57. c.Radiation fog occurs when the cooled atmosphere meets with heat from the earth.ข้อใดถูกต้องจากบทความ ดูจาก“Radiation fog, quite different from advection fog, is immobile cloud-like moisture….It occurs on clear nights when the earth’s warmth escapes into the upper atmosphere.” หน้าแรก ใบงาน ใบงานแจกลูกสะกดคำ 11 ชุด
10/04/2017 78936 แบ่งปัน LINE เนื่องจากตอนนี้ เรื่องการสะกดคำที่เห็นก่อนหน้านี้ ไม่คุ้นอย่างที่เราเคยร่ำเรียนมา และมีเพื่อนๆ หลายท่านแสดงความเป็นห่วงว่าจะทำให้เด็กอ่านหนังสือไม่คล่องหรืออ่านไม่ออก วันนี้มีความรู้มาฝาก ทบทวนความจำสำหรับเพื่อนๆ ที่อาจจะลืมวิธีการอ่านแบบแจกลูกสะกดคำ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานตามหลักวิชาการวิชาภาษาไทย โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่เคยเรียนแบบเรียน มานะ มานีฯ 1. ยึดพยัญชนะต้นเป็นหลัก แจกลูกโดยเปลี่ยนรูปสระ เช่น กะ กา กิ กี กึ กื กุ กู 2. ยึดสระเป็นหลัก แจกลูกโดยเปลี่ยนพยัญชนะต้น เช่น กา ขา คา งา ตา นา ทา วา 3. ยึดสระและตัวสะกดเป็นหลัก แจกลูกโดยเปลี่ยนพยัญชนะต้น เช่น กาง ขาง คาง งาง ตาง นาง ทาง วาง 4. ยึดพยัญชนะต้นและสระเป็นหลัก แจกลูกโดยเปลี่ยนตัวสะกด เช่น คาง คาน คาย คาว คาก คาด คาบ การสะกดคำ หมายถึง การอ่านโดยนำพยัญชนะต้น สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกดมาประสมเป็นคำอ่าน ถือเป็นเครื่องมือการอ่านคำใหม่ ซึ่งต้องให้นักเรียนสังเกตรูปคำพร้อมกับการอ่านการเขียน เมื่อสะกดคำจนจำคำอ่านได้แล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องใช้วิธีการสะกดคำนั้น ให้อ่านเป็นคำได้เลย จะทำให้นักเรียนอ่านจับใจความได้และอ่านได้เร็ว การสะกดคำ มีหลายวิธี ได้แก่ 1. สะกดตามรูปคำ เช่น กา สะกดว่า กอ – อา – กา คาง สะกดว่า คอ – อา – งอ – คาง ค้าง สะกดว่า คอ – อา – งอ – คาง – ไม้โท – ค้าง 2. สะกดโดยสะกดแม่ ก กา ก่อน แล้วจึงสะกดมาตราตัวสะกด เช่น คาง สะกดว่า คอ – อา – คา – คา – งอ – คาง ค้าง สะกดว่า คอ – อา – คา – คา – งอ – คาง – คาง – โท – ค้าง 3. คำที่มีสระอยู่หน้าพยัญชนะ ให้สะกดพยัญชนะก่อนสระเสมอ เช่น เก สะกดว่า กอ – เอ – เก ไป สะกดว่า ปอ – ไอ – ไป 4. คำที่เป็นสระลดรูปหรือสระเปลี่ยนรูป อาจสะกดได้ดังนี้ เช่น กัน สะกดว่า กอ – อะ – นอ – กัน หรือ กอ – ไม้หันอากาศ – นอ – กัน คน สะกดว่า คอ – โอะ – นอ – คน หรือ คอ – นอ – คน แข็ง สะกดว่า ขอ – แอะ – งอ – แข็ง หรือ ขอ – แอะ – ไม้ไต่คู้ – งอ – แข็ง เค็ม สะกดว่า คอ – เอะ – มอ – เค็ม หรือ คอ – เอะ – ไม้ไต่คู้ – มอ – เค็ม 5. คำอักษรควบ อาจสะกดได้ดังนี้ –5.1 สะกดเรียงตัวอักษร มุ่งเพื่อการเขียนให้ถูกต้อง เช่น กลอง สะกดว่า กอ – ลอ – ออ – งอ – กลอง พราง สะกดว่า พอ – รอ – อา – งอ – พราง กวาง สะกดว่า กอ – วอ – อา – งอ – กวาง –5.2 สะกดตัวควบพร้อมกัน มุ่งเพื่อออกเสียงคำควบกล้ำให้ชัด เช่น กลอง สะกดว่า กลอ – ออ – งอ – กลอง พราง สะกดว่า พรอ – อา – งอ – พราง กวาง สะกดว่า กวอ – อา – งอ – กวาง 6. คำอักษรนำ อาจสะกดได้ดังนี้ — 6.1 สะกดเรียงตัวอักษร มุ่งเพื่อการเขียนให้ถูกต้อง เช่น อยาก สะกดว่า ออ – ยอ – อา – กอ – อยาก หนา สะกดว่า หอ – นอ – อา – หนา สนาม สะกดว่า สอ – นอ – อา – มอ – สนาม –6.2 อ่านอักษรนำแล้วจึงสะกด มุ่งเพื่อออกเสียงคำให้ถูกต้อง เช่น อยาก สะกดว่า หยอ – อา – กอ – อยาก หนา สะกดว่า หนอ – อา – หนา สนาม สะกดว่า สะหนอ – อา – มอ – สนาม 7. คำที่ตัวสะกดไม่ตรงตามมาตราตัวสะกด คำที่มีตัวการันต์ ให้ใช้หลักสังเกตรูปคำ รู้ความหมายของคำและจำคำให้ได้โดยอ่านและเขียนอยู่เสมอ เช่น เหตุ จันทร์ ข้อสังเกต 1. การสะกดคำ อาจสอนได้หลายวิธี ครูควรเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งที่เห็นว่าเหมาะสม และใช้วิธีเดียวตลอดการสอน เพื่อมิให้นักเรียนสับสน 