2. พระปฏาจาราเถรี ประวัติพระปฏาจาราเถรี
คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง
บรรณานุกรม วิทย์ วิศทเวทย์ และ เสถียรพงษ์ วรรปก. หนังสือสังคมศึกษา รายวิชา ส 0410 พระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (ม.5)พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพม 18/10/2012 · 8:38 am :: นางปฏาจารา ::พระปฏาจาราเถรี เป็นธิดาของเศรษฐีในเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล นางมีสิริโฉมที่งดงามเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั่วไป ครั้นเจริญวัยได้ 16ปี บิดาจึงได้ให้นางอยู่บนคฤหาสน์ ไม่ยอมให้พบปะกับผู้ชายอื่น นอกจากบิดาและคนใช้ ชื่อนายจุลล์ เท่านั้น ต่อมานางปฏาจาราเกิดรักใคร่ชอบพอกับนายจุลล์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ และเมื่อบิดามีความประสงค์จะให้นางแต่งงานกับชายหนุ่ม ผู้มีฐานะเสมอกัน นางจึงนัดแนะกับชายคนใช้นั้น และพากันหนีไปอยู่ต่างถิ่นแดนไกล สามีประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนนางอยู่เฝ้ากระท่อมทำหน้าที่เก็บฟืนหุงหาอาหารทำงานทุกอย่างได้รับความทุกข์ลำบากอย่างแสนสาหัส ต่อมานางปฏาจาราได้ตั้งครรภ์บุตรคนแรก จนครรภ์แก่ใกล้คลอดนางมีความประสงค์จะกลับไปคลอดบุตรที่บ้านของบิดามารดาตามธรรมเนียมลัทธิพราหมณ์ นางจึงอ้อนวอนสามีให้พาไป แต่สามีไม่ยินยอมเนื่องจากเกรงว่าจะถูกเศรษฐีลงโทษ จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อสามีออกไปทำงานรับจ้างนางปฏาจาราจึงได้แอบหนีกลับไปบ้านเดิมของตน แต่ระหว่างนางเกิดเจ็บท้องและได้คลอดลูกเมื่อสามีกลับมาบ้านไม่เห็นภรรยา จึงตามหาจนพบและพากลับมาที่กระท่อม เมื่อนางตั้งครรภ์บุตรคนที่สอง ก็มีความประสงค์จะกลับไปคลอดบุตรที่บ้านเดิมเช่นเดียวกัน และเมื่อสามีไม่ยินยอม นางจึงแอบหนีไปอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับนำบุตรคนโตไปด้วย ระหว่างทางนางก็เกิดเจ็บท้องและคลอดลูก ขณะนั้น ได้มีพายุฝนนอกฤดูตกลงอย่างหนัก นางประสบความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส จนกระทั่งสามีตามมาถึง นางจึงให้สามีไปตัดไม้เพื่อทำเพิงกั้น ขณะที่สามีกำลังตัดไม้อยู่ใกล้จอมปลวกได้ถูกงูพิษกัดตาย รุ่งเช้านางได้จูงลูกคนโตและอุ้มลูกคนเล็กที่เกิดใหม่เพื่อตามหาสามี ไปพบสามีตอนตายอยู่ เกิดความเศร้าโศกอย่างแรงกล้า ร้องไห้คร่ำครวญเดินมุ่งตรงไปยังเมืองสาวัตถี ครั้นนางเดินมาถึงแม่น้ำอจิรวดีเกิดน้ำท่วมอย่างหนัก น้ำไหลอย่างเชี่ยวกรากเพราะฝนตกหนักในตอนกลางคืนที่ผ่านมา นางจึงอุ้มลูกคนเล็กข้ามฝั่งไปก่อน เมื่อถึงอีกฝั่งหนึ่งแล้วจึงเอาใบไม้ปูรองให้ลูกคนเล็กนอน แล้วกลับมาเพื่อรับลูกคนโตอีกฝั่งหนึ่งเมื่อนางไปถึงกลางแม่น้ำขณะนั้นมีนกเหยี่ยวตัวหนึ่งโฉบลงจิกเอาลูกน้อยไปด้วยมองเห็นว่าเป็นชิ้นเนื้อนางจึงได้ยกมือโบกไล่พร้อมกับตระโกนด้วยเสียงอันดังลูกคนโตที่ยืนอยู่บนฝั่งคิดว่าแม่เรียกให้ไปหาจึงถลาลงน้ำ ถูกน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากพัดพาหายไป นางปฏาจาราร้องไห้รำพันว่า “ผัวของเราถูกงูกัดตาย ลูกคนเล็กถูกเหยี่ยวเฉี่ยวเอาไป ลูกคนโตถูกน้ำพัดตาย” จึงตั้งสติเพื่อที่จะกลับไปยังบ้านเดิม ระหว่างทางได้ทราบว่าคนในตระกูลของนางตายหมดแล้วเพราะถูกคฤหาสน์ล้มทับเมื่อคืนนี้ นางจึงเสียสติเดินร้องไห้รำพันจนผ้าผ่อนหลุดลุ่ย คนทั้งหลายจึงเรียกนางว่าเป็นคนบ้า พร้อมกับกำดินบ้าง ฝุ่นบ้าง ไปเข้าใส่นางเพื่อขับไล่ วันหนึ่ง ขณะที่พระพุทธเจ้าแสดงธรรมอยู่ในพระเชตวัน นางไปยืน ณ ที่นั้น คนทั้งหลายเห็นนางจึงพากันขับไล่ไม่ให้นางเข้าไปในที่แสดงธรรม แต่พระพุทธเจ้ากลับตรัสบอกให้นางเข้ามา และตรัสว่า “เจ้าจงตั้งสติให้ดี” นางกลับได้สติดังเดิม และได้ห่มผ้าที่มีใครคนหนึ่งโยนให้ นางนั่งฟังพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทรงปรารภถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่งได้พิจารณาไปตามพระธรรมเทศนานั้นแล้ว ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ได้กราบทูลขอบวชเป็นพระภิกษุณี พระพุทธเจ้าประทานอนุญาต หลังจากบวชไม่นาน พระภิกษุณีปฏาจาราได้บำเพ็ญสมณธรรม ต่อมาได้ฟังพระธรรมเทศนาว่า คนไม่เห็นความสิ้นไปและความเสื่อมไปแห่งปัญจขันธ์ แม้อยู่ร้อยปีก็ไม่ประเสริฐเท่าคนรู้เห็นอยู่วันเดียว นางได้พิจารณาตามไปและเมื่อฟังจบก็ได้บรรลุอรหัตผล พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระปฏาจาราเถรีว่า เป็นยอดแห่งพระเถรีผู้ทรงพระวินัย คือทรงจำพระวินัยมาก ท่านได้ทำงานเพื่อเป็นการสงเคราะห์ อนุเคราะห์ต่อบุคคลอื่นเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์อื่น ๆ ที่ได้กระทำมา คุณธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง 1. เป็นผู้มีความตั้งใจจริง มนุษย์ยังมีกิเลส ทุกคนย่อมมีความผิดพลาดในชีวิต ถ้าใครผิดพลาดแล้วไม่ยอมแก้ไขปล่อยให้เลยตามเลย เป็นสิ่งไม่ควรทำไม่ดี แต่ถ้าใครกลับตัวและประพฤติตนให้เป็นคนดีได้ ย่อมเป็นบุคคลที่น่านับถือยกย่องเช่นเดียวกับพระปฏาจาราเถรี ซึ่งท่านมีความตั้งใจจริงนำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตมาปรับปรุง ประพฤติปฏิบัติตนจนเป็นที่ยอมรับและได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้า 2. เป็นผู้แนะแนวชีวิต พระปฏาจาราเถรีมีความสามารถในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือแก้ปัญหาให้แก่คนที่ประสบการณ์พลัดพราก การสูญเสียคนอันเป็นที่รัก มักจะมาขอคำแนะนำจากท่าน ซึ่งท่านก็ได้ให้คำแนะนำทีดีและช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาเหล่านั้น จนสามารถนำไปปฏิบัติและแก้ปัญหาเองได |