สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรง เจริญ สัมพันธ์ ไมตรีกับประเทศ ใด บาง

                         ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรอยุธยากับชาติตะวันตก

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรง เจริญ สัมพันธ์ ไมตรีกับประเทศ ใด บาง

     1. โปรตุเกส ส่งทูตมาเจรจาทำสัญญาฉบับแรกกับกรุงศรีอยุธยา ใน พ.ศ. 2059 ตรงกับสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทำให้ชาวโปรตุเกส ได้สิทธิพิเศษด้านการค้า การตั้งถิ่นฐานในกรุงศรีอยุธยา การทำสัญญาดังกล่าวทำให้การค้าระหว่างกรุงศรีอยุธยากับโปรตุเกสเฟื่องฟูขึ้น จนกรุงศรีอยุธยากลายเป็นแหล่งสินค้าสำคัญสำหรับพ่อค้าโปรตุเกส  

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรง เจริญ สัมพันธ์ ไมตรีกับประเทศ ใด บาง

        2. สเปน ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับสเปนเริ่มต้นในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้มีทูตของสเปนเดินทางมายังกรุงศรีอยุธยาเพื่อทำสัญญาสัมพันธไมตรีและการค้า โดยฝ่ายกรุงศรีอยุธยาอนุญาตให้สเปนตั้งสถานีการค้าบนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แต่การค้าระหว่างกรุงศรีอยุธยากับสเปน 

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรง เจริญ สัมพันธ์ ไมตรีกับประเทศ ใด บาง

   3. ฮอลันดา พ.ศ. 2146 ฮอลันดาได้เข้ามาตั้งสถานีการค้าที่ปัตตานี ซึ่งเป็นเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยาในขณะนั้น ฮอลันดาจึงส่งทูตเข้ามาติดต่อกับกรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อขอตั้งสถานีการค้า แต่การค้าและความสัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับฮอลันดาในระยะหลัง ไม่ค่อยราบรื่นนัก ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับฮอลันดาเสื่อมลงตามลำดับ จนฮอลันดาต้องปิดสถานีการค้าไปในที่สุด 

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรง เจริญ สัมพันธ์ ไมตรีกับประเทศ ใด บาง

     4. อังกฤษ อังกฤษเริ่มเข้ามาติดต่อกับกรุงศรีอยุธยา ใน พ.ศ. 2155 ตรงกับสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม โดยต้องการเจริญสัมพันธไมตรีและการค้ากับไทย แต่การค้าของอังกฤษไม่ค่อยประสบผลสำเร็จมากนัก ถึงแม้ว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจะทรงให้อังกฤษเข้ามาค้าขายเพื่อถ่วงดุลอำนาจของฮอลันดาก็ตาม ในปลายสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อังกฤษมีเรื่องบาดหมางกับไทย เพราะอังกฤษไม่พอใจออกญาวิไชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ขุนนางไทยเชื้อสายกรีก จึงมีอำนาจควบคุมพระคลังสินค้า อังกฤษกล่าวหาว่าออกญาวิไชเยนทร์ทำการค้าแข่งกับอังกฤษ ในที่สุดเกิดสงครามระหว่างไทยกับอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2230 ความสัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับอังกฤษจึงยุติลง 

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรง เจริญ สัมพันธ์ ไมตรีกับประเทศ ใด บาง

     5. ฝรั่งเศส สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงต้องการให้ฝรั่งเศสเป็นพันธมิตรกับกรุงศรีอยุธยา เพื่อถ่วงดุลอำนาจของฮอลันดา ซึ่งมีท่าทีคุกคามไทย จึงมีการติดต่อทางการค้าและทางการทูตกัน พ่อค้าฝรั่งเศสได้เข้ามาตั้งสถานีการค้าในอยุธยาเป็นครั้งแรก ทางฝรั่งเศสได้จัดส่งคณะทูตชุดใหญ่ ซึ่งมี เชอวาเลีย เดอ โชมองต์ เป็นหัวหน้าเดินทางมาเยือนกรุงศรีอยุธยา ต่อมาภายหลังกรุงศรีอยุธยาได้ส่งออกพระวิสุทธสุนทร (โกษาปาน) ราชทูตไทย ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสและได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ที่พระราชวังแวร์ซายส์ เมื่อเดินทางกลับกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. 2230 ฝรั่งเศสได้จัดส่งกองทหารมาประจำที่เมืองมะริดและบางกอก มีจุดประสงค์ที่จะยึดเมืองทั้งสองไว้ แต่สมเด็จพระเพทราชาได้ทำการต่อต้านจนมีการสู้รบกับทหารของฝรั่งเศส ต่อมามีการเจรจาสงบศึกกันได้โดยทหารและชาวฝรั่งเศสต้องออกไปนอกอาณาจักร 

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรง เจริญ สัมพันธ์ ไมตรีกับประเทศ ใด บาง

การทำมาค้าขายไทยจีน...นั้นมีมานาน ขุนนางจีน 66 รัชกาล บันทึกความสัมพันธ์เหล่านี้เอาไว้ พระเจนจีนอักษร เจ้าหน้าที่หอพระสมุดวชิรญาณ แปลถวาย รัชกาลที่ 4

บันทึก...ในสมัยสมเด็จพระนเรศวร หลังทรงประหารพระมหาอุปราช โอรสกษัตริย์พม่าในที่รบ ไทย (เสียมหลอก๊ก) ก็ยกทัพไปทำสงครามต่ออาณาเขตใกล้เคียง จนแผ่อำนาจไพศาล

