หากลองค้นหาจุดร่วมขององค์กรที่แวดล้อมไปด้วยคนเก่งและสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ออกมาได้อย่างต่อเนื่อง จะพบแนวคิดในการบริหารองค์กรที่มีความคล้ายกัน นั่นคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้พนักงานมีอิสระในการคิด และให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและสุขภาพใจของพนักงานเป็นหลัก Show
แนวคิดดังกล่าวพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด คนในไม่อยากออก คนนอกที่เก่งระดับหัวกะทิอยากเข้ามาทำงาน ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ องค์กรเหล่านั้นกลายเป็นแหล่งรวมตัวของคนเก่งที่สามารถสร้างนวัตกรรมเจ๋งๆ สู่สายตาชาวโลก อาทิ Netflix, Google หรือ Facebook จริงๆ แล้วยังมีองค์กรระดับโลกมากมายที่นำแนวคิดการบริหารองค์กรดังกล่าวไปใช้ หรือจะว่าไปก็บริหารองค์กรเช่นนี้มานานแล้ว อย่าง บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ GSK บริษัทที่คิดค้นวิจัยพัฒนายาและวัคซีนนวัตกรรมระดับโลก ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากว่า 57 ปี ดำเนินธุรกิจภายใต้วัฒนธรรมความเชื่อที่ให้ความสำคัญสูงสุดในการรักษาผู้ป่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ไม่เพียงแต่มุ่งสร้างนวัตกรรมยาและวัคซีนระดับโลก แต่ GSK ยังให้ความสำคัญกับพนักงาน ด้วยการสร้างบรรยากาศการทำงานที่เต็มไปด้วยพลังบวก เพราะเชื่อมั่นว่าองค์กรจะประสบความสําเร็จขึ้นอยู่กับพนักงาน และหากพนักงานทำงานอย่างมีความสุข องค์กรจะเจริญเติบโตไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ นั่นคือการช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง และอายุยืนยาว วิริยะ จงไพศาล กรรมการผู้จัดการ GSK กล่าวว่า “GSK เชื่อมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จในการนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ผสานกับความรู้ความสามารถและความร่วมแรงร่วมใจของพนักงาน เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพให้ก้าวล้ำหน้าโรคต่างๆ” ท่ามกลางความท้าทายในยุค New Normal หลายองค์กรต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม และไหนจะความหลากหลายของพนักงานในหลายเจเนอเรชันที่แตกต่างกัน องค์กรจะทำเช่นไรจึงจะหลอมรวมทุกคนให้สอดคล้องกับนโยบายและวัฒนธรรมขององค์กร สร้างวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน (Collaborate) ผสมผสานไอเดียที่หลากหลายหลอมรวมให้กลายเป็นนวัตกรรมที่ดีที่สุดเรียกว่าเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารองค์กรในศตวรรษที่ 21 ยุคที่เราไม่สามารถทำงานคนเดียวได้อีกต่อไป การนำความถนัดที่แตกต่างมาผสมผสานจนเกิดเป็นไอเดียที่ดีที่สุดยิ่งตอบโจทย์การทำงานขององค์กรที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ วิริยะกล่าวว่า คอลลาบอเรชันเป็นแนวทางการทำงานที่ทันสมัย ทำให้เกิดสไตล์และความคิดที่หลากหลาย เป็นการผสานความสามารถและพลังเพื่อให้ก้าวล้ำไปข้างหน้า เพื่อให้บริษัทมีการเติบโต มีความสามารถในการแข่งขัน มีความกระตือรือร้น การทำงานเชิงรุก มองไปข้างหน้า และยังช่วยให้บุคลากรของเราเกิดการเรียนรู้ การเติบโต และประสบความสำเร็จร่วมกัน โดยเฉพาะในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็ว การร่วมมือเท่านั้นจะช่วยให้เราสร้างสิ่งที่ดีที่สุดได้ ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญของ GSK ที่มีต่อผู้ป่วยและผู้บริโภคทั่วโลก ‘Be You – Feel Good – Keep Growing’ หลักคิดพัฒนาขีดความสามารถไปพร้อมกับขับเคลื่อนความสุขพนักงานในแบบของ GSKนโยบายสำคัญของ GSK ยังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถควบคู่กับการได้ทำบทบาทหน้าที่ของตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ “เราสนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีความภูมิใจในตนเอง สิ่งที่องค์กรทำมาตลอดคือการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จในระดับสากล GSK ได้ยกระดับองค์กรสู่การเป็นองค์กรที่ทันสมัย โดยยึด 3 หลักการ คือ Be You – Feel Good – Keep Growing เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทำให้พนักงานสามารถพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของตนเองได้อย่างมีความสุข” วิริยะกล่าวเสริม เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น วิริยะแจกแจงหลักการทั้ง 3 ส่วนออกมาได้ ดังนี้
