สำหรับท่านใดที่มีปัญหาไฟหน้ารถไม่ค่อยสว่าง ไม่ ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม หากต้องการเพิ่มกำลังวัตต์ให้สว่างมากขึ้นกว่าเดิมนั้น ปัจจุบันมีหลอดไฟให้เลือกหลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติความสว่างแตกต่างกันไป รวมถึงราคาหลอดไฟด้วย ชนิดของหลอดไฟรถมีดังนี้ ชนิดของหลอดไฟหน้ารถที่นิยมในปัจจุบัน หลอดฮาโลเจน (HALOGEN BULB) ส่วนมากเป็นหลอดไฟที่ติดรถออกมาจากโรงงาน มีลักษณะเป็นขดลวด ภายในหลอดแก้วมีก๊าซฮาโลเจนบรรจุอยู่ ซึ่งจะมีขนาด (ไฟต่ำ 55 วัตต์ และไฟสูง 60 วัตต์) บางครั้งขับออกต่างจังหวัดทัศนวิสัยอาจไม่ค่อยดี หลายท่านจึงอัพเกรดกำลังวัตต์ให้เพิ่มมากขึ้นเป็น (ไฟต่ำ 80 วัตต์ และไฟสูง 100 วัตต์) หลอดซีนอน (XENON) หรือหลอดเอชไอดี (HID) เป็นเทคโนโลยีไฟส่องสว่างที่ต่างไปจากระบบหลอดฮาโลเจน แสงของหลอดไฟซีนอนจะเกิดจากการปล่อยกระแสไฟให้วิ่งผ่านก๊าชซีนอนให้แสงที่ มากขึ้น และคุณควรใช้คู่กับโคมไฟโปรเจคเตอร์เพื่อกันไม่ให้ลำแสงกระจัดกระจายออกไป รบกวนคนอื่น หลอดแอลอีดี (LED) มีมานานแล้วแต่เพิ่งถูกพัฒนาเพื่อนำมาใช้กับรถยนต์ ที่สำคัญหลอด led ประหยัดพลังงาน และได้รับความนิยม มักใส่คู่กับโคมโปรเจคเตอร์ มีความสวยงามดูดีมีชาติตระกูล
วิธีเปลี่ยนหลอดไฟหน้ารถ - ดึงปลั๊กไฟบริเวณโคมไฟออก การเปลี่ยนหลอดไฟหน้ารถด้วยตนเองไม่ได้ยากอย่างที่คิดเพียงคุณมีพื้นฐานความ เป็นช่างก็สามารถซื้อมาเปลี่ยนเองได้ แต่สำหรับใครที่ไม่มีพื้นฐานเลยแนะนำให้ไปเปลี่ยนที่อู่ซ่อม หรือศูนย์บริการจะดีกว่าครับ
เวลากลางคืน ความมืด คือ จุดอ่อนของการมองเห็น โดยเฉพาะการขับรถ อย่าปล่อยให้รถ "หน้ามืด" เพราะนั่น อาจเป็นบ่อเกิดของอุบัติเหตุ ! อายุของหลอดไฟหน้า ในคู่มือของรถไม่ได้ระบุเอาไว้ เนื่องจากไม่สามารถกำหนดระยะเวลาที่แน่นอนได้ เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น คุณภาพการผลิต ระยะเวลาในการเปิดใช้งาน ซึ่งแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วอายุของหลอดไฟหน้าทั่วไป (ฮาโลเจน) จะอยู่ประมาณ 2,000-2,500 ชม. จึงควรมีหลอดไฟหน้าสำรองติดบ้านไว้อีกสักชุด ชนิดของหลอดไฟหน้าในปัจจุบัน
