นิยาย นางเอก เป็น คุณหนูเอาแต่ใจ

ภายในงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของบริษัทโมเดิร์นคาร์ตระการตาด้วยแสงสีเสียงและพริตตี้สาวสวยสุดเซ็กซี่ ทำให้บรรยากาศคึกคักจนดึงดูดความสนใจจากผู้ชมและนักข่าวได้เป็นอย่างดี

“โมเดิร์นคาร์” บริษัทผู้นำเข้ารถหรูจากยุโรปบริหารงานโดยคุณเจตนาและคุณวันดี สองสามีภรรยาที่กว้างขวางในธุรกิจยานยนต์ชั้นนำของเมืองไทย ทั้งคู่มีบุตรสาวคนเดียวคือจิตรวรรณ หรือ “จี๊ด” ซึ่งเธอเรียนจบแล้วแต่ยังไม่ได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราว เฉิดฉายไปมาประสาคุณหนูผู้มีอันจะกิน

จี๊ดมีคู่หมั้นคือเทวัญ หนุ่มหล่อหัวหน้าฝ่ายสื่อสารการตลาดของโมเดิร์นคาร์ นอกจากคู่หมั้นที่เป็นพนักงานในบริษัทของบิดา จี๊ดยังมีเพื่อนสนิทหญิงชายอีกสามคนคือ ใจดี เงาะ ยอดชาย ดังนั้นงานเปิดตัวรถยนต์ในวันนี้ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนให้ดีเยี่ยม แต่ขณะที่งานเริ่มต้นขึ้นแล้ว ยอดชายกลับมีความกังวลบางอย่างในสีหน้า เขาเพียรโทร.หาจี๊ดตลอดเวลาเพื่อห้ามเธอทำอะไรบ้าๆ แต่เธอไม่ยอมทำตามแถมตวาดใส่ด้วย ความรำคาญก่อนตัดสายทิ้งแล้วซิ่งรถซอกแซกต่อไปบนท้องถนนเพื่อมุ่งสู่งานอันแสนอลังการของบิดา

เวลาเดียวกันนั้น นายเศกกับภรรยาสาวคราวลูกกำลังเตรียมตัวออกจากบ้านเพื่อไปงานนี้ด้วยเช่นกัน โดยทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าถูกใครบางคนจับจ้องและแอบสะกดรอยตามด้วยรถแท็กซี่ที่เจ้าของนั่งตื่นตระหนกอยู่เบาะข้าง ส่วนผู้โดยสารหนุ่มประจำที่คนขับพุ่งทะยานไปอย่างน่ากลัว

ที่แท้ผู้โดยสารหนุ่มคนนั้นก็คือศยามบุตรชายของนายเศกนั่นเอง ศยาม หรือ “ดิ่ง” เพิ่งกลับจากเมืองนอกด้วยหัวใจสุดบอบช้ำเนื่องจากมารศรีหนีกลับเมืองไทยมาแต่งงานกับบิดาของเขา มารศรีเป็นคนรักของศยาม ทั้งคู่รักกันมากถึงขนาดสัญญาว่าถ้าเรียนจบจะแต่งงานกัน แต่อยู่ดีๆ มารศรีก็หนีกลับเมืองไทยโดยทิ้งข้อความบอกลาไว้เพียงสั้นๆ ทำให้ศยามตกใจและไม่เข้าใจ จนกระทั่งทราบข่าวจากศุวิมลน้องสาวว่ามารศรีแต่งงานกับบิดาของตน ศยามแทบช็อก และรีบพาตัวเองกลับเมืองไทยโดยไม่บอกให้ใครรู้

ศยามขับแท็กซี่ไล่ตามรถบิดาไปเรื่อย กระทั่งถึงสี่แยกเขาจำต้องหยุดติดไฟแดง แต่รถของบิดาผ่านไปแล้วอย่างพอดิบพอดี ขณะจอดติดไฟแดงอยู่นั้นไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีรถหรูอีกคันพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง ศยามกับเจ้าของแท็กซี่ตกใจนั่งตัวแข็งทื่อกันครู่หนึ่งก่อนผ่อนลมหายใจออกมาได้เมื่อรถคันนั้นเบรกดังเอี๊ยดพร้อมกับหักหลบไปสงบอยู่อีกด้าน

ไม่ทันจะหายตกใจ สาวสวยนางหนึ่งในรถคันหรูก็เปิดประตูลงมาด้วยความฉุนเฉียว เธอปรี่เข้าไปต่อว่าชายหนุ่มที่นั่งนิ่งในแท็กซี่ ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด

“คิดว่าถนนเป็นลานจอดรถหรือไง”

“เดี๋ยวๆๆ ถ้าจะมีใครผิดมากกว่าก็คือคุณ เพราะคุณขับฝ่าไฟแดง อยากให้เรียกตำรวจมาตัดสินไหมล่ะ” ศยามลงมาตอกกลับจนเธอหน้าเจื่อน แต่ยังไม่ยอมรับ แถกไปว่าตนไม่มีเวลาเถียงกับคนขับแท็กซี่อย่างเขา พอเธอขยับจะกลับมาที่รถ ศยามร้องถามจะไปไหน หล่อนหันขวับมาจ้องเขม็งพร้อมเปล่งเสียงสูงอย่างดูแคลน

“อ๋อ...อยากจะเรียกร้องค่าเสียหาย ทั้งๆที่รถไม่ได้เป็นอะไรสักนิด มุกหากินตื้นๆ ได้! เอาไปเลย”

หญิงสาวหยิบแบงก์พันยื่นให้ ชายหนุ่มไม่รับแถมมองหน้าเธออย่างไม่พอใจ แต่เธอกลับตีความว่าเขาโลภมากจึงเพิ่มให้อีกหลายใบแล้วสั่งเขาถอยไป ปรากฏว่าเขายังยืนจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง

“เอ๊ะนายนี่ยังไง จะโลภไปถึงไหน ฉันให้เท่านี้ก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว อย่ามาทำเป็นหยิ่งโก่งราคา ฉันไม่ใจอ่อนกับพวกหัวหมออย่างนายหรอกนะ”

ศยามหน้าตึงด้วยความโกรธ จับข้อมือเธอแน่นจนเธอเริ่มกลัว สั่งให้เขาปล่อย ไม่งั้นตนร้องจริงๆด้วย

“ร้องเลย! เก่งนักใช่มั้ย คิดว่าจะทำอะไรใคร เหยียบหัวใครก็ได้ใช่มั้ย ร้องเลยสิ”

จี๊ดชะงัก เปลี่ยนใจไม่ร้องแต่กระทืบเท้าเขาเต็มแรงแล้ววิ่งกลับไปขึ้นรถตัวเองขับหนีด้วยความเร็ว ศยามเจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากพึมพำด่า พอคนขับแท็กซี่ลงมาเรียก ชายหนุ่มได้สติรีบขอโทษ และขอชดใช้ค่าเสียเวลากับค่าตกใจให้เขาด้วยเงินของตัวเอง ไม่ยอมให้เขาเอาเงินของผู้หญิงคนนั้นที่โยนทิ้งไว้

