ในประเทศไทยเรามีการจัดตั้ง ธุรกิจหลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่มีเจ้าของคนเดียว หรือจัดตั้งร่วมกับผู้อื่นในรูปแบบห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงินลงทุนและวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง “ห้างหุ้นส่วน” เป็นการจัดตั้งธุรกิจโดยบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เป็นเจ้าของและมีผลประโยชน์ในกิจการร่วมกัน มีบัญชีทุนหุ้นส่วนแยกแสดงส่วนได้ส่วนเสียของแต่ละบุคคล การจัดตั้งห้างหุ้นส่วนนั้นมีอยู่ 3 ประเภทด้วยกันคือ
เมื่อบุคคลสองคนได้ ตกลงกันที่จะดำเนินกิจการร่วมกัน จำเป็นต้องมีการลงทุนแรกเริ่มของห้างหุ้นส่วน โดยหุ้นส่วนทั้งสองคนจะต้องนำเงินหรือทรัพย์สิน หรือเงินและทรัพย์สินอื่นมาลงทุนเพื่อร่วมดำเนินกิจการด้วยกัน
เนื่องจากในกิจการ ห้างหุ้นส่วนผู้เป็นหุ้นส่วนอาจลงทุนไม่เท่ากัน ทำให้มีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการไม่เท่ากัน หรือมีการกำหนดอัตราส่วนแบ่งกำไรขาดทุนไม่เท่ากัน การบันทึกส่วนได้ส่วนเสียของผู้เป็นหุ้นส่วน จึงจำเป็นต้องแยกบัญชีของแต่ละคนเรียกว่าบัญชีทุนหุ้นส่วน ซึ่งมี 2 แบบ คือ วิธีทุนคงที่ และ วิธีทุนเปลื่ยนแปลง
สิทธิประโยชน์ของผู้เป็นหุ้นส่วน
ที่มา : www.avaccount.com การบัญชีเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน ส่วนในทุนและส่วนในกำไรขาดทุนของหุ้นส่วน ส่วนในทุนของผู้เป็นหุ้นส่วน หมายถึง เงินสดหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่ผู้เป็นหุ้นส่วนนำมาลงทุนในตอนจัดตั้ง
สิทธิส่วนได้เสียของผู้เป็นหุ้นส่วนอาจเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังจากดำเนินงาน เนื่องจากผู้เป็นหุ้นส่วนอาจนำเงินสดมาลงทุนเพิ่ม ถอนทุน หรือได้รับส่วนแบ่งกำไร ตัวอย่าง เอ และบี ตกลงเป็นหุ้นส่วนกัน โดย เอนำเงินสดมาลงทุน 300,000 บาท บี นำอุปกรณ์สำนักงาน 150,000 บาท และเครื่องตกแต่ง 50,000 บาท มาลงทุน ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงแบ่งกำไรขาดทุนเท่ากัน จากข้างต้น
พบว่าสินทรัพย์ หรือเงินทุนทั้งสิ้นของห้างเท่ากับ 500,000 บาท เอมีสิทธิส่วนได้เสีย 300,000 บาท บีมีสิทธิส่วนได้เสีย 200,000 บาทหรืออัตราส่วน 3 : 2 อัตราส่วนแบ่งผลกำไรขาดทุนเท่ากันคือ 1 : 1 ต่อมา ห้างหุ้นส่วนเอและบี ดำเนินงานมีผลกำไรสุทธิ 100,000
บาท สิทธิส่วนได้เสียของผู้เป็นหุ้นส่วนจะเพิ่มขึ้น ดังนี้ วิธีการใช้บัญชีทุน บัญชีกระแสทุน และบัญชีเงินถอน 1. วิธีทุนคงที่ (Fised Capital Method)หรือวิธีทุนไม่เปลี่ยนแปลง ต้องเปิดบัญชีของหุ้นส่วนแต่ละคนขึ้น 3 บัญชี คือ บัญชีทุน บัญชีกระแสทุน และบัญชีเงินถอน โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้ 1.1 บัญชีทุน (Capital Account) การใช้บัญชีทุนของห้างหุ้นส่วนต้องแยกบัญชีทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนขึ้น เช่น บัญชีทุน - เอ บัญชีทุน - บี หรือ บัญชีทุน - ซี เป็นต้น รายการที่ต้องนำมาบันทึกในบัญชีทุนมีลักษณะเป็นการถาวร ได้แก่ 1.1.1 ลงทุนครั้งแรกด้วยเงินสดและสินทรัพย์อื่น 1.1.2 เพิ่มทุนเป็นเงินสด หรือสินทรัพย์ 1.2.1 ดอกเบี้ยทุน 1.3 บัญชีเงินถอน (Drawing Account) ใช้บันทึกรายการของผู้เป็นหุ้นส่วนที่เกิดขึ้น ได้แก่