1. หลอดฮาโลเจน (Halogen Bulb) หลอดฮาโลเจนนั้นมีขดลวดทังสเตนภายในครอบแก้วควอร์ทซ์ ซึ่งบรรจุแกสฮาโลเจน หลอดฮาโลเจนจะให้แสงสว่างมาก มีลำแสงยาวและเป็นแสงขาว ซึ่งทำให้เห็นสีและภาพต่างๆ ได้ชัดเจน ไอระเหยของแร่ทังสเตนจากขดลวดจะไม่ไปสะสมและเกาะที่บริเวณครอบแก้วด้านในของหลอดไฟ แต่จะปะปนอยู่กับแกสฮาโลเจนภายในหลอด และจะสะสมกลับไปที่ขดลวดอีกครั้ง ซึ่งช่วยให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น
2. หลอด HID (High Intensity Discharge)
ลักษณะรูปแบบของหลอดไฟ หลอด H1 จะมีลักษณะเป็นหลอดไส้เดียวดวงเดียว เป็นแบบเสียบเข้ากับขาเสียบด้านหลัง ใช้กับโคมไฟแบบแยกไฟสูงกับไฟต่ำ ส่วนใหญ่อยู่ในรถยุโรป หรือรถญี่ปุ่นรุ่นใหญ่ๆ หลอด H4 แบบนี้จะได้รับความนิยมจากผู้ผลิตมากที่สุด (รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ในบ้านเราใช้หลอดรุ่นนี้) จะมีลักษณะอ้วน ไส้หลอดเรียงตามยาว ชั้นบนจะมีฝาครอบไว้เป็นไฟต่ำ ส่วนชั้นล่างจะมีเพียงขดลวดเท่านั้น (ไม่มีฝาครอบ) เมื่อติดพร้อมกันจะเป็นไฟสูง ด้านท้ายจะมี 3 ขา สำหรับไฟสูง/ต่ำ และขั้วดินอีก 1 ขา หลอด H7 สำหรับรถยุโรปที่มีลักษณะผสมกันระหว่าง H1 กับ H4 คือ มีไส้เดียว แต่ใช้เบ้าใหญ่ เพื่อรองรับกับหลอดไฟแบบ HID เป็นต้น
กฎหมายน่ารู้เกี่ยวกับไฟรถยนต์ ขั้นตอนการเปลี่ยนหลอดไฟหน้า 1. ดึงปลั๊กไฟที่อยู่บริเวณหลังโคมไฟออกก่อน
2. ค่อยๆ ดึงตัวกันฝุ่นออกอย่างช้าๆ
3. จะเห็นตัวดันหลอดไฟ ส่วนใหญ่เป็นเหล็กเส้นเล็ก ให้กด และดันลงไปเล็กน้อย เหล็กจะหลุดออกจากเบ้าโคมไฟ 1 ข้าง
4. จับบริเวณขั้วหลอดไฟ แล้วหมุนขั้วหลอดไฟ ให้หลุดออกจากเบ้าโคม ระวังหลุดมือ
5. หยิบหลอดไฟออกจากกล่อง โดยห้ามใช้มือสัมผัสที่ตัวหลอด
6. หมุนหลอดไฟเข้าไปในตำแหน่งเดิม ระวังหล่นลงไปในโคมและห้องเครื่อง
7. กดตัวดันหลอดไฟ ให้ลอคกับเบ้าโคมจนแน่น และใส่ยางกันน้ำให้แน่นสนิท เสียบปลั๊ก ทดลองเปิดใช้งาน
ข้อควรระวัง ส่วนวิธีการปรับตั้งไฟหน้า 1. จอดบนพื้นราบเรียบ โดยหันหน้ารถเข้าหากําแพง
3. เปิดไฟหน้ารถ อยู่ในตำแหน่งไฟต่ำ 4. นำเทปกาวติดลงบนกำแพง (ตามรูปด้านล่าง) 5. จากนั้นให้ถอยรถออกจากกำแพงประมาณ 7.6 ม. (ล้อยังตรงอยู่) 6. ปรับตั้งโคมไฟด้านซ้ายก่อน นำกระดาษทึบแสง บังไฟหน้าด้านขวาไว้
7. ใช้ไขควงหมุนนอทจานสะท้อนแสงในตำแหน่งสูงต่ำ ให้จุดรวมแสงต่ำกว่าเทปกาวที่ปิดไว้ประมาณ 2 นิ้ว 8. ปรับหมุนนอทในตำแหน่งซ้ายและขวา โดยโคมด้านซ้ายจะต้องเอียงออกซ้ายเล็กน้อย และทำการปรับอีกข้างที่เหลือ |