“อย่าเอาของเขาเลย เงินที่ให้เราด้วยความดูถูกมันไม่มีคุณค่าพอให้เราเอาไปใช้หรอก พี่เอาของผม...ส่วนเงินของผู้หญิงคนนั้นผมฝากพี่เอาไปทำบุญโลงศพให้ศพไม่มีญาติด้วยได้ไหม ถือว่าทำบุญให้เจ้าของเงิน จะได้ตายดีๆหน่อย”

“ครับ ขอบคุณครับพี่” ไอ้หนุ่มแท็กซี่พนมมือไหว้

เสร็จเรื่องแล้วศยามเดินจากมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จมอยู่กับความทุกข์ความเจ็บช้ำที่เสียคนรักไปโดยไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจ

ooooooo

งานเปิดตัวรถหรูรุ่นใหม่ของโมเดิร์นคาร์ดำเนินไปท่ามกลางความตื่นตาตื่นใจของผู้ชม ยังความปลาบ-ปลื้มแก่เจ้าของงานถึงกับยืนยิ้มหน้าบาน ถึงขนาดเอ่ยชมว่าที่ลูกเขยที่ออกแบบงานได้อย่างยอดเยี่ยม

เทวัญยิ้มกว้างรับคำชมจากเจตนาและวันดี ชายหนุ่มดูอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้ใหญ่แต่ซ่อนความร้ายกาจในแววตา สักครู่เสียงฮือฮาดังขึ้นด้านหนึ่งเนื่องจากเศกควงมารศรีเข้ามา เจตนากับวันดีข่มใจเดินปั้นยิ้มไปทักทายคู่แข่งรายใหญ่ของตนที่โดนนักข่าวรุมถ่ายรูป

“ไม่อยากเชื่อว่างานเปิดตัวรถใหม่ของโมเดิร์นคาร์จะได้รับเกียรติจากคุณเศก เจ้าของบริษัทลักชัวรี่คาร์ด้วย”

“พูดแบบนี้เดี๋ยวผมก็เข้าใจผิดคิดว่าคุณเจตนาแค่ส่งจดหมายเชิญคู่แข่งมาร่วมงานเป็นมารยาทหรอกครับ”

เสือสองตัวข่มและแข่งขันกันอยู่ในทีภายใต้หน้ากากแห่งมิตร วันดีมองมารศรีหัวจดเท้าก่อนเอ่ยทักด้วยถ้อยคำดูแคลนว่า เพิ่งได้เห็นภรรยาใหม่ของคุณเศกชัดๆ สวยและเด็กกว่าที่คิดไว้เสียอีก

“คุณวันดีก็ดูสวยสมวัยมากเช่นกันค่ะ”

วันดีแทบสะอึก ถูกมารศรีแดกดันเข้าให้แล้ว จังหวะนี้รัตนาเลขานุการของเจตนาเดินมาส่งสัญญาณให้นายทราบว่าตนมีเรื่องจะคุย เจตนาจึงแยกตัวออกไปโดยมีสายตาคมกริบของวันดีมองตามด้วยความไม่พอใจ

รัตนาแจ้งกำหนดการกับเจตนาว่าอีกสิบนาทีท่านต้องให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ซึ่งตนร่างคำตอบเป็นแนวทางไว้ให้แล้ว เจตนาขอบคุณเลขาฯที่ดูแลไม่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ แต่วันดีกลับชำเลืองมองอย่างหมั่นไส้ เพราะคิดมาตลอดว่ารัตนามีพฤติกรรมเลยเถิดกับสามีตน หาใช่แค่ลูกน้องกับเจ้านายธรรมดา และจี๊ดก็เป็นอีกคนที่คิดเช่นเดียวกับมารดา วันนี้เธอจึงปรากฏตัวในงานเพื่อจัดการกับเมียน้อยของบิดา

จี๊ดก้าวฉับๆเข้ามาพร้อมเปล่งเสียงประชดบิดา “หวานไม่แคร์สื่อเลยนะคะคุณพ่อ”

เสียงนั้นดังไม่ใช่เล่น ดึงดูดความสนใจจากผู้ชมรถให้หันขวับมามองเธอเป็นตาเดียว เจตนาค่อนข้างหน้าเสียอุทานชื่อลูกสาวอย่างประหวั่นพรั่นพรึง แต่สาวจี๊ดไม่สนใครหน้าไหน นอกจากรัตนาที่ปักใจเสียแล้วว่าเธอคือเมียน้อย

“นังคนที่คิดแย่งคุณพ่อไปจากคุณแม่หน้าตาเป็นอย่างนี้นี่เอง หน้าตาดีนี่ ไม่น่าจะหาแฟนยาก ชอบแย่งสามีคนอื่นนักหรือไง”

“ยายจี๊ด! อย่าฉีกหน้าพ่อตรงนี้...กลับบ้านไป” เจตนาคว้าแขนลูกสาว ส่วนวันดีปรี่มาปรามลูกด้วยเช่นกัน แต่ท่าทีไม่ได้จริงจังอะไรเลย

“จี๊ด...อย่าทำแบบนี้”

“โอเคค่ะ จี๊ดไม่ฉีกหน้าคุณพ่อก็ได้ แต่ขอฉีกหน้ามันแทน” เธอจ้องหน้ารัตนาแล้วหันไปประกาศกับสื่อมวลชน “ทุกคนคะ จี๊ดขอโทษที่เข้าใจผิดว่าคุณรัตนาแอบเป็นเมียน้อยคุณพ่อ มันไม่จริงเลย ช่วยลงข่าวให้ถูกด้วยนะคะ ว่าคุณพ่อแค่สนิทสนมกับคุณรัตนามากกว่าพนักงานคนอื่นๆนิดหน่อย ก็แค่อยู่ๆก็ขึ้นเงินเดือนให้เป็นพิเศษ คุณรัตนาคงทำงานเก่งม้ากมาก ไม่ได้ใช้เต้าไต่หรอกค่ะ”

“ยายจี๊ด!!” เจตนาขึ้นเสียง แต่ลูกสาวหาได้สะดุ้งสะเทือน กลับจีบปากประจานรัตนาต่อไปโดยไม่ได้ใส่ใจว่าทำให้พ่ออับอายขายหน้าด้วยเหมือนกัน

“หรือสดๆร้อนๆอย่างเมื่อคืนนี้ประชุมเลิกดึก คุณพ่อก็พาไปดินเนอร์ แล้วก็ไปส่งที่คอนโด...อุ๊บ...อย่าคิดว่าเป็นคอนโดที่คุณพ่อแอบซื้อให้อยู่นะคะ ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณรัตนาเป็นแค่เลขาฯ ไม่ใช่เมียน้อย”

ยอดชายวิ่งเข้ามา ตามด้วยใจดีและเงาะ ทั้งสามเรียกจี๊ดเป็นเสียงเดียว ก่อนที่ยอดชายจะประกบจี๊ดเพื่อพาตัวออกมาถ้าไม่อยากลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ แต่จี๊ด ขัดขืนและไม่ฟังใครทั้งนั้น แม้แต่คู่หมั้นอย่างเทวัญ

“จี๊ด...พี่ขอล่ะ เราค่อยคุยเรื่องนี้กันได้ไหม เห็นไหมว่าทุกอย่างมันกำลังจะพัง”

“ที่งานนี้ต้องพังไม่ใช่เพราะใครหรอกค่ะ แต่เพราะความไม่รู้จักพอของผู้หญิงคนนี้”

