วิธีการหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยง


คำแนะนำ >> คลิกด้านซ้ายเพื่อเลือกเรื่องย่อยของหน่วยที่ 2

หน่วยการเรียนรู้ที่ื 2 ชีวิตและครอบครัว

การป้องกันและการถูกล่วงละเมิดทางเพศ

                   ปัจจุบันการถูกล่วงละเมิดทางเพศเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทั้งในลักษณะของการกระทำรุนแรงและไม่รุนแรงอันเป็นพฤติกรรมที่สร้างความกระทบกระเทือนต่อบุคคลและครอบครัวที่ถูกกระทำ ทั้งทางร่ายกาย และ จิตใจ และสังคมเป็นอย่างมาก
                   ดังนั้นการได้เรียนรู้ถึงพฤติกรรมสาเหตุวิธีป้องกัน ตลอดจนทักษะการปฏิเสธเพื่อป้องกันพฤติกรรมและหลีกเลี่ยงสถานการณ์เสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ จะทำให้สามารถรอดพ้นจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้
                   ๑.ความหมายและลักษณะของพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ
                         ๑.๑ ความหมายของพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ
                   พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศหมายถึงพฤติกรรมของบุคคลที่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่นในเรื่องเพสลักษณะต่างๆเช่นด้วยคำพูด ด้วยสายตา การใช้ท่าทีที่ส่อเจตนาล่วงเกินทางเพศ การกระทำนายจาร ตลอดจนการบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ การข่ม
ขืน และ การกระทำที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความอับอาย โดยที่
ผู้ถูกกระทำไม่ยินยอมพร้อมใจอันส่งผลกระทบต่อร่างกายจิตใจอารมณ์สังคมรวมถึงสวัสดิภาพและการดำรงชีวิตอย่างปกติสุขทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของผู้ถูกกระทำถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายศีลธรรมและความสงบสุขของสังคมเป็นอย่างมาก
                  ๑.๒ ลักษณะของพฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศ
พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศเป็นรูปแบบการกระทำอนาจารต่อบุคคลอื่นทั้งหญิงและชายโดยการเรียกร้องความพึงพอใจทั้งทางกายและวาจาหรือเข้าแทรกแซงสภาพแวดล้อมอันดีในการดำเนินชีวิตของบุคคลอื่นอย่างไร้เหตุผลมีทั้งการกระทำที่รุนแรงและไม่  รุนแรงซึ่งแบ่งออกเป็น ๓ ลักษณะคือ
                          ๑)ล่วงละเมิดทางเพศด้วยวาจาหมายถึงการกระทำอนาจารต่อบุคคลอื่นด้วยคำพูดเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของตนเองในเรื่องเพศซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่รุนแรงเช่น
                                 ๑.การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของผู้อื่นที่ส่อไปในทางลามกอนาจาร
                           ๒.การตามจีบตามตื้อพูดจาเกี้ยวพาราสีทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบ
                           ๓.การเล่าเรื่องตลกลามกเรื่องสองแง่สองง่ามในเรื่องเพศ
                          ๔.การใช้คำพูดแทะโลมหยาบคายเรื่องเพศ
                          ๕.การใช้คำพูดเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ
                       ๖.การใช้โทรศัพท์พูดคุยเรื่องเพศลวนลามเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของตน
                   ๒) ล่วงละเมิดทางเพศด้วยการกระทำที่ไม่ถูกเนื้อต้องตัว
                   หมายถึงการกระทำอนาจารต่อบุคคลอื่นด้วยการกระทำต่างๆ อาจจะด้วยสายตา การอวดโชว์ ตลอดจนการสื่อต่างๆ เพื่อตอบสนองในความพึงพอใจของตนเองในเรื่องเพศ เช่น
                   ๑.การจ้องมองของสงวนเช่น หน้าอก อวัยวะเพศของผู้อื่น เป็นต้น
                   ๒.การแอบดูที่เรียกว่า “ถ้ำมอง” การแอบติดกล้องวงจรปิด และการแอบถ่ายภาพนิ่งหรือถ่ายคลิปห้องน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ห้องนอน ห้องแต่งตัว
                   ๓.การอวดโชว์อวัยวะเพศ
                   ๔.การอวดโชว์ภาพโป๊ หรือภาพที่ส่อไปในทางเพศ
                   ๕.การเผยแพร่สื่อลามก คลิปวิดีโอโป๊
                   ๖.การแพร่ภาพถ่ายคลิปวิดีโอลามกอนาจารทางอินเทอร์เน็ต
                   ๓)ล่วงละเมิดทางเพศที่เป็นการกระทำอย่างชัดแจ้งหมายถึงการกระทำอนาจารด้วยการกระทำอย่างชัดเจนโดยการถูกเนื้อต้องตัวร่างกายของบุคคลอื่นที่ไม่ยินยอมพร้อมใจเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของตนเองในเรื่องเพศซึ่งถือเป็นการกระทำที่รุนแรงเช่น
                        ๑.การแตะเนื้อต้องตัวที่ไม่พึงประสงค์เช่นการนั่งการยืนการเดินที่ใกล้ชิดเกินไปการเสียดสีร่างกายการแตะเนื้อต้องตัวจับต้องเสื้อผ้าร่างกายเป็นต้น
                        ๒.การกระทำอนาจารเช่นกอดจูบลูบคลำเป็นต้นซึ้งเป็นการแสดงความใคร่ทางเพศ
                        ๓.การขอมีเพศสัมพันธ์การถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์การข่มขืน
                   ๒.สาเหตุของการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศที่มักพบบ่อยๆตามที่เป็นข่าวมักเป็นเรื่องของการใช้อำนาจในเรื่องเพศเช่นผู้ชายกระทำกับผู้หญิง ผู้ใหญ่กระทำกับเด็กหัวหน้ากระทำกับลูกน้องเป็นต้นซึ้งปัญหาดังกล่าวอาจมีสาเหตุดังต่อไปนี้
                   ๑)สถานภาพและความสัมพันธ์ของบุคคลเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของการถูกล่วงละเมิดทางเพศแบ่งออกเป็น๒กรณีคือ
                   ๑.๑.คนคุ้นเคยคือบุคคลที่มีความสัมพันธ์รู้จักใกล้ชิดสนิทสนมคุ้ยเคยไว้วางใจกันเป็นอย่างดีซึ่งความใกล้ชิดนี้อาจเป็นบ่อเกิดที่ทำให้บุคคลเกิดการอยากถูกเนื้อต้องตัวหรือมักใช้คำพูดท่าทีที่ไม่
เหมาะสมนับเป็นช่องทางในการล่วงละเมิดทางเพศได้ง่ายขึ้น
                   ๑.๒.คนแปลกหน้าคือบุคคลที่ไม่คุ้นเคยหรือรู้จักกันมาก่อนเช่นนักเลงอันธพาลวัยรุ่นติดสารเสพติดบุคคลที่มีบุคลิกภาพผิดปกติป่วยเป็นโรคจิตโรคประสาททางเพศเป็นต้นโดยบุคคลดังกล่าวส่วนใหญ่ที่พบเห็นตามข่าวมักจะขาดสติยั้งคิดและมีอารมณ์ทางเพศสูงหรือบางรายอาจมีความเก็บกดทางเพศซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแสดงพฤติกรรมที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศออกมาในช่วงเวลาที่มีโอกาสได้
                   ๒)สถานที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมบ้านหรือที่อยู่อาศัยมีสภาพไม่เหมาะสมเช่นเป็นแหล่งเสื่อมโทรมชุมชนแออัดหรือระยะทางระหว่างบ้านกับชุมชนโรงเรียนสถานที่ทำงานตั้งอยู่ในที่เปลี่ยว
ห่างไกลปลอดจากสายตาผู้คนหรืออาจอยู่ใกล้สถานเริงรมย์ต่างๆเช่นโรงภาพยนตร์สถานบริการทางเพศแหล่งมั่วสุมอบายมุขต่างๆเป็นต้นนับว่ามีความเสี่ยงต่อการเดินทางไปและกลับซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้
