��Ẻ�����Թ������Ҵ�ҧ����������Ѻ����˭� (���� 12-60 ��) �ͧ����آ�Ҿ�Ե ��з�ǧ�Ҹ�ó�آ �դ�Ҥ���������蹢ͧẺ�����Թ ( Cronbach Coefficient alpha) ��ҹ�� �� �آ ����Ҿ�����ҡѺ 0.75, 0.76, 0.81 ��� 0.85 ����ӴѺ ��ǹ��Ҥ����������Ẻ���� (Split-half reliability) ��ҹ�� �� �آ ����Ҿ�����ҡѺ 0.83, 0.86, 0.71 ��� 0.74 ����ӴѺ ��Сͺ���¢�ͤӶ���ӹǹ������ 52 ��� ��ṡ�͡�繤�����Ҵ�ҧ������ 3 ��ҹ��� Show
1. ��ҹ�� ���¶֧ ��������ö㹡�äǺ������ó���Ф�����ͧ��âͧ���ͧ ���ѡ���㨼����� ����� �����Ѻ�Դ�ͺ�����ǹ��� ����բ�ͤӶ�� 18 ��� (���1-18) ��Сͺ����ͧ���Сͺ���´ѧ��� 1.1 �Ǻ������ͧ ��� 1-6 1.2 ���㨼����� ��� 7-12 1.3 �Ѻ�Դ�ͺ ��� 13-18 2. ��ҹ�� ���¶֧ ��������ö㹡������֡���ͧ ���ç�٧� ����ö�Ѵ�Թ���ѭ������ʴ��͡�����ҧ�ջ���Է���Ҿ ����բ�ͤӶ�� 18 ��� (��� 19-36) ��Сͺ����ͧ���Сͺ���´ѧ��� 2.1 �ç�٧� ��� 19-24 2.2 �Ѵ�Թ������ѭ�� ��� 25-30 2.3 ����ѹ��Ҿ ��� 31-36 3. ��ҹ�آ ���¶֧ ��������ö㨡�ô�ç���Ե���ҧ���آ �֧�բ�ͤӶ�� 16 ��� (��� 37-52) ��Сͺ����ͧ���Сͺ���´ѧ��� 3.1 �����㹵��ͧ ��� 37-40 3.2 ���㹪��Ե ��� 41-46 3.3 �آʧ��ҧ� ��� 47-52 ����Т���բ�ͤӶ��������͡ 4 �ӵͺ ��� ����ԧ ��ԧ�ҧ���� ����ҧ��ԧ ��ԧ�ҡ �������ͺ�������ͧ���� / 㹪�ͧ���Դ��ҵç�Ѻ���ͧ�ҡ����ش �������ṹ ���觢�ͤ����͡�� 2 ����� �������� 1 ������ 1, 4, 6, 7, 10, 12, 14, 15, 17, 20, 22, 23, 25, 28, 31, 32, 34, 36, 38, 39, 41, 42, 43, 44, 46, 48, 49, 50 ����Т������ṹ�ѧ��� �ͺ����ԧ ��� 1 ��ṹ �ͺ��ԧ�ҧ���� ��� 2 ��ṹ �ͺ����ҧ��ԧ ��� 3 ��ṹ �ͺ��ԧ�ҡ ��� 4 ��ṹ �������� 2 ������ 2, 3, 5, 8, 9, 11, 13, 16, 18, 19, 21, 24, 26, 27, 29, 30, 33, 35, 37, 40, 45, 47, 51, 52 แบบประเมินนี้เป็นประโยคที่มีข้อความเกี่ยวข้องกับอารมณ์และความรู้สึกที่แสดงออกในลักษณะต่างๆ แม้ว่า บางประโยคอาจจะไม่ตรงกับที่ท่านเป็นอยู่ก็ตาม ขอให้ เลือกคำตอบที่ตรงกับตัวท่านให้มากที่สุด และคำถามต่อไปนี้ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดี โปรดตอบตามความเป็นจริงและตอบทุกข้อ เพื่อท่านจะได้รู้จักตนเองและวางแผนพัฒนาตนเองต่อไป แบบทดสอบเชาวน์ปัญญาที่นิยมใช้เป็นมาตรฐานในประเทศไทย ได้แก่ Stanford-Binet Intelligence Scale และ Wechsler Intelligence Scale for Children ส่วนเครื่องมือวัดพฤติกรรมการปรับตนที่ใช้ ได้แก่ Vineland Adaptive Behavior Scalesชมรม TO BE NUMBER ONE เป็นชมรมที่รวบรวมคนดี คนเก่งและคนที่มีอุดมการณ์ที่จะสร้างกิจกรรมดีๆ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน สามารถจัดตั้งขึ้นได้ทั้งในสถานศึกษา สถานประกอบการ และชุมชน โดยชมรมในสถานศึกษาสมาชิกได้แก่ นักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษานั้นๆ ชมรมในสถานประกอบการสมาชิก ได้แก่ พนักงาน/ลูกจ้างในสถานประกอบการนั้นๆ ชมรมในชุมชน สมาชิก ได้แก่ เด็กและเยาวชนตลอดจนประชาชนทั่วไปในชุมชนนั้นๆ ชมรมในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สมาชิกได้แก่ เยาวชนในสถานพินิจและศูนย์ฝึกนั้น ชมรมในเรือนจำและทัณฑสถาน สมาชิกได้แก่ ผู้ต้องขังในเรือนจำและทัณฑสถานนั้น ชมรมในสำนักงานคุมประพฤติ สมาชิกได้แก่ ผู้กระทำความผิดในสำนักงานคุมประพฤตินั้น หลักเกณฑ์การตั้งชมรม TO BE NUMBER ONEองค์ประกอบในการดำเนินงานของชมรมTO BE NUMBER ONE ประกอบด้วย 3 ก ได้แก่ 1. คณะกรรมการหมายถึง กลุ่มบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างน้อย 5 คน เพื่อเป็นกรรมการชมรมประกอบด้วย 1. ประธาน 1 ตำแหน่ง และจะต้องมีการประชุมปรึกษาหารือร่วมกันในการจัดทำแผนงาน โครงการ งบประมาณ และกิจกรรมของชมรม อย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี คณะกรรมการ ได้จาก 1 การคัดเลือก ตัวอย่างการแบ่งคณะกรรมการ เช่น 1. ฝ่ายจัดหาทุน หมายเหตุ การแบ่งฝ่ายของคณะกรรมการขึ้นอยู่กับความต้องการ / ดุลยพินิจของแต่ละชมรม ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน 2. กิจกรรมชมรมหมายถึง “การทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น” เป็นสิ่งที่ชมรมจัดขึ้นเพื่อสมาชิกภายในชมรม หรือ มอบหมายสมาชิกเข้าร่วมดำเนินการกับหน่วยงาน/ องค์กรภายนอก การนับจำนวนตามเกณฑ์ชี้วัดว่าชมรมดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องให้นับรวมกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง / ปี ที่สำคัญต้องเป็นกิจกรรมที่สนับสนุนให้สมาชิกใช้ เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เกิดความภาคภูมิใจ และมองเห็นคุณค่าของตนเอง อันเป็นหนทางห่างไกลยาเสพติด รวมทั้งให้โอกาสและสนับสนุนการคืนคนดีสู่สังคมของสมาชิก “ใครติดยายกมือขึ้น” กิจกรรมภายใน เช่น การจัดกีฬาสี การจัดประกวดต่างๆ การจัดนิทรรศการ ฯลฯ ส่วนกิจกรรมภายนอก เช่น การไปร่วมเดินรณรงค์โครงการเพื่อสังคมต่างๆ การไปช่วยทำความสะอาด เก็บขยะ ทาสีกำแพงวัด หรือ ดูแลผู้สูงอายุ เป็นต้น กิจกรรมของชมรมต่างจากกิจกรรมของศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE เพราะกิจกรรมของศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE จัดได้เฉพาะภายในศูนย์และเพื่อสมาชิกที่มาใช้บริการที่ศูนย์ภายใต้กรอบ "ปรับทุกข์ สร้างสุข แก้ปัญหา และพัฒนา EQ" เท่านั้น การจัดกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกชมรม ดำเนินการตามยุทธศาสตร์หลัก 3 ยุทธศาสตร์ของโครงการ ได้แก่ 2.1 กิจกรรมในยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างกระแส เช่น - การรับสมัครสมาชิกชมรม 2.2 กิจกรรมในยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างภูมิคุ้มกันทางจิต เช่น - การจัดตั้งศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE 2.3 กิจกรรมในยุทธศาสตร์ที่ 3 การสร้างและพัฒนาเครือข่าย เช่น - สนับสนุนวิทยากร(อบรมให้ความรู้) เงินทุนและอุปกรณ์ แก่ชุมชนและสถานศึกษา ฯลฯ ในการจัดตั้ง ชมรม TO BE NUMBER ONE / ศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE หมายเหตุ การจัดกิจกรรมแต่ละครั้งอาจจัดอยู่ได้ในหลายยุทธศาสตร์ หรืออาจอยู่ในยุทธศาสตร์ที่ต่างกันในแต่ละครั้งที่จัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการจัดแต่ละครั้ง 