รัตนาหน้าซีดหน้าเสีย จะปฏิเสธว่าไม่ใช่อย่างที่จี๊ดกล่าวหา แต่จี๊ดขัดทันควันว่า

“ไม่ใช่เมียน้อย? คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อ ถ้าเธอยังไม่หยุด เธอเละกว่านี้แน่”

อาฆาตเสร็จ คุณหนูจี๊ดก็สะบัดพรืดจากไป ทิ้งความอับอายไว้ให้รัตนาที่แทบไม่กล้ามองหน้าใคร โดยเฉพาะพวกสื่อที่กระหายข่าว

บรรยากาศอึดอัดในบัดดล! เจตนาเครียด วันดีแอบยิ้มสะใจ แต่พอสามีมองมาเธอก็เดินหนีทันที มีหรือเจตนาจะปล่อยไปง่ายๆ เขาเดินตามไปต่อว่าภรรยา ในขณะที่เทวัญก็ตามมาตำหนิจี๊ดที่หน้างาน

“จี๊ดทำอย่างนี้ไม่น่ารักเลยนะ”

“พี่เทวัญว่าจี๊ดเหรอ”

“ไม่ว่าจี๊ดจะไม่พอใจอะไร จี๊ดก็ไม่ควรเอาครอบครัวตัวเองมาประจานในที่สาธารณะแบบนี้ มันมีแต่เสียทุกฝ่าย”

“จี๊ดก็ไม่ได้อยากทำตัวแบบนี้ แต่จี๊ดทนไม่ไหวที่ต้องเห็นคุณแม่กับคุณพ่อทะเลาะกันเพราะมันทุกวัน จี๊ดเลยต้องมาแฉมันออกสื่อนี่ไง จะได้เลิกทำตัวทุเรศสักที”

“พี่เตือนจี๊ดกี่ครั้งแล้ว ว่าจี๊ดโตแล้วนะ จี๊ดต้องหัดอดทน นั่นมันเรื่องของผู้ใหญ่ที่ต้องจัดการกันเอง แต่จี๊ดไม่เชื่อพี่เลย พี่เสียใจ”

“พี่เทวัญโกรธจี๊ดเหรอ จี๊ดไม่ได้ตั้งใจ อย่าโกรธจี๊ดนะ”

“พี่รักจี๊ดและเข้าใจจี๊ดเสมอ แต่คราวนี้จี๊ดทำเกินไปจริงๆ จี๊ดกลับไปก่อนนะ พี่ต้องกลับไปเคลียร์กับนักข่าว แล้วพี่จะโทร.หา โอเคมั้ย”

“ค่ะ รีบโทร.หาจี๊ดเร็วๆนะ”

หญิงสาวออดอ้อนอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เทวัญยิ้มให้ แต่พอลับหลังก็แอบถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่าย สวนกับยอดชายและใจดีที่ตามออกมา...

อีกด้านหนึ่ง เจตนากำลังต่อว่าวันดี เขาไม่ชอบที่เธอใช้ลูกเป็นเครื่องมือ วันดีปฏิเสธและอ้างว่าจี๊ดทำเอง แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่เห็นต้องกลัวเลย

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เคยมีอะไรระหว่างผมกับรัตนา”

“พิสูจน์สิว่าคุณบริสุทธิ์ใจ” วันดีท้าทาย เมื่อสามีถามว่าพิสูจน์ยังไง เธอตอบโดยไม่ต้องตรึกตรองเลยว่า ไล่มันออก!

“ไล่คนทำงานดีๆออกด้วยเหตุผลไร้สาระแบบนี้น่ะเหรอ ผมทำไม่ได้”

“แค่นี้...ฉันก็ได้คำตอบแล้วล่ะ”

วันดีไม่ฟังอะไรอีกแล้ว เดินหนีออกไปทันที เจตนาเครียดจัด รัตนาแอบฟังอยู่รู้สึกแย่กับตัวเองที่เป็น ต้นเหตุของเรื่องนี้ เธอเดินเข้ามาบอกเจตนาว่า ตนจัดการให้นักข่าวกลับไปหมดแล้ว

“ส่วนผม...ต้องจัดการกับยายจี๊ด!” พูดขาดคำ เจตนาจ้ำอ้าวไป รัตนาก้าวตามด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เกรงเรื่องจะบานปลาย

ooooooo

อีกมุมหนึ่งนอกงาน เศกเดินยิ้มอารมณ์ดีควงแขนมารศรีออกมาสนทนากันตามลำพัง

“นายเจตนามีทายาทสืบทอดธุรกิจที่ไร้วุฒิภาวะได้ขนาดนี้ แล้วโมเดิร์นคาร์จะเอาอะไรมาสู้กับลักชัวรี่คาร์ของผม งานนี้ถูกดิสเครดิตโดยที่ผมไม่ต้องทำอะไรเลย”

“คุณเห็นสายตาที่ยายคุณหญิงวันดีมองศรีไหมคะ ทำอย่างกับว่าศรีมาแต่งงานกับคุณเพราะหวังสมบัติ”

“ผมเคยบอกแล้วไง ว่าใครจะคิดยังไงผมไม่สน ผมรู้ดีกว่าใครว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงหิวเงิน อย่าไปแคร์คนอื่นเลย แคร์ผมคนเดียวก็พอ”

“เพราะอย่างนี้ไงคะ ศรีถึงได้รักและบูชาคุณเหลือเกิน” กำลังเอียงหน้าซบไหล่ออดอ้อนสามี พลันสายตามารศรีเหลือบไปเห็นชายคุ้นหน้า พอเธอร้องเอ๊ะ ชายคนนั้นหลบวูบหายไป ส่วนเศกข้องใจว่าภรรยาสาวของตนเป็นอะไร?

“เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ ศรีขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”

มารศรีลุกลี้ลุกลนจนเศกประหลาดใจ แต่ไม่ติดใจอะไร เดินไปนั่งรออย่างอารมณ์ดี...มารศรีไม่ได้เข้าห้องน้ำ แต่เดินชะเง้อหาชายหนุ่มคนนั้น ซึ่งเธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาคืออดีตคนรัก มองไปพลางพึมพำไปพลางว่า ดิ่งอยู่เมืองนอกจะมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง เราคงตาฝาด

เธอเดินไปเดินมาครู่หนึ่งก่อนตัดใจจะกลับไปหาเศก แต่พอหันหลังก็ชนเศกเข้าอย่างจังจนร้องว้ายด้วยความตกใจ

“ผมเอง...เป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

“เปล่า...เปล่าค่ะ”

“เห็นคุณหายไปนาน ผมเป็นห่วง”

“ศรีหาห้องน้ำไม่เจอค่ะ แต่เรียบร้อยแล้วค่ะ เราจะเข้างานกันอีกไหมคะ”

“ไม่ต้องแล้วล่ะ ผมไม่ชอบซ้ำเติมคู่แข่ง...แต่ก็สะใจ ดีนะ”  เศกยิ้มหยัน ควงแขนภรรยาเดินออกไปโดยไม่รู้ว่าลูกชายสุดที่รักแอบมองตามด้วยแววตาของคนช้ำรัก

