ทิสโก้กับการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้เป็นบริษัทจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพรายแรกของประเทศไทย เริ่มบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ตลอดระยะเวลากว่า 53 ปี Show นอกจากนี้ ทิสโก้ได้พัฒนาเทคโนโลยีให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ทำให้ทิสโก้สามารถคงความเป็นผู้นำใน ลักษณะของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมและเงินสมทบ ประเภทของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนเดี่ยว คือ กองทุนประกอบด้วยบริษัทนายจ้างเพียง 1 ราย โดยมีขนาดของกองทุนที่เหมาะสมตั้ง แต่ 100
ล้านบาทขึ้นไป โดยการที่กองทุนเดี่ยวมีขนาดใหญ่นั้น ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยกระจายการลงทุนในหลายสถาบันการเงิน และในหลักทรัพย์หลายประเภท เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ที่ดีขึ้นภายใต้ความเสี่ยงที่กองทุนยอมรับได้ กองทุนหลายนายจ้างสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทได้แก่ นายจ้าง และ ลูกจ้างได้ประโยชน์อะไรจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ?ทิสโก้มาสเตอร์ฟันด์ (TISCO Master Fund)อีกขั้นของความเป็นผู้นำ ด้วยนวัตกรรมการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประเภท "มาสเตอร์ฟันด์ (Master Fund)" ซึ่งเป็นกองทุนที่มีหลายนโยบายการลงทุน และเปิดโอกาสให้สมาชิกภายใต้กองทุนเดียวกันสามารถเลือกรูปแบบการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยพิจารณาจากอายุ อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ รวมถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ปัจจุบันกองทุนประเภท Master Fund ทั้งที่เป็นกองทุนเดี่ยวและกองทุนร่วมทุนภายใต้การจัดการของบลจ.ทิสโก้ มีมูลค่ารวมกันกว่า 173,047 ล้านบาท และจำนวนลูกค้ายังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความไว้วางใจและเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพในการบริหารกองทุนให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการให้บริการ ซึ่งสมาชิกยังสามารถเปลี่ยนทางเลือกการลงทุนให้เหมาะกับทุกจังหวะชีวิต ได้สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านบริการ Online ได้อีกด้วย กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทิสโก้มาสเตอร์ร่วมทุน (TISCO Master Pooled Fund) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทิสโก้มาสเตอร์ร่วมทุน (TISCO Master Pooled Fund) เริ่มจัดตั้งวันที่ 1 กรกฎาคม 2552
ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี 1. นโยบายตราสารหนี้ระยะสั้น ลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ตราสารหนี้บางประเภทของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ แต่ไม่ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน โดยอายุเฉลี่ยของตราสารที่ลงทุนทั้งหมดรวมกันประมาณ 0.5 ปี (+/- 0.5 ปี) ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงต่ำทั้งในแง่ความเสี่ยงด้านเครดิต ความผันผวนของราคา ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาเงินต้น และสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราผลตอบแทนได้ต่ำ 2. นโยบายตราสารหนี้ ลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ทั่วไป เช่น ตราสารหนี้บางประเภทของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ รวมถึงตราสารหนี้ภาคเอกชน นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศที่ลงทุนในตราสารหนี้ โดยปัจจัยที่มีผลต่อผลตอบแทนของกองทุน ได้แก่ ความมั่นคงของผู้ออกตราสารและการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการรับรายได้จากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราผลตอบแทนได้บ้าง 3. นโยบายผสม (ตราสารหนี้ + ทอง) ลงทุนในเงินฝาก และตราสารหนี้ทั่วไป ซึ่งในส่วนตราสารหนี้ภาครัฐจะลงทุนผ่านหน่วยลงทุนของกองทุนรวมพันธบัตร และลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศเฉพาะที่ลงทุนในทองคำไม่เกิน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยปัจจัยที่มีผลต่อผลตอบแทนของกองทุน ได้แก่ ความมั่นคงของผู้ออกตราสาร การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงิน และการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการรับรายได้จากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวในระดับปานกลาง และสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราผลตอบแทนได้ปานกลาง 4. นโยบายหน่วยลงทุน-ผสม ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมพันธบัตร หน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ และหน่วยลงทุนของกองทุนรวมผสมที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ใบทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และใบทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการได้รับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวในอัตราปานกลาง และสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราผลตอบแทนได้ปานกลาง 5. นโยบายหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศ (ผสม) ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 80% โดยจะลงทุนในกองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอลอินคัมพลัส โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่สามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนใน ตราสารหนี้ทั่วไป 6. นโยบายหุ้น ลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการมุ่งเน้นการเติบโตของเงินลงทุน และคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยระยะยาวในอัตราที่สูง และสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราผลตอบแทนได้สูง 7. นโยบายหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศ (ตราสารทุน) ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศที่บริหารโดย บลจ. ทิสโก้ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดในประเทศมีความผันผวน
และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว รายละเอียดแบบแผนการลงทุน กรุณาคลิ๊กที่นี่ >> โดยจากนโยบายการลงทุนตามที่กล่าวไว้ข้างต้นทิสโก้จึงได้กำหนดรูปแบบทางเลือกมาตรฐาน (Standard Option) ซึ่งคาดว่าสามารถครอบคลุมความต้องการส่วนใหญ่ของสมาชิก และเพื่อให้ง่ายต่อคณะกรรมการกองทุนในการสื่อสารถึงสมาชิกกองทุน ในกรณีที่ให้สมาชิกเลือกนโยบายการลงทุนด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม หากบริษัทนายจ้างต้องการทางเลือกให้สมาชิกมากกว่านี้ ทิสโก้ยังสามารถตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีรูปแบบ Free Style ซึ่งสมาชิกสามารถเลือกผสมนโยบายการลงทุนได้ตามต้องการ การบริการ |