3. กองทุนหมายถึง กรรมการและสมาชิกร่วมดำเนินการจัดตั้งกองทุนเพื่อนำเงินรายได้หมุนเวียนใช้จ่ายในชมรม ซึ่งเป็นแนวทางสู่ความยั่งยืนของชมรม รวมถึงทรัพย์สินของชมรมด้วย ซึ่งหมายถึง สิ่งใดสิ่งหนึ่งดังต่อไปนี้ 1) เงินซึ่งได้จากการบริจาค การจัดกิจกรรมเพื่อหาทุน หรือได้รับสนับสนุนจากภาครัฐหรือเอกชนต่างๆ - ประเภทไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เช่น ห้องประกอบกิจกรรมชมรมสถานที่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในกิจกรรมของชมรม เป็นต้น ตัวอย่างแหล่งที่มาของกองทุน 1. งบสนับสนุนจากสถานศึกษา/สถานประกอบการ - ค่าสมัครสมาชิก หลักเกณฑ์การตั้งศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONEศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE เป็นกิจกรรมหนึ่งของชมรม TO BE NUMBER ONE ที่มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เน้นการช่วยเหลือดูแลสมาชิกและพัฒนาสมาชิกให้มีคุณภาพและมีความสุข การดำเนินงานภายใต้แนวคิด “ปรับทุกข์ สร้างสุข แก้ปัญหา พัฒนา EQ” ทั้งจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง และการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม อาศัยกระบวนการกลุ่มให้เกิดความสนุก พร้อมกับการพัฒนาทักษะต่างๆ อาทิ การควบคุมอารมณ์ และความต้องการของตนเอง รู้จักเห็นใจผู้อื่น มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม (ดี)มีความสามารถ ในการรู้จักตนเอง มีแรงจูงใจ สามารถตัดสินใจแก้ปัญหา แสดงออกได้อย่างเหมาะสม และมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น (เก่ง) มีความภาคภูมิใจในตนเอง พอใจในชีวิต มีความสงบสุขทางใจ และสามารถดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข (สุข) รวมทั้งจัดบริการเพื่อให้โอกาสสำหรับการแสดงออกถึงพลังสร้างสรรค์ที่มีอยู่ ของวัยรุ่นในสถานศึกษา เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิต และป้องกันแก้ไขปัญหาพฤติกรรมวัยรุ่นเชิงรุกในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาวัยรุ่นได้ง่าย 1. วัตถุประสงค์เพื่อให้วัยรุ่นและเยาวชน 1. ที่มีปัญหา หรือต้องการความช่วยเหลือ ได้รับคำปรึกษา แนะนำ ที่ถูกต้องเหมาะสม จากผู้เชี่ยวชาญ หรือเพื่อนอาสาสมัครที่ผ่านการอบรม 2. กลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและเยาวชน อายุ 10 – 22 ปี โดยจำแนกเป็นอาสาสมัคร/แกนนำ และสมาชิกศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ที่มาใช้บริการในศูนย์ และครอบครัว 3. หลักการการดำเนินงานในศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ยึดหลัก “คิดและดำเนินงานโดยเยาวชน เพื่อเยาวชน” ดังนั้นการบริหารจัดการภายในศูนย์ฯ จึงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของแกนนำ อาสาสมัครประจำศูนย์ ซึ่งมีจำนวนประมาณแห่งละ 30 คน เพื่อผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาปฏิบัติหน้าที่ภายในศูนย์วันละ 3 - 5 คน โดยการปฏิบัติหน้าที่จะต้องไม่มีผลกระทบต่อการเรียน 