ระบบประกันคุณภาพภายใน 2564
Show มาตรฐานการศึกษาระดับการศึกษาปฐมวัย เกี่ยวกับโรงเรียน
ประชาสัมพันธ์
Facebook Fanpageแผนที่การเดินทางและคุณครูสามารถศึกษารายละเอียด เกณฑ์ประเมิน SAR ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พิจารณาแยกเป็นรายมาตรฐาน จากหลักฐาน IQA ตามที่ปรากฎใน SAR การศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 3 มาตรฐาน มาตรฐานที่ 1 คุณภาพของผู้เรียน มาตรฐานที่ 2 กระบวนการบริหารและการจัดการ มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ดังภาพในตารางค่ะ ถึงแม้ว่าการประเมินผลนั้นจะไม่ได้มีส่วนช่วยพัฒนาทักษะใดๆ โดยตรง แต่สิ่งนี้จะเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ ตลอดจนกระตุ้นให้เกิดการพัฒนางานในแต่ละบุคคลได้ดีอีกด้วย นอกจากจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าองค์กรควรจะต้องปรับปรุงเรื่องใด พนักงานควรจะพัฒนาตัวอย่างไร หรือฝ่ายทรัพยากรบุคคลควรจะช่วยเสริมทักษะด้านไหนของพนักงานแต่ละคนแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างของการประเมินผลการปฎิบัติงานก็คือการเป็นดรรชนีชี้วัดความสำเร็จของการทำงาน ซึ่งมีผลต่อการเลื่อนตำแหน่ง, ขึ้นเงินเดือน, พิจารณาโบนัส, หรือแม้แต่เลิกจ้างพนักงานแต่ละคน และนี่คือสิ่งที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ (HR) จำเป็นที่จะต้องใส่ใจเป็นลำดับต้นๆ เลยทีเดียว หลักการสำคัญในการประเมินผล + หลักเกณฑ์เป็นที่ยอมรับ :ก่อนการประเมิน พนักงานทุกระดับควรมีสิทธิ์ทราบในเรื่องหลักเกณฑ์ของการประเมินผล เพื่อเกิดการยอมรับร่วมกัน และเป็นมาตรฐานเดียวกัน หากหลักเกณฑ์แตกต่าง ไม่เท่าเทียม ไม่เป็นที่ยอมรับ ก็อาจส่งผลเสียต่อการประเมิน และทำให้พนักงานเกิดทัศนติลบกับองค์กรได้ + กำหนดระยะเวลาชัดเจน :ทุกการประเมินควรมีการกำหนดระยะเวลาการประเมินที่ชัดเจน และทุกคนควรรู้ข้อกำหนดร่วมกัน ไม่ควรทำการประเมินที่ไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุด นอกจากจะเป็นการประเมินที่ทำให้ประสิทธิภาพลดลงเรื่อยแล้ว ยังก่อให้เกิดความกดดันในระยะยาว และอาจสร้างความเบื่อหน่ายแทนที่แรงจูงใจได้ และการไม่มีกำหนดเวลาชัดเจนนั้นก็ย่อมไม่มีจุดวัดผลที่ชัดเจนด้วยเช่นกัน + สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร :แต่ละองค์กรมักมีเป้าหมายต่างกัน หลักในการสร้างเครื่องมือการประเมินผลที่ดีนั้นคำนึงถึงเป้าหมายขององค์กรเป็นหลักด้วย เพื่อสะท้อนมาสู่รายละเอียดของบรรทัดฐานการประเมิน ตลอดจนดัชชีชีวัดที่สามารถประเมินผลลัพธ์ให้สอดคล้องกับทิศทางหรือเป้าหมายขององค์กรได้ HR มีข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับประเด็นนี้Q. ทุก ๆ ปีจะมีการประเมินผลงาน ท่านใช้เกณฑ์อะไรบ้างในการประเมินผลงาน และประเมินผลอย่างเป็นธรรม ทุก ๆ ปีจะมีการประเมินผลงานให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ท่านใช้เกณฑ์อะไรบ้างในการประเมินผลงาน และประเมินผลอย่างเป็นธรรม และหลังจากการประเมินผลงานเสร็จ ท่านจะมีวิธีการ Feedback ลูกน้องอย่างไร ให้ยอมรับและนำสิ่งที่ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ให้พนักงานท่านนั้นนำไปพัฒนา และท่านมีแนวทางอย่างไร ลองมาเล่าและแบ่งปันกันครับ
A. เกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงาน หัวใจสำคัญคือ “ต้องประเมินในสิ่งที่เค้าทำจริง” 1. ประเมินสิ่งที่พนักงานทำจริง 2. พนักงานมีส่วนร่วมและรับรู้การตั้งหัวข้อประเมินตั้งแต่ 3. สามารถปรับเปลี่ยนได้หากมีการเปลี่ยนแปลงงานที่ได้รับมอบหมาย ถัดมาคือในส่วนของการ Feedback มีสิ่งสำคัญ 2 สิ่ง คือ.. จุดประสงค์ของการประเมินผลการปฎิบัติงาน1.เพื่อวัดผลศักยภาพการทำงานของพนักงาน : การประเมินผลนี้จะอิงจากคำบรรยายลักษณะงาน (Job Description) ของแต่ละตำแหน่งเป็นหลัก เพื่อทราบว่าพนักงานปฎิบัติงานได้หรือไม่ ดีกว่าหรือต่ำกว่ามาตรฐานที่วางไว้ ทำได้เกิดหรือขาดจากลักษณะงานมาตรฐาน และอาจทำให้เห็นจุดเด่นของพนักงานแต่ละคนได้มากขึ้น รวมถึงจุดด้อยด้วยเช่นกัน 2.เพื่อเลื่อนตำแหน่งหรือโยกย้าย : หากพบว่าพนักงานมีศักยภาพสูง ฝ่าย HR อาจเลื่อนตำแหน่งให้เหมาะสมกับความสามารถ หรือท้าทายด้วยการให้ทำงานในตำแหน่งใหม่ๆ กระทั่งอาจจะโยกย้ายไปทำในแผนกอื่นที่จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทได้เช่นกัน 3.เพื่อปรับฐานเงินเดือนหรือพิจาณาโบนัส : ปฎิเสธไม่ได้ว่าเรื่องเงินเดือนเป็นเรื่องที่สำคัญต่อพนักงานทุกคน และความก้าวหน้าในอาชีพอย่างหนึ่งก็คือการได้รับพิจารณาขึ้นเงินเดือนนั่นเอง ผลประเมินการทำงานจะนำมาใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการขึ้นเงินได้อย่างสมเหตุสมผล รวมถึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการพิจารณาโบนัสประจำปีอีกด้วย ซึ่งมันสามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิผลของงานได้เช่นกัน 4.เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน : การประเมินผลการทำงานจะทำให้ทุกคนในบริษัทรู้ถึงศักยภาพของตัวเองและรู้ถึงประสิทธิภาพของบริษัทด้วย หากไม่มีการประเมิลผลการทำงานเราอาจไม่รู้ว่าความสามารถของแต่ละคนนั้นเป็นอย่างไร แต่เมื่อเห็นผลแล้วก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นการพัฒาศักยภาพให้สูงยิ่งขึ้นต่อไปได้ด้วย 5.เพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง พัฒนาจุดเด่น : ประโยชน์หนึ่งของการประเมินผลการทำงานก็คือการที่ทำให้เราได้เห็นจุดด้อยในส่วนต่างๆ ตั้งแต่เรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน ไปจนถึงเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในองค์กร ซึ่งเราสามารถนำปัญหาเหล่านี้มาแก้ไขจุดบกพร่องให้ดีขึ้นได้ หรือหากพบจุดเด่นก็อาจช่วยส่งเสริมศักยภาพให้ดีขึ้นไปอีก อย่างเช่น การจัดอบรมพิเศษ, คอร์สเสริมทักษะ, หรือแม้แต่การส่งไปศึกษาต่อ เป็นต้น 360-degree feedback ปัจจุบันกระบวนการประเมินผลการทำงานมีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และได้ผลการประเมินที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุด การประเมินผลในยุคนี้จะไม่ได้อยู่แค่การให้คะแนนจากหัวหน้างานหรือผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าเท่านั้น แต่จะเป็น การประเมินผลแบบ 360 องศาแทน ตั้งแต่การประเมินจากหัวหน้างาน, การประเมินจากเพื่อนร่วมงาน, การประเมินจากลูกน้องใต้บังคับบัญชา, การประเมินจากแผนกอื่นที่เกี่ยวข้อง, การประเมินจากฝ่ายบุคคล, หรือแม้แต่กระทั่งการประเมินผลตัวเอง ทุกผลประเมินจากทุกมิติจะถูกนำมารวมกันเพื่อเป็นผลประเมินสุดท้ายอีกครั้ง การประเมินผลอย่างรอบด้านด้วยวิธีนี้ค่อนข้างจะสร้างความยุติธรรมในการประเมินได้เป็นอย่างดีทีเดียว และมีการถ่วงน้ำหนักจากหลายฝ่ายเพื่อไม่ให้ผลประเมินโน้มเอียงกว่าการประเมินไม่รอบด้าน ประโยชน์สำคัญของการประเมินผลปฎิบัติงาน1.