ศยามหรือนายดิ่งเดินหมดอาลัยตายอยากออกมาข้างถนนเพียงลำพัง ภาพอดีตอันหวานชื่นของเขากับมารศรีที่เมืองนอกตอกย้ำให้ยิ่งเจ็บลึกแทบหมดแรงยืน จนต้องหาที่อิงก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงไปตรงนั้น

“มารศรี...คุณหนีผมมาแต่งงานกับพ่อผม...ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้!”

ooooooo

ตอนแรกตั้งใจจะกลับออกจากงานตามที่รับปากเทวัญไว้ แต่พอคุณหนูจี๊ดเจอสายตาตำหนิของยอดชายกับใจดีเข้าก็เปลี่ยนใจอยากเอาชนะใครต่อใครขึ้นมาอีก โดยเฉพาะนังเมียน้อยพ่อ ถ้าตนกลับก็เท่ากับแพ้มัน

เจตนาตั้งใจมาจัดการลูกสาว ปรากฏว่าเดินมาได้ยินเธอกำลังพูดจาก้าวร้าวรัตนาอยู่พอดี ก็เลยยิ่งโกรธ สั่งให้เธอขอโทษรัตนาเดี๋ยวนี้ แต่จี๊ดโวยวายไม่ยอมทำตามอย่างเด็ดขาด รัตนาเห็นท่าไม่ดี ไม่ต้องการให้พ่อลูกบาดหมางกันมากกว่านี้ จึงเข้ามาไกล่เกลี่ย บอกเจตนาว่าไม่เป็นไร ตนไม่ถือสา แต่กลับทำให้จี๊ดแทบกรี๊ด ตะคอกใส่หน้ารัตนาด้วยความโมโห

“แกมีสิทธิ์อะไรมาถือสาหรือไม่ถือสาฉัน”

“ยายจี๊ด! แกไม่ได้มีสำนึกเลยใช่มั้ย แกไปกล่าวหารัตนา ถ้าเขาเอาเรื่องฟ้องร้องแกขึ้นมา แกนั่นแหละจะเป็นฝ่ายผิด”

“เอาสิ ฟ้องเลย คนเขาจะได้รู้กันทั่วว่าแกเป็นเมียน้อยพ่อฉัน”

“พ่อจะพูดกับแกเป็นครั้งสุดท้าย ว่ารัตนาไม่ใช่เมียน้อย”

“ถ้าไม่ใช่แล้วเป็นอะไรคะ กิ๊ก คู่นอน หรือนางบำเรอ”

เจตนารับไม่ได้ตบหน้าจี๊ดโทษฐานดูถูกเหยียดหยามคนอื่น จี๊ดเจ็บใจมากกว่าเจ็บตัวจนน้ำตาแทบร่วง ต่อว่าพ่อเห็นคนอื่นดีกว่าลูกแท้ๆ

“ก่อนที่แกจะพูดอะไร แกหัดดูตัวเองก่อน ตั้งแต่เรียนจบมาแกเคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง งานการไม่เคยทำ เอาแต่เที่ยวเล่นสำมะเลเทเมา หาเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อน แกทำตัวไร้สาระ ไร้ค่า ไร้สมองแบบนี้ แล้วยังมีหน้าไปดูถูกคนอื่นอีกเหรอ”

จี๊ดแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากร้องกรี๊ดอย่างเด็กเอาแต่ใจ ยอดชายกับใจดีเลยต้องเข้ามาลากเธอออกไป...รัตนาหันมาขอโทษเจตนา แต่เขาชิงตัดบทเสียก่อนว่า ไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่คนที่พยายามยัดเยียดความผิดให้รัตนาคือวันดี เธอแอบมองอยู่นานก่อนจะฉวยโอกาสเมื่อสามีผละไปแล้วเข้ามาตำหนิรัตนาด้วยท่าทีเย็นชา

“เห็นแล้วใช่ไหมว่าเพราะเธอ เรื่องมันถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ ควรจะพิจารณาตัวเองนะว่าควรทำยังไง”

ฟังแล้วรัตนายิ่งเครียด ที่สุดก็ตัดสินใจไปขอลาออก กับเจตนาต่อหน้าวันดีและเทวัญ แต่เจตนาปฏิเสธการลาออกของเธอ ทำให้วันดีเจ็บใจถึงกับสะบัดหน้าเดินหนีไปทันที

ด้านคุณหนูจี๊ดที่โดนเพื่อนสองคนพาออกไปยังลานจอดรถเพื่อพาเธอกลับไปสงบสติอารมณ์ที่บ้าน โดยยอดชายตั้งท่าจะขับรถให้ แต่จี๊ดแว้ดใส่อย่างไม่ยอมแล้วขึ้นขับเองด้วยความเร็วสูง จนยอดชายกับใจดีที่นั่งมาด้วยอกสั่นขวัญผวา

ความโกรธความโมโหทำให้จี๊ดซิ่งแซงคันโน้นคันนี้อย่างบ้าระห่ำ เพื่อนห้ามเท่าไหร่เธอก็ไม่ฟัง ที่สุดก็ได้เรื่อง รถของเธอเกือบชนนายดิ่งที่กำลังจะข้ามถนน โชคยังดีที่ดิ่งโดดหลบทันแต่ก็ล้มลงศีรษะกระแทกขอบทาง ในขณะที่รถของจี๊ดหมุนคว้างเสียงดังสนั่นก่อนแฉลบไปจอดนิ่งอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่
สภาพรถไม่ได้เสียหายและคนข้างในก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย แต่จี๊ดยังห่วงรถตัวเอง เธอลงจากรถพร้อม เพื่อนแล้วพุ่งปราดไปเล่นงานชายหนุ่มที่นอนเจ็บอยู่กับพื้นถนน จะให้เขารับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด พอเห็นชัดว่าเขาคือใคร สาวเจ้าก็ยิ่งวีนใส่ไม่ไว้หน้า

“นี่นาย!! นายคนขับแท็กซี่ ฉันว่าแล้ว...ยอดชาย ใจดี ออกมาห่างๆ อีตานี่เป็นมิจฉาชีพ เป็นสิบแปดมงกุฎ ก่อนหน้านี้มันก็ใช้มุกคล้ายๆแบบนี้กับฉันมาทีนึงแล้ว”

ดิ่งพยายามจะบอกว่าตนไม่ใช่โจร แต่จี๊ดไม่ฟัง ทำท่าจะโทร.แจ้งตำรวจมาจับเขา

“จะบ้าเหรอจี๊ด เธอขับรถเกือบจะชนคนตายแล้วยังจะกล้าเรียกตำรวจมาอีกเหรอ  คนที่ซวยจะเป็นเธอมากกว่า” ยอดชายโพล่งขึ้นมา จี๊ดถึงชะงักคิดตาม ส่วนใจดีเร่งให้พาเขาไปหาหมอก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง จี๊ดไม่สนและไม่ยอมให้ดิ่งขึ้นรถตัวเอง เธอเดินหนีไป สตาร์ตเครื่อง แต่ครู่เดียวก็ลงมาด้วยท่าทีหงุดหงิด เพราะรถสตาร์ตไม่ติด

“โอ๊ย! รถบ้า เป็นอะไรอีกเนี่ย พวกแกใครซ่อมรถเป็นบ้าง”

