สวัสดีค่ะน้องๆทุกคน วันนี้พี่เอิธ SMP NEWS จะมาแชร์เทคนิคการทำ Portfolio ที่พี่ได้ไปรวบรวมมาให้อย่างละเอียดที่สุด สำหรับน้องๆทุกคนที่กำลังสนใจ อยากจะยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในรอบที่ 1 Portfolio หรือที่เรียกอีกชื่อนึงว่า รอบแฟ้มสะสมผลงาน ใน TCAS66 นี้ Show
แต่เท่านี้ยังไม่พอนะคะ พี่เอิธได้นำ ตัวอย่าง Portfolio ของรุ่นพี่ที่น่าสนใจมากๆ มาให้น้องๆทุกคนได้ดูเป็นแนวทาง เผื่อจะได้ไอเดียดีๆไปปรับใช้กับตัวเองดูนะคะ จะเป็นยังไงบ้าง ไปดูกันเลย….. Portfolio ที่ดี ควรมีอะไรบ้าง?1.หน้าปก 2.คำนำ (เหตุผลที่อยากเข้าคณะ/สาขานี้) 3.ประวัติส่วนตัว 4.ประวัติการศึกษา 5.กิจกรรมที่โดดเด่น 6.เกียรติบัตรรางวัล 7.ใบรับรองจากอาจารย์ ***มีก็ดี ไม่มีก็ได้ 8.หน้าปิดท้าย ภาพรวมรูปเล่ม Portfolio– จำนวนหน้าไม่ควรเกิน 10 หน้า (ไม่รวมหน้าปก) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยกำหนด – ใช้ขนาดตัวอักษรและฟอนต์ ที่อ่านง่าย และไม่หลากหลายรูปแบบจนเกินไป – โทนสี หรือลวดลายที่เลือกใช้ควรเป็นธีมเดียวกันทั้งเล่ม แต่พี่เอิธมีทริคเล็กๆมาแนะนำนะคะ สำหรับน้องๆที่นึกโทนสีไม่ออก ลองไปศึกษาดูว่า มหาวิทยาลัย/คณะ/สาขา ที่น้องๆสนใจจะยื่นในรอบ Portfolio นี้ ใช้สีอะไรเป็นสีประจำ เราก็สามารถนำโทนสีนั้นมาใช้พร้อมกับใส่ความครีเอทของตัวเองเข้าไป แค่นี้เอง ง่ายมากๆเลยใช่มั้ยคะ>_< ***ยกเว้นในกรณีที่ยื่นเข้าคณะ/สาขาที่เน้นโชว์ความสร้างสรรค์ของ Portfolio สูงมากๆ เช่น ออกแบบแฟชั่น สถาปัตยกรรม น้องๆก็จะต้องใส่ความครีเอทีฟและนอกกรอบของตัวเองเข้าไปอีกนะคะ Portfolio ควรมีอะไรบ้าง?ส่วนที่ 1 : หน้าปกส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญมาก ในการที่กรรมการจะตัดสินว่า เขาจะเปิดดูพอร์ตของเราหรือไม่ ไม่ว่าเนื้อหาภายในเล่มจะดีแค่ไหน แต่ถ้าหน้าปกไม่น่าสนใจ กรรมการเขาก็จะไม่ดึงดูดใจให้เปิดดูนะคะ ดังนั้นน้องๆ สามารถออกแบบโดยการใส่ความคิดสร้างสรรค์และความเป็นตัวของตัวเองลงไป ได้อย่างเต็มที่เลย แต่เนื้อหาที่ควรจะมีก็ต้องใส่ให้ครบถ้วนด้วยนะคะ – ควรออกแบบให้มีความโดดเด่น น่าสนใจ ตรงกับธีมของคณะ/สาขาที่น้องๆได้เลือกมาเพื่อดึงดูดใจคณะกรรมการ – รูปที่เลือกใช้ควรเป็นรูปที่สวมใส่ชุดนักเรียน และเห็นใบหน้าที่ชัดเจน – ใส่รายละเอียดให้ชัดเจนว่าจะสมัครมหาวิทยาลัยไหน คณะ และสาขาอะไร – ควรมีประวัติส่วนตัวของตัวเองเล็กน้อย เพื่อยืนยันตัวตน