2. การสอนแจกลูกและสะกดคำแต่ละครั้ง ไม่ควรใช้เวลานานเกินไป นักเรียนจะเหนื่อยและเบื่อหน่ายได้ ครูควรสอนควบคู่กับการสอนอ่านเป็นคำ เป็นประโยค เพื่อให้นักเรียนสนุกขึ้นเพราะได้เรียนคำที่มีความหมาย 3. เมื่อนักเรียนมีพัฒนาการด้านการอ่านมากขึ้น ควรลดการอ่านแบบแจกลูกลง คงไว้แต่เพียงการอ่านสะกดคำเท่านั้น เพื่อมิให้เขียนหนังสือผิด และควรเลิกอ่านสะกดคำเมื่อนักเรียนอ่านเป็นคำได้เองแล้ว 3.2 ปฏบิ ตั ติ ามข้นั ตอนวิธี เปรยี บเทยี บ และวเิ คราะห์ขน้ั ตอนวิธีเพ่อื แกป้ ัญหาจากโจทย์ทีก่ �ำ หนด 3.3 ตระหนกั ถงึ ความส�ำ คญั และประโยชนข์ องขน้ั ตอนวธิ ที เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั การแกป้ ญั หาในชวี ติ ประจ�ำ วนั 4 ทกั ษะและกระบวนการ ทักษะการแกป้ ญั หา 5 ความร้เู ดิมทีน่ กั เรยี นตอ้ งมี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กิจกรรมท่ี 1 | แนวคดิ เชิงคำ�นวณ 3 6 สาระสำ�คัญ แนวคดิ เชงิ ค�ำ นวณ (computational thinking) เปน็ พนื้ ฐานของการคดิ แกป้ ญั หาทส่ี ามารถน�ำ ไป 7 สอื่ และอุปกรณ์ เร่ือง เวลา (นาท)ี 1.1 บ้านเธอ บ้านฉนั 1.2 หา ห.ร.ม. งา่ ยกวา่ ทคี่ ิด 7.2 ใบความรู้ หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการท�ำ งานกล่มุ 8 แนวทางการจัดการเรยี นรู้ 8.1.2 แบบประเมนิ ตนเองเร่ืองฉนั รจู้ ักขัน้ ตอนวธิ ี ตามจ�ำ นวนผูเ้ รยี น สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4 กจิ กรรมท่ี 1 | แนวคดิ เชิงค�ำ นวณ รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) 8.2 ข้นั ตอนการดำ�เนินการ สถานการณ์ 8.2.2 ผู้สอนใช้วิธีสุ่มผู้เรียนหรือหาอาสาสมัคร 3 คน บอกหรือเขียนวิธีการที่จะทำ�ให้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กิจกรรมท่ี 1 | แนวคดิ เชิงคำ�นวณ 5 9 การวัดและประเมนิ ผล 9.2 สังเกตพฤติกรรมจากการทำ�งานกลุ่ม 9.3 ประเมินจากแบบประเมนิ ตนเองเรอื่ งฉนั รู้จักข้ันตอนวธิ ี 10 สอ่ื และแหลง่ ข้อมูล https://barefootcas.org.uk/wp-content/uploads/2014/08/ KS1-Crazy-Character-Algorithms-Activity-Barefoot-Computing.pdf 11 ขอ้ เสนอแนะ 11.2 ผ้สู อนสามารถศึกษาเพ่ิมเตมิ เก่ยี วกบั แนวคิดเชิงค�ำ นวณได้จากเวบ็ ไซต์ https://code.org/curriculum/course3/1/Teacher http://www.cs4fn.org/computationalthinking/ http://www.bbc.co.uk/education/topics/z7tp34j 11.3 ผสู้ อนอาจใหผ้ ูเ้ รยี นตอบค�ำ ถามในชวนคิด และอภปิ รายรว่ มกัน 11.4 ในการทำ�ใบกิจกรรมที่ 1.1 ให้ผูเ้ รยี นวาดรูปตามค�ำ บอกครบทุกคน แลว้ จึงนำ�ผลลัพธ ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 6 กจิ กรรมที่ 1 | แนวคดิ เชงิ ค�ำ นวณ รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) ใบกิจกรรมที่ 1.1 บา้ นเธอ บา้ นฉนั ชอ่ื -สกลุ ___________________________________________________________ เลขท่ี ________ 1 ให้นักเรียนคนที่ 1 วาดรูปบ้านลงในใบกิจกรรม จากนั้นอธิบายรูปที่ตนเองวาดให้เพ่ือนวาดตามโดย บ้านของฉนั บา้ นของเพือ่ น ชือ่ ______________________________________________________ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมท่ี 1 | แนวคดิ เชงิ คำ�นวณ 7 2 วาดรปู บ้านตามขนั้ ตอนวธิ วี าดบา้ น ลงบนพื้นที่ทีม่ กี ารระบุพกิ ดั (x,y) y (0, 0) x ขน้ั ตอนวธิ วี าดบา้ น 1 วาดรูปส่ีเหลยี่ มมมุ ฉากให้มีดา้ นขนานกับแกน x และ y ใหม้ ีจุดมมุ ซา้ ยลา่ งทพี่ กิ ดั (5,0) มุมขวาบนท่ี พกิ ัด (15,10) 2 วาดส่วนของเสน้ ตรงระหวา่ งจุดทีร่ ะบุตอ่ ไปนี้ 2.1 (5,10) และ (10,14) 2.2 (10,14) และ (15,10) 2.3 (15,0) และ (21,1) 2.4 (21,1) และ (21,11) 2.5 (21,11) และ (15,10) 2.6 (10,14) และ (16,15) 2.7 (16,15) และ (21,11) 3 วาดรปู สเ่ี หลย่ี มมมุ ฉากใหม้ ดี า้ นขนานกบั แกน x และ y ใหม้ จี ดุ มมุ ซา้ ยลา่ งทพ่ี กิ ดั (8,0) มมุ ขวาบนท ่ี พกิ ดั (12,5) ใหน้ กั เรยี นเปรยี บเทยี บรปู ทไ่ี ดก้ บั รปู ของเพอ่ื นวา่ เหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไรเพราะ เหตใุ ด เหมือน ไมเ่ หมอื น เน่ืองจาก ________________________________________________________________________ 8 กจิ กรรมท่ี 1 | แนวคดิ เชิงค�ำ นวณ รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) ใบกิจกรรมท่ี 1.2 หา ห.