ทำให้มอบหมายงานให้ตรงกับความสามารถของพนักงานได้ การประเมินผลงานที่มีความถูกต้องจะนำไปสู่การจัดการที่ดีได้ เมื่อเราเห็นศักยภาพ หรือแม้กระทั่งจุดเด่นจุดด้อยของแต่ละคนแล้วจะทำให้สามารถมอบหมายงานให้ตรงกับความสามารถรวมถึงศักยภาพของแต่ละคนได้ ซึ่งนั่นเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของบริษัทด้วย 2.สร้างแรงจูงใจในการทำงาน การประเมินผลที่สมเหตุสมผล ถูกต้อง เที่ยงตรง และยุติธรรม จะทำให้พนักงานเข้าใจศักภาพของตัวเอง เข้าใจสถานะของธุรกิจ เกิดการพัฒนาในการทำงาน วางแผนการทำงานไปให้ถูกทิศทางได้มากขึ้น หรือปรับเปลี่ยนการทำงานให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น อีกด้านหนึ่งผลประเมินที่ดีย่อมส่งผลต่อการปรับเงินเดือนหรือโบนัส นั่นเป็นอีกแรงจูงใจสำคัญที่จะทำให้พนักงานพัฒนาศักยภาพของตัวเอง และมุ่งทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดแล้วทุกคนทุกฝ่ายต่างก็สำเร็จร่วมกัน 3.สร้างความภูมิใจ และได้รับการยอมรับ ผลประเมินที่ดีจะทำให้พนักงานเกิดความภาคภูมิใจในความสำเร็จของตน ช่วยเพิ่มความมั่นใจและมุ่งมั่นในการทำงานได้อีกด้วย ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้การมีผลงานที่ดียังทำให้เป็นที่ยอมรับจากผู้อื่น ได้รับความไว้วางใจในการทำงาน และอาจทำให้ประสบความสำเร็จได้ยิ่งขึ้น หรือแม้กระทั่งทำให้พนักงานตั้งเป้าหมายความสำเร็จที่สูงกว่าเก่า เป็นแรงจูงใจในการทำงานที่ดี 4.ปรับโครงสร้าง ค่านิยม แนวทางขององค์กร การประเมินผลการทำให้นอกจากจะสามารถทำให้รู้ได้ว่าการทำงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จหรือไม่ ทำให้องค์กรเดินไปตามแนวทางที่ถูกทิศหรือเปล่า ธุรกิจประสบความสำเร็จตามเป้าหมายหรือยัง หรือแม้แต่เป้าหมายที่วางไว้ทุกอย่างนั้นแท้จริงแล้วถูกต้องแล้วหรือยัง นอกจากจะนำมาปรับปรุงพัฒนาแล้ว บางครั้งผลการประเมินอาจทำให้เราพบว่าเดินทางมาผิด ต้องสร้างเป้าหมายใหม่ กำหนดแนวทางใหม่ หรือแม้แต่การต้องปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เช่นกัน CHECK!! วิธีแก้ปัญหา ถ้าไม่อยากให้พนักงานลาออก HR มีข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับประเด็นนี้Q: มีระบบการประเมินผลเพื่อจ่ายโบนัสประจำปีด้วยวิธีใดบ้าง ? มีระบบการประเมินผลเพื่อจ่ายโบนัสประจำปีด้วยวิธีใดบ้าง และมีวิธีการการประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อจ่ายโบนัสกับปรับเงินขึ้นประจำปีออกจากกัน มีตัวอย่างให้ได้ศึกษาเบื้องตันไหมคะ ขอบคุณค่ะ
A: การผูกระบบการตั้งเป้าและวัดผลการปฏิบัติงานเข้ากับระบบ reward and recognition มีข้อดีและสามารถทำได้ ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทนั้น ๆ ต้องมีวิธีการวัดผลงาน (Assess or Evaluate) ที่ชัดเจน โปร่งใสมากพอ ขออธิบายแยกเป็น 3 ส่วนดังนี้ค่ะ 1. แนวคิดและเครื่องมือที่ใช้ในการตั้งเป้าหมาย (OKR, MBO, KPI หรืออื่นๆ ) ที่มีความเหมาะสมและตรงตามวัตถุประสงค์ 2.การวัดผลงาน (Assess or Evaluate) 3. หลักการของการให้ผลตอบแทนหรือเงินรางวัลที่เป็นโบนัส..
