กรมท่าหรือกรมพระคลัง โดยปกติแล้วก็จะมีเจ้ากรมคือ เจ้าพระยาพระคลัง (บางสมัยอาจเป็นแค่พระยา) เป็นผู้ควบคุมดูแลครับ แต่ในบางสมัยก็มีการตั้งพระราชวงศ์ขึ้นมากำกับราชการกรมนั้นอีกต่อหนึ่ง ซึ่งการตั้งเจ้านายกำกับกรมมีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๒ เป็นต้นมาครับ Show สมัยรัชกาลที่ ๑ - เจ้าพระยาพระคลัง (สน) - เจ้าพระยาพระคลัง (หน) - เจ้าพระยาพระคลัง (กุน) สมัยรัชกาลที่ ๒ พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงกำกับราชการกรมท่า มีเสนาบดีกรมท่าคือ - เจ้าพระยาพระคลัง (กร) - เจ้าพระยาพระคลัง (สังข์) มีบันทึกว่าท่านหลงผู้หญิง ให้ภรรยาน้อยประทับตราบัวแก้ว (ตราประจำตำแหน่งเสนาบดีกรมท่า) เมื่อรัชกาลที่ ๒ ทรงทราบจึงรับสั่งว่า "พี่สังข์เลอะนักแล้ว" จึงโปรดเกล้าฯ ให้เชิญตราบัวแก้วไปรักษาที่พระคลังมหาสมบัติ เมื่อจะประทับจึงให้ไปที่พระคลังมหาสมบัติแทน เวลานั้นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงกำกับกรมพระคลังมหาสมบัติอยู่ก่อนแล้ว รัชกาลที่ ๒ จึงโปรดให้กำกับกรมท่าเพิ่มด้วย เพราะทรงเห็นว่ากรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เป็นหลานเจ้าพระยาพระคลัง (กร) จะทำงานด้วยกันได้ ตเมื่อเจ้าพระยาวงศาสุรศักดิ์ (แสง) สมุหพระกลาโหมถึงแก่อสัญกรรม จึงเลื่อนเจ้าพระยาพระคลัง (สังข์) เป็นเจ้าพระยามหาเสนาที่สมุหพระกลาโหมแทน ถึงแก่อสัญกรรมในต้นรัชกาลที่ ๓ - เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) สมัยรัชกาลที่ ๓ เมื่อต้นรัชกาลโปรดให้กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ พระปิตุลาที่ทรงนับถือเป็นพระสหายสนิท กำกับราชการกรมมหาดไทยและกรมท่า และเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินด้วย (ยุคนั้นเข้าใจว่าหมายถึงที่ปรึกษาราชการผู้ใหญ่) แต่เมื่อกรมหมื่นสุรินทรรักษ์สิ้นพระชนม์ใน พ.ศ. ๒๓๗๓ แล้วจึงไม่มีการตั้งพระราชวงศ์กำกับกรมท่าตลอดรัชกาล ตลอดรัชกาลที่ ๓ มีเสนาบดีกรมท่าท่านเดียวคือ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ซึ่งภายหลังได้ว่าที่สมุหพระกลาโหมเพิ่มอีกตำแหน่ง ทั้งนี้รัชกาลที่ ๓ จะทรงยกท่านเป็นสมุหพระกลาโหมแต่ท่านปฏิเสธ อ้างว่าที่สมุหพระกลาโหมนั้นไม่ยั่งยืน ขอให้ตั้งผู้อื่น แต่รัชกาลที่ ๓ ไม่ทรงเห็นผู้อื่นจะเป็นได้ จึงโปรดให้ว่าที่สมุหพระกลาโหมไว้ เมื่อจะกราบทูลหรือลงชื่อในหนังสือจะออกนามว่า "เจ้าพระยาพระคลังว่าที่สมุหพระกลาโหม" ถือทั้งตราบัวแก้วและตราพระคชสีห์ มีบันทึกว่าท่านไม่ยอมเป็นที่กลาโหมเพราะไม่อยากทิ้งผลประโยชน์จากตำแหน่งเจ้าพระยาพระคลังไปจนหมางใจกับพระยาศรีพิพัฒน์ (ทัต) น้องชายที่รอขึ้นเป็นเจ้าพระยาพระคลังต่อ สมัยรัชกาลที่ ๔ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) ได้เลื่อนขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ ได้รับพระราชทานเครื่องยศอย่างเจ้าต่างกรม สำเร็จราชการหัวเมืองปากใต้ฝ่ายเหนือทั้ง ๔ ทิศ และยังคงถือตราบัวแก้วและตราพระคชสีห์ว่าราชการกรมท่าและกรมพระกลาโหมตามเดิม มีจางวาง ปลัดจางวาง ทนายประจำตำแหน่ง จมื่นราชามาตย์ (ขำ) บุตรชายได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยารวิวงศ์มหาโกษาธิบดี เป็นผู้ช่วยราชการในกรมท่า เมื่อสมเด็จเจ้าพระยาฯ ถึงแก่พิราลัยใน พ.