ร.ม. ง่ายกว่าทค่ี ดิ 1. ชอ่ื -สกลุ ________________________________________________________ เลขที่ ________ ให้หา ห.ร.ม. ของ 301,981 และ 449,573 โดยเติมคำ�ตอบลงในชอ่ งวา่ ง รอบท่ี จ�ำ นวนสองจ�ำ นวน คำ�อธบิ าย 1 301,981 จ�ำ นวนทน่ี อ้ ยกวา่ ไมเ่ ปน็ ศนู ย์ เศษจากการหาร 449,573 ดว้ ย 301,981 2 จำ�นวนทน่ี อ้ ยกว่าไมเ่ ป็นศูนย์ เศษจากการหาร ด้วย 3 จ�ำ นวนทน่ี อ้ ยกว่าไม่เป็นศนู ย์ เศษจากการหาร ดว้ ย คอื ดังนั้นในขน้ั ถดั ไปจะเขยี นแทน ดว้ ย 4 จำ�นวนทน่ี ้อยกว่าไมเ่ ปน็ ศูนย์ เศษจากการหาร ด้วย จ�ำ นวนทน่ี อ้ ยกว่าไม่เปน็ ศนู ย์ เศษจากการหาร ด้วย จ�ำ นวนที่นอ้ ยกว่าไม่เปน็ ศนู ย์ เศษจากการหาร ดว้ ย 7 0 971 จ�ำ นวนทนี่ ้อยกว่าเป็นศนู ย์ ดังนน้ั ห.ร.ม. จึงมคี ่าเทา่ กับ 971 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กิจกรรมที่ 2 | การแยกส่วนประกอบและการยอ่ ยปัญหา 9 กิจกรรมท่ี 2 การแยกส่วนประกอบและการยอ่ ยปญั หา คาบท่ี 3 - 4 | เวลา 2 ชวั่ โมง 1 ตวั ชี้วดั เช่ือมโยงกับชีวติ จรงิ 2 สาระการเรียนรู้ การคดิ เชงิ นามธรรม และการออกแบบขนั้ ตอนวธิ ใี นการแก้ปัญหา 3 จุดประสงค์ ให้ผูเ้ รียนสามารถ 3.2 ใช้ทักษะการคิดแบบแยกส่วนประกอบและการย่อยปญั หา แก้ปัญหาในชีวิตประจำ�วนั 4 ทักษะและกระบวนการ ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ และสังเคราะห์ 5 ความร้เู ดิมทนี่ ักเรียนต้องมี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 10 กจิ กรรมที่ 2 | การแยกส่วนประกอบและการย่อยปญั หา รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) 6 สาระสำ�คัญ ดว้ ยแนวคดิ เชงิ ค�ำ นวณ (computational thinking) ซง่ึ แบง่ ปญั หาหรอื งานออกเปน็ สว่ นยอ่ ย ท�ำ ใหส้ ามารถ จัดการกับปญั หาหรืองานไดง้ า่ ยขนึ้ 7 สอ่ื และอปุ กรณ์ ใบกิจกรรมท่ี เร่อื ง เวลา (นาท)ี 2.2 ชวี ิตประจ�ำ วันกบั การแยกสว่ นประกอบ 7.2 ใบความรู้ - หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) ชน้ั มธั ยมศกึ ษา แบบสงั เกตพฤติกรรมการท�ำ งานกล่มุ สถานการณ์นกั สบื จาก https://www.dek-d.com/studyabroad/44049/ 8 แนวทางการจัดการเรียนรู้ 8.1.1 ใบกิจกรรมท่ี 2.1 ตามจ�ำ นวนผู้เรยี น 8.1.2 ใบกจิ กรรมที่ 2.2 ตามจ�ำ นวนกลมุ่ 8.1.3 แบบประเมินการแยกสว่ นประกอบและการย่อยปญั หา ตามจำ�นวนกลุ่ม 8.2.1 ผสู้ อนน�ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยการเลา่ สถานการณใ์ ดสถานการณห์ นง่ึ จากสองสถานการณ์ และให้ผู้เรียนวเิ คราะหแ์ ละหาค�ำ ตอบจากสถานการณท์ ีเ่ ลอื ก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมท่ี 2 | การแยกส่วนประกอบและการย่อยปัญหา 11 สถานการณท์ ่ี 1 สถานการณ์ท่ี 2 8.2.2 ผูส้ อนเชอ่ื มโยงสถานการณ์ขา้ งต้นกับวิธคี ิดแบบแยกส่วนประกอบและยอ่ ยปญั หา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 12 กิจกรรมท่ี 2 | การแยกสว่ นประกอบและการยอ่ ยปัญหา รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) 8.2.9 ผู้สอนสุ่มกลุ่มนำ�เสนอคำ�ตอบให้ครบทุกกิจกรรม และร่วมอภิปรายกับผู้เรียนในประเด็น 9 การวัดและประเมินผล 10 สื่อและแหลง่ ข้อมูล 11 ขอ้ เสนอแนะ ยอ่ ยปัญหา ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=yQVTijX437c เปรยี บเทยี บ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมท่ี 2 | การแยกสว่ นประกอบและการย่อยปญั หา 13 ใบ กิจก รรมที่ 2.1 แยกส่วนและสร้างใหม่ สมาชกิ ในกลมุ่ ___________________________________________________________________ 1 ใหน้ กั เรยี นแยกสว่ นประกอบของวตั ถตุ า่ ง ๆ ดังรูป โดยวาดภาพ หรือเขยี นคำ�อธบิ าย ไฟฉาย สมารต์ โฟน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 14 กิจกรรมที่ 2 | การแยกสว่ นประกอบและการยอ่ ยปญั หา รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กล่องดินสอ ปากกาแบบกด รถบังคับวทิ ยุ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมที่ 2 | การแยกสว่ นประกอบและการยอ่ ยปญั หา 15 2 ให้นกั เรยี นนำ�ส่วนประกอบยอ่ ยทไ่ี ด้ทดลองแยกสว่ นประกอบในข้อ 1 น�ำ มารวมกบั ส่วนประกอบของ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 16 กิจกรรมที่ 2 | การแยกสว่ นประกอบและการยอ่ ยปญั หา รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) ใบ กจิ ก รรมที่ 2.2 ชีวติ ประจ�ำ วันกับการแยกส่วนประกอบ สมาชกิ ในกลมุ่ ___________________________________________________________________ พิจารณากิจกรรมตอ่ ไปน้ี แล้วอธบิ ายข้ันตอนโดยใช้วิธีคดิ แบบแยกสว่ นประกอบ _____________________________________________________________________________________ การรับประทานอาหารกลางวนั ท่โี รงเรียน สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมท่ี 2 | การแยกสว่ นประกอบและการย่อยปญั หา 17 การวางแผนไปทศั นศึกษา การซ้อื สนิ คา้ ออนไลน์ การเตรียมเสอ้ื กีฬาสี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 18 กิจกรรมท่ี 3 | การหารปู แบบและการคดิ เชิงนามธรรม รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กิจกรรมท่ี 3 การหารปู แบบและการคิดเชิงนามธรรม คาบที่ 5 - 6 | เวลา 2 ชั่วโมง 1 ตวั ชี้วดั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมท่ี 3 | การหารปู แบบและการคดิ เชิงนามธรรม 19 6 สาระสำ�คญั 7 สอ่ื และอปุ กรณ์ ใบกิจกรรมที่ เรือ่ ง เวลา (นาท)ี 7.2 ใบความรู้ - 7.3 อืน่ ๆ เครื่องคอมพวิ เตอร์ ปีที่ 4 ของ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำ�งานกลุม่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 20 กิจกรรมท่ี 3 | การหารูปแบบและการคิดเชงิ นามธรรม รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) 8 แนวทางการจดั การเรยี นรู้ 8.1.1 ใบกจิ กรรมที่ 3.1 -3.2 ตามจำ�นวนผู้เรียน 8.1.2 แบบประเมนิ การคิดเชิงนามธรรม ตามจ�ำ นวนผ้เู รยี น 8.1.3 เกมการ์ดดอกไม้ ตามจำ�นวนกลุ่ม 8.1.4 เกมสารานุกรมไทย ตามจำ�นวนกลุ่ม 8.2 ขนั้ ตอนการดำ�เนนิ การ 8.2.1 ผู้สอนนำ�เข้าสู่บทเรียน โดยอธิบายกติกาวิธีเล่นเกมการ์ดดอกไม้ ที่ทำ�ให้ผู้เรียน สามารถบอกชนดิ ของพชื ดอก แล้วให้ผเู้ รยี นเล่นเกมเป็นกล่มุ 8.2.2 ผ้เู รยี นตอบค�ำ ถามในเกม กลุ่มใดท�ำ เสร็จก่อนใหเ้ ปน็ ผู้ชนะ 8.2.3 ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายถึงการเชื่อมโยงรูปแบบที่เหมือน ๆ กันของดอกไม้ และทำ�ใหส้ ามารถบอกชนดิ ของพืชดอกได้ 8.2.4 ผู้เรียนศึกษาหัวข้อที่ 1.3 การหารูปแบบ (pattern recognition) ในหนังสือเรียน จนถงึ กอ่ นกจิ กรรมท่ี 1.5 8.2.5 ผเู้ รียนท�ำ ใบกิจกรรมที่ 3.1 เหมอื นหรือตา่ ง 8.2.6 ผสู้ อนส่มุ ผูเ้ รียนนำ�เสนอคำ�ตอบ และอภปิ รายร่วมกับผเู้ รยี น 8.2.7 ผู้เรยี นศกึ ษาเน้ือหาหัวข้อที่ 1.3 ในหนังสอื เรียนสว่ นทีเ่ หลือ แลว้ สุม่ ผเู้ รยี นยกตัวอยา่ ง ปญั หาอน่ื ทเี่ กดิ ซ�้ำ ๆ ในชวี ติ ประจ�ำ วนั และรว่ มกนั สรปุ แนวคดิ เรอ่ื งการหารปู แบบ 8.2.8 ผสู้ อนแบ่งผเู้ รยี นออกเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน 8.2.9 ผู้สอนแจกบัตรเกมสารานุกรมไทยให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่ม โดยบัตรเกมมีเนื้อหาเกี่ยวกับ พระราชกรณียกจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว รัชกาลที่ 9 ในการจดั ทำ�โครงการ สารานุกรมไทยส�ำ หรบั เยาวชน 8.2.10 ผู้เรียนแต่ละกลุ่มทำ�ความเข้าใจแล้วเขียนสรุปใจความสำ�คัญของโครงการสารานุกรม ไทยไมเ่ กนิ 20 ค�ำ ลงบนกระดาษแลว้ น�ำ ไปตดิ รวมกนั ที่หนา้ ช้นั เรียน 8.2.11 ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายว่าคำ�ตอบใดเป็นคำ�ตอบที่ดีที่สุด จากนั้นเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหา เร่ืองการคิดเชงิ นามธรรม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมท่ี 3 | การหารปู แบบและการคดิ เชงิ นามธรรม 21 8.2.12 ผู้เรียนศกึ ษาหวั ข้อท่ี 1.4 การคิดเชงิ นามธรรม (abstraction) ในหนังสือเรยี น 8.2.13 ผเู้ รียนแตล่ ะกลมุ่ ทำ�กจิ กรรมที่ 1.6 แบบจ�ำ ลอง ในหนังสอื เรยี น โดยอภิปรายกันใน กลมุ่ จากนน้ั ผู้สอนสุ่มผู้เรียนตอบค�ำ ถาม 8.2.14 ผู้เรียนจับคู่กันทำ�ใบกิจกรรมที่ 3.2 สร้างแบบจำ�ลอง แล้วแลกกับคู่อื่นเพื่อตรวจ คำ�ตอบและประเมนิ โดยใช้แบบประเมินการคิดเชงิ นามธรรม 8.2.15 ผสู้ อนและผเู้ รยี นรว่ มกนั สรปุ ประโยชนข์ องแนวคดิ เชงิ ค�ำ นวณในการน�ำ ไปใชเ้ พอ่ื การ แกป้ ญั หาในชีวิตประจำ�วนั 9 การวดั และประเมนิ ผล 9.2 สงั เกตพฤติกรรมจากการทำ�งานกลุม่ 9.3 ประเมินจากแบบประเมนิ การคิดเชิงนามธรรม 10 ส่อื และแหล่งข้อมลู 11 ขอ้ เสนอแนะ 11.2 ผู้สอนอาจเปิดตวั อย่างประตูไปไหนกไ็ ด้ในเร่อื งโดราเอมอนจาก https://www.youtube.com/watch?v=va-rqAmJc5c สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 22 กจิ กรรมท่ี 3 | การหารปู แบบและการคิดเชิงนามธรรม รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) เกมการด์ ดอกไม้ การด์ ความรู้ พชื ใบเล้ียงเดี่ยว พืชใบเล้ยี งคู่ กลีบดอก มีจำ�นวนเปน็ 3 หรอื ทวคี ูณของ 3 กลีบดอกมีจำ�นวนเป็น 4-5 หรือ ทวีคูณ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กิจกรรมที่ 3 | การหารูปแบบและการคดิ เชงิ นามธรรม 23 การด์ ค�ำ ถาม ใบเลี้ยงเดีย่ ว ใบเลย้ี งเดยี่ ว ใบเลย้ี งเด่ยี ว ใบเล้ยี งเด่ียว ใบเลยี้ งเด่ยี ว ใบเลีย้ งเดย่ี ว ใบเลีย้ งเดย่ี ว ใบเลย้ี งเดี่ยว ใบเลย้ี งเดย่ี ว ใบเล้ยี งเดย่ี ว สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 24 กจิ กรรมท่ี 3 | การหารปู แบบและการคดิ เชิงนามธรรม รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) บตั รเกมสารานุกรมไทย พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รชั กาลท่ี ๙ มพี ระราชปรารภวา่ การเรยี นรเู้ รอื่ งราวและวชิ าการ ที่มา : โครงการสารานุกรมไทยสำ�หรับเยาวชน https://web.ku.ac.th/king72/2542-08/main3.htm สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมที่ 3 | การหารปู แบบและการคิดเชงิ นามธรรม 25 ใบ กิจก รรมที่ 3.1 เหมือนหรือตา่ ง สมาชกิ ในกลุ่ม ___________________________________________________________________ ใหน้ ักเรียนระบุรูปแบบทเ่ี หมอื นหรอื แตกตา่ งกันของส่งิ ของต่อไปนี้โดยใช้หลกั การคิดเชิงคำ�นวณ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 26 กจิ กรรมที่ 3 | การหารูปแบบและการคดิ เชิงนามธรรม รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) สง่ิ ของที่มีรูปแบบทเ่ี หมือนกนั เหตผุ ล ส่ิงของทม่ี รี ูปแบบท่เี หมือนกัน เหตุผล ส่ิงของที่มรี ปู แบบทเ่ี หมอื นกนั เหตุผล สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กิจกรรมที่ 3 | การหารูปแบบและการคิดเชิงนามธรรม 27 ใ บกจิ กรรมท่ี 3.2 สร้างแบบจ�ำ ลอง สมาชิกในกลมุ่ ___________________________________________________________________ ให้พิจารณาเหตุการณห์ รอื ระบบการท�ำ งานต่อไปน้ี วิธกี ารใชง้ าน แนวคดิ การท�ำ งาน ผลลพั ธ์ทเ่ี กิดขึ้น สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 28 กจิ กรรมท่ี 3 | การหารปู แบบและการคิดเชงิ นามธรรม รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) 2 การตดั ปะในระบบคอมพิวเตอร์ การทำ�งานของค�ำ สั่ง คดั ลอก ตดั และวาง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กิจกรรมที่ 4 | การแกป้ ัญหาดว้ ยคอมพวิ เตอร์ 29 กิจกรรมท่ี 4 การแกป้ ญั หาด้วยคอมพิวเตอร์ คาบท่ี 7 - 8 | เวลา 2 ชัว่ โมง 1 ตัวช้ีวัด เชอื่ มโยงกบั ชวี ิตจริง 2 สาระการเรียนรู้ 2.2 การแก้ปัญหาดว้ ยคอมพิวเตอร์ 3 จดุ ประสงค์ ให้ผู้เรยี นสามารถ 3.2 ออกแบบการแกป้ ัญหาด้วยคอมพิวเตอรโ์ ดยใชแ้ นวคิดเชงิ คำ�นวณ 4 ทักษะและกระบวนการ ทกั ษะการคดิ เชิงคำ�นวณ 5 ความรูเ้ ดมิ ท่ีนกั เรียนตอ้ งมี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 30 กจิ กรรมที่ 4 | การแก้ปัญหาด้วยคอมพวิ เตอร์ รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) 6 สาระสำ�คัญ 7 สอ่ื และอปุ กรณ์ ใบกิจกรรมที่ เร่ือง เวลา (นาที) 4.1 คณะท่ีใช่ 30 4.2 ข้อมลู เขา้ และข้อมลู ออก 40 7.2 ใบความรู้ - 7.3 อน่ื ๆ เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ ปีท่ี 4 ของสถาบนั ส่งเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำ�งานกลุ่ม 8 แนวทางการจัดการเรียนรู้ 8.1.1 ใบกิจกรรมท่ี 4.1 ตามจ�ำ นวนผเู้ รียน 8.1.2 ใบกจิ กรรมท่ี 4.2 ตามจ�ำ นวนกลมุ่ 8.1.3 แบบประเมนิ ใบกิจกรรมที่ 4.2 ตามจ�ำ นวนกลมุ่ 8.2 ขนั้ ตอนการด�ำ เนินการ 8.2.1 ผสู้ อนยกตวั อย่างสถานการณใ์ นหวั ข้อที่ 2.1 การแกป้ ัญหาดว้ ยคอมพิวเตอร์ ใน หนงั สอื เรยี น สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมที่ 4 | การแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์ 31 สถานการณ์ท่ี 1 จากนน้ั ผสู้ อนตง้ั ค�ำ ถามและอภปิ รายรว่ มกนั กบั ผเู้ รยี นวา่ คอมพวิ เตอรจ์ ะสามารถแกป้ ญั หาไดห้ รอื ไม่ 8.2.2 ผู้เรียนศึกษาหัวข้อที่ 2.1.1 ข้อมูล และ 2.1.2 เงื่อนไขที่ชัดเจน ในหนังสือเรียน จาก นั้นอภิปรายร่วมกับผู้เรียนเกี่ยวกับข้อมูล และเงื่อนไขที่ชัดเจน แบบไหนที่ทำ�ให้ คอมพิวเตอรท์ �ำ ตามคำ�สง่ั ได้ 8.2.3 ผู้เรียนศึกษาโปรแกรมแชทบอท เช่น BotNoi, Mr.Tracky จากนั้นทดลองสนทนา กบั โปรแกรม 8.2.4 ผู้เรียนจับคู่กันทำ�กิจกรรมที่ 2.1 แชทบอท ในหนังสือเรียน และคอยสังเกตว่าผู้เรียน สรา้ งเง่อื นไข เพ่อื ใหเ้ พอ่ื นตอบค�ำ ถามได้ถกู ตอ้ งหรือไม่ 8.2.5 ผู้เรียนศึกษาหนังสือเรียน หัวข้อที่ 2.1.3 ขั้นตอนวิธีในการแก้ปัญหา และอธิบาย ตวั อยา่ งขอ้ มลู รายการอาหารกลางวนั จากตารางท่ี 2.2 จากนน้ั สมุ่ ผเู้ รยี นออกมาอธบิ าย ขั้นตอนวิธใี นการเลือกอาหารกลางวันในตัวอยา่ ง 8.2.6 ผเู้ รยี นท�ำ ใบกิจกรรมท่ี 4.1 คณะท่ใี ช่ 8.2.7 ผู้สอนตั้งคำ�ถามว่า “การที่มีเงื่อนไขและให้ความสำ�คัญจากที่ผู้เรียนได้ทำ�ในกิจกรรม ที่ 4.1 ทำ�ให้ผู้เรียนเลือกสาขาวิชาหรือคณะได้อย่างมีเหตุผลหรือไม่ อย่างไร” ผู้สอน และผเู้ รยี นอภิปรายรว่ มกนั 8.2.8 ผู้สอนแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แล้วศึกษาหนังสือเรียน หัวข้อที่ 2.1.4 ตัวแปร และหวั ข้อที่ 2.2 การระบขุ ้อมูลเขา้ ข้อมูลออก และเงื่อนไขของปัญหา โดยใน หัวข้อที่ 2.2 ให้สมาชิกเลือกศึกษาคนละ 1 ตัวอย่างโดยไม่ซ้ำ�กัน จากนั้นอภิปราย ร่วมกนั เพอื่ ให้สมาชิกคนอ่นื เข้าใจในตวั อย่างทศี่ ึกษา 8.2.9 ผสู้ อนแจกใบกจิ กรรมท่ี 4.2 ขอ้ มลู เขา้ และขอ้ มลู ออก ใหผ้ เู้ รยี นแตล่ ะกลมุ่ เลอื กหัวข้อ ระบบรถยนต์อัตโนมัติ หรือ ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ เพียงหัวข้อเดียว โดยสามารถ สบื คน้ ขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ จากอนิ เทอรเ์ นต็ ได้ ผสู้ อนชแ้ี จงการใชแ้ บบประเมนิ ใบกจิ กรรมท่ี 4.2 8.2.10 ผู้เรียนแต่ละกลุ่มแลกกันพิจารณาคำ�ตอบในใบกิจกรรมที่ 4.2 ทำ�การประเมิน ใบกิจกรรมที่ 4.2 แล้วส่งคืนเจ้าของเพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะ และให้ข้อมูลย้อนกลับ 8.2.11 ผสู้ อนและผเู้ รยี นร่วมกันสรุปประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากกจิ กรรมนี้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 32 กจิ กรรมที่ 4 | การแก้ปัญหาดว้ ยคอมพิวเตอร์ รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) 9 การวัดและประเมนิ ผล 10 สอื่ และแหล่งข้อมูล 11 ข้อเสนอแนะ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กิจกรรมที่ 4 | การแกป้ ัญหาดว้ ยคอมพิวเตอร์ 33 ใบกจิ กรรมท่ี 4.1 คณะทใี่ ช่ ชอื่ -สกลุ ___________________________________________________________ เลขที่ ________ ถา้ ตอ้ งการศกึ ษาตอ่ ในระดบั ปรญิ ญาตรี นกั เรยี นจะเลอื กเรยี นคณะหรอื สาขาวชิ าใด ใหก้ �ำ หนดเงอ่ื นไข ความส�ำ คัญ และให้คะแนนเพ่ือให้ได้ผลลัพธเ์ ป็นคณะหรือสาขาวชิ าที่เหมาะสมกับนักเรยี นมากท่ีสุด ชื่อสาขาวชิ าหรอื คณะทต่ี อ้ งการศกึ ษาต่อ 2 ___________________________________ เงอ่ื นไขประกอบการตดั สินใจ เช่น ความถนดั ชอ่ื เสยี งของสถานศึกษา รายได้หลงั เรียนจบ ออกแบบตารางการตดั สินใจ เลอื ก ______________ เพราะ _________________________________________________________ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 34 กจิ กรรมท่ี 4 | การแกป้ ญั หาด้วยคอมพิวเตอร์ รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) ใบ กิจก รรมที่ 4.2 ข้อมูลเข้าและข้อมูลออก สมาชกิ ในกล่มุ ___________________________________________________________________ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเลือกศกึ ษาระบบงาน แลว้ ตอบค�ำ ถามต่อไปน้ี 1 ระบบทเ่ี ลอื ก ระบบรถยนต์อตั โนมตั ิ ระบบแปลภาษาอัตโนมตั ิ 2 เทคโนโลยีที่เลือกมีคุณสมบัติ และตอบสนองความต้องการหรือช่วยแก้ปัญหาในชีวิตประจำ�วันให้กับ ผู้ใช้ได้อย่างไร _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________ 3 ข้อมูลเข้า ข้อมูลออก การจดั เก็บขอ้ มูล และการประมวลผลของเทคโนโลยที ่ีเลอื กประกอบด้วยอะไร สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมที่ 4 | การแกป้ ญั หาดว้ ยคอมพิวเตอร์ 35 ขอ้ มลู เข้า : ข้อมลู เขา้ มอี ะไรบา้ งท่ตี อ้ งใชเ้ พอื่ ทำ�ให้เกดิ การท�ำ งานได้ ขอ้ มลู เขา้ มาจากแหล่งใดได้บา้ ง ข้อมูลออก : เพือ่ แสดงว่าเมือ่ ทำ�งานตามค�ำ ส่งั ทีไ่ ด้รับแลว้ ผลลัพธ์เปน็ อย่างไร (เช่น การหกั พวงมาลัย ใหร้ ะบรุ ายละเอยี ดของทกุ ๆ สว่ นทใี่ ชใ้ นการรบั ขอ้ มลู เขา้ ขอ้ มลู ออกอยา่ งนอ้ ย 4 อยา่ ง โดยใหใ้ สข่ อ้ มลู ชนดิ ของขอ้ มลู แหลง่ ท่ีมาข้อมูล ตัวอย่างขอ้ มูลเข้า ตวั อยา่ งข้อมูลออก ระยะห่างระหว่าง ผู้ใช้/เซ็นเซอร์/แหล่ง รถยนต์อยู่ข้างหน้าใน ชะลอความเร็วให้เหลือ การประมวลผล : เมอ่ื ระบบคอมพวิ เตอรป์ ระมวลผลขอ้ มูล จะประมวลผลแตกตา่ งจากมนษุ ย์ แต่ทุก การเก็บขอ้ มูล : ขอ้ มลู ท่จี ดั เกบ็ ไว้ถาวรมีอะไรบา้ ง ข้อมลู ใดทไี่ มส่ ามารถเปล่ียนแปลงได้ หรอื ข้อมลู ท่ี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 36 กจิ กรรมที่ 5 | การออกแบบขน้ั ตอนวธิ ี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กิจกรรมท่ี 5 การออกแบบข้นั ตอนวิธี คาบท่ี 9 - 10 | เวลา 2 ชั่วโมง 1 ตัวชี้วัด 2 สาระการเรียนรู้ 3 จดุ ประสงค์ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถ 4 ทักษะและกระบวนการ 5 ความรูเ้ ดิมท่นี ักเรียนต้องมี สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมท่ี 5 | การออกแบบข้นั ตอนวธิ ี 37 6 สาระสำ�คัญ 7 สื่อและอปุ กรณ์ ใบกจิ กรรมท่ี เรือ่ ง เวลา (นาท)ี 7.2 ใบความรู้ - 7.3 อื่นๆ เครือ่ งคอมพวิ เตอร์ ปที ่ี 4 ของสถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี เว็บไซต์ฝกึ เขียนโปรแกรมแบบบล็อก http://blockly.programming.in.th สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 38 