ระบบการประเมินผลการปฎิบัติงานการประเมินส่วนข้อมูลบุคคล (Personal Data)การประเมินผลส่วนนี้เป็นส่วนข้อมูลปฎิบัติการส่วนบุคคล เช่น การขาด ลา มาสาย หรือแม้แต่การลงโทษใดๆ ข้อมูลในส่วนนี้อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องการทำงาน หรือความสามารถ แต่เป็นส่วนสำคัญที่จะนำมาประเมินผลองค์รวม การประเมินผลการปฎิบัติงาน (Performance Evaluation)การประเมินผลส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับการทำงานโดยตรง วัดจากผลงานเป็นหลัก ประเมินความสามารถตามหน้าที่การทำงานตามคำบรรยายงาน (Job Description) ที่กำหนดไว้ ประเมินตามทักษะงานของแต่ละคน ส่วนใหญ่เป็นการประเมินด้านปริมาณมากกว่าคุณภาพ การประเมินสมรรถนะ (Competency Evaluation)การประเมินผลส่วนนี้จะเป็นลักษณะการประเมินศักยภาพของพนักงานที่ตรงตามความคาดหวังตามตำแหน่งนั้นๆ หรือบริษัทนั้นๆ หรือไม่ บางคนอาจมีความสามารถดี แต่ไม่มีศักยภาพในการทำงานในระดับที่สูงขึ้น ก็อาจส่งผลให้ไม่ได้รับการประเมินเลื่อนตำแหน่งได้ หรือบางคนแสดงศักยภาพในการทำงานได้โดดเด่น ก็อาจจะส่งผลต่อการเลื่อนตำแหน่งได้เช่นกัน การประเมินผลทางเจตคติ (Attitude Evaluation)การประเมินผลส่วนนี้จะอิงตามทรรศนะส่วนบุคคล เป็นการแสดงความคิดเห็น แสดงทัศนคติ ประเมินตามหลักจิตวิทยา ประเมินจากการปฎิบัติตน หรือประเมินตามความพึงพอใจ การประเมินแบบนี้จะเกิดจากความรู้สึกส่วนตัว ไม่มีการวัดค่าตัวเลขหรือผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน มีความอ่อนไหวสูง แต่ก็มีความสำคัญในการประเมินมากเช่นกัน การประเมินผลที่ไร้อคติ การประเมินที่ไม่มีตัวเลขใดๆ ชี้วัดได้ชัดเจน อย่าง ผลประกอบการ, ยอดขาย, กำไร หรือแม้แต่ การขาด, ลา, มาสาย นั้น เป็นการประเมินที่อ่อนไหวและสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดปัญหามากที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดในส่วนนี้ก็คือ “ความยุติธรรม” และ “ไม่มีอคติ” ต่อผู้ถูกประเมิน นอกจากผู้ทำการประเมินแล้ว ฝ่าย HR เองก็ควรจะเป็นตัวกลางในการตรวจเช็คข้อมูล ตรวจสอบข้อเท็จจริงควบคู่ไปด้วย เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในกระบวนการประเมินผลนี้ให้มากที่สุด หรือถ้าเป็นหน้าที่ของฝ่าย HR เอง ก็ต้องกระทำอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง และเป็นกลางที่สุด เพราะเรื่องละเอียดอ่อนนี้สามารถสร้างปัญหาใหญ่กับบริษัทได้เช่นกัน CHECK!! KPI ดัชนีชี้วัดความสำเร็จ : เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ บทสรุปการประเมินผลการทำงานนั้นถือเป็นเครื่องมือสำคัญของฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) อย่างยิ่ง นอกจากจะใช้ประเมินความสามารถตลอดจนศักยภาพของพนักงานแล้ว การประเมินผลนี้ยังถือเป็นแรงจูงใจสำคัญของการทำงานเลยทีเดียว รวมถึงมีผลต่อการประเมินการตอบแทนจากบริษัท ตั้งแต่เงินเดือน ไปจนถึงโบนัส ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างก็เป็นแรงกระตุ้นชั้นดีที่จะทำให้พนักงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดต้องประเมินผลอย่างตรงไปตรงมา เที่ยงตรง ถูกต้อง ชัดเจน และไม่อคติ เพื่อเกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่ายด้วย
คุณมีปัญหาหรือคำถามที่ต้องการหาคำตอบใช่หรือเปล่า? หากคุณรู้สึกว่าได้รับเทคนิคดีๆ จากบทความนี้และอยากได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก คุณสามารถตั้งคำถามได้ในชุมชนของเรา ! แล้วคุณจะได้รับคำตอบมืออาชีพจากผู้เชี่ยวชาญ |