๑๒๙ ๒. การอนุมัติงบประมาณ (Budget Resolution) ไพศาล ชัยมงคล นโยบายงบประมาณแผ่นดิน มี ๓ ชนิด คือ ๒. นโยบายงบประมาณเกินดุล (Surplus Budget Policy) ได้แก่ งบประมาณ ซึ่งรายได้มีจำนวนสูงกว่ารายจ่าย
ซึ่งรายจ่ายมีจำนวนสูงกว่ารายได้ ๑. งบประมาณแบบแสดงรายการ (Line – Item Budget) เป็นงบประมาณ ควบคุมการใช้จ่ายเงินโดยส่วนกลางเป็นสำคัญ ๒. งบประมาณแบบแสดงแผนงานหรือแบบปฏิบัติการ (Program or เน้นในด้านการบริหารหรือการจัดการเป็นสำคัญ สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่นำมาใช้ ซึ่ง
งบประมาณชนิดนี้จะจำแนกรายจ่ายตามลักษณะงาน งบประมาณ (Planning – Programming – Budgeting System) เรียกย่อ ๆ ว่า PPBS เป็นงบประมาณที่เน้นในเรื่องการวางแผนเป็นสำคัญ โดยจะรวมเอาหน้าที่ทั้ง ๓ ประการ หมายเหตุ ส่วนงบประมาณแบบล่าสุดที่ประเทศไทยใช้ในปัจจุบัน ก็คือ ๑๓ ไพศาล ชัยมงคล, งบประมาณแผ่นดิน
: ทฤษฎีและปฏิบัติ, (กรุงเทพมหานคร : บริษัท ๑๓๐ Budget : SPBB) ซึ่งการจัดทำงบประมาณแบบนี้จะเน้นความรับผิดชอบของผู้เกี่ยวข้อง ๓ หลักเกณฑ์สำคัญในการจัดสรรงบประมาณ ป๋วย อึ้งภากรณ์ ได้เสนอหลักเกณฑ์สำคัญในการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน ๑. หลักคาดการณ์ไกล (Foresight) ๒. หลักประชาธิปไตย (Democracy) ๔.
หลักสารัตถประโยชน์ (Utility) ๖. หลักประสิทธิภาพ (Efficiency) ๖.๘ การใช้จ่ายของรัฐบาล (Government Expenditures) พูนศรี สงวนชีพ การใช้จ่ายของรัฐบาล อาจแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ บริการด้านสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา เป็นต้น ๒. การใช้จ่ายในทางที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจในระยะยาว ๓. การใช้จ่ายไปในด้านที่จะทำให้รายได้ประชาชาติ และรายได้จากภาษีเงินได้ ประชาชน เช่น สวนสาธารณะ เป็นต้น ๑๔ ป๋วย อึ้งภากรณ์, เศรษฐกิจแห่งประเทศไทย, (กรุงเทพมหานคร : บริษัท ประมวลมิตร ๑๕ พูนศรี สงวนชีพ, การบริหารรัฐกิจเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ ๙. (กรุงเทพมหานคร : ๑๓๑ ๔.
การใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดผลผลิตขึ้นมา เช่น การใช้จ่ายไปในด้านการป้องกัน ๕. การใช้จ่ายไปในด้านการให้ความช่วยเหลือแก่คนบางกลุ่มของสังคม เพอ ๖.๙ นโยบายการคลัง (Fiscal Policy) ๑๖ ผลในด้านที่จะช่วยรักษาเสถียรภาพและความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศ นโยบายการคลัง หมายถึง นโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการหารายได้และใช้ การใช้นโยบายการคลังและการเงินแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การใช้นโยบายการคลังและการเงินในการแก้ปัญหาเงินฝืด เงินเฟ้อ และการ ๑. ภาวะเงินฝืด (Deflation) หมายถึง ภาวะที่อุปสงค์ด้านสินค้าและบริการ ระดับสินค้าโดยทั่วไปลดลงอย่างรวดเร็วหรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สินค้า ล้นตลาด ประชาชนว่างงาน ๑) การใช้นโยบายการคลัง ได้แก่ การเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาล การใช้ ๑๖ อรัญ ธรรมโน, ความรู้ทั่วไปทางการคลัง, (กรุงเทพมหานคร : บรัษัท บพิธ จำกัด, ๒๕๔๘), หน้า ๒๖. ๑๓๒ ๒) การใช้นโยบายการเงิน ได้แก่
การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก การ คืนจากประชาชน ๒. ภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการ หลายประการ ได้แก่ อุปสงค์ด้านสินค้าและบริการมากกว่าอุปทานด้านสินค้าและบริการ หรือต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น ๑)
กรณีเงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ด้านสินค้าและบริการมากกว่าสินค้าและ (๑) การใช้นโยบายการคลัง ได้แก่ การลดการใช้จ่ายของรัฐบาล การใช้ (๒) การใช้นโยบายการเงิน ได้แก่ การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก การเพิ่มอัตราเงินสดสำรอง การเพิ่มอัตราการรับช่วงซื้อลดตั๋วเงิน การขายพันธบัตรหรือ ๒) กรณีเงินเฟ้อที่เกิดจากต้นทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้าและบริการสูงขึ้น (๑) การใช้นโยบายการคลัง ได้แก่
การลดอัตราภาษีอากรสำหรับวัตถุดิบ (๒) การใช้นโยบายการเงิน ได้แก่ การจัดหาแหล่งเงินกู้ให้เอกชนในอัตรา ดอกเบี้ยต่ำ การควบคุมธนาคารพาณิชย์ไม่ให้ปล่อยกู้เพื่อใช้ในการกักตุนสินค้า การลด ๓. การว่างงาน (Unemployment) หมายถึง ภาวการณ์ที่บุคคลในวัยแรงงาน เหมาะสมไม่ได้ การแก้ปัญหาการว่างงานจะต้องใช้นโยบายดังต่อไปนี้ ประกันการว่างงาน การจ่ายเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือ การลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ๑๓๓ (เช่น การสร้างถนน การสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย) การลดอัตราภาษีอากร ธรรมดา) ๒) นโยบายการเงิน
รัฐบาลควรใช้มาตรการทางการเงินเพื่อเพิ่มปริมาณเงิน ประเทศสูงขึ้น การผลิต การจ้างงานเกิดการขยายตัว ๖.๑๐ สรุป การบริหารการคลังสาธารณะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินหรือ การบริหารงานของกระทรวง กรมต่างๆของรัฐบาลในเรื่องเกี่ยวกับรายได้กับรายจ่ายของ ประเทศ รวมทั้งการงบประมาณแผ่นดินเป็นแผนงานทางการคลังของรัฐบาลจะกำหนด ขอบเขตครอบคลุมนโยบายในหลาย ๆ ด้าน เช่น นโยบายการเงิน นโยบายการคลัง จำแนกได้เป็น ๓ นโยบายใหญ่ๆ คือ ๑. นโยบายการเงิน เป็นนโยบายที่เกี่ยวกับการกำหนดและควบคุมปริมาณเงิน ประเทศ ซึ่งรัฐบาลของประเทศต่าง ๆ จะดำเนินนโยบายการเงินผ่านทางธนาคารกลาง แนวทางในการดำเนินนโยบายทางการเงิน มีแนวทางหลักๆ อยู่ ๒
แนวทาง คือ อัตราเงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น สินเชื่อ เป็นต้น หน่วยงานหลักที่มีอำนาจหน้าที่และดูแลรับผิดชอบการบริหารงานคลังด้าน ๑๓๔ ๒. นโยบายเศรษฐกิจ เป็นนโยบายที่รัฐบาลกำหนดขึ้นเพื่อสร้างความ เสรีภาพทางเศรษฐกิจ และเพื่อรักษาความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ ๓. นโยบายการคลัง แบ่งออกเป็น ๒ ภาค คือ การออกพันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น ๒) ภาครายจ่าย จะเป็นเรื่องของงบประมาณแผ่นดิน หรือแผนการใช้เงินซึ่ง ที่ต้องการใช้ โดยมีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินงานด้วย รายจ่าย คือ สำนักงบประมาณ ส่วนหน่วยงานหลักที่มีอำนาจหน้าที่และดูแลรับผิดชอบการ ๑๓๓ บทที่ ๗ การกระจายอำนาจทางการคลัง จากการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๔๐ ได้บัญญัติ เรื่องการกระจายอำนาจในหมวดว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น ผลจากการนี้ทำให้รัฐ คือการกำหนดให้มีกฎหมายกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจซึ่งผลที่เกิดขึ้นจาก การมีกฎหมายฉบับนี้คือทำให้หลังปี พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นต้นมา รายได้ขององค์กรปกครอง ถึงแม้ในแง่ของรายได้รวมจะให้ภาพออกมาดี แต่เมื่อพิจารณาในแง่สัมพัทธ์แล้วกลับพบว่า โครงสร้างรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างมาก
นอกจากนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังมีข้อจำกัดในการให้บริการสาธารณะ ข้อจำกัดในด้านทรัพยากรที่มีอยู่ ดังนั้นกระบวนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นจึงจำเป็นต้องจัดกลไกความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น ทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์จากการทำงานซ้ำซ้อนซึ่งกันและกัน รวมถึงเพื่อเสริมสร้าง
ความเข้มแข็งให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายหลังเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ทางการคลังให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ถูกบัญญัติให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นใน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ยังกำหนดให้ต้องมีการตรากฎหมายรายได้ท้องถิ่นเพอ ๑๓๔ มีหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมตามลักษณะของภาษีแต่ละชนิด การจัดสรรทรัพยากรในภาครัฐ ๗.