Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

หลังจากที่ทาง Apple ได้เปิดให้ใช้งานบริการสตรีมมิ่งเพลง Apple Music Lossless ไปเมื่อหลายวันก่อน ก็มีหลายท่านสอบถามหลังไมค์กันเข้ามาเยอะมาก ๆ ทั้งทางเพจของร้าน และ ทางไลน์ส่วนตัวของผมเอง โดยคำถามที่หลายท่านถามเข้ามานั้นผมก็ได้ตอบให้ไปแล้ว และ จะนำมาเขียนไว้ตรงนี้ให้ทุกท่านได้อ่านกันด้วยครับ 
 


เพราะหลายท่านที่เป็นนักเล่นหน้าใหม่นั้นยังไม่รู้ว่าเล่นเจ้า Apple Music Lossless และ Hi-Res Lossless ยังไงดี ซึ่งข้อมูลในเชิงเทคนิคทุกท่านน่าจะหาอ่านได้ทั่วไปเพราะมีหลายเพจที่เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเขียนให้ได้อ่านกันไปแล้ว ซึ่งตรงนี้ผมจะพูดถึงการใช้งานอย่างเดียวเลยแล้วกันลองอ่านดูน่าจะช่วยให้ได้คำตอบที่ต้องการครับ ^^
 

1. Apple Music Lossless มีกี่แบบ ?

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม


ตอบ : Apple Music ที่เปิดตัวมาคุณภาพเสียงหลัก ๆ จะมี 2 แบบ ประกอบไปด้วย
.
- Lossless แบบแรกที่จะเป็นคุณภาพเทียบเท่า CD นั่นก็คือ 16Bit/44.1kHz ซึ่งทาง Apple เองได้บอกว่าคุณภาพระดับ Lossless นั้นจะมีความละเอียดเริ่มต้นตั้งแต่ 16Bit/44.1kHz จนสูงสุดอยู่ที่ 24Bit/48kHz ครับ
.
- แบบที่สองก็คือ Hi-Res Lossless ซึ่ง Hi-Res Lossless นี้จะมีความละเอียดสูงสุดอยู่ที่  24Bit/192kHz ครับผม 
.
- นอกจากนี้ทาง Apple ยังได้เปิดตัวระบบเสียงที่เป็น Spatial Audio with Dolby Atmos ที่จะเป็นระบบเสียงที่ให้มิติในการฟังเพลงที่ดีเยี่ยม มีทั้งความกว้าง ความลึก มีความเป็นดนตรีสูง ให้บรรยากาศในการฟังเพลงที่ยอดเยี่ยม เพราะไม่รู้สึกหลอกหูเหมือนระบบจำลองเสียงรอบทิศทางแบบอื่น ๆ ครับ 

 



2. Lossless คืออะไร ?

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม
ตอบ : ไฟล์แบบ Lossless นั้นจะเป็นการบีบอัดข้อมูลที่แทบจะไม่ลดทอนความลดทอนความละเอียดของไฟล์เพลงลงไป ทำให้ได้ข้อมูลที่ใกล้เคียงกับข้อมูลเต็ม ๆ ของ CD มากที่สุดโดยที่มีขนาดของไฟล์ที่เล็กลงจาก CD 


แต่จริง ๆ แล้วก็ยังไม่ใช่คุณภาพที่ดีที่สุดตามคุณภาพของ CD แบบที่นักฟังนั้นเล่นกันจริง ๆ เพราะถ้าจะเอาความละเอียดเต็มที่เท่ากับ CD จะต้องเป็นไฟล์ในรูปแบบ Uncompressed ที่ไม่โดนลดทอนคุณภาพลงไปแม้แต่น้อย จึงได้ความละเอียดสูงสุดของแผ่น CD ครับ โดยนามสกุลของไฟล์ Uncompressed ที่เราคุ้นเคยกันนั้นได้แก่ WAV และ AIFF ครับ 
 