ดร.พาสุข โรจนกตัญญู HR Country Head ของ GSK เสริมว่า “GSK ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้อย่างสมดุล ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ตาม Journey ของพนักงานที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ทั้ง Technical Knowledge และ Managerial Skills ผ่าน Learning Platform ที่พนักงาน GSK ทั่วโลกใช้ร่วมกัน ซึ่งเราค้นพบว่า พนักงานชอบการ Learning by Doing และได้ลงมือทำจริงโดยใช้เครื่องมือและดิจิทัลเทคโนโลยีที่องค์กรนำมาใช้ ผ่านการทำเวิร์กช็อป ทำให้เกิดการอัปสกิลใหม่ๆ ในโจทย์จริงและนำมาปรับใช้ได้จริง นอกจากนั้น GSK ยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพกายและใจเต็มร้อย สามารถดึงเอาศักยภาพของตัวเองออกมาใช้และทำงานร่วมกันเป็นทีมภายใต้เป้าหมายที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (Diversity & Inclusion) และนโยบายขององค์กรยุคใหม่ที่เปิดโอกาสให้พนักงานและองค์กรวางแผนการทำงานได้อย่างอิสระ (Performance with Choice Principle) เพื่อให้ตอบโจทย์การแข่งขันทางธุรกิจ อีกทั้งยังนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ ช่วยให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถ Tailor-Made ให้สอดคล้องกับหน้าที่ของพนักงานแต่ละคน เพื่อส่งมอบสุขภาพที่ดี แข็งแรง และอายุยืนยาวให้กับผู้คน จึงต้องสร้าง Wellbeing ให้กับคนในองค์กรGSK ตระหนักดีว่ามีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ Wellbeing ของพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นความเครียดในชีวิตประจำวัน ความเครียดจากการทำงาน ความปลอดภัยของพนักงาน ตลอดจนการดูแลตนเองและครอบครัวให้มีสุขภาพที่ดี และมีพลังงานบวกที่จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ GSK จึงให้การสนับสนุนที่นอกเหนือจากรักษาพยาบาล โดยมี Partnership for Prevention Program ซึ่งเป็นนโยบายของ GSK ระดับโลก เพื่อมอบการรักษาพยาบาลเชิงป้องกันแก่พนักงานและครอบครัว ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่โปรแกรมวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ ในทุกช่วงวัย โปรแกรมการดูแลว่าที่คุณแม่ที่เพิ่งตั้งครรภ์ และอื่นๆ หรือแม้แต่นโยบาย ‘Performance with Choice’ ที่ GSK นำมาใช้ในทุกสาขาทั่วโลก ด้วยความเชื่อที่ว่า พนักงานควรสร้างความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตได้ โดยที่หน่วยงาน GSK ในแต่ละประเทศสามารถนำแนวคิดนี้มาออกแบบและปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นทำงานจากที่บ้านหรือจากออฟฟิศ คำว่า Workplace สำหรับ GSK จึงไม่จำกัดเรื่องสถานที่อีกต่อไป แต่เชื่อในความสามารถของพนักงานที่จะวางแผนการทำงานที่เหมาะสมที่สุดโดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ ส่งมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จากแนวคิดกลั่นออกมาเป็นนโยบายที่ส่งต่อไปยัง GSK ทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือส่งเสริมพนักงานให้มีความพร้อมในทุกๆ มิติ สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนำเอาศักยภาพของตนเองออกมาใช้ได้อย่างกลมกลืน บนพื้นฐานของความไว้วางใจและพันธกิจของ GSK ที่สร้างความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย และช่วยให้พนักงานมีความสุขในสิ่งที่ทำในทุกๆ วัน การคว้ารางวัลสุดยอดองค์กรที่น่าร่วมงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2564 ในประเทศไทย หรือ Best Companies to Work for in Asia Awards 2021 (Thailand Edition) จาก HR Asia จึงเป็นข้อพิสูจน์ถึงแนวคิดการบริหารองค์กรที่ประสบความสำเร็จ สะท้อนภาพลักษณ์ในการเป็นองค์กรที่ทันสมัยและส่งเสริมให้พนักงานเติบโตอย่างยั่งยืนได้เป็นอย่างดี |