ส่วนที่ 2 : คำนำเป็นส่วนที่น้องๆจะต้องบอกถึงเหตุผลที่อยากเข้าศึกษาที่นี่ เพราะอะไร สิ่งไหนที่เป็นแรงบันดาลใจ – ไม่ควรมีจำนวนเกิน 1 หน้ากระดาษ A4 – บอกเล่าออกมาให้เห็นถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และความพยายาม รวมถึงทัศนคติที่ดีต่อคณะ/สาขาที่ยื่น – เขียนออกมาเป็นรูปแบบเรียงความแบบย่อ ไม่ต้องยาวจนเกินไป ประโยคไหนอยากให้กรรมการสนใจเป็นพิเศษ สามารถเน้นย้ำได้ ส่วนที่ 3 : ประวัติส่วนตัวส่วนนี้เปรียบเสมือนการได้แนะนำตัวเองของน้องๆกับกรรมการ ดังนั้น ข้อมูลที่ใส่ลงไปควรตรวจเช็กให้ถูกต้องและครบถ้วนที่สุด โดยเฉพาะส่วนของข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อกลับไปนะคะ – รูปที่เลือกใช้ควรเป็นรูปนักเรียน หรือรูปภาพที่เห็นหน้าตาชัดเจน – ใส่ข้อมูลส่วนตัวพื้นฐาน ให้ครบถ้วน และควรเป็นข้อมูลที่ตรงตามบัตรประชาชน – เพิ่มเติมในส่วนของงานอดิเรกเข้าไป เพื่อบ่งบอกความเป็นตัวเองมากยิ่งขึ้น – ควรใส่ข้อมูลความสามารถพิเศษ ซึ่งถ้าเกี่ยวข้องคณะ/สาขาที่ยื่น จะยิ่งส่งเสริมกันขึ้นไปอีก – ข้อมูลครอบครัว ควรที่จะใส่เพื่อสำรองข้อมูล ในกรณีที่เกิดปัญหาแล้วติดต่อน้องๆไม่ได้ – ช่องทางการติดต่อ/ข้อมูลติดต่อ จะต้องเป็นข้อมูลที่อัพเดทล่าสุด หากเกิดอะไรขึ้นจะได้ติดต่อกลับได้อย่างถูกต้อง ส่วนที่ 4 : ประวัติการศึกษาส่วนนี้จะเป็นส่วนที่แสดงถึงผลการเรียนที่ผ่านมาของน้องๆว่า มีการพัฒนาขึ้นหรือลดลงอย่างไร และเกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) ด้วยว่า ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกหรือไม่ รวมถึงประวัติการเข้าศึกษาในโรงเรียนต่างๆอีกด้วย – ชื่อโรงเรียนที่จบมา ในแต่ละระดับชั้น ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย – เกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) ในแต่ละชั้นปี ส่วนที่ 5 : กิจกรรมที่โดดเด่นส่วนนี้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน ที่น้องๆจะได้บอกเล่าถึงความสามารถพิเศษของตนเอง – คัดเลือกกิจกรรมที่โดดเด่น เข้ารอบ หรือได้รับรางวัล (โดยเรียงจากรางวัลใหญ่ เล็ก) – เลือกใช้รูปภาพที่เห็นตัวเองขณะทำกิจกรรมนั้นได้อย่างชัดเจน ภาพไม่ควรมีขนาดที่เล็กจนเกินไป (ควรใส่เครื่องหมายในรูปด้วยว่า เราคือคนไหนในรูปภาพนี้) – อธิบายรายละเอียดของกิจกรรมให้กระชับ เข้าใจง่ายและเห็นภาพ รวมถึงรางวัลที่ได้รับจากการแข่งขันนี้ด้วย ส่วนที่ 6 : เกียรติบัตรรางวัลเป็นส่วนที่จะแสดงผลงาน/รางวัล/เกียรติบัตรต่างๆ ของน้องๆที่รวบรวมตลอดการศึกษาที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสามารถพิเศษของน้องๆ และบ่งบอกว่าเป็นเด็กกิจกรรมอีกด้วย ซึ่งผลงานที่เลือกมานั้นควรมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับคณะ/สาขาที่จะยื่น หรือสามารถส่งเสริมภาพลักษณ์ ทัศนคติที่ดีให้กับน้องๆได้นะคะ – ผลงานควรเรียงจากรางวัลใหญ่ ไปรางวัลเล็ก เช่น การแข่งขันระดับประเทศ ระดับจังหวัด ระดับภายในโรงเรียน – ควรแสกนรูปภาพผลงาน แบบสี เพื่อความสวยงาม ชัดเจน ขนาดรูปภาพไม่ควรเล็กจนเกินไป – ต้องเขียนคำบรรยายใต้ภาพด้วยว่า เราเข้าร่วมกิจกรรมหรือการแข่งขันอะไร และได้รับรางวัลอะไรมาบ้างในทุกๆภาพให้กระชับที่สุด ควรมีใบรับรองจากอาจารย์ในพอร์ตฟอลิโอเป็นส่วนที่ให้อาจารย์ประจำชั้น อาจารย์ที่ปรึกษา หรืออาจารย์ที่สนิทของน้องๆ มาเขียนบรรยายถึงพฤติกรรม บุคลิกภาพ นิสัย ผลการเรียนของน้องๆเมื่ออยู่ภายในโรงเรียน ซึ่งจะทำหรือไม่ทำก็ได้แต่ถ้าทำก็จะช่วยยืนยันและส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับน้องๆมากขึ้นไปอีกค่ะ – ต้องให้อาจารย์เขียนบรรยายด้วยลายมือส่วนตัวเท่านั้น พร้อมลงลายเซ็นกำกับให้ชัดเจน – ควรเป็นรูปภาพที่แสกนออกมาเพื่อความชัดเจน และไม่ควรใช้เอกสารฉบับจริง หน้าปิดท้าย : เพื่อให้ Portfolio มหาวิทยาลัย สมบูรณ์เป็นส่วนที่ไม่มีก็ได้เช่นกัน แต่ถ้ามีก็จะทำให้ Portfolio เล่มนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น โดยที่น้องๆสามารถใส่คำว่า ขอบคุณค่ะ หรือ Thank you ปิดท้าย ก็จะช่วยให้ไม่จบแบบห้วนจนเกินไป แต่พี่เอิธขอแอบแนะนำนิดนึงนะคะว่า น้องๆสามารถใส่ คติประจำใจของน้องๆ เข้าไปอีกได้นะคะ ตัวอย่างพอร์ตของพี่ๆ เอาไปเป็นแนวทางซึ่งพี่ได้นำ Portfolio ของรุ่นพี่ ที่ได้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัย พร้อมตัวอย่างในการทำพอร์ตโฟลิโอ มาให้น้องๆดูเป็นแนวทางแล้ว คลิกดูตัวอย่างพอร์ต และนี่ก็เป็นเทคนิคการทำพอร์ตฟอลิโอทั้งหมดที่พี่เอิธ SMP NEWS ได้นำมาแชร์ให้กับน้องๆทุกคนกันในวันนี้นะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับน้องๆไม่มากก็น้อยเนอะ และพี่ก็ขออวยพรให้น้องๆ Dek66 ที่จะยื่น Portfolio ในรอบที่ 1 นี้สมหวังดังใจกันทุกคนเลยนะคะ สู้ๆนะเด็กๆ^_^ |