                   ๓)สภาพการทำงาน มักพบเห็นตามข่าวว่า ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเกี่ยวกับการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเกิดจากสาเหตุ ดังนี้
                        ๑.การทำงานในสถานที่ทำงาน โรงงาน หรือรับใช้ในบ้านอาจถูกกระทำโดยยานจ้าง สมาชิกครอบครัวนายจ้างหรือผู้ร่วมงาน ซึ่งไม่สามารถป้องกันตนเอง
                        ๒.  การถูกหลอกลวงมาจากต่างจังหวัดให้มาหางานทำ ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยที่ทำงาน โดยที่ไม่รู้จักใคร แลไม่รู้จะไปไหน เมื่อเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นจึงไม่กล้าหนี
                        ๓.  จำเป็นต้องทนต่อการถูกกระทำที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศหรือการทำร้ายร่างกายทั้งทางด้านจิตใจหลากหลายรูปแบบ
                        ๔) การถูกกระตุ้นจากสื่อต่างๆ  ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ลามก เว็บไซต์ที่เน้นเรื่องเพศต่างๆ คลิปวิดีโอโป๊ เกมลามก CD  DVD ลามกอนาจาร
                        ๕) การไม่รักนวลสงวนตัว โดยการแต่งกายที่ล่อแหลม ไม่มิดชิด เช่น สวมเสื้อคอลึก กางเกงหรือกระโปรงที่สั้นหรือบางเกินไป การแสดงท่าทีกิริยา บุคลิกที่ไม่เหมาะสมหรืออไม่ระมัดระวังที่ทำให้ส่อถึงการยั่วยุ เช่น การก้มจนเห็นของสงวน
                        ๕) การไม่รักนวลสงวนตัว โดยการแต่งกายที่ล่อแหลม ไม่มิดชิดเช่น สวมเสื้อคอลึก กางเกงหรือกระโปรงที่สั้นหรือบางเกินไป การแสดงท่าทีกิริยา บุคลิกที่ไม่เหมาะสมหรืออไม่ระมัดระวังที่ทำให้ส่อถึงการยั่วยุ เช่น การก้มจนเห็นของสงวน
                        ๖) ผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสติปัญญา หรือผู้เยาว์
                   โดยบุคคลที่ถูกกระทำในประเภทนี้มักจะมีระดับสติปัญญาด้อยกว่าบุคคลปกติ หรือมีร่างกายไม่สมประกอบไม่สามารถช่วยตนเองได้ หรือเป็นผู้เยาว์ที่มีอายุยังน้อยไม่รู้เท่าทันโลก ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ถูกล่อลวงด้วยวิธีการต่างๆ และเกิดการล่วงละเมิดทางเพศได้ง่าย
                   ๒.ไม่ควรเดินบนถนนตรอกซอกซอยที่มืดและเปลี่ยว บริเวณที่ดินหรือตึกรกร้าง โดยเฉพาะเวลากลางคืน ควรหลีกเหลี่ยงการรอรถประจำทางที่ป้ายเพียงลำพัง
                   ๓.หลีกเหลี่ยงการสวมหูฟัง วิทยุ เครื่องเสียง ขณะเดินทาง หรือขณะที่จอดรถประจำทาง หรือยืนข้างถนน แล้วถ้าหากมีคนมาถามทางโดยมีท่าทางพิรุธ ควรระมัดระวังตนเองโดยการเดินหนีห่างออกไป
                   ๔.หลีกเลี่ยงการใช้ลิฟท์ตามลำพัง หรือใช้ลิฟท์ร่วมกับคนแปลกหน้าที่มีพิรุธ และไม่น่าไว้วางใจ
                   ๕.ควรวางแผนการเดินทางไว้อย่างชัดเจน พร้อมทั้งสามารถปรับเปลี่ยนได้ท่าต้องเผชิญกับปัญหาสถานการณ์เสี่ยงต่างๆ
                   ๖.ควรหาเครื่องมือป้องกันตนเองติดตัวไปขณะเดินทาง เช่น สเปรย์พริกไทยหรือเครื่องช๊อตไฟฟ้า  เป็นต้น
                   ๔.๒การเตรียมพร้อมเมื่ออยู่ที่บ้าน
                   บ้านถือว่าเป็นสถานการที่ที่ปลอดภัยที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็อาจมีอันตรายแฝงอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศที่เราไม่สามารถคาดคิดได้ว่าใครจะมาถึงตัวเมื่อไหร่
หากเรามีการเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
ก็จะสามารถป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ ดังนี้
                   ๑. ควรตรวจสอบ ประตู หน้าต่าง โดยล็อกให้เรียบร้อยก่อนเข้านอน
                   ๒.ควรเปิดไฟ บริเวณบ้านในช่วงเวลาค่ำ
                   ๓.ไม่เปิดประตู รับคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านไม่ว่าจะด้วยกรณีใดก็ตาม หากสงสัยหรือผิดสังเกตให้รีบแจ้งผู้ปกครอง หรือโทรแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
                   ๔.ควรเปิดวิทยุ หรือโทรทัศน์ในบ้านเพื่อให้คนภายนอกเข้าใจว่ามีคนอยู่หลายคนและไม่ควรบอกให้ใครรับรู้ด้วยว่าอยู่บ้านเพียงลำพัง
                   ๕.การติดตั้งเครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เพราะในกรณีที่คนร้ายทราบหมายเลขโทรศัพท์และโทรเข้ามา ซึ่งหากไม่มีผู้รับสายเครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติก็จะทำงาน ทำให้คนร้ายทราบได้ว่าไม่มีคนอยู่ในบ้าน นับเป็นการเปิดโอกาสให้คนร้ายสามารถเข้ามาในบ้านได้อย่างง่ายดาย
๖.ควรระมัดระวังตนเองในการอยู่บ้านเพียงลำพังกับบุคลที่มีพฤติกรรมมาน่าไว้วางใจ แม้จะเป็นบุคคลที่เป็นเครือญาติกันก็ตาม
                   ๗.ควรบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของสถานีตำรวจ เพื่อน และ บุคคลที่เราวางใจที่อยู่ใกล้เคียงกับบ้านไว้ในโทรศัพท์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขอความช่วยเหลือ
                   ๘.การเลี้ยงสุนัข เพราะสุนัขจะสามารถช่วยส่งสัญญาณเตือนให้ทราบได้ว่ามีบุคคลแปลกหน้าเข้ามา ทำให้เราสามารถเตรียมพร้อมในการระมัดระวังตนเองได้ทันที
๔.๓การเตรียมตัวของตนเอง
                   สิ่งสำคัญที่สุดที่จะสามารถช่วยในการป้องกันการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ดีที่สุดประการหนึ่ง นั้นคือ ตนเอง ซึ่งการเตรียมตัวของตนเองให้ปลอดภัยจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้นั้น มีดังนี้
                   ๑.ควรแต่งกายให้เรียบร้อย รัดกุม เหมาะสมกับวัย และรู้จักกาลเทศะ โดยไม่สวมใส่เสื้อผ้าที่บางเกินไป กางเกงหรือกระโปรงสั้นเกินไป ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นการยั่วยุทางอารมณ์ของเพศตรงข้าม ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ตนเองได้
                   ๒.หลีกเลี่ยงการไปพบหรือการรับสิ่งของจากคนแปลกหน้า หรือคนที่เพิ่งรู้จักกัน
                   ๓.หลีกเลี่ยงการกลับบ้านในเวลาดึกดื่นค่ำมืดเพียงลำพัง ควรจะให้พ่อแม่ ญาติพี่น้อง มาคอยรับที่ป้ายรถประจำทางสถานีขนส่ง หรือตามสถานที่นัดหมาย ซึ่งหากจำเป็นจะต้องหลับบ้านดึกๆ ก็ควรจะมีเพื่อนกลับมาด้วย
                   ๔.ควรบอกเล่าเหตุการณ์ที่ผิดปกติ เช่น มีคนติดตามหรือมีท่าทีลานลามพูดจาเกี้ยวพาราสีขณะกลับบ้าน ให้แก่พ่อแม่ผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ที่เราไว้ใจให้ทราบ
                   ๕. หลีกเหลี่ยงสถานบันเทิงหรือสถานการณ์ต่างๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศเช่นการอยู่ในที่ลับตากับเพศตรงข้าม การมั่วสุมดูสื่อที่ไม่เหมาะสม เช่น คลิปวิดีโอ เกม ภาพลามก เป็นต้น เพราะนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังก็ให้เกิดอันตรายต่อตนเองได้ง่าย
                   ๖.สำหรับสุภาพสตรีควรปฏิบัติต่อเพศตรงข้ามอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนชาย ญาติ คนรู้จัก หรือใครก็ตาม ควรรู้จักรักนวลสงวนตัว ไม่ปล่อยให้ถูกลวนลามหรือเปิดโอกาสให้ใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามมากเกินไปจนขาดการระมัดระวังตนเอง
                   ๗.ควรฝึกทักษะการป้องกันตัวเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศต่างๆอย่างง่ายๆ เช่น ทักษะการปฏิเสธ ทักษะการตัดสินใจ ทักษะการป้องกันตัวเอง เป็นต้น
                   ๘.เมื่ออยู่ในสถานการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ต้องสามารถรู้จักควบคุมอารมณ์ฝึกฝนตนเองให้มีสติ สามารถเผชิญต่อปัญหา และหาทางแก้ไขอย่างรอบคอบ
เกร็ดน่ารู้   รู้ทันภัยก่อนโดนแอบถ่าย
                   ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆที่มักมีข่าวออกมาให้เห็นกันบ่อยๆว่ามีการใช้กล้องขนาดเล็กแอบถ่ายในห้องลองเสื้อสุภาพสตรี ห้องน้ำ หรือตามบันไดเลื่อน เป็นต้น ถือเป็นภัยใกล้ตัวที่ควรต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงควรรู้วิธีป้องกันตนเองให้ปลอดภัยและรู้ทันพวกโรคจิตที่ชอบอบถ่ายทั้งหลาย ด้วยวิธีป้องกันง่ายๆดังนี้
                   ใช้โทรศัพท์มือถือโทรออก ณ ช่วงเวลานั้น หากโทรแล้วไม่ติดหรือติดแล้วสัญญาณขาดหายทั้งๆที่เคลื่อนก็เต็มอยู่ แสดงว่าอาจมีกล้องซ่อนอยู่ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่าเคลื่อนของโทรศัพท์จะถูก
รบกวนโดยเคลื่อนของกล้องที่ส่งไปยังเครื่องรับ
                   วิธีตรวจสอบว่ากล้องติดตั้งอยู่ที่ไหน ปกติกล้องพวกนี้จะใช้รังสีอินฟราเรด ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่สามารถตรวจสอบได้ด้วยโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายรูปหรือวิดีโอ โดยเปิดระบบถ่ายรูปหรือวิดีโอของโทรศัพท์ไว้และส่องดูจุดที่สงสัยว่าติดตั้งหรือไม่ ถ้าในจอภาพมือถือมีจุดสีแดงเกิดขึ้น หมายความว่าในห้องนั้นอาจมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่
                   ซึ่งหากไม่แน่ใจว่าใช้ได้จริงหรือไม่อาจลองทดสอบกับรีโมทของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บ้านดูก็ได้ โดยลองนำมือถือเปิดระบบวิดีโอหรือถ่ายรูปไว้แล้วนำรีโมทของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดไหนก็ได้
กดรีโมทค้างไว้ นำมือถือส่องดูจะเห็นเป็นจุดสีแดงที่หัวรีโมท เพราะที่ตัวรีโมทก็ใช้รังสีอินฟราเรดเช่นเดียวกับกล้องวงจรปิด
                   อย่างไรก็ตามควรรู้ทันภัยก่อนโดยแอบถ่ายที่ดีที่สุด คือการระมัดระวังตนเอง ด้วยการคอยสังเกตอยู่เสมอว่ามีคนเข้ามาใกล้ตัวอย่างมีพิรุธหรือไม่ เช่น เดินตามในลักษณะของการเข้ามาประชิดตัว หรือถือถุงใส่ของที่มีท่าทางผิดปกติ ซึ่งในถุงอาจมีกล้องแอบซ่อนอยู่ก็ได้ หากเจอคนในลักษณะดังกล่าวให้คอยระมัดระวังตนเองให้ดีพยายามหลีกเหลี่ยงให้ห่างออกโดนเร็วที่สุด เพื่อให้ปลอดภัยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
๔.๔ เทคนิคการใช้อวัยวะและสิ่งของใกล้ตัวเป็นอาวุธ