4. การดำเนินงาน มีองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ1. ผู้ให้บริการ คือ อาสาสมัครประจำศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรการดำเนินงานในศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ของกรมสุขภาพจิต ให้มีความรู้ ความสามารถด้านการให้คำปรึกษา การจัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อให้เยาวชนได้ฝึกคิดแก้ปัญหา พัฒนาEQ และการบริหารจัดการด้านอื่นๆ ภายในศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE จะเป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ภายใต้การควบคุมดูแลของที่ปรึกษา ซึ่งอาจประกอบด้วย อาจารย์ ที่ปรึกษาศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE เจ้าหน้าที่เขตพื้นที่การศึกษา บุคลากรสาธารณสุข และ/ หรือบุคลากรองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละจังหวัด โดยแบ่งหน้าที่ของผู้ให้บริการเป็นผู้จัดการศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE และแกนนำอาสาสมัครประจำศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ดังนี้ 1.1 ผู้จัดการศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE คัดเลือกมา 1 คน มีหน้าที่ ความรับผิดชอบ - หน้าที่ด้านบริหาร ได้แก่ เป็นผู้นำในการจัดทำแผนการดำเนินงานภายในศูนย์ ทั้งแผนงาน แผนกิจกรรมและแผนเงิน , มอบหมายงานแก่บุคลากรในทีม , จัด ตกแต่ง ปรับปรุงสถานที่ จัดบริการภายในศูนย์ให้เป็นไปตามความต้องการ และจัดทำทะเบียน ตรวจสอบ วัสดุ ครุภัณฑ์ ภายในศูนย์ 1.2 แกนนำอาสาสมัครประจำศูนย์ฯ ควรมีจำนวนไม่น้อยกว่า 30 คน เพื่อผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้บริการสมาชิกในศูนย์ฯ ได้วันละ 3 - 4 คน โดยไม่เสียการเรียน หรือ การทำงานทุกวัน มีหน้าที่ความรับผิดชอบ - ร่วมจัดทำแผนงาน แผนกิจกรรม และแผนเงิน 1.3 บทบาทของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE (ทั้งผู้จัดการและแกนนำ อาสาสมัครประจำศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE) - เป็นที่พึ่งพาทางใจ คอยปรับทุกข์ และให้คำปรึกษา 1.4 คุณสมบัติของเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE - มีความสมัครใจ ที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม 2. กิจกรรมบริการ 2.1 บริการให้คำปรึกษา (Counselling) มีบริการใน 2 ลักษณะ คือ 2.1.1 บริการปรึกษาเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่ม (Walk in) ตัวอย่างบริการให้คำปรึกษา - บริการปรึกษาเป็นรายบุคคล /รายกลุ่ม 2.2 บริการฝึกคิดแก้ปัญหาพัฒนา EQ บริการด้วยกิจกรรม 2 ลักษณะ คือ 2.2.1 กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self Study) เช่น เรียนรู้จากโปรแกรมสำเร็จรูปคอมพิวเตอร์ หนังสือ และแบบประเมิน เป็นต้น 2.3 บริการจัดกิจกรรมเสริมทักษะเชิงสร้างสรรค์เพื่อสร้างสุข ให้แกนนำ อาสาสมัครประจำศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ดำเนินการสำรวจความต้องการ / ความสนใจของสมาชิกในชมรม TO BE NUMBER ONE เพื่อนำมาจัดบริการสร้างสุขขึ้นภายในศูนย์ฯ อาทิ กิจกรรมทางด้าน ดนตรี กีฬา ศิลปะ พัฒนาบุคลิกภาพ เกมส์เชาวน์ปัญญา กิจกรรมพัฒนาด้านภาษา พัฒนาด้านอาชีพฯ กิจกรรมใดที่สมาชิกต้องการเพิ่ม หรือเปลี่ยนแปลง ก็ให้ดำเนินการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม วิทยากรที่ให้ความรู้อาจเป็นสมาชิกชมรม TO BE NUMBER ONE ที่มีความสามารถในแต่ละด้านและเป็นที่ยอมรับ และหรือร่วมด้วยวิทยากรภายนอกที่เป็น IDOL ของสมาชิก เช่น ศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง นักเขียน นักแต่งเพลง พิธีกร นาง – นายแบบ DJ VJ เป็นต้น 5. วันเวลาให้บริการ1. ให้แต่ละแห่งเป็นผู้กำหนดวัน เช่น ให้บริการทุกวันรวมทั้งเสาร์ – อาทิตย์ หรือ เว้นเสาร์ – อาทิตย์ เป็นต้น ช่วงเวลาเวลาเช้า07.30 – 08.30 น.กลางวัน12.00 – 13.00 น.เย็น15.30 – 17.30 น. 6. ประเภทของศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE1. ศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ในห้างสรรพสินค้ากรุงเทพมหานคร 4 แห่ง ดำเนินการโดย กรมสุขภาพจิต ได้แก่ - ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ 2. ศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษาจำเป็นต้องจัดตั้ง โดยกำหนดเป็นตัวชี้วัดผลงานของชมรม TO BE NUMBER ONE ในสถานศึกษา 7. สถานที่และการตกแต่งศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE- พื้นที่ในอาคารที่มีขนาดไม่น้อยกว่า 100 ตารางเมตร ข้อสังเกต 1. ควรเลือกสถานที่ที่วัยรุ่นและเยาวชนสามารถมาใช้บริการได้สะดวก ถ้าให้ดีควรอยู่ชั้นล่าง หมายเหตุ 1. การจัดตั้งศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE ในสถานประกอบการ แผนงาน แผนกิจกรรม และแผนเงินให้เป็นไปตามบริบทของสถานประกอบการ เพราะสมาชิกชมรมที่มาใช้บริการในศูนย์ฯ เป็นพนักงานและมีเกณฑ์เฉลี่ยอายุที่สูงกว่า สำหรับหลักการและวิธีดำเนินงานต้องให้คิดและบริหารจัดการ โดยพนักงาน ซึ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาปฏิบัติหน้าที่โดย ไม่กระทบต่อการทำงาน 8. หลักเกณฑ์การอบรมแกนนำอาสาสมัครประจำศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE1. สถานศึกษา 1.1 แกนนำอาสาสมัครแต่ละแห่งควรมีไม่น้อยกว่า 30 คน เพื่อให้สามารถผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาปฏิบัติหน้าที่ให้บริการ ปรับทุกข์ สร้างสุข แก้ปัญหา พัฒนา EQ ตามตารางที่จัดไว้โดยไม่เกิดผลกระทบต่อการเรียน ทั้งนี้ควรเฉลี่ยจำนวนแกนนำมาจากระดับต่างๆ ดังนี้ ระดับการศึกษาระดับชั้นจำนวนระดับมัธยมศึกษาม. 65 – 10 คนม. 510 คนม. 410 คนระดับอุดมศึกษาปี 45 – 10 คนปี 310 คนปี 210 คนปี 15 คน1.2 แต่ละจังหวัดหรือเขตไม่จำเป็นต้องอบรมแกนนำทุกโรงเรียนหรือทั้งจังหวัดทั้งเขต ควรเลือกเฉพาะโรงเรียนที่มีความพร้อม เพื่อเน้นคุณภาพและความสำเร็จและให้เป็นแม่ข่าย 1.3 การอบรมไม่จำเป็นต้องจัดทุกปี เพราะรุ่นพี่ สามารถถ่ายทอดวิธีการทำงานสู่รุ่นน้อง โดยเรียนรู้จากการทำงานร่วมกัน |