ศ. ๒๓๙๘ เจ้าพระยารวิวงศ์ได้เลื่อนเป็นเสนาบดีกรมท่าแทน ภายหลังได้เปลี่ยนทินนามเป็นเจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี แต่เนื่องจากป่วยเป็นโรคตาจึงลาออกจากตำแหน่งในปลายรัชกาลที่ ๔ ช่วงปลายรัชกาลที่ ๔ ไม่ได้ตั้งเสนาบดีกรมท่าแทน แต่โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนวรจักรธรานุภาพกำกับราชการกรมท่า สมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ. ๒๔๑๑ กรมขุนวรจักรธรานุภาพยังทรงกำกับราชการกรมท่า ในเดือน ๑๒ พระราชทานเลื่อนยศพระยาเทพประชุน (ท้วม) ปลัดทูลฉลองกรมพระกลาโหม น้องชายเจ้าพระยาทิพากรวงศ์เป็นผู้ช่วยกรมท่า ถึงเดือน ๔ ปลายปี โปรดให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดีสำเร็จราชการกรมท่าตามเดิม เรียกคืนตราจากกรมขุนวรจักรธรานุภาพ (กล่าวกันว่ากรมขุนวรจักรธรานุภาพไม่ถูกกับเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จึงไม่ยอมเสด็จออกจากวังอีกเลย) เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ได้รับอิสริยยศพิเศษคือเพิ่มศักดินาเป็น ๒๐,๐๐๐ ทรงดวงตราจันทรมณฑล มีจางวาง ปลัดจางวาง ทนายประจำตำแหน่ง ได้รับพระราชทานเครื่องยศเทียบเท่าสมเด็จเจ้าพระยา แต่อยู่ในตำแหน่งสั้นๆ ก็ถึงแก่พิราลัยใน พ.ศ. ๒๔๑๓ ใน พ.ศ. ๒๔๑๒ โปรดเกล้าฯ เลื่อนพระยาเทพประชุน (ท้วม) เป็นเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีที่เจ้าพระยาพระคลัง ดูแลกรมท่าแทน จนถึง พ.ศ. ๒๔๑๘ ได้มีประกาศพระราชบัญญัติตั้งกระทรวงพระคลังมหาสมบัติขึ้น แยกราชการฝ่ายการคลังออกจากกระทรวงการต่างประเทศ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาภาณุวงศ์ฯ เป็นเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศคนแรก อยู่ในตำแหน่งถึง พ.ศ. ๒๔๒๘ จึงกราบทูลลาออกจากตำแหน่ง กรมท่าในสมัยโบราณก็ได้พัฒนามาเป็นกระทรวงการต่างประเทศในสมัยรัชกาลที่ ๕ นั่นเองครับ ผู้บังคับบัญชากรมท่าที่มีความสามารถมากที่สุดในสมัยรัชกาลที่ 2 คือใครการที่กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงได้รับความไว้วางพระทัยจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยให้ทรงดูแลกำกับกรมท่าซึ่งเป็นหน่วยงานที่สำคัญยิ่ง เพราะควบคุมดูแลรายได้รายจ่ายของแผ่นดิน คงเป็นเพราะทรงพระปรีชาสามารถและทรงขยันขันแข็งเป็นที่พอพระราชหฤทัยสมเด็จพระราชบิดา จึงทรงได้รับตำแหน่งสำคัญ ๆ เรื่อยมา จอห์น ครอว์ฟอร์ด ซึ่ง ...
ผู้ดูแลกรมท่า(การค้าขาย) ในสมัยรัชกาลที่ 2 คือใครพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านการค้ามาตั้งแต่ทรงพระยศ เป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ในรัชสมัยรัชกาลที่ 2 ทรงกำกับกรมท่า ซึ่งมีหน้าที่ในด้านการค้า และการต่างประเทศ นอกจากจะทรงกำกับดูแลสำเภาหลวงแล้ว ยังทรงมีสำเภาค้าส่วนพระองค์ เช่นเดียวกับพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลาย ...
เจ้านายพระองค์ใดในสมัยรัชกาลที่ 2 ที่กำกับราชการกรมท่าที่สำคัญคือการค้าของหลวง ซึ่งทรงส่งเสริมให้เจ้านายขุนนางส่งเรือไปค้้าขายต่างประเทศ การค้าในรัชสมัยนี้จึงมีความก้าวหน้าได้กำไรเป็นรายได้ของแผ่นดินเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงกำกับราชการกรมท่า ได้ทรงแต่งสำเภาหลวงออกไปค้ากับเมืองจีนด้วย
บทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 2 ที่ทรงได้รับการยกย่องมากที่สุด คือเรื่องใดในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย นับเป็นยุดที่วรรณกรรมด้านร้อยกรองมีความเจริญสูงสุด เนื่องจากในสมัยนี้มีกวีเอกหลายท่าน ได้เขียนผลงานทางวรรณกรรมที่มีคุณค่าไว้หลายเล่ม เช่น ๏ พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย - บทละครเรื่อง รามเกียรติ์ - บทละครเรื่อง อิเหนา (ได้รับยกย่องเป็นบทละครที่ไพเราะที่สุด)
|