🌟การประยุกต์ใช้จิตวิทยาในชั้นเรียน 🌟 (เทคนิคการสอน) 1. กลุ่มพฤติกรรมนิยม 1.1 แนวคิดกลุ่มพฤติกรรมนิยม (Behaviorism) ซึ่งมีแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมนิยมทุกอย่างต้องมีสาเหตุและเมื่อสิ่งเร้าเข้ามากระทบกับมนุษย์ จึงทำให้มนุษย์มรพฤติกรรมตอบสนอง มุ่งที่จะศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้า (Stimulus) กับการตอบสนอง (Response) 1.2 รูปแบบการสอนกลุ่มพฤติกรรมนิยม 1.2.1 วิธีการสอนแบบโมเดลซิปปา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่ ขั้นที่ 3 การศึกษาทำความเข้าใจข้อมูล / ความรู้ใหม่ และเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม ขั้นที่ 4
การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับกลุ่ม ขั้นที่ 5 การสรุปและจัดระเบียบความรู้ ขั้นที่
6 การปฏิบัติ / หรือการแสดงผลงาน ขั้นที่ 7 การประยุกต์ใช้ความรู้ ขั้นที่ 1-6 เป็นกระบวนการของการสร้างความรู้ (Construction of Knowledge) ขั้นที่ 7 เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้ผู้เรียนนำความรู้ไปใช้ (Application) จึงทำให้รูปแบบนี้มีคุณสมบัติครบตามหลัก CIPPA ประโยชน์1. ผู้เรียนรู้จักการแสวงหาขอมูล ข้อเท็จจริงจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการเรียนรู้ 2. ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการคิดที่หลากหลาย เป็นประสบการณ์ที่จำนำไปใช้ได้ในการดำเนินชีวิต 3. ผู้เรียนมีประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกับสมาชิกภายในกลุ่ม 1.2.2
วิธีสอนแบบโครงงาน 1. ขั้นกำหนดปัญหา หรือสำรวจความสนใจ 2. ขั้นกำหนดจุดมุ่งหมายในการเรียน 3.ขั้นวางแผนและวิเคราะห์โครงงาน 4.ขั้นลงมือปฏิบัติหรือแก้ปัญหา 5. ขั้นประเมินผลระหว่างปฏิบัติงาน 6. ขั้นสรุป รายงานผล และเสนอผลงาน ประโยชน์ 1. เป็นการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีบทบาท มีส่วนร่วมในกรจัดกระบวนการเรียนรู้ได้ปฏิบัติจริง คิดเอง ทำเอง อย่างละเอียดรอบคอบ 2. ผู้เรียนรู้จักแสวงหาข้อมูล สร้างองค์ความรู้และสรุปความรู้ได้ด้วยตนเอง 3. ผู้เรียนมีทักษะในการแก้ปัญหา มีทักษะกระบวนการในการทำงาน มีทักษะการเคลื่อนไหวทางกาย
2. ให้นักเรียนร่วมกันกำหนดตัวบุคคลให้เหมาะสมกับบทบาทนั้นๆ เท่าที่ลักษณะของบุคคลจะเอื้ออำนวยให้กับสภาพความเป็นจริง ประโยชน์
2. สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ง่าย 3. ช่วยพัฒนาการทางอารมณ์และสังคม