3. Hi-Res Lossless จะเป็น 24Bit/192kHz ทุกเพลงไหม ?

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

ตอบ : ไม่ทุกเพลงครับ จะมีคละเคล้าปะปนกันไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เพราะแต่ละค่ายจะอัปเพลงความละเอียดเท่าไหร่ขึ้นไปก็อยู่ที่ค่ายเพลงครับ โดยคู่แข่งอย่าง Tidal เองก็ไม่ได้เป็นไฟล์ MQA แบบ 24Bit/192kHz ทั้งหมดเช่นกัน


 


4. Apple Music Lossless & Hi-Res Lossless ใช้งานในอุปกรณ์ไหนได้บ้าง ? 

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

ตอบ : ตอนนี้อุปกรณ์ที่รองรับนั้นแน่นอนว่าต้องเป็นสินค้าของทาง Apple เองอย่าง iPhone, iPod Touch, iPad ที่ใช้ iOS 14.6 และ iPad OS 14.6 ขึ้นไป ส่วนทางด้าน Mac นั้นต้องเป็น MacOS 11.4 ขึ้นไปครับ ส่วนอุปกรณ์ที่เป็น Android และ Windows OS นั้นในวันที่เขียนบทความนั้นยังไม่รองรับการเล่นแบบ Lossless และ Hi-Res Lossless ครับ



5. ก่อนใช้งานต้องตั้งค่าอย่างไร ?

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

 

ตอบ : ขั้นตอนการตั้งค่านั้นให้เราไปที่ Setting > Music > Audio Quality จากนั้นจะเห็นว่ามีให้เลือกตั้งค่าได้ตามการสตรีม เช่น 

- Cellular Streaming ถ้าเกิดใช้ 4G หรือ 5G แพ็คเกจแบบ Unlimited ก็เลือกเป็น High-Resolution Lossless ไปเลยครับ แต่ถ้าไม่ได้ใช่แพ็คเกจแบบ Unlimited แล้วกลัวเน็ตหมดก็เลือกให้ต่ำกว่านั้น หรือ เลือกดาวน์โหลดผ่าน WiFi เก็บไว้ฟังตอนเดินทางโดยไม่ต้องใช้ Cellular ก็ได้ครับ

- Wi-Fi Streaming อันนี้เลือกเป็น High-Resolution Lossless ได้เลยครับ

- Download อันนี้แล้วแต่ความต้องการครับ ถ้าใครมีพื้นที่จัดเก็บในเครื่องเยอะ ๆ ก็เลือกเป็น High-Resolution Lossless ก็ได้ครับ


 



6. ถ้าต่อสาย Lightning to 3.5 mm ของ Apple จะเล่นเพลง Lossless และ Hi-Res Lossless ได้ไหม ? 

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

ตอบ : เล่นได้อยู่ที่ Lossless ครับ เนื่องจากตัวชิป DAC ที่อยู่ในสาย Lightning to 3.5 mm ของ Apple นั้นจะสามารถเล่นไฟล์ความละเอียดสูงสุดได้ถึง 24Bit/48kHz ซึ่งสามารถฟังเพลงคุณภาพระดับ Lossless ได้เลย 

แต่จะไม่สามารถเล่นไฟล์ Hi-Res Lossless ได้ครับ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเล่นไม่ได้แล้วจะหมายถึงเสียงไม่ออกนะครับ ที่ว่าเล่นไม่ได้ในที่นี้เนี่ยเพราะคุณภาพเสียงมันจะอั้นอยู่ที่ 24Bit/48kHz ตามสเปคของ Lightning to 3.5 mm ของ Apple ถึงแม้ว่าตอนกดเล่นแล้วมันจะขึ้นโชว์ว่าเป็น Hi-Res Lossless ก็ตาม


 


7. สามารถเล่น Apple Lossless และ Hi-Res Lossless ผ่าน Bluetooth ได้หรือไม่ ?