ยอดชายและใจดีปฏิเสธเป็นเสียงเดียว ดิ่งซึ่งเรียนด้านวิศวะเครื่องยนต์มาโดยตรงจึงอาสาซ่อมให้ แต่กว่าจะเสร็จก็มืดค่ำ และดิ่งก็ก้มๆเงยๆอยู่กับรถนานจนมีอาการมึนงงก่อนจะหมดสติต่อหน้าทุกคน

ถึงขนาดเขาหมดสติไปแล้ว จี๊ดก็ยังไม่ยอมให้เพื่อนพาเขาขึ้นรถ กระทั่งใจดีพบว่าดิ่งหัวแตกและสาเหตุ ต้องมาจากถูกรถเฉี่ยว ยอดชายจะพาเขาส่งโรงพยาบาล แต่จี๊ดกลัวเป็นเรื่องใหญ่กลายเป็นคดีความเลยจำยอมพาเขามาที่บ้านตัวเองซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด โดยให้เพื่อนประคอง เขาเข้าไปที่โรงรถแล้วให้ป้าเพ็ญเอาอุปกรณ์ทำแผลมาจัดการ

ooooooo

ศุวิมล น้องสาวของดิ่งเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เธอไม่ชอบแม่เลี้ยงเพราะรู้แน่แก่ใจว่ามารศรีหวังทรัพย์สินเงินทองจากพ่อของเธอ อีกทั้งเรื่องราวระหว่างมารศรีกับดิ่งเธอก็รับรู้มาตลอด จึงไม่แปลกที่เธอจะคอยเหน็บแนมทุกครั้งที่มีโอกาส

และค่ำคืนนี้ก็เช่นกัน ขณะเศกกลับเข้าบ้านพร้อมมารศรี ศุวิมลทำทีมาชวนพ่อคุยเรื่องงานเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ของโมเดิรน์คาร์ ก่อนจะแกล้งเอ่ยชื่อดิ่งเพื่อให้มารศรีสะดุ้งเล่น

พูดถึงนายดิ่ง เศกเป็นปลื้มทุกที คาดหวังว่าลูกชายต้องเรียนจบกลับมาสานต่อกิจการของครอบครัวให้ลักชัวรี่ คาร์เจริญรุ่งเรืองกว่าโมเดิรน์คาร์ของนายเจตนา

“คุณศรี...คุณยังไม่เคยเจอเจ้าลูกชายตัวดีของผม รับรองว่าคุณจะต้องปวดหัวกับมัน แต่ไม่ต้องห่วง เขาเป็นคนจิตใจดี และเข้าใจคนอื่น คุณกับเขาจะต้องเข้ากันได้ดี”

มารศรีนิ่งเงียบไปด้วยความกังวลใจ แล้วขอตัวผละจากสองพ่อลูกเพื่อลองโทร.หาดิ่ง เช็กว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่ ทำไมเธอถึงตาฝาดเห็นเขาที่งานนั้นได้

เมื่อโทร.ไปแล้วไม่มีคนรับสาย นั่นยิ่งทำให้มารศรีกระวนกระวายไม่สบายใจ หากดิ่งทิ้งปริญญากลางคันกลับมาเมืองไทย เธอจะพูดกับเขาและอธิบายกับนายเศกอย่างไรดี?

ooooooo

ทางด้านคุณหนูจี๊ด หลังสั่งการป้าเพ็ญทำแผลให้ดิ่งโดยมีเพื่อนอีกสองคนคอยช่วยเหลือ ส่วนตัวเธอเข้าบ้านอาบน้ำสบายใจเฉิบ เสร็จปุ๊บออกมาเห็นทุกอย่างเรียบร้อย เธอจัดแจงจะไล่ดิ่งออกไปให้พ้นบ้านทั้งๆที่เขายังไม่ได้สติ

ยอดชายกับใจดีไม่เห็นด้วยจึงช่วยกันห้าม แต่จี๊ดฟังซะที่ไหน เธอเข้ามาเขย่าตัวดิ่งอย่างแรง แต่แล้วต้องผงะตกใจเมื่อโดนเขาสวมกอด ร่ำร้องเหมือนเธอเป็นคนรัก ที่เพิ่งทิ้งเขาไป นี่เองทำให้จี๊ดฉวยโอกาสซ้ำเติมเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาด้วยอาการงุนงง

“ที่นี่ที่ไหน?”

“ยังมีหน้ามาถามอีก ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”

“ผมทำอะไรผิด ผมถูกคุณขับรถเฉี่ยว แล้วผมก็ซ่อมรถให้คุณ แล้วนี่เหรอที่คุณตอบแทนผม”

“จะเอาเงินเท่าไหร่ บอกมาตรงๆเลย ห้าพันพอมั้ย”

“คุณคิดว่าเงินของคุณมันยิ่งใหญ่มากนักเหรอ คงจะถูกสปอยจนเสียคนสินะ”

“จนแล้วยังหยิ่ง แบบนี้น่ะสิ ผู้หญิงถึงได้ทิ้งไป”

ดิ่งชะงักกึก คนอื่นหน้าเสียกันหมด หวาดหวั่นว่าเรื่องจะไม่จบง่ายๆเสียแล้ว

“ฉันไม่ได้อยากรู้หรอกนะ แต่นายครวญครางเอง... ทำไมทำกับผมแบบนี้ อย่าทิ้งผมไป...เชอะ คนอย่างนายผู้หญิงที่ไหนจะไปเอา เอ้าเอาเงินไป เผื่อจะทำให้แฟนนายเห็นหัว”

“คุณไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชีวิตผม ก็อย่าพูดมาก”

“คนอย่างนายเห็นแค่ติ่งหูฉันก็รู้จุดจบ ผู้ชายห่วยๆ ไม่เอาไหน คบไปก็ชีวิตล่มจม แฟนนายถึงได้ทิ้ง พอถูกทิ้งนายก็ทำตัวเป็นไอ้ขี้แพ้ จน เครียด กินเหล้า สุดท้ายก็เข้าคุกเข้าตะราง ฉันพูดถึงชีวิตนายถูกใช่มั้ย ไอ้ขี้แพ้”

ดิ่งโกรธกระชากจี๊ดมาจ้องหน้า ยอดชายรีบเข้ามาขอร้องดิ่งอย่ามีเรื่องกันเลย แต่ดิ่งระงับโทสะไม่ไหวเสียแล้ว เขาด่าจี๊ดไปหลายคำก่อนจะเดินออกจากบ้านมาด้วยความโมโห

เขาออกมาได้ครู่เดียว ทุกคนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหน้าบ้าน พอวิ่งกรูออกมาก็เห็นดิ่งถูกยิงบาดเจ็บที่แขนเพราะพยายามช่วยเหลือเจตนากับวันดีที่จะโดนมือปืนนิรนามลอบยิง

เจตนากับวันดีจะพาดิ่งไปโรงพยาบาล แต่ดิ่งขอร้องเอาไว้ ไม่อยากให้เรื่องบานปลายถึงตำรวจ เจตนาจึงเปลี่ยนเป็นตามหมอประจำครอบครัวมารักษาเพื่อตอบแทนบุญคุณคนที่ช่วยชีวิตตนไว้