2. ขั้นแสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ เป็นการนำเอาทฤษฎี หลักการ กฎ ข้อสรุปที่ต้องการสอนมาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ทฤษฎี หลักการนั้น 3. ขั้นใช้ทฤษฎี หลักการ เป็นขั้นที่ผู้เรียนจะเลือกทฤษฎี หลักการ กฎ ข้อสรุปที่ได้จากการเรียนรู้มาใช้ในการแก้ปัญหาที่กำหนดไว้ได้ 4. ขั้นตรวจสอบและสรุป เป็นขั้นที่ผู้เรียน จะตรวจสอบและสรุปทฤษฎี หลักการ กฎ ข้อสรุปหรือนิยามที่ใช้ ว่าถูกต้อง สมเหตุสมผลหรือไม่ ข้อสรุปที่ได้พิสูจน์หรือตรวจสอบว่าเป็นจริงจึงจะเป็นความรู้ที่ถูกต้อง 5. ขั้นฝึกปฏิบัติ เมื่อผู้เรียนเกิดความเข้าใจในทฤษฎี หลักการ กฏ ข้อสรุปพอสมควรแล้ว ผู้สอนเสนอสถานการณ์ใหม่ให้ผู้เรียนสุขนำความรู้มาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ๆที่หลากหลาย ประโยชน์ 1. เป็นวิธีการที่ช่วยในการถ่ายทอดเนื้อหาสาระได้ง่ายรวดเร็วและไม่ยุ่งยาก 1.2.5 การจัดการเรียนรู้แบบอุปนัย การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1. ขั้นเตรียมการเป็นการเตรียมตัวผู้เรียนทบทวนความรู้เดิมหรือปูพื้นฐานความรู้ 2. ขั้นเสนอตัวอย่างเป็นขั้นที่ผู้สอนนำเสนอตัวอย่างข้อมูลสถานการณ์เหตุการณ์ปรากฏการณ์ให้ผู้เรียนได้สังเกตลักษณะและคุณสมบัติของตัวอย่างเพื่อพิจารณาเปรียบเทียบสรุปเป็นหลักการแนวคิดหรือกฎเกณฑ์ 3.ขั้นเปรียบเทียบ เป็นขั้นที่ผู้เรียนทำการสังเกตค้นคว้าวิเคราะห์รวบรวมเปรียบเทียบความคล้ายคลึงกันขององค์ประกอบในตัวอย่างแยกแยะข้อแตกต่างมองเห็นความสัมพันธ์ในรายละเอียดที่เหมือนกันต่างกัน 4.ขั้นกฎเกณฑ์เป็นการให้ผู้เรียนนำข้อสังเกตต่างๆจากตัวอย่างมาสรุปเป็นหลักการกฏเกณฑ์หรือนิยามด้วยตัวผู้เรียนเอง 5.ขั้นนำไปใช้ในขั้นนี้ผู้สอนจะเตรียมตัวอย่างข้อมูลสถานการณ์ที่การปรากฏการณ์มีความคิดใหม่ๆที่หลากหลายมาให้ผู้เรียนใช้ในการฝึกความรู้ เป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจำวันและจะทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ประโยชน์ 1.เป็นวิธีการที่ทำให้ผู้เรียนสามารถค้นพบความรู้ด้วยตนเองทำให้เกิดความเข้าใจและจดจำได้นาน 2.เป็นวิธีการที่ฝึกให้ผู้เรียน ได้พัฒนาทักษะการสังเกตคิดวิเคราะห์เปรียบเทียบตามหลักตรรกศาสตร์ และหลักวิทยาศาสตร์สรุปด้วยตนเองอย่างมีเหตุผลอันจะเป็นเครื่องมือสำคัญของการเรียนรู้ซึ่งใช้ได้ดีกับทางวิชาวิทยาศาสตร์ 3.เป็นวิธีการที่ผู้เรียนได้ทั้งเนื้อหาความรู้และกระบวนการซึ่งผู้เรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเรียนรู้เรื่องอื่นๆได้ 1.2.6 วิธีสอนแบบปฏิบัติการหรือการทดลอง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 1.ขั้นกล่าวนำ 2.ขั้นเตรียมดำเนินการ 3.ขั้นดำเนินการทดลอง 4.ขั้นเสนอผลการทดลอง 5.ขั้นอภิปรายและสรุปผล ประโยชน์ 1.ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของการปฏิบัติการหรือทดลอง 2.เป็นการเรียนรู้จากการกระทำเพื่อเป็นการเรียนรู้จากสภาพจริง 3.เสริมสร้างความคิดในการหาเหตุผล 💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜
2.1 แนวคิดกลุ่มปัญญานิยม (Cognitive) ซึ่งมีแนวคิดพื้นฐานคือ
การเรียนรู้เป็นกระบวนการทางความคิดที่เกิดจากการสะสมข้อมูล( ประสบการณ์ ) การสร้างความหมายและความสัมพันธ์ของข้อมูลและการดึงข้อมูลออกมาใช้ในการกระทำและการแก้ปัญหาต่างๆโดยเน้นกระบวนการทางปัญญาหรือความคิดสร้างความรู้ความเข้าใจให้ตนเอง 2.2 รูปแบบการสอนแบบแนวคิดกลุ่มปัญญานิยม กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด 1.ขั้นการสังเกต 2.ขั้นจำแนกความแตกต่าง 3.ขั้นหาลักษณะร่วม 4.ขั้นระบุชื่อความคิดรวบยอด ขั้นทดสอบและนำไปใช้ขั้นตอนการสอนความคิดรวบยอดให้นักเรียนสังเกตบอกสิ่งที่เห็นที่เราต้องการให้เกิดความคิดรวบยอดและนำมาเปรียบเทียบหาลักษณะที่แตกต่างและเหมือนกันจัดกิจกรรมขั้นที่ 1 และ 2 จำนวน 3-4 ตัวอย่าง แล้วจึงดำเนินการนำตัวอย่างทั้งหมดให้นักเรียนหาลักษณะร่วมที่เหมือนกันและจริงสอนขั้นที่ 4-5 ให้ตัวอย่างแล้ว อย่าลืมตั้งคำถามให้เด็กตอบขั้นที่สำคัญคือ คันที่ 1-3 ลองคิดลองทำใช้ฝึกเด็กต่อไปจะไม่มีคำถามว่าทำไมถึงคิด 2.2.2 การสอนแบบสืบสวนสอบสวน ขั้นตอนของการสอนแบบสืบสวนสอบสวน ขั้นที่ 1 ตั้งปัญหาเมื่อผู้เรียนมีจุดมุ่งหมายว่าต้องการอยากรู้อะไรหรือกำลัง สืบค้นหาอะไรจึงเริ่มด้วยการ ตั้งปัญหา ปัญหาอาจได้มาจากเหตุการณ์จากการทดลองเริ่มจากตัวผู้เรียนเอง ขั้นที่ 2 ผู้สอนให้ผู้เรียนช่วยกัน ทำนายคำตอบโดยอาศัยเหตุผลประกอบการทํานายอย่างมีเหตุผล เรียกว่าสมมติฐาน ขั้นที่ 3 ออกแบบการทดลองเพื่อพิสูจน์สมมติฐานหรือการหาวิธีการเพื่อที่จะให้ได้ผลออกมาได้ซึ่งไม่จำเป็นว่าผลนั้น จะตรงกับสมมติฐานหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนรู้จักคิด ขั้นที่ 4 การดำเนินการตามที่ได้ออกแบบไว้ในขั้นที่ 3 เพื่อพิสูจน์ว่าสมมติฐานใดเป็นไปได้ ขั้นที่ 5 สรุปผลเมื่อพบว่าสมมติฐานที่ตั้งขึ้นมีข้อมูลอะไรบ้างที่จะสนับสนุนตัดสินและสรุปผลซึ่งจะได้คำตอบของปัญหาที่ต้องการทราบคือนำผลมา อภิปราย เพื่อแปลข้อมูลนำมาเป็นข้อสรุป ขั้นที่ 6 นำผลสรุปไปใช้เป็นข้อมูลเพื่อจะค้นคว้าความรู้ต่อไปขั้นนี้ถือว่าเป็นขั้น นำผลสรุปไปใช้เป็นข้อมูลเพื่อจะค้นคว้าความรู้ต่อไปนี้ถือว่าเป็นขั้นการ นำความรู้ไปใช้ ผู้สอนจะเริ่มวิธีสอนแบบสืบสวนสอบสวนซึ่งประกอบด้วยขั้นต่ำ 4 ขั้นคือ OCPC 1 O = Observation สังเกต ผู้สอนนำสิ่งของปัญหาสถานการณ์มาให้เด็กสังเกตเกิดความเข้าใจเด็กจะถามเพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับอธิบายข้อสงสัยนั้นๆ คำถามต้องเป็นแบบ “ ใช่หรือไม่ “ เพื่อเป็นการแยกปัญหาออกเป็น 2 ฝ่าย 2. E = Explanation อธิบาย เมื่อผู้เรียนได้ข้อมูลจากการสังเกตในขั้นแรกแล้วถ้าเด็กถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นผู้สอนจะกระตุ้นให้ผู้เรียนช่วยกันหาคำอธิบายเกิดตั้งสมมติฐานอธิบายว่าปัญหาสถานการณ์ปรากฏการณ์นั้นๆมีอะไรเป็นมูลเหตุเหตุใดจึงเกิดผลเช่นนั้น 