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

ตอบ : ไม่สามารถเล่นได้เต็มความละเอียดเนื่องจากข้อจำกัดของ Bluetooth ครับ โดยทาง Apple นั้นใช้ Codec AAC ที่จะถูกลดความละเอียดลงมาอยู่ในระดับ Lossy ที่ต่ำกว่า Lossless ครับ ซึ่งในกรณีนี้รวมถึง DAC/AMP แบบ Bluetooth ก็โดนลดทอนคุณภาพเสียงลงมาด้วยเช่นกันครับ 

หลายท่านอาจจะเคยเห็นข่าวแซว Apple ว่าจะทำ Lossless ไปทำไม ในเมื่อหูฟัง AirPods ของตัวเองไม่รองรับ Lossless และ Hi-Res Lossless เพราะใช้ Codec AAC อยู่เลย

จุดนี้หากมองในมุมของคนที่ไม่ได้คลุกคลี หรือ เล่นสตรีมมิ่งฟังเพลงแบบจริงจังเหมือนกลุ่มคนที่เล่นหูฟัง เครื่องเสียง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่เค้าจะมองแบบนั้นครับ

เพราะเค้าไม่ได้เป็น Serious Player แบบที่เราเล่นกัน ที่แม้กระทั่งการใช้แผ่นไม้รองแอมป์ หรือ Spike สลายแรงสั่นสะเทือน ไหนจะการเบิร์นหูฟังอย่างเอาเป็นเอาตาย และ อื่น ๆ อีกมากมาย

ยังไงพวกเราก็ไม่ยอมโดนลดทอนความละเอียดไปเพราะความสะดวกสบายของ Bluetooth แน่นอนครับ ยังไงซะเราก็ต้องต่อสายเล่นเอาดีที่สุด ส่วน Bluetooth เอาไว้ใช้ตอนเดินทาง หรือ ต้องการฟังเล่น ๆ มากกว่าครับ

แต่ในมุมของคนที่เล่นพวกนี้อยู่แล้ว จะรู้ว่าการที่ Apple ทำ Lossless และ Hi-Res Lossless ออกมาให้ได้ใช้งานกันนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพราะบริการสตรีมมิ่งที่มีอยู่ในไทยตอนนี้ที่ฟังแบบหวังผลได้จริง ๆ มีเพียง Tidal ที่บุกเบิกการสตรีมด้วยคุณภาพระดับ Lossless และ Hi-Res Lossless ครับ

ทีนี้หากถามว่าในอนาคตจะมีโอกาศที่ทาง Apple จะทำให้ใช้งาน Lossless ผ่าน Bluetooth ได้ไหม ก็ต้องบอกว่ามีโอกาศเป็นไปได้ครับแต่ไม่น่าจะเป็นเร็ว ๆ นี้ครับ เพราะต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกมาก เว้นซะแต่ว่าพัฒนาล่วงหน้ามาหลายปีแล้ว และ วางแผนเปิดตัวหลังจากเปิดตัว Apple Music Lossless ไม่นาน

เพราะอย่าง Sony เองก็มี Codec อย่าง LDAC ที่สามารถส่งไฟล์เพลง Hi-Res ไปได้ แต่ตัวสมาร์ตโฟนที่ใช้นั้นก็จะต้องรองรับ LDAC ด้วยเช่นกัน ยังไงซะ Apple ก็น่าจะมี Codec แบบใหม่ หรือ วิธีการใช้งานออกมารองรับ เพียงแต่จะช้า หรือ เร็ว เท่านั้นเองครับ


8. Apple Hi-Res Lossless VS Tidal MQA 

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

Hi-Res Lossless ของ Tidal นั้นถูกเข้ารหัสด้วยนามสกุล MQA ที่มีเงื่อนไขในการใช้งานอยู่ครับ นั่นหมายความว่าจะต้องมีทั้ง MQA Core Decoder และ DAC ที่เป็น MQA Renderer ในการทำหน้าที่ถอดรหัสไฟล์เพลงให้ออกมาเป็น Hi-Res Lossless โดยสมบูรณ์ 

ซึ่งการใช้ผ่านอุปกรณ์อย่าง iPhone, iPad หรือในคอมพิวเตอร์ทั้ง Windows, MacOS นั้นไม่มีปัญหา เพราะโปรแกรม Tidal นั้นมี Core Decoder มาให้ใช้งานได้เลย เพียงแค่มี Dac/Amp ที่เป็น MQA Renderer ได้ก็ใช้งานได้เลย