หมอเวทย์ทำแผลให้ดิ่ง พลางมองดูเขาอย่างคลับคล้ายคลับคลา จี๊ดเห็นท่าทีของหมอเวทย์แล้วนึกสงสัย แต่ยังไม่พูดอะไรนอกจากจับตามองเฉยๆ

“เรียบร้อยครับ ที่เหลือต่อจากนี้ก็ล้างแผลทุกวัน ไม่กี่วันก็หาย กระสุนแค่ถาก”

จี๊ดได้จังหวะหมอเวทย์ทำแผลให้ดิ่งเสร็จ อาสาถือกระเป๋าไปส่งลุงหมอที่หน้าบ้าน แล้วซักถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย แต่ก็ไม่ได้คำตอบอะไรนอกเหนือจากคำว่า ลุงคุ้นๆ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน

จี๊ดเดินหน้ามุ่ยกลับเข้ามาในบ้าน ได้ยินพ่อให้ดิ่งไปนอนห้องพักแขกแต่แม่ไม่ไว้ใจคนแปลกหน้าจะให้พักห้องคนสวนที่ว่างอยู่ จี๊ดเลยได้ทีเล่นงานดิ่งเข้าให้อีก

“ใช่ค่ะ ทำตัวมีพิรุธ ไม่ยอมไปโรงพยาบาล พอจะแจ้งตำรวจก็ดูกลัวๆ นายเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำมาหากินอะไร”

“ผมชื่อดิ่ง เป็นช่างซ่อมรถอยู่ที่ต่างจังหวัด ต้องรีบกลับบ้านไปทำงาน ไม่งั้นถูกไล่ออก เลยไม่อยากถูกตำรวจสอบสวนเสียเวลา พอใจหรือยัง”

“ไม่พอ และไม่เชื่อ ขอดูบัตรประชาชนหน่อย”

“ดูทำไม”

“ฉันจะเช็กประวัตินาย ว่าเป็นใครกันแน่” เธอไม่พูดเปล่า เข้าค้นตัวเขาเพื่อจะเอากระเป๋าเงิน แต่ดิ่งขัดขืนและรู้ว่าตัวเองถูกล้วงกระเป๋าไปแล้วตอนเดินชนกับชายคนหนึ่ง จี๊ดกลับไม่เชื่อกล่าวหาเขาทันที “นั่นไง มุกกระเป๋าเงินหาย จะได้ไม่ต้องแสดงตัวใช่มั้ย”

“พอเถอะ ป้าเพ็ญพานายดิ่งไปพักเถอะ ส่วนยายจี๊ดมานี่” เจตนาดึงลูกสาวออกไป วันดีตามมาพูดจาให้ท้ายลูก ทำให้เจตนาโกรธมากขึ้นพลอยตำหนิวันดีด้วยอีกคน จี๊ดไม่พอใจเลยเถียงพ่อคอเป็นเอ็น

“จี๊ดกำลังปกป้องคุณพ่ออยู่นะ ดูสิ ทั้งสารรูปทั้งพฤติกรรมของนายคนนั้นมันไม่น่าไว้ใจ นายนั่นต้องเป็นคนไม่ดี”

“ถ้าแกมองว่าคนที่ช่วยชีวิตคนอื่นโดยไม่คิดถึงชีวิตตัวเองเป็นคนไม่ดี พ่อว่าแกนั่นแหละมีปัญหา”

“คุณพ่อ...”

“พ่ออนุญาตให้นายดิ่งพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายดี และห้ามแกไปออกฤทธิ์ใส่เขา ไม่งั้นฉันจะไม่จ่ายเงินเดือนแก”

“ทำไมคุณพ่อเห็นคนอื่นดีกว่าหนู ดีกว่าคุณแม่ตลอดเวลา” จี๊ดบ่นไล่หลังพ่อที่เดินหน้าตึงจากไป น้ำตาพาลจะไหลด้วยความน้อยใจ แล้วไปนั่งซึมเศร้าที่สนาม ยอดชายสงสารแต่ไม่กล้าเข้ามาปลอบ ลึกๆแล้วยอดชายแอบรักจี๊ดมานาน ซึ่งเรื่องนี้ใจดีทราบดี และเคยบอกให้เขาถอดใจแต่จนป่านนี้ยอดชายก็ยังทำไม่ได้

ป้าเพ็ญเห็นคุณหนูของตนนั่งซึมอยู่นานจึงออกมาตาม จี๊ดสะเทือนใจที่คนอื่นยังห่วงใย เธอกอดป้าเพ็ญและรำพันเสียงสั่นเครือว่าเกลียดคุณพ่อ

“อย่าพูดอย่างนี้นะคะ มันบาป คุณพ่อรักคุณหนูกับคุณผู้หญิงมาก ป้ารู้ดี”

“ไม่จริง คุณพ่อดีแต่พูด แต่การกระทำไม่ใช่ จี๊ดกับคุณแม่เหมือนตัวรำคาญในสายตาคุณพ่อ คอยดูนะ ยิ่งรำคาญ จี๊ดจะยิ่งจัดเต็ม” เธอลุกพรวดไปด้วยความเจ็บใจ แววตาอาฆาตมาดร้ายนายดิ่ง พรุ่งนี้ต้องกำจัดหมอนั่นให้จงได้!

วันรุ่งขึ้น ดิ่งตื่นแต่เช้ามารดน้ำต้นไม้ จี๊ดออกมายืนมองด้วยความหมั่นไส้ก่อนหันไปเรียกนายแช่มมาไล่เขาออกไปจากบ้านของตนเดี๋ยวนี้ แถมขู่แช่มด้วยว่าถ้าไม่อยากเป็นศัตรูกับตนก็ต้องทำตาม

เจอไม้นี้เข้าไป แช่มไม่มีทางเลือก ทั้งผลักทั้งดันดิ่งเป็นการใหญ่ ส่วนจี๊ดก็ด่าๆๆ พอเจอดิ่งสวนให้บ้างก็โมโหคว้าสายยางฉีดน้ำใส่เขา แต่ดันโดนแช่มเปียกไปทั้งตัว

เมื่อเห็นว่าวิธีนี้กำจัดนายดิ่งไม่ได้แน่ จี๊ดเดินแผนต่อไปด้วยการแอบจิ๊กนาฬิกาข้อมือพ่อมาซ่อนไว้แล้วโยนความผิดให้ดิ่ง เจตนารู้ทันจึงไม่ตกใจอะไรเลย แต่เขาก็ยอมให้ดิ่งจากไปตามใจที่ต้องการ

ooooooo

เศกตกใจเมื่อเห็นหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวเจตนาถูกมือปืนไล่ยิง...แต่ในขณะเดียวกันคนสั่งการกำลังหัวเสียอยู่ในห้องพัก เทวัญคิดการณ์ใหญ่ที่จะฮุบกิจการของเจตนาเนื่องจากมีความแค้นในอดีตที่ไม่มีใครล่วงรู้ เขาเข้ามาจีบจี๊ดเพื่อปูทางให้ตัวเองก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้...