กจิ กรรมท่ี 5 | การออกแบบขัน้ ตอนวธิ ี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) 8 แนวทางการจัดการเรียนรู้ 8.1.1 ใบกจิ กรรมท่ี 5.1 - 5.3 ตามจำ�นวนผเู้ รยี น 8.2 ขนั้ ตอนการดำ�เนินการ 8.2.1 ผู้สอนทบทวนวิธีการแก้ปัญหาด้วยคอมพิวเตอร์ควรมีการระบุข้อมูลเข้า ข้อมูลออก และเงื่อนไขของปัญหาที่ชัดเจน และทบทวนความรู้เรื่องตัวแปรเมื่อใช้ในการแทน ข้อมลู ส�ำ หรบั การเขียนขนั้ ตอนวิธี 8.2.2 ผู้สอนยกตัวอย่างจากหนังสือเรียน ตัวอย่างที่ 2.5 การตัดสินใจรดน้ำ�ต้นไม้ของระบบ รดน้ำ�ต้นไม้อัตโนมัติ เพื่ออธิบายให้นักเรียนเห็นตัวอย่างของการเขียนขั้นตอนวิธีแบบ รหัสลำ�ลอง และผงั งาน รวมทง้ั ตัวอย่างของการใช้งานตัวแปรเพื่อแทนขอ้ มูล 8.2.3 ผู้เรียนศึกษาหนังสือเรียน หัวข้อที่ 2.3 การออกแบบขั้นตอนวิธี จนถึงก่อนขึ้นหัวข้อท ่ี 2.3.2 พร้อมกบั ทำ�ใบกิจกรรมที่ 5.1 ฝกึ เขียนขน้ั ตอนวิธี 8.2.4 ผู้เรียนศึกษาหนังสือเรียน หัวข้อที่ 2.3.2 การออกแบบและพิจารณาเงื่อนไข และให้ ผ้เู รยี นจับคูก่ นั ท�ำ ใบกิจกรรมท่ี 5.2 การออกแบบเง่ือนไข 8.2.5 ผู้สอนและผเู้ รียนร่วมกันเฉลยคำ�ตอบใบกิจกรรมที่ 5.2 8.2.6 ผู้เรียนศึกษาหนังสือเรียน หัวข้อที่ 2.4 การทำ�ซ้ำ� และให้ผู้เรียนจับคู่กันทำ�ใบกิจกรรม ที่ 5.3 การท�ำ ซ�ำ้ 8.2.7 ผูส้ อนและผู้เรียนร่วมกนั เฉลยค�ำ ตอบใบกิจกรรมที่ 5.3 8.2.8 ผู้สอนและผ้เู รียนรว่ มกนั สรปุ 9 การวดั และประเมินผล 10 ส่อื และแหล่งข้อมลู https://curriculum.code.org/csp/unit3/9/ 11 ข้อเสนอแนะ https://studio.code.org/courses สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กิจกรรมที่ 5 | การออกแบบขน้ั ตอนวิธี 39 ใบกิจกรรมท่ี 5.1 ฝกึ เขยี นขน้ั ตอนวธิ ี ชอื่ -สกลุ ___________________________________________________________ เลขที่ ________ ให้นักเรยี นศึกษาตวั อย่างการออกแบบขัน้ ตอนวิธีและการเขยี นโปรแกรมแบบบลอ็ กต่อไปนี้ ตวั อยา่ ง การตดั สนิ ใจรดนำ�้ ตน้ ไม้ของระบบรดน�ำ้ ต้นไม้อตั โนมตั ิ การตดั สนิ ใจรดน�ำ้ ตน้ ไมอ้ ตั โนมตั ิ ระบบจะอา่ นขอ้ มลู ความชนื้ ของดนิ แลว้ เปรยี บเทยี บกบั คา่ ทก่ี �ำ หนด ขั้นตอนวธิ ี 1. อ่านคา่ ความชืน้ ของดิน ตัวอยา่ งโปรแกรม โปรแกรมท�ำ งานตรงตามท่อี อกแบบไว ้ ใช่ ไม่ใช่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 40 กิจกรรมท่ี 5 | การออกแบบข้นั ตอนวธิ ี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) ให้นักเรียนออกแบบขั้นตอนวิธีเพ่ือแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่อไปนี้ และเขียนโปรแกรมแบบบล็อก สถานการณ์ 1 หาคะแนนสูงสุด 1. พจิ ารณาข้อมูลตัวแรก ให้ Max มคี ่าเป็นขอ้ มูลดงั กล่าว โปรแกรมทำ�งานตรงตามท่ีออกแบบไว ้ ใช่ ไม่ใช่ 2 หาคะแนนต่ำ�สดุ _____________________________________________________________________________________ โปรแกรมทำ�งานตรงตามทีอ่ อกแบบไว ้ ใช่ ไมใ่ ช่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) กจิ กรรมท่ี 5 | การออกแบบขนั้ ตอนวธิ ี 41 3 หาคะแนนเฉล่ยี 1. ให้ Total มคี า่ เปน็ 0 2. พิจารณาขอ้ มลู ทีละจ�ำ นวนจนครบทุกจ�ำ นวน 2.1 เรยี กข้อมลู ตัวทก่ี ำ�ลังพจิ ารณาว่า x 2.2 ให้ Total ← Total + x 3. ตอบวา่ ผลรวมคือ Total 4. คะแนนเฉล่ียจะมคี า่ เทา่ กับ Total ÷ 40 โปรแกรมทำ�งานตรงตามทีอ่ อกแบบไว ้ ใช ่ ไมใ่ ช่ เน่ืองจาก ________________________________________________________________________ ให้ปรับปรงุ ขัน้ ตอนวธิ ีหาคะแนนเฉลี่ย ในกรณีท่ไี ม่ทราบจำ�นวนนกั เรยี น โดยแกไ้ ขขน้ั ตอนวิธใี หน้ บั ข้ันตอนวธิ ี โปรแกรมทำ�งานตรงตามทอ่ี อกแบบไว ้ ใช ่ ไมใ่ ช่ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 42 กจิ กรรมที่ 5 | การออกแบบขัน้ ตอนวธิ ี รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ | เทคโนโลยี (วทิ ยาการค�ำ นวณ) |