๑ การคลังท้องถิ่น ให้กับประชาชนในท้องถิ่นที่เป็นลักษณะการบริหารและการปกครองตนเอง โดยการบริหาร ราชการส่วนกลางจะเป็นผู้กำหนดว่ารายได้ว่าประเภทใดที่ให้อยู่ในความรับผิดชอบของการ ส่วนกลางผ่านการกำหนดในรูปแบบในการจัดเก็บตามกฎหมาย ทั้งที่เป็นพระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกากฎกระทรวง ประกาศกระทรวง รวมทั้งระเบียบและข้อบังคับต่างๆ และ ประการในการบริหารงาน เช่น ปัจจัยด้านเศรษฐกิจของประเทศ ฐานะทางการคลังของรัฐ ความพร้อมของท้องถิ่น การเรียกร้องของท้องถิ่นและที่สำคัญ คือ ปัจจัยทางด้านการเมืองมี ิ่ ละเอียดเนื่องจากระบบการคลังของประเทศต่างๆ มักมีความซับซ้อนไม่ว่าด้านการจัดเก็บ เป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งในระดับมหภาคและจุลภาค กล่าวได้ว่า การคลัง ประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม และน้ามาซึ่งการกระจายความเจริญและ ความมั่งคั่งสู่ภูมิภาคต่างๆอย่างเท่าเทียม และเสมอภาคกัน ซึ่งบทบาทการบริหารงานคลัง ๑ ธนพร โรจนวุฒิธรรม, “การพัฒนาการบริหารงานด้านการคลังขององค์กรปกครองส่วน ทองถิ่นในเขตพื้นที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่”, วิทยานิพนธ์รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต ๑๓๕ ท้องถิ่นนั้นการบริหารงานเพื่อให้เกิดความเสมอภาคและสามารถตอบสนองต่อความ การคลังท้องถิ่น ถือว่าเป็นเครื่องมือ หรือกระบวนการการจัดการที่สำคัญ ซึ่งเป็นกลไกของการบริหารงาน เพื่อมุ่งไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยการปกครอง Administration) ซึ่งครอบคลุมเกี่ยวกับการจัดหารายได้ การกำหนดรายจ่าย ซึ่งการ กระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลักการปกครองตนเองที่กำหนดไว้ใน ตนเองให้มากที่สุด โดยการจัดเก็บภาษีท้องถิ่นตามที่กฎหมายกำหนดให้เต็มความสามารถ เข้าไปให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการบริหารงานในด้านต่างๆ เช่น การให้เงินอุดหนุนตาม จ้าง การบัญชี และการตรวจสอบบัญชี ซึ่งการบริหารงานคลังท้องถิ่นนั้น เพื่อจัดสรร งบประมาณเพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้าที่เกิดขึ้นจากการใช้งบประมาณการบริหาร ทำงานและเพื่อจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาท้องถิ่นของตนเองได้อย่างเพียงพอกับความ ๒ ๗.๒ การพัฒนาศักยภาพการคลังท้องถิ่น การที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถูกคาดหวังให้การจัดบริการสาธารณะต่างๆ พัฒนาขีดความสามารถด้านคลังของท้องถิ่นย่อมเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้นำไปสู่การเกิดขึ้น ๒ จรัส สุวรรณมาลา และคณะ. “บทสังเคราะห์นวัตกรรมท้องถิ่นไทย ประจำปี พ.ศ. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ( สกว.) ณ ศูนย์การประชุมไบเทค ๑๓๖
ของนวัตกรรมในด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้นในวงกว้าง และยังช่วยลดแรงกดดันทางการคลังและลด ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลในแต่ละปี สิ่งเหล่านี้ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนประการหนึ่งที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่รับผิดชอบควรรีบดำเนินการ จากนวัตกรรม ส่วนท้องถิ่นสามารถกระทำได้ใน ๓ ลักษณะที่สำคัญ ประการแรกคือ การขอรับเงินอุดหนุน
หรือเงินสนับสนุนจากภายนอก ประการที่สองคือ การพัฒนาการบริหารจัดเก็บภาษีท้องถิ่น เกิดความคุ้มค่าของการใช้เงินงบประมาณ ขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้มีทรัพยากรเพียงพอสำหรับการดำเนิน จากองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศ หรือจากการขอรับบริจาคทั่วไป ฯลฯ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าวิธีระดมทุนเช่นนี้จะทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีทรัพยากร และไม่ยั่งยืน บ่อยครั้ง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจได้รับทรัพยากรโดยอาศัยการรู้จัก หรือความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่มีข้อจ้ากัดในการประยุกต์ใช้กับองค์กร เลือกใช้เพื่อลดข้อจ้ากัดจากการระดมทรัพยากรด้วยวิธีการแรกก็คือการพัฒนา ประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดเก็บภาษีท้องถิ่น วิธีการที่สองนี้คือการปรับปรุง ความรู้ความเข้าใจเรื่องภาษีแก่ประชาชน (Tax Education) โดยการชี้แจงทำความเข้าใจ ื่ ของประชาชนในการเสียภาษีอากร (Tax Compliance) และนำไปสู่การจัดเก็บภาษี ๑๓๗ ท้องถิ่นได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้แล้ว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ้านวนหนึ่งได้พัฒนาระบบ ภาษี (Tax Map) เพื่อใช้สำหรับการวางแผนและการติดตามผลสำเร็จของการจัดเก็บภาษี ท้องถิ่นในการจัดทำฐานข้อมูลและแผนที่ภาษีดังกล่าวอาจดำเนินการโดยบุคลากรของ ิ
ให้มีระบบการจัดเก็บภาษีร่วมกับชุมชน (Tax Farming) โดยกำหนดให้ผู้นำชุมชน เช่น ส่วนท้องถิ่นตามอัตราภาษีและเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย จากนั้น นำส่งภาษีที่จัดเก็บ หรือเกินกว่าเป้าหมายที่ประมาณการไว้ ก็จะมีการจัดสรรเงินภาษีที่จัดเก็บได้บางส่วนคืน
ให้แก่ชุมชนเพื่อใช้สำหรับการดำเนินกิจกรรมของชุมชนหรือหมู่บ้านนั้นต่อไป (ดังกรณี ภาษีท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน อีกทั้งเป็นการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนพอสมควร บทเรียนจากนวัตกรรมด้านการจัดเก็บรายได้ของท้องถิ่นอีกลักษณะหนึ่งได้แก่ การวาง เฉพาะ การจัดเก็บรายได้เช่นนี้เปรียบเสมือนกันการจัดเก็บภาษีประเภท Earmarked Tax ยกตัวอย่างเช่น นวัตกรรมในการจัดการป่าชุมชนขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองห้าง แน่นอน อีกทั้งมีการกำหนดเงินค่าปรับสำหรับผู้ที่ปฏิบัติฝ่าฝืนกฎชุมชนเงินค่าธรรมเนียมที่ ค่าธรรมเนียมที่มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปใช้จ่ายเฉพาะด้านเช่นนี้นอกจากจะช่วยลด
ภาระค่าใช้จ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องที่ไม่ต้องใช้เงินงบประมาณประจ้าปีในการ อนุรักษ์ป่าชุมชนไปพร้อมกัน กล่าวคือค่าธรรมเนียมที่จัดเก็บจะช่วยควบคุมมิให้ปริมาณ ๑๓๘ ความต้องการในการเก็บของป่า (Demand) มีมากเกินไปจนทำลายความอุดมสมบูรณ์ของ ช่วยลดภาระรายจ่ายลงได้ตามแนวคิดการจัดการภาครัฐสมัยใหม่ (New Public Management: NPM) นวัตกรรมกลุ่มหนึ่งที่ได้ศึกษาพบว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ เช่น การจ้างเหมาเอกชนในการจัดเก็บขยะขององค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง การจ้าง ตำบลราชาเทวะ ฯลฯ เป็นต้น นวัตกรรมในลักษณะนี้นอกจากจะพิสูจน์ถึงผลสำเร็จของ ปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ยังช่วยเพิ่มคุณภาพของการให้บริการสาธารณะได้พร้อมกัน ดังนั้น การพฒนาศักยภาพทางการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงเป็น การจัดสรรสัดส่วนรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามบทบัญญัติมาตรา ๓๐ (๔) แห่งพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ พ.ศ.๒๕๔๒ ยังไม่มีความ กลาง การเรียนรู้และการประยุกต์ใช้มาตรการในการพัฒนาศักยภาพทางการคลังจาก ๓ จรัส สุวรรณมาลา, “ความสามารถในการพึ่งตัวเองทางการคลังของเทศบาล” รายงาน การวิจัย, (กรุงเทพมหานคร : ศูนย์วิจัย คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๒๙), หน้า ๔๓. ๑๓๙ ๗.๓ การกระจายอำนาจทางการคลัง ในการส่งเสริมการกระจายอำนาจทางการคลังให้แก่องค์กรปกครองส่วน ่ ๔ การบริหาร การบริหารงานบุคคล และการเงินการคลัง และได้กำหนดให้มีกฎหมายกำหนด แผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจโดยมีเจตนารมณ์ที่สำคัญในการผลักดันให้ อปท. มี อปท. และระหว่าง อปท. ด้วยกัน พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร การคลังท้องถิ่น อาทิ การกำหนดให้มีการจัดสรรสัดส่วนภาษีอากรให้แก่ อปท. (หมวด ๓ ปกครองส่วนท้องถิ่น ทำหน้าที่จัดแบ่งอำนาจหน้าที่ระหว่างรัฐและ อปท. และระหว่าง อปท. ด้วยกัน และมีหน้าที่กำหนดมาตรการด้านการเงินการคลังการงบประมาณ และการ แผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๔๓ กำหนด ท้องถิ่น อาทิ การส่งเสริมความเป็นอิสระของ อปท. ในด้านการเงินการคลัง การกำหนด เป้าหมายว่าการจัดสรรภาษีอากร เงินอุดหนุนและรายได้อื่นๆ ให้แก่ อปท. จะต้องเพิ่มขึ้น ๔ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์, การประเมินการบริหารการคลังท้องถิ่นตาม
หลักการการคลังท้องถิ่นที่พึงประสงค์, (กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๗), หน้า ๑๔๐ และสอดคล้องกับภารกิจหน้าที่ของ อปท. โดยมีสัดส่วนรายได้ของ อปท. ต่อรายได้สุทธิ น้อยกว่าร้อยละ ๓๕ ภายในปีงบประมาณ ๒๕๔๙ และถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐใน การเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังให้แก่ อปท. ให้เพียง ทั้งนี้ เป้าหมายที่สำคัญประการหนึ่งในการกระจายอำนาจทางการคลังให้แก่ อปท. คือการส่งเสริมให้ อปท. มีรายได้ที่จัดเก็บเองในสัดส่วนที่สูงขึ้น ตามลำดับ เพื่อให้ ท้องถิ่น ปรับปรุงอัตราภาษี การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดเก็บภาษีท้องถิ่น การ อุดหนุนจากรัฐบาลมีสัดส่วนที่น้อยลงตามลำดับ และรัฐจะต้องดำเนินการทบทวนมาตรการ และแนวทางการจัดสรรรายได้ให้แก่ อปท. อย่างสม่ำเสมอ (ข้อ ๖.๒ ของแผนการกระจาย บริหารการเงินการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปสู่การดำเนินงานและการ จัดบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนได้อย่างคุ้มค่า แผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ข้อมูลท้องถิ่น ระบบงบประมาณ ระบบบัญชี และระบบการตรวจสอบประเมินผลการ ปฏิบัติงานของ อปท. อย่างต่อเนื่อง อาทิ การพัฒนาระบบการวางแผนยุทธศาสตร์ การ บัญชีเกณฑ์พึงรับพึงจ่าย ระบบข้อมูลรายได้และรายจ่ายของ อปท. และตัวชี้วัด อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๔๓) แผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๔๒ กำหนดให้มีกลไก ๑๔๑ สนับสนุนการถ่ายโอนภารกิจและการกระจายอำนาจทางการคลังให้แก่ อปท. อาทิ การจัด สนับสนุนการถ่ายโอนงบประมาณไปสู่ อปท. เป็นต้น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๕๐ ยังคงสนับสนุน บริหารงานของ อปท. เป็นอิสระ ได้รับการกำกับดูแลเท่าที่จำเป็น และต้องได้รับการ ส่งเสริมให้มีขีดความสามารถด้านการเงินการคลังอย่างเพียงพอต่อการดำเนินงานและการ รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวยังได้กำหนดให้รัฐตรากฎหมายกำหนดแผนและขั้นตอนการ
ท้องถิ่น เพื่อกำหนดประเภทรายได้และอำนาจทางภาษีอากรของ อปท. ตามเหมาะสมกับ แผนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๕๑) ได้กำหนด ยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ๓ ประการในการผลักดันการกระจายอำนาจ ได้แก่ (ก) การสร้าง ส่วนร่วมของประชาชน และ (ค) การเพิ่มขีดความสามารถทางด้านการคลังและการบริการ จัดการให้แก่ อปท. ทั้งนี้ แผนการกระจายอำนาจฯฉบับที่ ๒
ยังได้กำหนดเป้าหมายให้ ทางการคลังได้ในระยะยาวในระดับที่สามารถจัดบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนได้อย่างมี คุณภาพและมาตรฐานที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังได้กำหนดแนวทางในการพัฒนาหลักเกณฑ์ ประเภทใหม่ๆ การปรับปรุงโครงสร้างรายได้ท้องถิ่นและหลักเกณฑ์การจัดสรรรายได้ กำหนดมาตรการลดความไม่เสมอภาคทางการคลังระหว่าง อปท. ส่งเสริมการรักษาวินัย ทางการคลัง และการพัฒนามาตรฐานทางการเงิน การบัญชี การพัสดุ การรายงานข้อมูล ๑๔๒ การกำหนดแนวนโยบาย เป้าหมาย และมาตรการดำเนินการหลายประการเพอ การดำเนินการหลายส่วนตามแผนงานมีความก้าวหนำไปพอสมควร แต่ในภาพรวมผลการ กระจายอำนาจทางการคลังยังไม่ก้าวหน้ามากนัก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับ รัฐธรรมนูญและกฎหมายกำหนดแผนและและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ๗.๔ แนวคิดการกระจายอำนาจทางการคลัง นักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญของแนวคิดการกระจายอำนาจทางการคลัง คือ Charles Tiebout ที่นำเสนอให้เห็นถึงข้อดีของการกระจายอำนาจทางการคลังว่าสามารถ เช่นเดียวกับ Oates ที่สนับสนุนให้การกระจายอำนาจนั้นควรเริ่มจากองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นที่มีขนาดการปกครองที่เล็กที่สุดที่สามารถพิจารณาได้จากมิติทางเศรษฐศาสตร์ใน เศรษฐกิจและมิติทางรัฐศาสตร์ในแง่ของความเป็นเจ้าของและการพึ่งตนเองมีอิสระในการ ในมุมมองของผู้วิจัย การกระจายอำนาจทางการคลัง (Fiscal Decentralization)
จึงหมายถึง การให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่ง การใช้จ่ายงบประมาณและการตรวจสอบตามกระบวนการของท้องถิ่น เพื่อลดการกำกับ คลังจะมีการดำเนินการพร้อมกับการกระจายอำนาจการบริหารและปกครอง ซึ่งอาจกล่าว ได้ว่าการกระจายอำนาจทางการคลัง คือ การที่รัฐบาลกลางมอบอำนาจการตัดสินใจ เนื่องจากผู้บริหารท้องถิ่นเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ โดยได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ในท้องถิ่น ให้สามารถกำหนดนโยบายเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนใน ๑๔๓ ระบอบการปกครองที่มีการกระจายอำนาจทางการคลังและอำนาจการปกครองสู่รัฐบาล ๕ กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นหรือรัฐบาลส่วนท้องถิ่นจะทำ หน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นได้ดีจะต้องมีอำนาจ ท้องถิ่น และอีกส่วนหนึ่งมาจากเงินโอนจากรัฐบาลกลาง มีใจความสำคัญที่ลักษณะต้นทุนคงที่ (Constant Returns to Scale) และหากดำเนินการ การผลิตโดยหน่วยงานราชการส่วนกลาง โดยมีเหตุผล ที่ว่า สามารถตอบสนองความ
ต้องการของท้องถิ่นและความคล่องตัวในการให้บิการในพื้นที่ที่รับผิดชอบ การจัดบริการจึง ประโยชน์ต่อสังคม หรือโครงการที่จำเป็นสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย เช่น การให้เงินชดเชย อำนาจอำนาจทางการคลังให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการมีอำนาจในการจัดเก็บ ภาษีได้เอง และนำเงินมาบริหารองค์กรของตนเองได้ด้วยตนเอง โดยภาครัฐเป็นผู้กำกับ เพียงพอนั้น รัฐจะนำเงินมาอุดหนุนให้กับแต่ละท้องถิ่นในการบริหารงานในด้านต่างๆ ๕ ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ และคณะ, การคลังท้องถิ่น : การขยายฐานรายได้และลดความ ๖ ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์, การคลังท้องถิ่น รวมบทความวิจัยเพื่อเพิ่มพลังให้ท้องถิ่น, พิมพ ์ ๑๔๔ ๗ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเท่านั้น เพราะการเพิ่มศักยภาพทางรายได้เป็นเพียง องค์ประกอบสำคัญหนึ่งของการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องคำนึง กระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาพรวมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการกำหนด ภารกิจและอำนาจหน้าที่ ความสัมพันธ์ทางการเงินการคลัง การกำกับดูแล และอำนาจการ ประชาชนของตนเองให้มากที่สุด ภายใต้รูปแบบการกระจายอำนาจทางการคลังให้แก่ ปกครองส่วนท้องถิ่นมีขนาดรายรับที่เหมาะสมกับการทำหน้าที่ของตนเอง และสามารถ ประเภทรายรับระหว่างรัฐบาลและองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถระบุได้เป็น ๓ หลักการใหญ่ ได้แก ่ (Finance Follow Functions)” เป็นการสะท้อนความคิดที่ว่าการกำหนดแหล่งรายรับ ต้องตามหลังการรู้ชัดเจนในอำนาจหน้าที่ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอยู่ เพราะบริการ นำมาใช้สนับสนุนการให้บริการที่แตกต่างกันได้แนวคิดนี้จึงเป็นหลักพื้นฐานในการกำหนด อำนาจหน้าที่ในการหารายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วไปที่ครอบคลุมถึงกรณี จัดแบ่งอำนาจทางรายได้ระหว่างรัฐบาลกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ใช่เพียงเรื่องของ ประเภทของแหล่งรายได้แต่ละชนิดยังอาจทำหน้าที่ในการแสดงถึงขนาดความต้องการ ๗ สกนธ์ วรัญญูวัฒนา, การบริหารการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ๑๔๕ บริการสาธารณะที่แท้จริงของประชาชนในท้องถิ่น รวมทั้งเป็นเครื่องมือกำกับการทำหน้าที่ ๒. รายรับขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ควรที่จะอยู่บนฐานของการเป็น ปัจจัยการผลิตหรือเป็นการจัดเก็บที่ทำให้เกิดการบิดเบือนของการใช้ทรัพยากรในระบบ ปุ๋ยเพื่อใช้ในการผลิตทางการเกษตรรายได้ของแรงงาน เป็นต้น เพราะหากมีการจัดเก็บ รายได้จากปัจจัยการผลิตเหล่านี้แล้วนอกจากจะทำให้เกิดการบิดเบือนการใช้ปัจจัยการ ท้องถิ่นจัดเก็บนั้นออกไปยังผู้ใช้หรือผู้บริโภคผลผลิตนั้นๆ ที่อาจอยู่นอกเขตพื้นที่ของ จะกำหนดให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีขนาดเล็กที่สุดให้มากที่สุด แต่หากการมอบ อำนาจดังกล่าวก่อให้เกิดผลการบิดเบือนหรือส่งผลทางลบต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ศักยภาพในการจัดการที่ดีกว่าทำหน้าที่แทนได้ อย่างไรก็ตามในส่วนของการกระจาย ๙ ๘ สกนธ์ วรัญญูวัฒนา, การกระจายอำนาจการคลังสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แนวคิดและการปฏิบัติกรณีศึกษาประเทศไทย, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์ ท้าทาย, (กรุงเทพมหานคร : คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์, ๑๔๖ ระดับรายจ่ายโดยเฉลี่ยต่อประชากรเพิ่มขึ้นราวร้อยละ ๑๗ (Real Term) ในช่วงระยะเวลา ราวๆ ร้อยละ ๗๐ ในการนี้ รัฐบาล County ในชุมชนเมืองขนาดใหญ่ดำเนินมาตรการลด Revenue) เช่น รายได้จากค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการ ฯลฯ เป็นต้น จากข้อค้นพบข้างต้น สรุปได้ว่าการกระจายอำนาจทางการคลังที่มีประสิทธิภาพย่อมช่วยลดช่องว่างทางการคลัง ๑๐ ๗.๖ ความหมายของการกระจายอำนาจทางการคลังและการบริหารการคลัง ท้องถิ่น เพื่อให้ทราบถึงความหมายของการกระจายอำนาจทางการคลังและการบริหาร ๑๑ สำหรับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นการโอนความรับผิดชอบในการตัดสินใจด้านการเงิน จากส่วนกลางสู่ท้องถิ่นจึงมีความจำเป็นอย่างมาก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องมีอำนาจ จัดเก็บภาษีในท้องถิ่นและเงินอุดหนุนของรัฐบาลกลางซึ่งลักษณะสำคัญของการกระจาย ๑๐ Wagner, Richard E, Public finance, (Canada : Little, Brown & Company ๑๑ พรชัย
ลิขิตธรรมโรจน์, การคลังรัฐบาลและการคลังท้องถิ่น, (กรุงเทพมหานคร : โอน ๑๔๗ ๑. บริการสาธารณะที่ให้กับท้องถิ่นใด จะต้องจัดเก็บเงินจากประชาชนใน ๒. ผู้ใช้บริการท้องถิ่น อาจจะต้องจ่ายค่าบริการบางส่วน โดยประชาชนใน ท้องถิ่นอาจร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผลิตบริการสาธารณะได้ ที่ดินภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีป้ายและอากรฆ่าสัตว์ได้ ๔.