หลังจากดิ่งออกจากบ้านเจตนามาแล้วทั้งๆที่ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว เขาเดินไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่มีจุดหมาย โชคดีที่เจตนานั่งรถผ่านมาเห็นจึงชวนเขาไปทำงานที่บริษัทของตน โดยจะมอบหมายให้ยอดชายที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริการและซ่อมบำรุงมาจัดการ แต่พอดียอดชายไม่อยู่เพราะเอารถที่ซ่อมเสร็จแล้วออกไปส่งลูกค้า รัตนาจึงต้องโทร.ตาม

ปรากฏว่ายอดชายเอารถไปส่งลูกค้าในมหาวิทยาลัยที่ศุวิมลสอนอยู่ และบังเอิญทั้งคู่ได้พบกัน แต่เป็นการพบกันที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย เนื่องจากศุวิมลเข้าใจผิดว่ายอดชายเป็นพวกขี้หลีที่ชอบแอบมองนักศึกษา เธอเลยด่าเขาชุดใหญ่ก่อนจะเอามือถือถ่ายรูปเขาไว้เผื่อให้ยามเอาไปติดประจาน ถ้าเขายังโผล่มาป้วนเปี้ยนแถวนี้อีก

ยอดชายกลับไปด้วยความเซ็ง หลังจากโดนอาจารย์ศุวิมลอบรมราวกับตนเป็นเด็กนักเรียน พอถึงบริษัทเขารีบมาพบเจตนาเพื่อรับดิ่งเป็นพนักงานในฝ่ายที่ตนเป็นหัวหน้า โดยเขาให้ดิ่งทดลองงานสามเดือนตามระเบียบบริษัท ถ้างานดีเป็นที่พอใจก็บรรจุเป็นพนักงานประจำ

ขณะพูดคุยกันอยู่นั้น เทวัญพรวดพราดเข้ามาถามเจตนาเรื่องข่าวโดนลอบยิงด้วยท่าทีห่วงใย เจตนาบอกไม่เป็นไร ดวงตนยังแข็ง โชคดีได้นายดิ่งมาช่วยเอาไว้ เทวัญไม่พอใจดิ่งแต่แสร้งชื่นชมและขอบใจเขา ก่อนถามเจตนาต่อไปว่า ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานใครเป็นผู้ต้องสงสัยบ้างหรือเปล่า

“ไม่รู้สิ ฉันว่าฉันก็ไม่เคยไปสร้างศัตรูที่ไหน”

“ท่านไม่สงสัยบ้างเหรอครับว่าอาจจะเป็นฝีมือของบริษัทลักชัวรี่คาร์”

“หมายถึงนายเศกน่ะเหรอ”

“ครับ..ถ้าจะมีใครคิดร้ายกับท่าน ก็ต้องเป็นนายเศก เท่านั้นครับ อย่างที่รู้บริษัทลักชัวรี่คาร์ของนายเศกอยากจะขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของธุรกิจรถซุปเปอร์คาร์แทนที่โมเดิร์นคาร์ของเรามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้”

ดิ่งไม่พอใจที่บิดาของตนถูกเทวัญพาดพิง ขณะที่ยอดชายซึ่งไม่ชอบหน้าเทวัญอยู่แล้วก็ขัดขึ้นว่า

“ถ้าคุณเศกคิดจะใช้วิธีนี้กำจัดคู่แข่ง เขาคงทำไปนานแล้วล่ะมั้งครับ คุณเทวัญ”

“นายจะไปรู้อะไร ต้นปีหน้าบริษัทเราเพิ่งมีออเดอร์เฟอรารี่ลอตใหญ่ นี่คือช่วงเวลาที่เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อแย่งตลาดไปจากเรา”

“เพราะออเดอร์นี้จะเป็นตัวชี้วัดว่าระหว่างโมเดิร์นคาร์กับลักชัวรี่คาร์ ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าตลาดตัวจริง” เจตนาวิเคราะห์คล้อยตาม เทวัญได้ใจใส่ร้ายเศกอีกหลายคำทำให้ดิ่งทนไม่ไหวโพล่งออกไป

“ไม่จริง คุณเศกไม่ใช่คนอย่างนั้น”

ทุกคนชะงักแปลกใจ เทวัญตั้งข้อสังเกตว่าดิ่งพูดเหมือนรู้จักนายเศก ดิ่งปฏิเสธว่าไม่รู้จัก แต่ตนคิดว่ามันไม่แฟร์ ไม่ยุติธรรมที่จะปรักปรำคนอื่นโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน แค่การตั้งข้อสันนิษฐานลอยๆ

“มันก็จริง ฉันรู้จักนายเศกพอสมควร เขาเป็นคนที่เล่นตามเกม”

ยอดชายเห็นด้วยกับเจตนา แต่เทวัญค้านว่าเจตนามองคนในแง่ดีเกินไป

“จนกว่าจะมีหลักฐานที่ดีกว่านี้ค่อยมาว่ากัน นายออกไปได้แล้ว ฉันจะคุยงานกับนายดิ่งต่อ”

เจตนาตัดบทจนเทวัญหงุดหงิดในอารมณ์กลับออกไป ดิ่งมองตามด้วยความไม่ไว้ใจที่เทวัญพยายามยัดเยียดข้อหาให้บิดาของตน เหตุนี้เองทำให้ดิ่งตกปากรับคำทำงานที่นี่ แต่พอดิ่งกลับออกจากห้องเจตนาไปครู่หนึ่งก็ถูกเทวัญพุ่งมากระชากคอเสื้อดึงเข้ามุมลับตาคน

“อย่าคิดว่าแกช่วยชีวิตคุณเจตนาไว้แล้วแกจะ

กร่างข้ามหัวใครยังไงก็ได้ ฉันเป็นคู่หมั้นของลูกสาวท่าน รู้ไว้ซะ ถ้าจะทำงานที่นี่อย่าทำตัวมีปัญหากับฉันอีก”

ดิ่งนิ่งจ้องหน้าเทวัญอย่างไม่เกรงกลัว

“มองหน้าฉันแบบนี้ หมายความว่ายังไง”

ดิ่งไม่ตอบแต่กระแทกตัวเทวัญแนบกำแพงอย่างรวดเร็ว “ผมไม่อยากมีปัญหาอะไรกับคุณหรอกนะ แต่ผมไม่ชอบถูกรังแกและไม่ชอบถูกใครข่มขู่ ถ้าคุณไม่ทำเหมือนเมื่อกี๊ รับรองเราไม่มีปัญหากันแน่”

เทวัญโกรธสุดๆ จะชกดิ่งแต่กลับถูกดิ่งผลักออก เป็นจังหวะที่จี๊ดโผล่มาเห็นพอดี เธอเข้าใจผิดว่าดิ่งทำร้ายเทวัญ เลยตบหน้าและด่าเขาด้วยถ้อยคำรุนแรง

“ไอ้คนเลว นายมันกุ๊ยข้างถนนชัดๆ นายทำร้ายพี่เทวัญ”

“คุณถามคู่หมั้นคุณดีกว่า ว่าใครทำร้ายใครก่อนกันแน่”

“จี๊ด...อย่าไปยุ่งกับมัน เดี๋ยวถูกมันทำร้าย” เทวัญห้ามแต่จี๊ดไม่ฟัง ตั้งหน้าตั้งตาด่านายดิ่งลูกเดียว

“ฉันไม่จำเป็นต้องถามหรอก ฉันรู้จักพี่เทวัญดี พอๆกับที่ฉันรู้จักสันดานคนอย่างนาย อันธพาล ดีแต่ระรานคนอื่น”