เรื่องที่คนไทยไม่ค่อยรู้ ก็คือ...สมเด็จพระนเรศวร ทรงมั่นพระทัยในความเก่งสามารถ จนถึงกับอาสาพระเจ้ากรุงจีน ยกทัพเรือไปตีประเทศญี่ปุ่น เอกสารจีนบันทึกไว้ว่า

แผ่นดินบ้วนเละ และปีที่ 10 หยิมสิน (ปีมะโรง พ.ศ.2135) ชาวเยะป่าน (ญี่ปุ่น) ยกกองทัพไปตีเฉียวเซียน (เกาหลี) ในปีนั้นเสียมหลอก๊กอ๋อง ให้ราชทูตนำสิ่งของในพื้นประเทศมาถวาย

กับมีราชสาส์นมาว่า จะขอยกกองทัพไปตีเยะป่านก๊ก ตัดกำลังตอนหลังชาวเยะป่านเสีย

พระเจ้าสินจง ฮ่องเต้ รับสั่งให้ขุนนางผู้ใหญ่หารือกัน ขุนนางชื่อเซกเซง เห็นด้วย แต่ผู้สำเร็จราชการมณฑลกวางตง และกวางซี ชื่อเซียวเง่น ไม่เห็นด้วย

นพ.วิบูล วิจิตรวาทการ ให้ความเห็นว่า แม้พระนามสมเด็จพระนเรศวรแผ่ลือไปทั่ว แต่กระนั้นก็มิได้มีกองทัพเรือใหญ่มีความสามารถเดินเรือบนท้องมหาสมุทร ไปตีเกาะญี่ปุ่นได้

แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง มีบันทึกจีนว่า...พลเมืองเสียมหลอก๊ก สร้างศาลาซำป๊อ ทำรูปขุนนางในกรมขันทีของกรุงจีน ชื่อเจียนห้อ (แต้ฮั้ว เจิ้งเหอ) ไว้สักการบูชา

เรื่องขุนนางจีน เจียนห้อ...เกิดในแผ่นดินสมเด็จพระนครอินทราธิราช พระเจ้าเสงโจ๊วฮ่องเต้ แต่งตั้งให้มาเป็นราชทูตมากรุงสยาม เจรจาเรื่องวิวาทระหว่างกรุงสยามและเจียมเสียก๊ก (จำปา)

เหตุวิวาท มาจากเรือราชทูตเจียมเสียก๊ก กลับจากเฝ้าพระเจ้ากรุงจีน ถูกลมพัดไปขึ้นฝั่งกรุงสยาม ชาวเสียมหลอก๊กจับราชทูตไว้

เจียนห้อ...ไม่ได้มาตัวเปล่า มากับเรือสำเภา 62 ลำ ทหาร 27,800 คน จีนบันทึกว่า พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา ส่งราชทูตนำสิ่งของมาเจริญไมตรี และยอมรับผิดทุกประการ

แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ จีนบันทึกว่า ส่งพระราชสาส์นไปนอบน้อม ยกยอว่าทรงมีอานุภาพแผ่ไพศาล ประหนึ่งพระอาทิตย์ส่องกลางอากาศ ต่างประเทศสี่ทิศ ขอพึ่งบารมี

สมัยนั้นไม่มีเจ้านายไทยรู้ภาษาจีน ต้องใช้คนจีนแต่งพระราชสาส์นให้ คนจีนก็แต่งแบบพินอบพิเทาอ่อนน้อมตามอัชฌาสัยจีน แต่ความราชไมตรีที่ว่า...ก็คือการค้าขาย ไทยแบ่งสินค้าบางส่วนให้ เพื่อความสะดวกในการค้า

เวลาจีนแต่งราชสาส์นมาถึงไทยก็เขียนยกยอตัวเองเลิศเลอ ท่วงทีผู้ใหญ่พูดกับผู้น้อยด้อยศักดิ์กว่า จีนไว้ท่า...วางเชิงใหญ่ กับประเทศเล็กๆเอาไว้จนกลายเป็นนิสัย

กระทั่งเมื่ออังกฤษ ฝรั่งเศส ทำสงครามชนะจีน เดินทัพเข้ายึดปักกิ่ง จีนผู้แพ้ต้อนรับด้วยการปักธงทิวปลิวไสว เขียนหนังสือจีนตัวใหญ่ๆ ฝรั่งหลงภูมิใจ ว่าคงเป็นถ้อยคำต้อนรับตามมารยาท

แต่เนื้อหานั้น เขียนว่า กรุงจีนมีความยินดีต้อนรับชาวต่างประเทศ ที่มาแสดงความเคารพนบนอบอ่อนน้อม

จีนโบราณ มีนิสัยทำนองนี้ ผมคิดว่าจีนสมัยใหม่...คบค้ากับไทย ก็คงมีแต่เรื่องทำมาค้าขาย เรื่องใครเล็กใครใหญ่ คงเลิกกันไปแล้ว

ผมไม่ห่วงท่านรองนายกสมคิด ที่กำลังไปพูดจาการค้ากับคุณแจ็ค หม่า เจ้าของอาลีบาบา ที่เมืองจีน...งานนี้ พูดจากันเรื่องกำไรขาดทุน เนื้อๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องศักดิ์ศรีใครพี่ใครน้อง

เงินในโลกหมุนไปแต่ระหว่างหมุนมันมักเลี้ยวเข้ากระเป๋าคนขาย...แล้วก็มักจบลง คนซื้อยิ่งจน คนขายยิ่งรวย จนต่อไปอาจย้อนไปสมัยเจียนห้อ...มีการสร้างอนุสาวรีย์แจ็ค หม่า...ไว้บูชา

ไหว้เทพฝรั่งมานาน ไหว้เทพจีนเสียบ้าง จะเสียหายอะไร.