แต่ในอุปกรณ์ที่เป็นระบบ Android ต้องซื้อแอปลิเคชันอย่าง USB Audio Player Pro (UAPP) กับตัว MQA Core Decoder ที่เป็น  In App-Purchase แยกอีกต่างหาก ราคาตัวแอป และ Decoder รวมกันแล้วจะอยู่ประมาณ 500 บาท ไม่เกินนี้ครับ

แต่ในขณะที่ Apple นั้นไม่ต้องทำการเข้ารหัส MQA ทำให้สามารถเล่นไฟล์ที่เป็น Hi-Res ออกมาได้โดยใช้เพียง DAC ที่รองรับการเล่นไฟล์ PCM 24Bit/192 เท่านี้ก็เล่นออกมาได้เต็มประสิทธิภาพของ Apple Hi-Res Lossless แล้วครับ

เมื่อมองดูแบบนี้จะเห็นได้ว่า Apple Music Hi-Res Lossless นั้นเล่นง่ายกว่าของ Tidal อยู่พอตัวเลยครับ ส่วนเรื่องเสียงใครจะชอบฝั่งไหนมากกว่าก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแล้วล่ะครับ


 



9. จะเล่นไฟล์เพลง Hi-Res Lossless ให้ได้เต็มประสิทธิภาพตามไฟล์เพลงที่ Apple ระบุไว้ต้องทำอย่างไร ?

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม
 

ตอบ : สิ่งแรกที่ต้องมีก็คือ DAC/AMP สำหรับการถอดรหัสไฟล์เพลง Hi-Res Lossless ครับ ซึ่งวิธีเลือกซื้อนั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากครับ อย่างแรกที่ต้องดูก่อนก็คือสเปคการเล่นไฟล์เพลงในฝั่งของ PCM นั้นจะต้องอยู่ที่ 24Bit/192kHz ขึ้นไป 
.
ซึ่ง DAC/AMP สมัยนี้แทบจะเกินจากนี้กันไปหมดแล้ว ที่เห็นก็สูง ๆ ขึ้นมาอีกก็จะเป็น 32Bit/384kHz และ 32Bit/786kHz ซึ่งเกินพอสำหรับ Hi-Res Lossless ของ Apple ที่รองรับอยู่ที่ 24Bit/192kHz ซะด้วยซ้ำไปครับ


 



10. หูฟังจำเป็นต้องรองรับ Hi-Res ด้วยไหม ?

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม
 
ตอบ : คำถามนี้ไม่ต้องยืดยาวอะไรมากครับ เพราะมันไม่จำเป็นเสมอไปครับ หูฟังแบบไหนก็สามารถฟังได้เพราะเป็นปลายทางจะถูกจะแพงก็ฟังได้หมดขอแค่เสียงมันฟังออกมาแล้วถูกใจเราก็พอครับผม
 



11. จะฟัง Dolby Atmos ผ่านหูฟังวิธีไหนได้บ้าง ?

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม


ตอบ : สามารถฟังได้สองวิธีด้วยกันดังโดยแบ่งเป็นการฟังแบบไร้สายผ่าน Bluetooth และ ฟังผ่านหูฟังแบบมีสายครับ 

เริ่มต้นกันที่การฟังผ่านหูฟัง Bluetooth ครับ หากต้องการฟัง Dolby Atmos ด้วยหูฟังไร้สายแบบ Bluetooth นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้งานควบคู่กับหูฟังที่มีชิป W1 หรือ H1 ซึ่งก็จะเป็นหูฟังในเครือของ Apple อย่าง AirPods และ Beats นั่นเองครับ โดยรายชื่อหูฟังที่รองรับมีดังนี้ครับ

- AirPods
- AirPods Pro
- AirPods Max
- BeatsX
- Beats Solo3 Wireless
- Beats Studio3
- Powerbeats 3 Wireless
- Beats Flex
- Powerbeats Pro
- Powerbeats 4
- Beats Solo Pro

ต่อมาจะเป็นการเล่นแบบต่อสายบ้างครับ ซึ่งหากเราต่อสายเข้ากับ iPhone หรือ iPad ไม่ว่าจะเป็นการต่อผ่าน Dac/Amp หรือ Lightning to 3.5 mm ของ Apple ก็สามารถเปิดใช้งาน Dolby Atmos ได้ด้วยการเข้าไปที่ Setting > Music > Dolby Atmos > Always On เท่านี้ก็สามารถเล่นเพลงที่เป็น Dolby Atmos ได้แล้วครับผม


 

12. สมัครแพ็คเกจไหนดี ?