3. P = Prediction การทำนาย เมื่อตั้งสมมติฐานแล้วจะคาดการณ์ล่วงหน้าโดยนำความรู้ที่ได้ไปทํานายปรากฏการณ์อื่นๆ ถ้ามีเหตุเช่นเดียวกันนั้นจะเกิดผลเป็นอย่างไร 4. C = Control and Creativity นำไปใช้และสร้างสรรค์ ผู้สอนกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดว่าสิ่งที่ผู้เรียนพบนี้จะนำไปใช้อะไรได้บ้างเพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ไปคิดสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์อื่นๆที่เป็นประโยชน์ เทคนิคการสอนแบบสืบสวนสอบสวน 1.เตรียมปัญหาที่จะต้องสืบสวนสอบสวน ปัญหานั้นอาจตั้งขึ้นเองโดยผู้สอนและผู้เรียนควรเป็นปัญหาที่ผู้เรียนสนใจใคร่รู้และไม่เป็นปัญหาที่ง่ายหรือยากเกินไป 2.ผู้สอนต้องเตรียมอุปกรณ์แหล่งวิชาการที่ผู้เรียนจะไปค้นคว้า เพื่อสืบสวนสอบสวน เท่าที่สามารถจัดหนักให้ได้ 3.ผู้สอนไม่ควรตอบคำถามผู้เรียนเพื่อแก้ปัญหาเสียเอง แต่ผู้สอนอาจช่วยตั้งคำถามให้ชัดเจนยิ่งขึ้นได้ 4.ผู้สอนต้องวางตัวเป็นกลางเมื่อผู้เรียนต่างมีเหตุผลมาโต้เถียง หรือขัดแย้งกันชมเชยหรือให้รางวัลเมื่อผู้เรียนตั้งคำถามได้ดีหรือมีคำตอบที่ถูกต้องมีเหตุผล 5.ติดตามดูการค้นคว้าทดลองของผู้เรียนอย่างใกล้ชิดไม่ปล่อยปละละเลยเมื่อผู้เรียนค้นคว้าออกนอกแนวทางป้องคอยแนะนำให้ถูกทางเพื่อผลสรุปที่ถูกต้อง ประโยชน์ 1.ส่งเสริมให้ผู้เรียนใช้ความคิดและสติปัญญาของตนเองอยากมีอิสระ 2. ช่วยให้ผู้เรียนคิดอย่างเป็นกระบวนการ3. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ 2.2.3 การสอนตามแนวคิดของทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์สรุปเป็นสาระสำคัญ ได้ดังนี้ 1.ความรู้ของบุคคลใดคือโครงสร้างทางปัญญาของบุคคลนั้นที่สร้างขึ้นจากประสบการณ์ในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เป็นปัญหาและสามารถนำไปใช้เป็นฐานในการแก้ปัญหาหรือธิบายสถานการณ์อีกได้ 2.นักเรียนเป็นผู้สร้างความรู้ด้วยวิธีการที่ต่างๆกันโดยอาศัยประสบการณ์และโครงสร้างทางปัญญาที่มีอยู่เดิมความสนใจและแรงจูงใจภายในตนเองเป็นจุดเริ่มต้น 3.ครูมีหน้าที่จัดการให้นักเรียนได้ปรับขยายโครงสร้างทาง ปัญญาของนักเรียนเอง การออกแบบการสอนตามแนวทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ซึม 1.การสร้างการเรียนรู้ (Learning Constructed) 2. การแปลความหมายของแต่ละคน (Interpretation personal) 3.การเรียนรู้เกิดจากการลงมือกระทำ (Learning active) 4.การเรียนรู้ที่เกิดจากการร่วมมือ (Learning Collaborative) 5.การเรียนรู้ที่เหมาะสม (Learning Situated) 6.การทดสอบเชิงการบูรณาการ (Testing Integrated) 2.2.4 การสอนโดยการใช้สมองเป็นฐาน 1.สิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นความสนใจ 2. สถานที่สำหรับการเรียนรู้เป็นกลุ่มรวมกัน 3. เชื่อมโยงสถานที่เรียนในร่มกับนอกห้อง 4. จัดหาสถานที่หลากหลาย 5.ยืดหยุ่นเป็นองค์ประกอบที่สำคัญและกระตุ้นการเรียนรู้ เพื่อให้เหมาะสมกับสมองที่แตกต่างกันของแต่ละคนและภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป 6. ความปลอดภัยลดความเสี่ยงต่างๆโดยเฉพาะในชุมชนเมือง 2.2.5 การสอนการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 กำหนดปัญหาจากสถานการณ์ต่างๆ ขั้นที่ 2 ทำความเข้าใจกับปัญหา ขั้นที่ 3 ดำเนินการศึกษาค้นคว้า ขั้นที่ 4 สังเคราะห์ความรู้ ขั้นที่ 5 สรุปและ ประเมินค่าของคำตอบ ขั้นที่ 6 นำเสนอและประเมินผลงาน
💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜💜
3.1 แนวคิดกลุ่มมนุษยนิยม (Humanism) มีแนวคิดพื้นฐานคือเน้นให้บุคคลได้มีเสรีภาพเลือกวิถีชีวิตตามความต้องการและความสนใจให้เสรีภาพในการคิดเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล เน้นให้บุคคลมองบวกในตนและผู้อื่น ยอมรับตนเองและผู้อื่นนำส่วนดีในตนเองมาใช้ประโยชน์ให้เต็มศักยภาพ 3.2 รูปแบบการสอนกลุ่มมนุษยนิยม ขั้นตอนของวิธีสอนแบบอภิปราย 1.ขั้นนำเข้าสู่หัวข้อการอภิปรายเป็นขั้นการกระตุ้นหรือเร้าความสนใจของนักเรียนให้มีความสนใจร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็น 2.ขั้นอภิปราย ให้แบ่งนักเรียนเป็น 2 ฝ่าย คือฝ่ายผู้อภิปรายซึ่งอยู่หน้าชั้นเรียนกับฝ่ายผู้ฟัง ประโยชน์
3.2.2 วิธีสอนแบบแบ่งกลุ่มทำงาน ขั้นตอนในการสอนแบบแบ่งกลุ่มทำงาน
ประโยชน์
3.2.3 วิธีสอนแบบหน่วย ขั้นตอนของวิธีการสอนแบบหน่วย
ประโยชน์
2. นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการวางแผนการเรียนร่วมกับครู 3.นักเรียนได้รับการส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย และได้ฝึกทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม 3.2.4 วิธีสอนแบบวิทยาศาสตร์ ขั้นตอนของวิธีสอนแบบวิทยาศาสตร์
ประโยชน์
2. ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย 3. ส่งเสริมให้มีความรับผิดชอบ 3.2.5 การจัดการเรียนรู้แบบค้นพบ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ประโยชน์
2. ช่วยให้ผู้เรียนค้นพบสิ่งที่ค้นพบได้นานและเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง 3. ผู้เรียนมีความมั่นใจ เพราะได้เรียนรู้สิ่งใหม่อย่างเข้าใจจริง 3.2.6 วิธีสอนแบบทีม ลัษณะของการสอนเป็นทีม
ประโยชน์
2. การวางแผนที่ร่วมกันคิดร่วมกันทำให้ได้ผลงานที่สมบูรณ์ก่าคิดคนเดียว 3. ผู้เรียนได้สัมผัสผู้สอนในหลายลักษณะทำให้ไม่เบื่อหน่าย 💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖💖 |