                   การถูกล่วงละเมิดทาเพศ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่ทันได้ระมัดระวังตัว การมีสติ และทักษะในการป้องกันตัว จะช่วยให้นักเรียนสามารป้องกันตนเองให้รอดพ้นจาการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้อย่างปลอดภัย ซึ่งมีข้อแนะนำ ดังนี้
๑) เทคนิคการใช้อวัยวะ อวัยวะในร่างกายของคนเราสามารถใช้เป็นอาวุธในการป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้หลายอย่าง ได้แก่  .. มือ  สันมือ ฝ่ามือ หลังมือ และปลายนิ้ว
เท้า สันเท้า ปลายเท้า ฝ่าเท้า และหลังเท้า
                   เข่า
                   ศอก
                   ศีรษะ หน้าผาก กะโหลกศีรษะด้านหลัง
                   อวัยวะทั้ง ๕ นี้ จะใช้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน นอกจากนี้ หากถึงคราวคับขัน การใช้ปากหรือฟัน ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน  ผะวังอย่าให้คนร้ายเข้ามาประชิดตัวเกิน ๒ ก้าว จงตั้งสติ และหาโอกาสป้องกันตัว โดยการใช้เท้าถีบไปที่ขาคนร้ายบริเวณ
กระดูกขา ท่อนบน หัวเข่า หรือหน้าแข้ง เพื่อหยุดคนร้าย
                   ถ้าคนร้ายผลีผลามจะเข้ามาประชิดตัว ให้ป้องกันตัวเองโดยการใช้สันมือฟันไปที่ซอกคอหรือริมฝีปาก ดั้งจมูก คอ ไหปลาร้า กกหู หรือไม่ก็ใช้สันมือกระแทกยันคางให้คนร้ายหงายหลังแล้วฉวยโอกาสหลบหนี แล้วเรียกให้คนช่วย
                   เมื่อถูกคนร้ายจับมือขณะนั่ง เดิน หรือยืน ให้ใช้มือข้างที่เป็นอิสระจับนิ้วก้อยที่มือของคนร้ายข้างที่จับเราอยู่ แล้วหักกลับขึ้นอย่างแรงและเร็ว เพื่อคนร้ายจะได้ตกใจ และเกิดความเจ็บปวดจนต้องรีบปล่อยมือออก
เมื่อถูกคนร้ายจับมือทั้งสองข้างทางด้านหน้า ให้ดึงมือกลับ โดยบิดข้อมือ ให้ฝ่ามือหันเข้ากัน แล้วดึงมือเข้าหากัน เมื่อมือหลุดเป็นอิสระแล้ว ให้ตวัดมือข้างที่ถนัดขึ้นสูง แล้วใช้สันมือฟาดลงบนดั้งจมูกคนร้ายอย่างเต็มแรง จากนั้นให้เตะหน้าแข้งคนร้ายแรงๆแล้ววิ่งหนีให้เร็วที่สุด
                   อีกวิธีหนึ่ง คือ เบี่ยงตัวออกโดยหันหน้าเท้าที่ถนัดเข้าหาคนร้าย แล้วเตะหรือถีบหน้าแข้งคนร้าย หรือใช้สันเท้ากระแทกลงบนหัวเข่าของคนร้าย
เมื่อถูกคนร้ายจับมือทั้งสองข้างทางด้านหลัง ให้เกร็งข้อมือแล้วดึงไปข้างหน้า ขณะเดียวกันให้ใช้สายตาเหลียวดูเข่าของคนร้าย แล้วถีบไปที่หัวเข่าอย่างแรง และวิ่งหนีอย่างเร็ว
                   เมื่อถูกคนร้ายบีบคอทางด้านหน้า ให้เกร็งลำคอไว้และประสานมือยกขึ้น กระแทกมือคนร้ายให้ออกจากกัน พร้อมกระแทกส้นเท้าที่หน้าแข้งคนร้ายแรงๆหลายๆครั้ง
                   เมื่อคนร้ายปล่อยมือ ให้กระแทกส้นเท้าลงที่หัวเข่าคนร้ายอย่างแรงอีกครั้งเพื่อไม่ให้คนร้ายตั้งตัวได้ทัน แล้ววางหนีอย่างเร็ว ซึ่งคนร้ายอาจจะมีอาการเจ็บจนไม่สามารถตามเราได้ทันท่วงที และเราจึงจะไดรับความปลอดภัยจากการถูกทำร้ายหรือ
ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
                   เมื่อถูกคนร้ายกอดทางด้านหน้า ให้สอดแขนข้างที่ถนัดขึ้นมาแล้วใช้สันมือกระแทกใต้คางคนร้ายอย่างแรง พร้อมกับใช้เข่ากระแทกท้องน้อย หรือเป้ากางเกงคนร้ายซ้ำอีกครั้ง หรืออาจใช้นิ้วจิ้มตาคนร้าย แล้ววิ่งหนี
                   เมื่อถูกคนร้ายเข้ามากอดทางด้านหลัง
                   วิธีที่๑ ให้ใช้ฝ่ามือยันปลายคางคนร้ายให้เงยขึ้น แล้วใช้นิ้ว สันมือ หรือกำปั้น กระแทกไปที่ลูกกระเดือกโดยเร็ว หรืใช้กำปั้นทุบไปที่บริเวณดั้งจมูกคนร้าย