มีการโอนรายได้จากรัฐบาลกลางสำหรับการใช้จ่ายบางอย่างหรือการใช้จ่าย ๕. อนุญาตให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกู้ยืมเงินได้ตามความเหมาะสม โอนไปให้ท้องถิ่นมากเพียงใดก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าการกระจายอำนาจมีมากเพียงนั้นตรง ข้ามหากมิได้กระจายอำนาจทางภาษีให้ ก็แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังสงวนอำนาจไว้อยู่ ทั้งนี้ ตัวเองมาก มีความเป็นอิสระในการตัดสินใจใช้เงินไปในกิจกรรมใดๆได้มากกว่าการใช้เงิน ช่วยเหลือจากส่วนกลาง การจัดหารายได้ไปให้นั้นเอง ๒.
ฐานะทางการคลังท้องถิ่นย่อมบ่งบอกถึงความเข้มแขงของท้องถิ่น กล่าวคือ น่าเชื่อถือทางการเงินมากอีกด้วย ตรงกันข้ามหากท้องถิ่นใดฐานะทางการคลังท้องถิ่นไม่ดี ๑๒ อุดม ทุมโฆสิต, การปกครองท้องถิ่นสมัยใหม่ : บทเรียนจากประเทศพัฒนาแล้ว, ๑๔๘ ๓.
ประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการทำงานของ ี่ ๔. รายได้ของท้องถิ่นต่อหัวย่อมบ่งชี้ถึงความมั่งคั่งของท้องถิ่น ดังนั้นท้องถิ่นที่
มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงย่อมบ่งบอกได้ว่าประชาชนในท้องถิ่นนั้นมีรายได้มากมีทรัพย์สินมาก ๕. อัตราเพิ่มของรายได้ท้องถิ่นในแต่ละรอบปี แสดงให้เห็นถึงอัตราความมั่งคั่ง บริหารงานธุรกิจและเศรษฐกิจได้ผลดี เป็นต้น ดังนั้น การบริหารงานคลังท้องถิ่นจึงถือเป็น ๑๓ อิสระตามกรอบที่กำหนด ๒. สร้างความรับผิดชอบทางการคลังท้องถิ่นให้เกิดขึ้นกับท้องถิ่น ๔. ท้องถิ่นสามารถกำหนดการใช้จ่ายทั้งขนาดและประเภทได้ด้วยตัวเอง ๕. ท้องถิ่นกำหนดและจัดทำงบประมาณได้ด้วยตัวเอง
การคลังท้องถิ่นดังนี้ การคลังท้องถิ่นเป็นเครื่องมือหรือกระบวนการในการบริหารงานของ กระจายอำนาจทางการคลังท้องถิ่นการบริหารการคลังท้องถิ่น (Financial ๑๓ สกนธ์ วรัญญูวัฒนา, การบริหารการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, ๑๔๙ Administration) อันรวมไปถึงรายได้ การกำหนดรายจ่ายการจัดหางบประมาณ การจัดซื้อ ดังนั้น การคลังท้องถิ่น จึงหมายถึง การบริหารการคลังท้องถิ่นขององค์การ ปกครองท้องถิ่นอันประกอบด้วย การจัดหารายได้ การกำหนดรายจ่าย การจัดทำ โดยกระบวนการงบประมาณของท้องถิ่นจะเป็นตัวกลางในการเชื่อมความสัมพันธ์ของ แหล่งที่มาของรายรับกับรูปแบบการใช้จ่ายของแต่ละหน่วยขององค์กรปกครองท้องถิ่น ๔.๗ ความสัมพันธ์ระหว่างการกระจายอำนาจทางการคลังกับการจัดสรรและ การกระจายสินค้าและบริการสาธารณะ โดยนักวิชาการได้วางหลักการความสัมพันธ์ระหว่างการกระจายอำนาจ ทางการคลังกับการจัดสรรและการกระจายสินค้าและบริการสาธารณะ ไว้ดังนี้ การคลังท้องถิ่นหน่วยการปกครองท้องถิ่นควรมีอิสระในการจัดสรรและกระจายสินค้าและ ค่าบริการโดยตรงแก่ผู้ที่ได้รับประโยชน์หรือผู้ใช้บริการ แต่ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ๑. อาณาเขตของท้องถิ่นที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร เพื่อให้ท้องถิ่นสามารถ ประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่นนั้นได้ ๑๔ ไพรัช ตระการศิรินนท์, การคลังภาครัฐ, พิมพ์ครั้งที่ ๓, (กรุงเทพมหานคร : เอ็น ๑๕๐ ๒. ความแตกต่างของประชาชนในด้านรายได้และรสนิยม เช่น ถ้าประชาชนมี นำไปสู่ความขัดแย้งหรือการแบ่งแยกชนชั้นในสังคมได้ ๓. อาณาเขตของท้องถิ่นแต่ละแห่งควรจะได้รับสินค้าและบริการสาธารณะใน บริการสาธารณะในท้องถิ่นนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุดและในกรณีที่กำหนดให้สินค้าและ บริการสาธารณะมีระดับคงที่ท้องถิ่นจะดำเนินการอย่างไร เพื่อทำให้การประหยัดค่าใช้จ่าย คั่งส่วนเพิ่มต่อหัว (Marginal per Capita Crowding Cost) อยู่เสมอ
ผลกระทบภายนอกต่อท้องถิ่นอื่น โดยที่ท้องถิ่นผู้ผลิตไม่ได้นำเข้ามาพิจารณาประกอบใน รองรับให้มีการเรียกใช้ค่าเสียหายหรือเรียกค่าตอบแทนจากผลประโยชน์ที่ได้รับ ด้วยเหตุนี้ ั ในด้านความแตกต่างของการคลังท้องถิ่นและการคลังท้องถิ่นของส่วนกลาง
นอกจากจะมีความแตกต่างในด้านขนาดของหน่วยงานและขอบเขตความรับผิดชอบแล้วยัง ท้องถิ่นส่วนกลางกล่าวคือวัตถุประสงค์สำคัญของการคลังท้องถิ่น ได้แก ่ ๑. การจัดหารายได้ของหน่วยงานการปกครองท้องถิ่น ๒. การกำหนดรายจ่ายและจัดทำงบประมาณ ๑๕๑ วัตถุประสงค์ของการคลังท้องถิ่นส่วนกลาง คือ เป็นการคลังท้องถิ่นเกี่ยวกับ ๑๖ ๑.๑ พ.ร.บ. เทศบาล ๑.๒ พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนตำบล ๑.๔ พ.ร.บ. กรุงเทพมหานคร ๒. ส่วนประเภทรายได้ของท้องถิ่น ได้แก ่ ๒.๒ ภาษีอากรที่รัฐบาลท้องถิ่นร่วมกับรัฐบากลาง (Surcharged Taxes) หรือภาษีเสริมที่เก็บเพิ่ม Taxes) และรายได้หรือรายรับอื่นๆ ๗.๘ สรุป ในการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การกระจายอำนาจ ทางการคลังเป็นการกระจายอำนาจที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่ง เนื่องจากการจัดบริการ ท้องถิ่น และดังที่ได้กล่าวข้างต้นว่า ท้องถิ่นมีความแตกต่างหลากหลาย ความพร้อมด้าน การคลังต่างกันจึงเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทางการคลังของท้องถิ่น โดยส่วนใหญ่ท้องถิ่น ๑๖ ไพรัช ตระการศิรินนท์, การคลังภาครัฐ, (กรุงเทพมหานคร : เอ็น สแควร์ กราฟ ฟิคพริ้นท์, ๒๕๔๘), หน้า ๓๐๓-๓๐๔. ๑๕๒ ขาดความเข้มแข็งด้านการจัดหารายได้ โครงสร้างรายได้ มีลักษณะพึ่งพิงรัฐบาลสูง คือ สำหรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นงบประมาณที่ต้องดำเนินการตามภารกิจของรัฐบาล แบ่งเป็นเงินอุดหนุนทั่วไป และเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ซึ่งดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ ได้กล่าวถึง ื่ ุ การจัดเก็บภาษีท้องถิ่น ค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต นอกจากนี้การที่โครงสร้างทางการคลัง ของ ท้องถิ่นต้องอิงกับเงินอุดหนุนสูง โดยเฉพาะเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ เป็นการสะท้อนให้ ผู้ปฏิบัติงานให้กับรัฐบาล หน่วยงานราชการส่วนกลางมีอำนาจในการอนุมัติโครงการต่าง ๆ ทำให้ทิศทางหรือเป้าหมายในการ ปฏิบัติภารกิจหรือจัดบริการสาธารณะของท้องถิ่นมุ่ง ื่ เกี่ยวกับเงินอุดหนุนเฉพาะกิจจำนวนหลายหมื่นล้าน ถูกกระจายไปยังท้องถิ่นใดจำนวน ราชการ แม้แต่ฝ่ายการเมือง ที่กำกับดูแลหน่วยราชการอาจยังไม่ทราบข้อมูล ซึ่งความจริง การจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างเป็นธรรม เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็น จัดสรรเงินอุดหนุนควรเปิดให้มีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก เข้าร่วมพิจารณาการ ๑๕๓ จัดสรรในแต่ละปี และควรเป็นไปอย่างเปิดเผย มีการเผยแพร่ข้อมูล และใน กระบวนการ ลดสัดส่วนของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ และเพิ่มสัดส่วนเงินอุดหนุนทั่วไป ๑๕๑ บทที่ ๘ การคลังท้องถิ่น การคลังท้องถิ่น เป็นเครื่องมือหรือกระบวนการในการบริหารจัดการของ รัฐบาล ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการบริหารงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ดังนั้นการบริหารการคลังมีความหายครอบคลุมเกี่ยวกับรายได้ การกำหนด ๘.