1.3.1 ถอนกำไรไปใช้ล่วงหน้า รวมทั้งถอนเงินสดหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ไปใช้ 2. วิธีทุนเปลี่ยนแปลง (Alternative Capital Method) วิธีนี้จะเปิดบัญชีทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนแต่ละคนเพียงบัญชีเดียวเท่านั้น ใช้บันทึกรายการลงทุนครั้งแรก เพิ่มทุน ถอนทุน และรายการจัดสรรกำไรขาดทุน ผลตอบแทนต่าง ๆ อาทิเช่น ดอกเบี้ยทุน เงินเดือน ที่คิดให้หุ้นส่วน โบนัส และส่วนแบ่งกำไรขาดทุน
ถ้ามีการถอนกำไรไปใช้ล่วงหน้าให้เปิดบัญชีเงินถอน และโอนไปบัญชีทุนในวันสิ้นงวด รายการที่มีผลทำให้เงินทุนของห้างหุ้นส่วนเปลี่ยนแปลงไป รายการซึ่งทำให้ทุน หรือ
สิทธิส่วนได้เสียของผู้เป็นหุ้นส่วนเพิ่มขึ้น คือ การเปิดบัญชีห้างหุ้นส่วน ( Opening The Books) การบันทึกการเปิดบัญชีของห้างหุ้นส่วนนั้น ใช้วิธีการเช่นเดียวกับกิจการค้าเจ้าของคนเดียวเพียงแต่จำแนกทุนของหุ้นส่วนแต่ละคน แบ่งได้เป็น 4 กรณี ดังนี้คือ 1. หุ้นส่วนนำเงินสดมาลงทุน เช่น เอ บี และซี เป็นหุ้นส่วนกัน นำเงินสดมาลงทุน ดังนี้ จำนวน 20,000 บาท 30,000 บาท และ 40,000 บาท ตามลำดับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2547 การบันทึกบัญชี ทุน – เอ 20,000 เอ บี และซี นำเงินสดมาลงทุน เมื่อวันที่ 1 มกราคา
2547 เช่น เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2547 เอ บี และ ซี นำเงินสด สินทรัพย์ และหนี้สินมาลงทุน ดังนี้ ยอดทุน 1,500 4,000 193,500 199,000 การบันทึกบัญชีเป็นดังนี้ 3. หุ้นส่วนนำแรงงานมาลงทุน แรงงาน หมายถึง ความสามารถทางด้านความคิด ซื่อเสียง สติปัญญา กำลังกาย ของหุ้นส่วนนำมาลงทุน เรียกว่า ค่าความนิยม (Goodwill) และต้องมีการตกลงระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วน ว่าจะมีการบันทึกในบัญชีหรือไม่ ถ้ามีการบันทึกในสมุดบัญชีของห้างจะใช้มูลค่าเท่าใด ขึ้นอยู่กับข้อตกลงดังนี้ 3.1 ถ้าให้สิทธิรับคืนทุน จะต้องบันทึกค่าความนิยมให้กับหุ้นส่วนผู้นั้น และบันทึกไว้ในสมุดบัญชีของห้าง เช่น เอ บี เป็นหุ้นส่วนกัน โดย เอ และบี นำเงินสด 40,000 และ 30,000 บาทตามลำดับ และ บี ยังนำแรงงานมาลงทุนด้วย ซึ่งตกลงคิดเป็นมูลค่า 20,000 บาท และให้สิทธิ บี มีสิทธิรับคืนทุน กิจการเริ่มวันที่ 1 เมษายน 2547
บันทึกบัญชีดังนี้ 3.2 ไม่มีสิทธิรับคืนทุน วิธีนี้ไม่มีการบันทึกค่าแรงงานในบัญชี เพียงแต่เขียนไว้ในสัญญาหุ้นส่วนเท่านั้น การคำนวณส่วนทุนของห้างหุ้นส่วนที่นำแรงงานมาลงทุนก็คือ ตัวอย่าง เอ นำเงินสดมาลงทุน 60,000 บาท บี นำเงินสดมา 20,000 บาท พร้อมด้วย
เครื่องใช้สำนักงาน จำนวน 10,000 บาท มาลงทุน และ ซี นำแรงงานซึ่งไม่ได้ตีราคามาลงทุน การคำนวณหาส่วนในทุนของ ซี เป็นดังนี้ 4. หุ้นส่วนลงทุนเป็นสินทรัพย์แต่มิได้แสดงราคาไว้ ตามกฏหมายให้ถือว่าหุ้นส่วนทุกคน การบันทึกรายการเปิดบัญชี |