิดาและคนใช้ ชื่อนายจุลล์ เท่านั้น ต่อมานางปฏาจาราเกิดรักใคร่ชอบพอกับนายจุลล์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ และเมื่อบิดามีความประสงค์จะให้นางแต่งงานกับชายหนุ่ม ผู้มีฐานะเสมอกัน นางจึงนัดแนะกับชายคนใช้นั้น และพากันหนีไปอยู่ต่างถิ่นแดนไกล สามีประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนนางอยู่เฝ้ากระท่อมทำหน้าที่เก็บฟืนหุงหาอาหารทำงานทุกอย่างได้รับความทุกข์ลำบากอย่างแสนสาหัส

ต่อมานางปฏาจาราได้ตั้งครรภ์บุตรคนแรก จนครรภ์แก่ใกล้คลอดนางมีความประสงค์จะกลับไปคลอดบุตรที่บ้านของบิดามารดาตามธรรมเนียมลัทธิพราหมณ์ นางจึงอ้อนวอนสามีให้พาไป แต่สามีไม่ยินยอมเนื่องจากเกรงว่าจะถูกเศรษฐีลงโทษ จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อสามีออกไปทำงานรับจ้างนางปฏาจาราจึงได้แอบหนีกลับไปบ้านเดิมของตน แต่ระหว่างนางเกิดเจ็บท้องและได้คลอดลูกเมื่อสามีกลับมาบ้านไม่เห็นภรรยา จึงตามหาจนพบและพากลับมาที่กระท่อม เมื่อนางตั้งครรภ์บุตรคนที่สอง ก็มีความประสงค์จะกลับไปคลอดบุตรที่บ้านเดิมเช่นเดียวกัน และเมื่อสามีไม่ยินยอม นางจึงแอบหนีไปอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับนำบุตรคนโตไปด้วย ระหว่างทางนางก็เกิดเจ็บท้องและคลอดลูก ขณะนั้น ได้มีพายุฝนนอกฤดูตกลงอย่างหนัก นางประสบความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส จนกระทั่งสามีตามมาถึง นางจึงให้สามีไปตัดไม้เพื่อทำเพิงกั้น ขณะที่สามีกำลังตัดไม้อยู่ใกล้จอมปลวกได้ถูกงูพิษกัดตาย รุ่งเช้านางได้จูงลูกคนโตและอุ้มลูกคนเล็กที่เกิดใหม่เพื่อตามหาสามี ไปพบสามีตอนตายอยู่ เกิดความเศร้าโศกอย่างแรงกล้า ร้องไห้คร่ำครวญเดินมุ่งตรงไปยังเมืองสาวัตถี

ครั้นนางเดินมาถึงแม่น้ำอจิรวดีเกิดน้ำท่วมอย่างหนัก น้ำไหลอย่างเชี่ยวกรากเพราะฝนตกหนักในตอนกลางคืนที่ผ่านมา นางจึงอุ้มลูกคนเล็กข้ามฝั่งไปก่อน เมื่อถึงอีกฝั่งหนึ่งแล้วจึงเอาใบไม้ปูรองให้ลูกคนเล็กนอน แล้วกลับมาเพื่อรับลูกคนโตอีกฝั่งหนึ่งเมื่อนางไปถึงกลางแม่น้ำขณะนั้นมีนกเหยี่ยวตัวหนึ่งโฉบลงจิกเอาลูกน้อยไปด้วยมองเห็นว่าเป็นชิ้นเนื้อนางจึงได้ยกมือโบกไล่พร้อมกับตระโกนด้วยเสียงอันดังลูกคนโตที่ยืนอยู่บนฝั่งคิดว่าแม่เรียกให้ไปหาจึงถลาลงน้ำ ถูกน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากพัดพาหายไป

นางปฏาจาราร้องไห้รำพันว่า “ผัวของเราถูกงูกัดตาย ลูกคนเล็กถูกเหยี่ยวเฉี่ยวเอาไป ลูกคนโตถูกน้ำพัดตาย” จึงตั้งสติเพื่อที่จะกลับไปยังบ้านเดิม ระหว่างทางได้ทราบว่าคนในตระกูลของนางตายหมดแล้วเพราะถูกคฤหาสน์ล้มทับเมื่อคืนนี้ นางจึงเสียสติเดินร้องไห้รำพันจนผ้าผ่อนหลุดลุ่ย คนทั้งหลายจึงเรียกนางว่าเป็นคนบ้า พร้อมกับกำดินบ้าง ฝุ่นบ้าง ไปเข้าใส่นางเพื่อขับไล่

วันหนึ่ง ขณะที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมอยู่ในพระเชตวัน นางไปยืน ณ ที่นั้น คนทั้งหลายเห็นนางจึงพากันขับไล่ไม่ให้นางเข้าไปในที่แสดงธรรม แต่พระพุทธเจ้ากลับตรัสบอกให้นางเข้ามา และตรัสว่า “เจ้าจงตั้งสติให้ดี” นางกลับได้สติดังเดิม และได้ห่มผ้าที่มีใครคนหนึ่งโยนให้ นางนั่งฟังพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงปรารภถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่งได้พิจารณาไปตามพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ได้กราบทูลขอบวชเป็นพระภิกษุณี พระพุทธเจ้าประทานอนุญาต หลังจากบวชไม่นาน พระภิกษุณีปฏาจาราได้บำเพ็ญสมณธรรม ต่อมาได้ฟังพระธรรมเทศนาว่า คนไม่เห็นความสิ้นไปและความเสื่อมไปแห่งปัญจขันธ์ แม้อยู่ร้อยปีก็ไม่ประเสริฐเท่าคนรู้เห็นอยู่วันเดียว นางได้พิจารณาตามไปและเมื่อฟังจบก็ได้บรรลุอรหัตผล

พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระปฏาจาราเถรีว่า เป็นยอดแห่งพระเถรีผู้ทรงพระวินัย คือทรงจำพระวินัยมาก ท่านได้ทำงานเพื่อเป็นการสงเคราะห์ อนุเคราะห์ต่อบุคคลอื่นเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์อื่น ๆ ที่ได้กระทำมา

คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง

1. เป็นผู้มีความตั้งใจจริง มนุษย์ยังมีกิเลส ทุกคนย่อมมีความผิดพลาดในชีวิต ถ้าใครผิดพลาดแล้วไม่ยอมแก้ไขปล่อยให้เลยตามเลย เป็นสิ่งไม่ควรทำไม่ดี แต่ถ้าใครกลับตัวและประพฤติตนให้เป็นคนดีได้ ย่อมเป็นบุคคลที่น่านับถือยกย่องเช่นเดียวกับพระปฏาจาราเถรี ซึ่งท่านมีความตั้งใจจริงนำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตมาปรับปรุง ประพฤติปฏิบัติตนจนเป็นที่ยอมรับและได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้า

2. เป็นผู้แนะแนวชีวิต พระปฏาจาราเถรีมีความสามารถในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือแก้ปัญหาให้แก่คนที่ประสบการณ์พลัดพราก การสูญเสียคนอันเป็นที่รัก มักจะมาขอคำแนะนำจากท่าน ซึ่งท่านก็ได้ให้คำแนะนำทีดีและช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาเหล่านั้น จนสามารถนำไปปฏิบัติและแก้ปัญหาเองได