๑ ความหมายของการคลังท้องถิ่น การคลังท้องถิ่นมีความสำคัญมากต่อการปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะที่เป็น ท้องถิ่น การคลัง ท้องถิ่นเป็นการพิจารณาถึงความสัมพนธ์ระหว่างแหล่งที่มาของรายได้กับ ๓ ประการ ที่สำคัญ คือ ก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการพัฒนาสังคม และ ก่อให้เกิดการพัฒนาเมือง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการพัฒนาประเทศต่อไป ดังนี้ กระบวนการในการจัดการอันหนึ่งที่เป็นกลไกใน การบริหารงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของ ๑ ปธาน สุวรรณมงคล, ทัศนะบางประการในเรื่องสภาตำบลกับการมีส่วนร่วมของชุมชน ในการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนา. (กรุงเทพมหานคร : ศูนย์ศึกษานโยบายสาธารณสุข ๑๕๒ การบริหารการคลังโดยทั่วไป (Financial Administration) มีความหมาย การว่าจ้าง การบัญชี การตรวจบัญชีของหน่วยการท้องถิ่น ในการศึกษาการคลังท้องถิ่นจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายรับ ใช้จ่าย (Type of Expenditure) ของหน่วยการปกครองท้องถิ่น ซึ่งกระบวนการ
งบประมาณดังกล่าวจะเป็นตัวกลาง ในการเชื่อมความสัมพันธ์ของแหล่งที่มารายรับกับ การบรรลุวัตถุประสงค์ของหน่วยการปกครอง ท้องถิ่น องค์การบริหาร ส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๔๙๙ พระราชบัญญัติรายได้เทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๗ พระราชบัญญัติรายได้สุขาภิบาล พ.ศ. ๒๔๙๘ งบประมาณ (Budget Preparation) ขั้นตอนในการอนุมัติงบประมาณ (Budget Adoption) และขั้นตอนใน การบริหารงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละ งบประมาณที่คล้ายคลึงกัน ๓. รูปแบบของการใช้จ่าย หมายถึง การพิจารณาถึงลักษณะของการใช้จ่ายของ ๘.๒ วัตถุประสงค์ของการคลังท้องถิ่น วัตถุประสงค์ของการคลังท้องถิ่น มี ๓ ประการ ดังต่อไปนี้ ๑. การจัดหารายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๒. การกำหนดรายจ่ายและการจัดทำงบประมาณ ๑๕๓ ๘.๓ ประเภทรายได้ของท้องถิ่น เมื่อมีเหตุผลและความจำเป็นที่เหมาะสมที่รัฐบาลท้องถิ่นจะต้องดำเนิน กิจกรรมต่าง ๆและให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนในท้องถิ่นที่รับผิดชอบ
รัฐบาลท้องถิ่น ๒ สามารถทำรายได้ให้แก่รัฐบาลเป็นจำนวนมากทั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลกลางจะมีความจำเป็นที่ จะต้องใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องดึงอำนาจการจัดเก็บภาษีอากร อากรต่าง ๆ ที่ใช้เป็นรากฐานในการควบคุมนโยบายเศรษฐกิจของประเทศ ๓ ประเภท ดังนี้ (๑) ภาษีอากรที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ติดต่อต่างประเทศ และรักษาฐานะของดุลการค้า และดุลการชำระเงินของประเทศนั้น ถึงแม้ว่าภาษีทั้ง สองชนิดนั้นจะใช้เก็บเพื่อผลทางนโยบายอันเดียวกันก็ตาม แต่ผลของภาษี
แต่ละประเภทนั้นจะมีความแตกต่างกันอย่างมาก กล่าวคือ ภาษีขาเข้านั้นมีลักษณะเป็น เป็นการเก็บภาษีรายได้ (Income tax) ในรูปหนึ่ง ซึ่งภาระของภาษีดังกล่าวส่วนใหญ่จะตก (๒) ภาษีอากรที่เกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจภายในประเทศ ในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศนั้นรัฐบาลจะพยายามป้องกัน ๒ เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม, การคลังว่าด้วยการจัดสรรและการกระจาย, พิมพ์ครั้ง ๑๕๔ รัฐบาลมักจะใช้เป็นเครื่องมือได้แก่ ภาษีเงินได้นิติบุคคลธรรมดาในระบบที่ก้าวหน้า และ การเปลี่ยนแปลงตามภาวการณ์เศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาษี การค้าปลีก การค้าส่ง ภาษีสรรพสามิต
และภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value added tax) ภาษีอากรที่ใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้ และความมั่นคงของสังคม นั้นที่สำคัญ ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในระบบที่ก้าวหน้า นอกจากนี้ก็ได้แก่การเก็บ (Inheritance tax)และภาษีการให้โดยเสน่หา (Gift tax) ภาษีที่เก็บจากมูลค่าของทรัพย์สิน ภาษีที่ดิน ภาษีเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้าง และภาษีรถยนต์ เมื่ออำนาจในการจัดเก็บภาษีอากรส่วนใหญ่จะตกแก่รัฐบาลกลาง และภาษีที่ จะเก็บได้ภายในประเทศนั้นจะขึ้น อยู่กับความสามารถในการเก็บภาษี (Tax capacity) พึ่งรายได้จากฐานของภาษีอันเดียวกัน รายได้ของภาษีอากรที่พงจะเก็บได้จากภาษีอากรแต่ แล้วภาษีอากรที่รัฐบาลกลางจะมอบให้รัฐบาลท้องถิ่นเป็นผู้มีอำนาจในการจัดเก็บนั้น อาจจะพิจารณาได้ดังนี้ เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละระดับต่าง ๆ มีความต้องการที่จะใช้เงินดังนั้น รัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งมักจะพิจารณาหลักสำคัญสองประการดังนี้ (๑.๑) ภาษีที่เก็บตามหลักผลประโยชน์ที่ได้รับ มักจะคำนึงถึงการเก็บภาษีตามหลักของผลประโยชน์ที่ได้รับ (Benefits Received ๑๕๕ Principle)คือ ประชาชนผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการใช้บริการสาธารณะ ควรจะต้องเป็นผู้ จ่ายเงินเพื่อซื้อ บริการสาธารณะโดยปริยาย (๑.๒)
พิจารณาถึงความสามารถ หรือความพยายามในการจัดเก็บ ของภาษีแล้ว ยังขึ้น อยู่กับความสามารถหรือความพยายามในการจัดเก็บภาษีอากร ดังกล่าวด้วย ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นอาจจะมีข้อได้เปรียบเหนือรัฐบาลกลางในการจัดเก็บภาษี สมัครใจที่จะเสียภาษีให้แก่ท้องถิ่นมากกว่าให้รัฐบาลกลาง เช่น ภาษีจากทรัพย์สิน - รัฐบาลท้องถิ่นเป็นผู้ใกล้ชิดกับทรัพย์สินที่จะจัดเก็บ เช่น ภาษีที่ดินที่เกี่ยวกับ ภาษีครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งย่อมจะทำให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถเก็บภาษีจากทรัพย์สินดังกล่าว ได้มากกว่ารัฐบาลกลาง แต่รายได้ของการจัดเก็บภาษีในกรณีนี้จะขึ้น อยู่กับประสิทธิภาพ - การที่รายได้จากภาษีนั้นถูกนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ของท้องถิ่นย่อมจะให้ผู้ เสียภาษีมีความโน้มเอียงที่จะยอมเสียภาษีโดยสมัครใจให้แก่ท้องถิ่นมากขึ้น และใน ดังกล่าวมากขึ้น ดังนั้นอาจจะทำให้รัฐบาลท้องถิ่นสามารถเก็บภาษีจากทรัพย์สินดังกล่าวได้ มากกว่ารัฐบาลกลาง ลักษณะของการเก็บภาษีอากรประเภทนี้ ท้องถิ่นจะใช้ภาษีอากรบางอย่างที่ ๑๕๖ ๓ ภาษีชนิดนี้ รัฐบาลกลางจะมอบอำนาจให้รัฐบาลท้องถิ่นแต่ละระดับมีสิทธิ รัฐบาลกลางจะเป็นผู้จัดเก็บเอง เช่น การจัดเก็บภาษีการค้าของเทศบาลที่เป็นอยู่ใน ประเทศไทยในปัจจุบันภาษีแบบนี้มีลักษณะเป็นการแบ่งรายได้จากรัฐบาลกลางเรียกว่า (๑.๑) ทำให้ท้องถิ่นประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บภาษี เพราะรัฐบาล ความสามารถสูงกว่าหน่วยงานของรัฐบาลท้องถิ่น ิ่ ๔. รัฐบาลกลางแบ่งรายได้ให้แก่รัฐบาลท้องถิ่น หรือภาษีแบ่ง ภาษีประเภทนี้คล้ายภาษีเสริมที่ร่วมจัดเก็บกับรัฐบาล แต่แตกต่างจากภาษี การจัดสรรภาษีมีลักษณะคล้ายกับการโอนเงินอุดหนุนจากรัฐบาล แต่ไม่ได้ขึ้น อยู่กับภาระ ๕ ๓ พนม ทินกร ณ อยุธยา, การบริหารงานคลังรัฐบาล เล่มที่ ๒ การบริหารงานคลัง รัฐบาลมหภาค ๒, (กรุงเทพฯ: สยามศิลป์การพิมพ์. (๒๕๓๒). ๒๖๕ ๕ ไพรัช ตระการศิรินนท์, “การคลังภาครัฐ”, รายงานการวิจัย, (เชียงใหม่ : คณะสังคม ๑๕๗ กรณีรัฐบาลกลางอาจจะแบ่งรายได้ที่เก็บได้ในท้องถิ่น ตามอัตราส่วนที่กำหนด ซึ่งเรียกว่า แตกต่างกันเฉพาะรายได้ที่รัฐบาลกลางแบ่งให้จะครอบคลุมกว้างขวางมากน้อยแค่ไหน ซึ่ง ๖ ่ (๑.๑) จำนวนของประชากรในแต่ละท้องถิ่น