ดิ่งโกรธแต่ไม่อยากมีเรื่องกับจี๊ด หันเดินหนีไปทันที จี๊ดยิ่งโมโหก้าวตามไม่ลดละ สั่งให้เขากลับมาขอโทษพี่เทวัญของตนเดี๋ยวนี้

“ถ้าจะมีใครต้องพูดขอโทษ คนคนนั้นก็คือคุณ เพราะคุณปกป้องคู่หมั้นแบบไม่ลืมหูลืมตา ยังไม่ทันรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น คุณก็ตัดสินว่าผมผิด แล้วก็ตบหน้าผมแล้ว”

“แบบนี้ใช่มั้ย” จี๊ดตบหน้าดิ่งอีกฉาดแล้วเชิดใส่ “จะบอกให้นะว่าคนอย่างนาย ฉันอยากจะตบหน้าเมื่อไหร่ ยังไง ฉันก็ทำได้ เพราะนายต้องผิดเสมอ”

ดิ่งคว้าแขนทั้งสองข้างของจี๊ดไว้แน่น ตะคอกใส่อย่างเหลือทน “ถึงคุณจะรวย เป็นลูกเจ้าของบริษัท แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับคนอื่นแบบนี้”

เทวัญเห็นดังนั้นวิ่งเข้ามาชกดิ่ง แล้วจะซ้ำให้หนำใจ แต่พวกเจตนาโผล่มาเสียก่อน...จี๊ดฟ้องพ่อว่าดิ่งทำร้ายเทวัญแล้วยังจะทำร้ายตนด้วย ก็เลยโดนเอาคืนเสียบ้าง เจตนาไม่เชื่อและมองลูกสาวอย่างเหนื่อยหน่ายเต็มทน และเมื่อยอดชายกับใจดีพาดิ่งไปประคบรอยช้ำบนใบหน้า เจตนาจึงอบรมจี๊ดเป็นการส่วนตัว

“พ่อนึกไม่ถึงเลยว่าแกจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ใส่ความคนที่ไม่มีทางสู้ แกไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ”

“ทำไมจี๊ดต้องละอายด้วย”

“เพราะแกไม่เคยทำอะไรที่เป็นสาระเลย แล้วยังเที่ยวไปดูถูกเหยียดหยามคนอื่นอีก ถึงนายดิ่งจะไม่ได้มีฐานะ ไม่ได้จบการศึกษาสูง และไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่เขามีความรักดี มีศักดิ์ศรี ไม่งอมืองอเท้ารอโชคชะตา และไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้คุณค่าเหมือนแก”

จี๊ดอึ้งไปด้วยความน้อยใจ เจตนามองออกและอดสงสารไม่ได้ พยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบบอกลูกให้เลิกทำตัวเหลวไหลไร้สาระแล้วมาทำงานกับพ่อ...ดิ่งกำลังจะไปเริ่มงานที่ฝ่ายบริการฯผ่านมาได้ยินพอดี เขาชะงักแอบฟังสองพ่อลูกสนทนากัน แล้วจี๊ดก็ทำให้เจตนาอารมณ์เสียขึ้นมาอีก เมื่อเธอยืนกรานว่าไม่อยากทำงานร่วมกับเมียน้อยของพ่อ

“แกกลัวตัวเองว่าจะห่วยแตกกว่าคนที่แกดูถูกเอาไว้มากกว่า”

จี๊ดโต้ว่าไม่เคยกลัว พ่อจึงท้าให้มาทำงานพิสูจน์คำพูด อย่าทำให้พ่อต้องผิดหวังมากไปกว่านี้

“ใช่สิ จี๊ดมันไม่ดี ไม่ได้เรื่อง เชิญพ่อไปหวังไปภูมิใจกับคนอื่นเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับจี๊ด”

ลูกสาวผลุนผลันออกไปหาคู่หมั้น ทิ้งคนเป็นพ่อยืนหน้าเคร่งอย่างช้ำใจ ดิ่งรู้สึกเห็นใจเจตนาและไม่พอใจการกระทำของจี๊ด เขาเดินตามเธอไปเพื่อจะเจรจา แต่พอมาเจอเทวัญอยู่ด้วยก็เลยเป็นเรื่องขึ้นมาอีก

สองฝ่ายโต้เถียงกันดุเดือด ดิ่งหนักไปทางตำหนิจี๊ดว่าทำตัวงี่เง่าไร้สาระจนพ่อผิดหวังเสียใจ อีกหน่อยบริษัทที่พ่ออุตส่าห์สร้างขึ้นมาจนยิ่งใหญ่คงไปไม่รอดเพราะมีลูกไม่เอาไหนแบบนี้ จี๊ดโกรธมากกับคำสบประมาทของดิ่ง รีบบอกเทวัญว่าพรุ่งนี้ตนจะมาทำงานที่โมเดิร์นคาร์เพื่อพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าตนทำงานได้ แล้วตนก็จะกำจัดนายดิ่งออกไปจากที่นี่ให้ได้ด้วย

ค่ำแล้วแต่ดิ่งยังทำงานไม่มีทีท่าว่าจะกลับ ยอดชายจึงเข้ามาบอกให้เลิกได้แล้ว พลางกระเซ้าเขาว่ามาวันแรกก็เจอเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ หวังว่าคงไม่ถอดใจหนีไปเสียก่อน ดิ่งยิ้มบางๆ ตัดสินใจถามสิ่งที่ติดค้างในใจ

“คุณยอดครับ ผมถามอะไรหน่อยสิ คุณเทวัญมีปัญหาอะไรกับคุณเศกเจ้าของลักชัวรี่คาร์หรือเปล่า”

“ไม่เคยได้ยินว่ามีปัญหากัน แต่ก็ไม่แน่ เพราะคนอย่างเทวัญมีปัญหาได้กับทุกอย่างในโลก ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็อย่าเข้าใกล้...ไปล่ะ”

ยอดชายกลับไปแล้ว แต่ดิ่งยังไม่ขยับ ครุ่นคิดสงสัยว่าทำไมเทวัญถึงพยายามจะใส่ร้ายพ่อของตน...ในเวลาเดียวกันนั้น นายเศกกำลังต่อสายถึงลูกชายที่เมืองนอก แต่ไม่เจอตัวจึงคุยกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่อยู่อพาร์ตเมนต์เดียวกัน

สิ่งที่เพื่อนของลูกชายบอกทำให้เศกอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนกดตัดสายด้วยความโมโห แล้วบอกกับลูกสาวที่รอฟังอยู่ว่า ดิ่งหายตัวไปหลายวัน ไม่เข้าเรียน และไม่ได้ เข้าสอบไฟนอล

“พี่ดิ่งไม่เข้าสอบ แล้วพี่ดิ่งไปไหน”

“มันกลับมาเมืองไทยแล้ว”

“อะไรนะ!”

“มันคิดอะไรของมัน ทำไมถึงทิ้งเรียนมากลางคันแบบนี้ ไอ้ลูกไม่รักดี”

มารศรีแอบฟังสองพ่อลูกด้วยสีหน้าวิตกกังวล...วันนั้นที่เธอเห็น แสดงว่าใช่ดิ่งจริงๆด้วย

ooooooo