งานวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ค้นหาลักษณะอันตราย 2) ประเมินระดับความเสี่ยง 3) ปรับปรุงสภาพการทำงานในกระบวนการผลิตหอเก็บน้ำเพื่อลดระดับความเสี่ยง และ 4) การประเมินความพึงพอใจทั้งก่อนและหลังการปรับปรุงสภาพการทำงาน เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ได้แก่ แบบวิเคราะห์ลักษณะขั้นตอนการทำงาน แบบประเมินระดับความเสี่ยงสภาพการทำงานด้วยวิธีเชคลิส และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงานต่อสภาพการทำงาน
การวิจัยนี้ครอบคลุมขั้นตอนกระบวนการผลิตหอเก็บน้ำทั้งหมด 5 ขั้นตอน คือ 1) การตัดแผ่นเหล็ก 2) การม้วนแผ่นเหล็ก 3) การเจาะช่องเหล็ก 4) การประกอบชิ้นส่วนหอเก็บน้ำ และ 5) การทาสีหอเก็บน้ำ ผลการวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงสภาพการทำงานอ้างอิงตามเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ผลการวิจัยพบว่า ลักษณะอันตรายจากการวิเคราะห์ลักษณะการทำงานมีความแตกต่างกันในแต่ละขั้นตอน โดยลักษณะอันตรายที่พบอยู่ในระดับความเสี่ยง 3 คือมีความเสี่ยงสูง (ร้อยละ 87.5) และอยู่ในระดับความเสี่ยง 4
คือความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ (ร้อยละ 12.5) ต้องทำการลดความเสี่ยงอันตรายโดยการปรับปรุงสภาพการทำงาน และเมื่อปรับปรุงสภาพการทำงานแล้วสามารถลดความเสี่ยงลดลงอยู่ในระดับความเสี่ยง 2 คือความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (ร้อยละ 100) และผลความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงานต่อสภาพการทำงานก่อนและหลังการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานทั้งหมด 5 ด้าน พบว่าระดับความพึงพอใจเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับดีเยี่ยมในทุกข้อ
สรุปได้ว่าจากการปรับปรุงสภาพการทำงานในกระบวนการผลิตหอเก็บน้ำมีความเสี่ยงลดลงและส่งผลให้มีความปลอดภัยในการทำงานมากยิ่งขึ้น Downloads
Download data is not yet available. Article DetailsReferences ลักษณีย์ บุญขาว, โชติมาพลรักษา, จีราพร ทิพย์พิลา.(2559). การประเมินความเสี่ยงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในโรงเตาเผาอิฐมอญแห่งหนึ่งในอำเภอวารินชาราบจังหวัดอุบลราชธานี.วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี,18(1),39-46. Han, B. S., Park, C. S., & Hong, S. H. (2007). Occupational health and safety risk assessment checklist for preventing accidents during building design phase. Korean Journal of Construction Engineering and
Management, 8(2), 68-74. สุนิสา ชายเกลี้ยง คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น บทคัดย่อ การศึกษาในครั้งนี้ เป็นการศึกษาเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวาง มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการสัมผัสความร้อนของเกษตรกรตัดอ้อย ในอำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ กลุ่มตัวอย่าง มีจำนวน 379 คน ตรวจวัดความร้อนโดย Wet bulb globe temperature หรือ
WBGT และประยุกต์ใช้แบบประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ทำงานกลางแจ้ง มีข้อมูลทั้งหมด 3 ส่วน ด้านปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล การทำงานกลางแจ้ง และประวัติอาการเจ็บป่วยจากความร้อน วิเคราะห์ความเสี่ยงโดยการรวมคะแนนเพื่อจัดความเสี่ยงออกเป็น 3 ระดับ ระดับคือ ต่ำ ปานกลาง และสูง ผลการศึกษา พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่อายุ 40 ปีขึ้นไป ร้อยละ 86.81 ประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 5 ปี ร้อยละ 88.13 ทำงานกลางแจ้งตลอดทั้งวัน ร้อยละ 99.74 สัมผัสแสงแดดโดยตรงมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน ร้อยละ 96.04
เกษตรกรเคยมีอาการเจ็บป่วยจากความร้อนอย่างน้อย 1 อาการหรือ 1 ครั้ง ร้อยละ 34.30 คืออาการเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง เหนื่อยล้าจากความร้อนชั่วคราว ร้อยละ 22.96 รองลงมาคือ อาการปวดเกร็งที่กล้ามเนื้อหรือเป็นตะคริว ร้อยละ 16.89 และอาการเป็นลมแดด ร้อยละ 11.41 และเกษตรกรทุกรายไม่ได้รับการอบรมด้านการทำงานกับความร้อนหรือผลกระทบ ผลการประเมินความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากการสัมผัสความร้อน คือมีความเสี่ยงสูงสุดระดับเสี่ยงปานกลาง ร้อยละ 87.07 รองลงมาคือ ระดับต่ำ ร้อยละ 12.93
และผลการตรวจวัดความร้อนพบว่าความร้อนเฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ 31.2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับเกณฑ์การสัมผัสความร้อนของผู้ทำงานกลางแจ้งคือมีความเสี่ยงปานกลาง กรณีมีภาระงานหนัก ซึ่งสอดคล้องกับผลการประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพของเกษตรกรตัดอ้อยที่ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงปานกลาง และเกษตรกรมีประวัติการเจ็บป่วยจากความร้อน จึงเสนอแนะให้มีการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการทำงานกับความร้อนเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหรือผลกระทบต่อสุขภาพอื่นที่เกิดจากความร้อนให้กับกลุ่มเกษตรกรตัดอ้อย
หรือเกษตรกรที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกันที่ทำงานกลางแจ้ง ต้องสัมผัสแดดเป็นเวลานาน และผลการประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพเป็นแนวทางในการเฝ้าระวังความเสี่ยงจากการสัมผัสความร้อนของเกษตรกรตัดอ้อยหรือกลุ่มเกษตรกรที่ทำงานคล้ายกันได้เพื่อการป้องกันต่อไป คำสำคัญ : ความเสี่ยงต่อสุขภาพจากความร้อน, การสัมผัสความร้อน, เกษตรกรตัดอ้อย ** ผู้รับผิดชอบบทความ รองศาสตราจารย์ ดร.สุนิสา ชายเกลี้ยง ภาควิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม * นักศึกษาปริญญาโท สาขา วท.ม. (อาชีวอนามัยและความปลอดภัย) คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ** รองศาสตราจารย์ ประจำภาควิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น Downloads
Download data is not yet available. Article DetailsReferences กระทรวงแรงงาน (2549) แนวปฏิบัติตามกฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดลอมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง พ.ศ. 2549 สืบค้นจาก http://medinfo2.psu.ac.th/commed/occmed/images/TIS18001/tisp4/law |