รัฐบาลกลางสามารถแบ่ง จำนวนประชากรมากจะได้รับการแบ่งรายได้มาก ถ้าท้องถิ่นใดมีจำนวนประชากรน้อย จะ (๒) การแบ่งส่วนรายได้แบบมีเงื่อนไข หมายถึง การที่รัฐบาลกลางพิจารณา แบ่งรายได้ที่จัดเก็บได้ในแต่ละท้องถิ่นนั้นๆ โดยไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ กิจการของท้องถิ่นมากขึ้น เป็นวิธีการที่ใช้เพื่อลดความแตกต่างในฐานะทางการคลัง ระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละระดับ แต่อาจจะทำให้เกิดความแตกต่างใน แบ่งรายได้มากกว่าท้องถิ่นมีรายได้น้อย นอกเสียว่ารัฐบาลกำหนดอัตราส่วนแบ่งรายได้ใน แต่ละท้องถิ่นในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน นอกจากรัฐบาลท้องถิ่นจะมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรในรูปแบบต่าง ๆ ๖ เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม, การคลังว่าด้วยการจัดสรรและการกระจาย, พิมพ์ครั้ง ที่ ๘, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๕), หน้า ๓๗. ๑๕๘ (๑) รายได้จากการประกอบกิจการของรัฐบาลท้องถิ่น รัฐบาลท้องถิ่นบางแห่ง เช่นเดียวกับการที่รัฐบาลประกอบกิจการในรูปแบบรัฐวิสาหกิจ เช่น เป็นผู้ผูกขาดการขาด
สินค้าหรือบริการบางอย่างหรือผูกขาดการประกอบกิจการเกี่ยวกับการพนัน เป็นต้น อุดหนุน หรือเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางแล้ว รัฐบาลท้องถิ่นอาจจะหาเงินมาใช้จ่ายด้วย วิธีการกู้ยืม โดยอาจจะกู้ยืมจากประชาชนด้วยการขายพันธบัตร หรือกู้ยืมจากธนาคาร เห็นชอบจากรัฐบาลกลางโดยทั่วไปแล้วการกู้ยืมของรัฐบาลท้องถิ่นจะมีน้อยมาก รายได้ไม่เพียงพอกับการใช้จ่ายของท้องถิ่น จำเป็นต้องพึ่งเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง ซึ่ง รัฐบาลสามารถที่จะเลือกใช้การช่วยเหลือรูปแบบที่มีความเหมาะสม กับความต้องการของ รัฐบาล เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบายเกี่ยวกับการปกครองประเทศได้ ซึ่ง ๗ percentage of by national government) ภาษีในทำนองนี้อาจเรียกไว้ภาษีเสริม คือ รัฐบาลอนุญาตให้ท้องถิ่นเก็บเพิ่มได้ ซึ่งในกรณีนี้จะเห็นได้ว่าเทศบาลของไทย จะ ๒. ภาษีที่จัดเก็บจากที่ดินและทรัพย์สิน (local taxes on land and building ๗ ประทาน คงฤทธิศึกษากร, การปกครองท้องถิ่น โครงการส่งเสริมเอกสารวิชาการ. ๑๕๙ ในเขตท้องถิ่นนั้นเช่นภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซึ่งการจัดเก็บใช้หลักการ ๓. รายได้จากค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต และค่าปรับ (licence and fees)
รายได้ประเภทนี้เป็นรายได้ที่จัดเก็บจากค่าธรรมเนียม และค่าใบอนุญาตต่าง ๆ ซึ่งท้องถิ่น ใบอนุญาตการพนันค่าปรับผู้ฝ่าฝืนกฎและระเบียบของท้องถิ่น ค่าธรรมเนียมเก็บขยะมูล ฝอย services) รายได้ประเภทนี้จัดเก็บจากการให้บริการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประปา ค่าไฟฟ้า เป็นต้น (Voluntary contributions and gifts) เงินกู้ (loan) และเงินอุดหนุน (grant in aids) ิ เป็นรายได้ที่มีความสำคัญ ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ภาษีท้องถิ่น (local on other taxes)ประกอบด้วย ๑.๑ ภาษีทางอ้อม (indirect taxes) ๑.๓ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน (real estate taxes) ๘ สะอาด ปายะนันท, รายได้ท้องถิ่น, (กรุงเทพมหานคร : นิตยสารท้องถิ่น, ๒๕๔๘), หน้า ๑๖๐ ๒. รายได้จากการประกอบการพาณิชย์ของท้องถิ่น (local government ดำเนินการในเชิงการค้าเพื่อหาประโยชน์ และกิจการเหล่านั้นควรเป็นกิจการที่ท้องถิ่นจะได้ ขึ้น เพื่อบริการแก่ประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ เป็นสำคัญและทั้งนี้จะเป็นรายได้ให้กับท้องถิ่น สถานธนานุบาล การตลาด การสร้าง ท่าเทียบเรือ และที่จอดรถ เป็นต้น ๓. รายได้จากทรัพย์สิน (local government properties)
ผลประโยชน์ค่าเช่าต่าง ๆ เช่น ค่าเช่าจากที่ดิน อาคารสถานที่ต่าง ๆ เงินอุดหนุนนี้มีลักษณะที่แบ่งได้เป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจการ (specific grant) grant) ซึ่งรัฐให้ใช้ได้เป็นกรณีไป แล้วแต่ดุลยพินิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ ๕. เงินกู้ (loan) แหล่งทุนทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ควบคุมโดยการอนุมัติให้กู้ ๙ หรือรายได้เบ็ดเตล็ดอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด สามารถจำแนกได้ดังนี้ ๑. ค่าธรรมเนียม เป็นเงินที่ท้องถิ่นเรียกเก็บจากประชาชนที่ได้รับบริการ หรือ
ค่าธรรมเนียมการเก็บและขนมูลฝอย ค่าธรรมเนียม โรงฆ่าสัตว์ ประเภทใดประเภทหนึ่ง ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ต้องขออนุญาตจากท้องถิ่น เช่น ใบอนุญาต ๙ ชูวงศ์ ฉายะบุตร, การปกครองส่วนท้องถิ่นไทย, (กรุงเทพมหานคร : พิฆเนศพริ้น ติ้ง, ๑๖๑ การรับเก็บขนสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย โดยทำเป็นธุรกิจ หรือโดยได้รับประโยชน์ตอบแทนด้วย ๓. ค่าปรับ เป็นโทษทางอาญาประเภทหนึ่งซึ่งเปรียบเทียบปรับจากผู้กระทำ ความผิดตามข้อกำหนดของท้องถิ่น หรือตามกฎหมายที่ให้ท้องถิ่นเป็นผู้อนุมัติตามกฎหมาย ตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข เป็นต้น ๔. รายได้จากทรัพย์สิน เนื่องจากท้องถิ่นมีฐานะเป็นนิติบุคคล ซึ่งสามารถมี แผงลอย ดอกเบี้ย เงินฝากธนาคาร
และทรัพย์สินอื่น ๆ เป็นต้น กฎหมายได้เปิดโอกาสให้ท้องถิ่นสามารถดำเนินกิจการให้บริการที่เป็นการสาธารณูปโภค สถานธนานุบาล โรงแรม ๖. เงินอุดหนุน เป็นรายได้หลักที่สำคัญประเภทหนึ่งของท้องถิ่น ที่รัฐบาล ความสามารถในการพัฒนา และจัดบริการสาธารณะเพื่อตอบสนองความต้องการของ ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เงินอุดหนุนของท้องถิ่นจำแนกได้เป็น ๖.๑ เงินอุดหนุนทั่วไป เป็นเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้กับท้องถิ่นโดยที่ไม่ได้ ระบุรายการให้จ่ายเงินไว้เป็นเฉพาะ ท้องถิ่นสามารถนำเงินไปใช้จ่ายในกิจการใด ๆ ก็ได้ ซึ่ง ปีงบประมาณที่ผ่านมาแล้ว ๒ ปี เช่นเงินอุดหนุนทั่วไปเทศบาล ที่จัดสรรให้ในปีงบประมาณ ๒๕๓๗ จัดสรรให้ในอัตรา ๑๒๐ บาท ต่อประชากร ๑ คน ซึ่งเทศบาลสามารถนำเงิน งบประมาณไปใช้จ่ายเพื่อกิจการใดก็ได้ที่เป็นการช่วยการบริหารของเทศบาลโดยมิได้ ๑๖๒ ้
เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม กล่าวว่า ในการกระจายอำนาจทางการคลังแก่ ปัญหาระหว่างท้องถิ่นที่เกิดขึ้น มาตรการสำคัญที่รัฐบาลกลางใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ไข ปัญหาดังกล่าวคือ การให้เงินอุดหนุน หรือเงินช่วยเหลือแก่รัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งจะกล่าวถึง ๑. วัตถุประสงค์ของการให้เงินอุดหนุน
ในกรณีที่ท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง เป็นผู้ผลิตบริการสาธารณะขึ้น มา และทำ ท้องถิ่นที่ผลิตบริการสาธารณะนั้นไม่สามารถที่จะเรียกเก็บเงินจากประชาชนที่อยู่ในท้องถิ่น ได้ ในกรณีเช่นนี้จะทำให้คนที่อยู่ในท้องถิ่นที่ผลิตบริการสาธารณะนั้นจะต้องแบกรับ ผลิตบริการสาธารณะดังกล่าวนั้นจะได้มาจากภาษีอากรของท้องถิ่นนั้น
๑.๒ เพื่อช่วยให้ท้องถิ่นสามารถผลิตบริการสาธารณะที่จำเป็น สามารถผลิตบริการสาธารณะที่จำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนใน ท้องถิ่นนั้นได้ และการที่รัฐบาลท้องถิ่นแต่ละแห่ง จะสามารถจัดสรรบริการสาธารณะที่ ของท้องถิ่นนั้นเป็นสำคัญ ในกรณีที่รัฐบาลท้องถิ่นมีรายได้น้อยแล้ว ก็จะไม่สามารถจัดสรร ๑๐ เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม, การคลังว่าด้วยการจัดสรรและการกระจาย, พิมพ์ครั้ง ที่ ๘, (กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๔๕), หน้า ๑๑๓-๑๑๕. ๑๖๓ ื่ ๑.๓ เพื่อก่อให้เกิดความเสมอภาคระหว่างท้องถิ่น เนื่องจากท้องถิ่นแต่ละแห่งมีความอุดมสมบูรณ์และความเจริญไม่เหมือนกัน เท่ากัน และก่อให้เกิดความแตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อที่จะลดความแตกต่างดังกล่าว หรือ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคทางการคลัง (Fiscal equalization) ระหว่างท้องถิ่นต่าง ๆ ทางการคลัง ในบางกรณีรัฐบาลกลางอาจจะใช้เงินอุดหนุนเป็นเครื่องมือทางการเมือง บางภูมิภาคเป็นกรณีพิเศษ เพื่อทำให้ประชาชนในท้องถิ่นนั้นมีความจงรักภักดีต่อรัฐบาล กลาง และเห็นความสำคัญของการอยู่ร่วมกันในประเทศ ในเรื่องนีถ้ ้าหากรัฐบาลรู้จัก ภายในประเทศเป็นไปด้วยดี การที่จะสามารถบรรลุถึงจุดมุ่งหมายในการให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาล ท้องถิ่นขึ้น อยู่กับการจัดรูปแบบของเงินช่วยเหลือที่ให้แก่รัฐบาลท้องถิ่นเป็นสำคัญ ลักษณะ ช่วยเหลืออยู่ ๓ ประเด็น ดังนี้ ๑๑ เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม, การคลังว่าด้วยการจัดสรรและการกระจาย, พิมพ์ ๑๖๔ ในการให้เงินอุดหนุนรัฐบาลกลางนั้นสิ่งแรกที่จะต้องพิจารณา คือ เงิน พอจะพิจารณาได้โดยย่อดังนี้ ๒.๑.๑ เงินช่วยเหลือแบบทั่วไป (General or Block grants) กำหนดว่าจะต้องนำเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายโครงการใดบ้าง รัฐบาลท้องถิ่นมีสิทธิที่จะนำเงิน
ช่วยเหลือนั้นไปใช้ในกิจการของท้องถิ่นอย่างไรก็ตามที่ตนเห็นว่าเหมาะสม เงินอุดหนุนใน ความพึงพอใจมากที่สุด เพราะตนมีโอกาสที่จะเลือกใช้เงินดังกล่าวได้ตามใจชอบ การให้เงินช่วยเหลือในแบบเฉพาะกิจนี้ รัฐบาลกลางจะกำหนดเงื่อนไข ดังกล่าวไปใช้ในโครงการอ่านไม่ได้ เช่น เงินอุดหนุนเพื่อการศึกษา ท้องถิ่นจะนำไปใช้ กิจการอื่นไม่ได้เงินช่วยเหลือแบบเฉพาะอย่างนี้ ทำให้รัฐบาลกลางสามารถใช้เงินช่วยเหลือ ๒.๑.๓ เงินอุดหนุนที่ให้นั้นควรเป็นแบบให้เปล่าหรือแบบร่วมสมทบ การกำหนดเงื่อนไขของเงินอุดหนุนที่ให้แก่รัฐบาลท้องถิ่นที่สำคัญอก แบบร่วมสมทบ (Matching) ซึ่งอาจจะพิจารณาได้ ดังนี้ ๒.๑.๓.๑ เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่า (Nonmatching grants) ที่รัฐบาลท้องถิ่นไม่ต้องออกเงินร่วมสมทบกับการช่วยเหลือดังกล่าวนั้นเลย ซึ่งเงินช่วยเหลือ ให้เปล่าเฉพาะกิจ (Selective Nonmatching grants) เงินช่วยเหลือแบบให้เปล่านี้ถ้า พิจารณาในแง่ของรัฐบาลท้องถิ่นซึ่งเป็นผู้รับแล้ว
จะทำให้ท้องถิ่นได้รับความพอใจมาก ช่วยเหลือมีผลเท่ากับเป็นการเพิ่มพูนรายได้หรือทรัพยากรให้แกท้องถิ่นนั้น ๑๖๕ ๒.๑.๓.๒ เงินช่วยเหลือแบบร่วมสมทบ (Matching grants) ฝ่ายออกเงินร่วมสมทบกับรัฐบาลท้องถิ่น โดยที่ฝ่ายรัฐบาลท้องถิ่นจะต้องมีเงินเพื่อใช้จ่าย ก่อนและรัฐบาลกลางจึงจะออกเงินร่วมสมทบให้
ซึ่งรูปแบบของการช่วยเหลือนั้นอาจจะ เฉพาะกิจ (Selective Matching grants) เงินช่วยเหลือในแบบนี้ถ้าพิจารณาในแง่ของรัฐบาลแล้ว ทำให้รัฐบาล
ออกร่วมสมทบสำหรับโครงการบางอย่างจะชักนำให้ท้องถิ่นพยายามหันมาทำโครงการ ๒.๑.๓.๓ เงินอุดหนุนที่ให้นั้นจะต้องพิจารณาถึงฐานะการคลังของ ท้องถิ่น จะต้องพิจารณาดูว่า ในการให้เงินอุดหนุนของรัฐบาลกลางนั้นจะต้องดูฐานะทางการคลัง ของรัฐบาลท้องถิ่นเป็นเครื่องประกอบซึ่งมีข้อพิจารณา ดังนี้ การให้เงินช่วยเหลือในแนวนี้ มักจะคำนึงถึงความเสมอภาคทางการ คลัง (Fiscal equalization) ระหว่างท้องถิ่นเป็นสำคัญ โดยพยายามมุ่งช่วยรัฐบาลท้องถิ่น ได้ดียิ่งขึ้น Needrelated) การให้ความช่วยเหลือในแนวนี้ รัฐบาลกลางจะไม่คำนึงถึงฐานะ หรือบริการสาธารณะบางอย่างที่ท้องถิ่นนั้นผลิตขึ้น เป็นสำคัญ กล่าวคือ ถ้าหากท้องถิ่นใด ๑๖๖ เป็นฝ่ายที่ผลิตบริการสาธารณะที่รัฐบาลต้องการส่งเสริม หรือบริการสาธารณะที่ผลิตขึ้น กลางก็จะจ่ายเงินอุดหนุนแก่ท้องถิ่นนั้นโดยอาจไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงฐานะทางการคลัง ของท้องถิ่นนั้น เห็นได้ว่าในประเทศต่าง ๆ ได้มีการถือปฏิบัติในการจัดเก็บรายได้ที่สำคัญ ๆ เช่น ประเทศ อังกฤษ การจัดหารายได้ส่วนใหญ่มีดังนี้ ลักษณะของภาษีท้องถิ่น (rates) ในที่นี้หมายถึง การจัดเก็บภาษีจาก เป็นไปโดยความเป็นธรรมจะมีคณะกรรมการประเมินภาษี เรียกว่า Board of Inland ลักษณะการจัดเก็บภาษีท้องถิ่นดังกล่าวนี้ ได้มีข้อยกเว้นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สถานที่ราชการ วัด เป็นต้น แต่ก็มีทรัพย์สินบางประเภทที่ต้องได้รับการจัดเก็บแต่ก็ได้รับ ๑๒ ๒.๑ ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการให้บริการ เช่น ค่าธรรมเนียมการ