                   วิธีที่ ๒ ให้กระทุ้งศอกไปด้านหลังบริเวณลิ้นปี่หรือท้องน้อยคนร้าย หรือเบี่ยงตัวออกด้านหลังเล็กน้อย แล้วยกศอกกระแทกไปที่คางหรือคอของคนร้าย
                   ๒) เทคนิคการใช้สิ่งของใกล้ตัวเป็นอาวุธ นอกจากการใช้อวัยวะเพื่อป้องกันตัวแล้ว บางครั้งเราอาจหยิบฉวยสิ่งของที่มีอยู่ เช่น ของใช้ในกระเป๋า หวี ลูกกุญแจ ปากกา ดินสอ ร่ม รองเท้า ฯลฯ เป็นอาวุธได้อีกด้วย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
                   ๑.การใช้หวี โดยใช้ด้ามหวีแทงบริเวณใต้คาง หรือใช้หวีข่วนใบหน้าคนร้าย
                   ๒.การใช้กุญแจ โดยใช้กุญแจแทงบริเวณใต้ลูกกระเดือกหรือแทงเข้าที่ลูกตา
                   ๓.การใช้ปากกาหรือดินสอ โดยใช้ปากกาหรือดินสอทิ่มไปที่หลังมือของคนร้าย
                   ๔.การใช้ร่ม โดยการยืนถือร่มในท่าระมัดระวัง แล้วใช้ตัวร่มในท่าขวางกระแทกไปที่ลำคอคนร้าย หรืออาจใช้ปลายร่มแหลมๆแทงไปที่ลิ้นปี่ของคนร้าย
                   ๕.การใช้รองเท้า อาจทำโดยไม่ต้องถอดรองเท้าออก โดยการกะระยะและเล็งไปที่จุดอ่อนของคนร้าย เช่น เป้ากางเกง
ชายโครง ใบหน้า เป็นต้น แล้วยกเท้าขึ้นถีบอย่างแรงหรืออาจใช้วิธีถอดรองเท้า เพื่อใช้เป็นอาวุธในการตบ ตี โดยการใช้สันรองเท้ากระแทกไปที่จุดอ่อนต่างๆ 
                   ๖.การใช้ไม้กวาด อาจใช้โดยการใช้ด้ามไม้กวาดเป็นอาวุธสำหรับทิ่มแทงไปที่จุดอ่อน หรือโดยการจับไม้กวาดในมือกระแทกแขนทั้งสองข้างของคนร้าย พร้อมกับเตะ ถีบที่หัวเข่า แล้วเปลี่ยนเป็นยกไม้กวาดขึ้นกระแทกที่คอหอย
                   นอกจากตัวอย่างที่กล่าวมาแล้ว ของใช้ในบ้านหลายๆอย่างก็สามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้ เช่น มีด ไม้ กรรไกร ขวด ฯลฯ
๕. ทักษะปฏิเสธเพื่อป้องกันการถูกล่วงละเมิดทางเพศ
                   นอกจากจะต้องเรียนรู้ทักษะในการป้องกันตัวแล้ว การเรียนรู้ถึงทักษะในการปฏิเสธก็เป็นสิ่งสำคัญเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ทั้งนี้การรู้จักปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาจึงถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์เสี่ยงนั้นๆได้
                   การปฏิเสธ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสัมพันธภาพ และการสื่อสารด้วยความสามารถในการใช้คำพูด หรือท่าทาง โดยทุกคนมีสิทธิที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ตนไม่อยากทำหรือเสี่ยงต่อความปลอดภัยได้ ซึ่งการปฏิเสธที่ได้ผล คือ เราจะต้องมีความตั้งใจที่จะแสดง
ความรู้สึกให้อีกฝ่ายหนึ่งรับรู้อย่างชัดเจนทั้งคำพูดและการกระทำ ดังนี้
                   ๑.ตั้งสติ และตั้งใจที่จะปฏิเสธอย่างจริงจังทั้งท่าทาง คำพูด และน้ำเสียง เพื่อแสดงความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะขอปฏิเสธกับอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่ให้ความหวัง
                   ๒.ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายชายมีข้ออ้าง จนทำให้ฝ่ายหญิงจนมุมและใจอ่อนควรเลือกใช้ความรู้สึกที่ดีต่อกันมาเป็นเหตุผลประกอบ เพราะการใช้เหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกเพียงอย่างเดียวมักถูกโต้แย้งได้

กลับสู่ด้านบน เข้าสู่เนื้อหา