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม


ตอบ : แพ็คเกจของ Apple Music นั้นมีให้เลือกสมัครได้ทั้งแบบ Apple Music อย่างเดียว และ มีแบบ Apple One ที่รวมบริการหลาย ๆ อย่างของ Apple เข้าด้วยกันครับ โดย Apple Music นั้นจะมีค่าบริการอยู่ 3 แบบ ดังนี้ครับ 
 


นักศึกษา : ราคา 69 บาท/เดือน ซึ่งจะต้องมีการยืนยันตัวตน
รายบุคคล : ราคา 129 บาท/เดือน
ครอบครัว : ราคา 199 บาท/เดือน 

 


ต่อมาจะเป็นการสมัครแบบ Apple One ที่มีบริการหลากหลายรวมอยู่ในนั้นครับ ซึ่งเมื่อเราสมัคร Apple One นั้นจะสามารถใช้งานบริการต่าง ๆ ของ Apple ได้ทั้ง Apple Music, iCloud, Apple Arcade และ Apple TV+ ครับ ส่วนราคานั้นมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ 
 


รายบุคคล : ราคา 225 บาท/เดือน ***iCloud 50GB***
ครอบครัว : ราคา 295 บาท/เดือน ***iCloud 200GB***

 


โดยส่วนตัวผมเลือกสมัครแบบ Apple One แบบครอบครัวอยู่ครับ เนื่องจากใช้งานกันหลายคนที่บ้าน และ ยังสามารถใช้งานบริการอื่น ๆ ของ Apple ได้อีกด้วย ทั้ง Arcade ที่สามารถโหลดเกมมาเล่นแก้เบื่อได้ แถมยังได้ดู Apple TV+ อีกด้วยครับ เรียกได้ว่าคุ้มจริง ๆ สำหรับราคาแค่นี้ครับ 



Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

สรุป : Apple Music นั้นเป็นบริการสตรีมมิ่งเพลงที่น่าจับตามมองมาก ๆ เพราะให้คุณภาพของเสียงที่ดี ราคาถูก มีแพ็คเกจผูกกับบริการอื่น ๆ ของ Apple ให้เลือกสมัครมากมาย ส่วนใครที่อยากได้ระบบ Apple Music Connect เอาไว้ลิ้งค์กับลำโพงเหมือนอย่าง Spotify Connect และ Tidal Connect คงต้องรอกันอีกหน่อย


 


เพราะยังไม่รู้ว่าทาง Apple นั้นจะทำออกมาไหม แต่ถ้าหากทาง Apple สนใจที่จะทำล่ะก็ รับรองว่าแบรนด์ลำโพงหลาย ๆ เจ้าพร้อมที่รองรับอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องของคุณภาพเสียง หรือ ความถนัดในการใช้งานนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลด้วยครับ 
 


โดยเฉพาะในเรื่องของเสียงเพราะต้องอย่าลืมว่าพวก รูป รส กลิ่น และ เสียงนั้น เป็นเรื่องของ "รสนิยม" บางคนฟังแล้วชอบ บางคนฟังแล้วเฉย ๆ อันนี้ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรครับ ใช้บริการของค่ายไหนก็ได้ขอแค่ตัวเรามีความสุขกับเสียงเพลงก็เพียงพอแล้วครับ ^^

มีอยู่ใน Tidal ทั้งหมดครับ ทุกท่านสามารถฟังด้วยการต่อ Bluetooth ที่มือถือได้เลยครับ สำหรับในวันนี้ขอลาทุกท่านไปก่อน ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ สวัสดีครับ ^^

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

Iphone 7 true wireless 5 ได ไหม

บทความโดย :  เปา  อัมรินทร์พลาซ่า  เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 2564