เลี้ยงดูเด็กและคนชราค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากการสาธารณสุข การรักษาความสะอาด ๒.๒ ค่าธรรมเนียมที่ได้จากทรัพย์สินขององค์กรปกครองส่วน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑๒ Drumond, J.M., The Finance of Local Government, (London: George ๑๖๗ ๒.๓ ค่าธรรมเนียมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเรียกเก็บจาก ๓. เงินอุดหนุน (grant in aid) ๓.๑ เงินอุดหนุนทั่วไป (general grants) โดยเฉพาะเป็นการช่วยเหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีรายได้น้อย เพื่อให้ได้มาซึ่งการ บรรลุถึงการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยรัฐบาลจะช่วยเงินเป็นก้อน จ่ายให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ เสนอโครงการต่าง ๆ ต่อรัฐบาล แล้วรัฐบาลจัดสรรเงินอุดหนุนให้ตามดุลยพินิจของรัฐบาล General Exchequer Contribution โดยใช้เกณฑ์คำถามที่จะจ่ายให้ตามอัตราของ ประชากรเป็นหลัก เมื่อประชากรมากจะได้เงินอุดหนุนประเภทนี้มากดังปฏิบัติอยู่ใน ๒. เงินอุดหนุนตามหลักความเสมอภาค (equalization grants) เงิน ื่ ๑๓ Drumond, J.M., The Finance of Local Government, (London: George ๑๖๘ ได้รับเงินอุดหนุนประเภทนี้มาก ท้องถิ่นใดมีรายได้มากอยู่แล้วจะได้รับเงินอุดหนุนหรือไม่ ๓. เงินอุดหนุนพิเศษเฉพาะกิจการ (specific grants) เงินอุดหนุน ประเภทนี้รัฐบาลได้จัดสรรให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อปฏิบัติงานในเรื่องหนึ่ง จ่ายเงินอุดหนุนประเภทนี้ย่อมขึ้น อยู่กับนโยบายและทางปฏิบัติของแต่ละประเทศ บาง ประเทศได้ให้ไปในอัตราที่เหมาะสม ตามนโยบายของรัฐบาลที่เห็นว่ากิจการประเภทนั้นๆ ึ ี หน่วย (unit grant) และการให้เงินอุดหนุนเป็นแบบสมทบ (matching grant) ตลอดจน การให้ตามดุลยพินิจ (discretionary grant) เป็นต้น ๘.๔ รายจ่ายท้องถิ่น ไพรัช ตระการศิรินนท์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีลักษณะสำคัญของการ พัฒนาท้องถิ่นจะแตกต่างกันตามโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วน ก. ประเภทรายจ่ายประจำ หมายถึง รายจ่ายที่จ่ายจากรายได้ของท้องถิ่นเอง รวมทั้ง เงินอุดหนุนทั่วไปจากรัฐบาลกลาง รายจ่ายประจำของท้องถิ่นรูปแบบต่าง ๆ ๑๔ ไพรัช ตระการศิรินนท์, “การคลังภาครัฐ”,
รายงานการวิจัย, (เชียงใหม่ : คณะสังคม ๑๖๙ ข. ประเภทพิเศษ หมายถึง รายจ่ายที่กำหนดขึ้น เพื่อกิจการเฉพาะอย่างเป็น เงินอื่นที่ไม่ใช่งบประมาณประจำ การมีงบประมาณประจำปี ของตนเองแต่จะมีจำนวนมากน้อยเพียงใด ขึ้น อยู่ งบประมาณแผ่นดินในปัจจุบันจะมีจำนวนน้อย และมีรูปแบบการบริหารงานงบประมาณที่ อิสระต่อกัน ๒. งบประมาณเฉพาะการ หมายถึง งบประมาณที่จัดทำขึ้น เพื่อกำหนดวงเงิน งบประมาณของเทศพาณิชย์ เป็นต้น ๑๕ ค่าใช้จ่ายค่าวัสดุ ค่าสาธารณูปโภค และเงินอุดหนุน ๒. รายจ่ายเพื่อการลงทุนหรือรายจ่ายเพื่อการพัฒนา ได้แก่ รายจ่ายประเภท จะทำให้สามารถพิจารณาฐานะการคลัง ขีดความสามารถ ประสิทธิภาพและทิศทางในการ บริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นๆ ได้ การจำแนกงบประมาณออกเป็น แตกต่างจากการแยกประเภทของงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลกลางซึ่งไม่มีการแยก ๑๕ พรชัย ลิขิตธรรมโรจน์, การคลังรัฐบาลและการคลังท้องถิ่น, (กรุงเทพมหานคร : ๑๗๐ ๑. งบประมาณทั่วไป คือ งบประมาณที่จัดขึ้น
เพื่อกำหนดวงเงินที่ใช้ในการ ส่วนท้องถิ่นนั้นจะเป็นผู้ดำเนินงาน ๒. งบประมาณเฉพาะการ คือ งบประมาณที่จัดทำขึ้น เพื่อกำหนดวงเงินที่ใช้ใน ่ ๘.๕ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อฐานะทางการคลังท้องถิ่น คุก (Cook ) ได้ทำการศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อฐานะทางการคลังของ ๑. ปัจจัยด้านรสนิยมและความจำเป็นของชุมชน ปัจจัยด้านรสนิยม และความจำเป็นของชุมชน จะมีผลกระทบต่อรายได้และ บริโภคและการใช้จ่ายดังกล่าวจะมีผลกระทบทั้ง ด้านรายได้และรายจ่ายของรัฐบาลท้องถิ่น ปัจจัยสภาวะการผลิตและการบริการของชุมชน จะมีอิทธิพลต่อรายได้และ รายจ่ายของรัฐบาลท้องถิ่น เพราะการผลิตและการบริการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้าน รายได้ด้านภาษีของท้องถิ่นนั้นจะอยู่ในเกณฑ์ดี จะทำให้ฐานะทางการคลังของท้องถิ่นดี จะต้องจัดการบริการมาก ค่าใช้จ่ายของท้องถิ่นจะสูงตามขึ้น ไปด้วย ดังนั้นการผลิตและ
การบริการของชุมชนจะมีอิทธิพลในการกำหนดรายได้และรายจ่ายของท้องถิ่นเป็นอย่าง ๑๗ Cook,Timothy Q., In Determinants of Individual Tax - Exempt Bond Yields ๑๗๑ ๓. ปัจจัยทุน แรงงาน และตลาด ชุมชนใดที่มีปัจจัยทุน แรงงาน และตลาด อยู่ในเกณฑ์ดีจะทำให้มีรายได้มาก และฐาน ทางการคลังของชุมชนนั้นจะดีตามไปด้วย
แต่ถ้าชุมชนใดขาดแคลนปัจจัยเหล่านี้ ฐานะ ๔. ปัจจัยด้านทรัพยากรในชุมชน ทรัพยากรในชุมชนจะมีผลต่อรายได้ภายในชุมชน หากชุมชนใดมีทรัพยากร ขาดแคลนของทรัพยากรในชุมชน ชุมชนนั้นจะมีแนวโน้มฐานทางการคลังที่ไม่ดี ปัจจัยโครงสร้างทางการเมืองการปกครองจะมีอิทธิพลต่อฐานะทางการคลัง ของท้องถิ่น ๖. ปัจจัยแนวนโยบายจากส่วนกลาง นโยบายของรัฐบาลกลางจะมีอิทธิพลเป็นอย่างยิ่งต่อรายได้และรายจ่ายของท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลกลางจะมีการโอนเงินส่วนหนึ่งมาสู่ท้องถิ่น ดังนั้นหากรัฐบาล ท้องถิ่นจะดี ๗.
ปัจจัยนโยบายและข้อปฏิบัติทางการเงินของท้องถิ่น นโยบายและข้อบัญญัติที่ท้องถิ่นกำหนดขึ้น จะมีอิทธิพลต่อฐานะทางการคลังของ ๘.๖ ปัญหาสำคัญทางการคลังท้องถิ่น ปัญหาที่สำคัญของหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่นคือ ไม่มีความสามารถในการ ๑๗๒ และปัจจัยภายใน ซึ่งปัจจัยภายนอก ได้แก่ปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม
ปัจจัยการ ่ ท้องถิ่นนั้นๆโดยพิจารณารายได้ของประชาชนในท้องถิ่น ลักษณะของความเป็นเมืองและ ชนบท โดยพิจารณาจากแหล่งการค้า ตลาด การพาณิชย์ ภาวการณ์จ้างงานในท้องถิ่นนั้นๆ ื้ ิ่ กำหนดมาจากส่วนกลาง ซึ่งปัญหาจากการกระจายอำนาจทางการคลังของท้องถิ่นที่สำคัญ มี ๔ ประการ ดังนี้คือ กลางเป็นผู้รวมอำนาจทางการคลังและการบริหารเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ท้องถิ่นมีรายได้ไม่ เพียงพอที่จะพัฒนาท้องถิ่นของตนเองตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยการ ๑๘ ชัชโยดม พูนผล, “การศึกษาการบริหารงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนตำบลใน ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์การจัดการ, (บัณฑิตวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, ๑๗๓ ๓.๒ แหล่งรายได้ท้องถิ่น ส่วนใหญ่กฎหมายทางด้านภาษีอากรและ ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ๓.๓ เกณฑ์การจัดสรรรายได้ โครงสร้างอัตราภาษีอากรท้องถิ่นที่รัฐบาลเก็บ รายได้ภาษีที่ท้องถิ่นเคยได้รับ ซึ่งเป็นเกณฑ์การจัดสรรตามกฎหมายที่ใช้มาเป็นเวลานาน ทำให้หลักเกณฑ์ไม่เหมาะสมและไม่เป็นธรรมกับท้องถิ่น เงินอุดหนุนแล้วจะพบว่า เป็นหลักเกณฑ์ที่ไม่เอออำนวยที่จะกระตุ้นให้ท้องถิ่นพยายามช่วย
เงื่อนไขส่วนกลาง ๑. ประสิทธิภาพในการจัดเก็บ ท้องถิ่นส่วนใหญ่ยังคงดำเนินการจัดเก็บรายได้ อยู่ ณ สำนักงาน ไม่มีเครื่องมือหรือมาตรการที่จะติดตามจัดเก็บให้ครบถ้วนและถูกต้อง ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับภาษีอากร และค่าธรรมเนียมแต่ละประเภท อีกทั้ง ยังขาด แหล่งข้อมูล ทำให้การปฏิบัติการจัดเก็บรายได้มีลักษณะกระทำตามความเคยชินที่ปฏิบัติ ๒. หน่วยงานที่จัดเก็บรายได้มีอัตรากำลังไม่เพียงพอ จำนวนเจ้าหน้าที่จัดเก็บ รายได้มีไม่เพียงพอที่จะติดตามจัดเก็บรายได้ในท้องถิ่นได้ครบถ้วน ค่าใช้จ่ายในการบริหาร ๓. การปฏิบัติการจัดเก็บรายได้ตามกฎหมาย ภาษีและค่าธรรมเนียมบาง การจัดเก็บรายได้แต่ปรากฏว่ามีบางท้องถิ่นยังคงเพิกเฉยการจัดเก็บรายได้ หรือถ้ามีการ จัดเก็บก็เลือกเก็บในอัตราและจำนวนที่ต่ำ หลักการของการจัดเก็บภาษี และค่าธรรมเนียม นอกจากนี้ยังขาดความเข้าใจในกฎหมาย |