โรคซึมเศร้า (Depression) หนึ่งในอาการทางใจที่คนนับล้านบนโลกกำลังเผชิญ ด้วยตัวเลขของผู้คนมากกว่า 300 ล้านคน หรือเกือบ 4% ของประชากรโลกที่กำลังประสบปัญหาจากอาการ โรคซึมเศร้า ในประเทศไทยพบว่ามีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอยู่ที่ 1.5 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติที่ชี้ให้เห็นว่าโรคซึมเศร้าอยู่ใกล้เรากว่าที่คิด และแทรกซึมอยู่ในคนทุกช่วงวัยโดยไม่รู้ตัว บทความนี้จึงนำวิธีสังเกตโรคซึมเศร้าและวิธีรักษาโรคซึมเศร้าด้วยตัวเองมาฝากกัน โรคซึมเศร้าคืออะไร มีแบบไหนบ้าง ?โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่มีความผิดปกติจากสมองในส่วนของความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรมและร่างกาย ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้แสดงอาการร่วมกัน แม้ความวิตกกังวลจะเป็นหนึ่งในปัจจัยเร่งที่ทำให้เกิดอาการโรคซึมเศร้า แต่แท้จริงแล้วสาเหตุหลักที่ส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้ามีอยู่ด้วยกัน ดังนี้
ทั้งนี้ โรคซึมเศร้าสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ตามลักษณะอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้ ประเภทของโรคซึมเศร้าอาการโรคซึมเศร้าแบบเมเจอร์ ดีเพรสชั่น (Major Depression)อาการหลักของคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า โดยอาการโรคซึมเศร้าพื้นฐาน คือ รู้สึกท้อแท้ เศร้า นอนน้อยหรือมากจนเกินไป น้ำหนักขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว สำหรับผู้ที่เข้าข่ายโรคซึมเศร้ามักมีอาการซึมเศร้าติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์โรคซึมเศร้าแบบดิสทีเมีย (Dysthymia Depression)อาการโรคซึมเศร้าที่มีความรุนแรงน้อยกว่าโรคซึมเศร้าแบบเมเจอร์ ดีเพรสชั่น สังเกตได้จากไม่อยากอาหารหรือกินมากเกินไป นอนหลับน้อยหรือมากเกินไป อ่อนแรง รู้สึกสิ้นหวัง แต่ความรุนแรงของอาการจะน้อยกว่า โดยคนที่เป็นโรคซึมเศร้าแบบดิสทีเมียจะมีอาการอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2 ปีโรคซึมเศร้าก่อนมีประจำเดือน (Premenstrual Depression)สภาวะร่างกายที่เปลี่ยนแปลงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือนสำหรับผู้หญิงบางคนที่จะมีอาการคล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้า เช่น รู้สึกเศร้า อ่อนไหวง่าย รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย พฤติกรรมการนอนที่ผิดแปลกไปจากเดิม เป็นต้น โดยโรคซึมเศร้าก่อนมีประจำเดือนอาการจะดีขึ้นหลังจากมีประจำเดือน 2-3 วันนอกจากนี้ยังมีวิธีเช็กอาการโรคซึมเศร้าด้วยตัวเอง ที่อาจบ่งบอกได้ว่ากำลังเผชิญกับโรคซึมเศร้าอยู่ ซึ่งหากใครที่มีอาการเหล่านี้ครบหรือเกิน 5 ข้อ และมีอาการติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ รวมถึงมีความรู้สึกเหล่านี้ตลอดเวลา แสดงว่าคุณมีโอกาสเป็นโรคซึมเศร้า
วิธีรักษาโรคซึมเศร้า บรรเทาด้วยตัวเองได้ไหม ?การจัดการความรู้สึกเศร้า หรืออาการดาวน์ด้วยตัวเองเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรกๆ แต่ในวันที่จิตตกหรืออ่อนแอจนเกินไป สำหรับใครที่รู้สึกไม่ค่อยไหว การได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหรือนักจิตวิทยาโดยตรงคือสิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม ซึ่งปัจจุบันได้มีช่องทางปรึกษาออนไลน์ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีภาวะความเศร้าหรือสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างใกล้ชิด อย่าง iSTRONG บริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตออนไลน์ (Mental Health Care Service) บนแอปพลิเคชัน Cigna Anyware App ที่คุณสามารถเลือกแชท หรือวิดีโอคอลพูดคุยกับนักจิตวิทยามืออาชีพที่มีใบประกอบวิชาชีพรับรองแบบส่วนตัวโดยตรง อีกหนึ่งในบริการที่พร้อมเคียงข้างและเข้าถึงทุกสุขภาพคนไทย รองรับทั้งลูกค้าประกันแบบกลุ่มและรายเดี่ยว ทั้งยังมีแบบประเมินทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับโรค เช่น ความเครียดและภาวะหมดไฟ (Burnout) ความอดทนและพยายาม ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นต้น ก่อนจะนำไปสู่วิธีรักษาโรคซึมเศร้า โดยแบ่งออกตามระดับอาการ ดังนี้
รวมถึงการหากิจกรรมอื่นๆ ที่ชอบทำ เพื่อหาแรงบันดาลใหม่ๆ จุดไฟให้พลังชีวิตได้ลุกโชนอีกครั้ง! เพราะการค่อยๆ ปรับพฤติกรรมทีละนิดก็สามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ หรือลองหันไปออกกำลังกายก็ช่วยกระตุ้นโดพามีน หรือสารแห่งความสุขได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ถึงอาการจะเศร้าแต่โรคซึมเศร้าไม่เศร้าอย่างที่คิด เพียงแค่เข้าใจและเรียนรู้ก็สามารถอยู่ร่วมและมีโอกาสหายได้ |