บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จํากัด มหาชน

2 ม.ค. 2018

เปิดตำนาน แป้งเย็นตรางู / โดย ลงทุนแมน X Stock Vitamins

ย้อนกลับไป 125 ปีที่แล้ว นายแพทย์โธมัส เฮย์วาร์ด เฮย์ อาจารย์หมอโรงพยาบาลศิริราชและ ดร.ปีเตอร์ กาแวน ได้ก่อตั้งห้างขายยาอังกฤษตรางู ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2435 ณ สยามประเทศ โดยชั้นบนเปิดเป็นคลินิกรักษา ส่วนชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายยามีเภสัชกรประจํา ซึ่งถือว่าสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในวงการแพทย์ของไทยในสมัยนั้นที่คุ้นเคยกับการรักษาด้วยยาสมุนไพรโบราณ หรืออาศัยการ “แมะ” จากหมอจีน

กิจการดำเนินไปด้วยดีมาหลายสิบปี จนกระทั่งปี พ.ศ.2471 นายห้างฝรั่งซึ่งตอนนั้นเปลี่ยนมือมาเป็นของ มร.แมคเบธ ที่จะเกษียณตัวเองและเดินทางกลับบ้านที่ต่างประเทศ จึงอยากขายกิจการให้หมอล้วน ว่องวานิช ที่ทำงานอยู่ที่ร้านเพราะเห็นว่าเป็นคนซื่อสัตย์ เก่ง และเอาใจใส่ลูกค้าเป็นอย่างดี ถึงขนาดที่ว่าหมอล้วนไม่มีเงิน ยังพาไปคุยกับนายธนาคารเรื่องกู้เงินให้และขายให้ในราคาเพียง 100,000 บาท เพราะอยากฝากกิจการให้อยู่กับคนที่ดีดูแล เพื่อที่จะอยู่ไปได้นาน ๆ ซึ่งมร. แมคเบธ ก็ดูคนไม่ผิดเพราะกิจการตรางูก็อยู่ได้มาจนทุกวันนี้

หมอล้วนได้ชื่อว่าเป็นต้นตำรับของผู้ผลิตแป้งเย็นรายแรกในประเทศไทย คือ
พ.ศ. 2475 ผลิตแป้งน้ำมโนรา ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นแป้งน้ำควินนา ขวดสีฟ้า
พ.ศ. 2484 ผลิตแป้งเด็กเซนลุกซ์ โดยรูปเด็กบนขวดก็คือหลานชายคนแรกของตระกูลนั่นเอง

จนมาถึงปี พ.ศ. 2490 ตำนานแป้งเย็นตรางู ก็ถือกำเนิดขึ้นมา เมื่อนายบริสเบน ทนายความมาหาหมอเนื่องจากเป็นผดผื่นคัน หมอล้วนให้คาราไมล์ไปทาก็ไม่หาย และก็มีคนไข้อีกหลายคนที่เป็นอาการเดียวกัน หมอล้วนจึงคิดสูตรแป้งเย็นเฉพาะของตรางูขึ้นมา โดยมีส่วนผสมของแป้ง การบูร และเมนทอล ปรากฎว่าได้ผลดี ผดผื่นคันหาย และยังเย็นสบายตัวอีกด้วย สรรพคุณของแป้งเย็นตรางูจึงเป็นที่เลื่องลือกันปากต่อปาก จนได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศมาจนถึงทุกวันนี้ ถึงขนาดที่ว่าติด 1 ใน 10 อันดับ สินค้าที่นักท่องเที่ยวชาวจีนต้องซื้อกลับบ้านกันเลยทีเดียว

ปัจจุบัน นอกจากแป้งเย็นตรางูแล้ว ยังมีเจลอาบน้ำตรางู ทิชชู่เปียกตรางู ยาแก้ไข้เด็กตรางู ยาแก้ไอเด็กตรางู ยาแก้หวัดเด็กตรางู ยาแก้ไอน้ำดำตรางู เรียกได้ว่าหลากหลายมากมายกับผลิตภัณฑ์ภายใต้ชื่อ ตรางู รวมถึงไปควบรวมกิจการบริษัทฟาร์มาคอสเม็ท เจ้าของแบรนด์สกาแคร์และทีทรี ออยล์ เข้ามาอีกด้วย

คำถามที่หลายคนสงสัย คือ ทำไมต้องเป็น “งู” และทำไมถึงมีลูกศรปัก ?
งู หมายถึง โรคภัยไข้เจ็บ
ลูกศร หมายถึง การฆ่าหรือการทำลาย
รูป งูโดนลูกศรปัก ก็คือ การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

ดังนั้นแป้งเย็นตรางู จึงไม่ได้มีดีแค่ เย็น แต่ยังเป็น แป้งยา ที่ช่วยรักษาอาการไม่สบายผิว เช่น ผด ผื่นคัน ที่เกิดจากอากาศร้อน หรือจากการอับชื้นจากเหงื่อไคล อีกด้วย

ปัจจุบัน บริษัทได้รวมธุรกิจภายใต้ชื่อ BD Group หรือ กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู ประกอบด้วย 6 บริษัท มีผลประกอบการปี 2559 ดังนี้
บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ โฮลดิ้ง จำกัด รายได้ 8.7 แสนบาท กำไรสุทธิ 2.8 แสนบาท
บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จำกัด (มหาชน) รายได้ 602 ล้านบาท กำไรสุทธิ 52 ล้านบาท
บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ เฮลท์แคร์ จำกัด รายได้ 166 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21 ล้านบาท
บริษัท ห้างขายยาอังกฤษ (ตรางู) จำกัด รายได้ 112 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 8 แสนบาท
บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด รายได้ 686 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3 ล้านบาท
บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) สาย 5 จำกัด รายได้ 158 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12 ล้านบาท
รวมทั้งหมด รายได้ 1,725 ล้านบาท กำไรสุทธิ 87 ล้านบาท

“คุณธรรมนำธุรกิจ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี”

คือหลักคิดสำคัญที่ถูกถ่ายทอดมาตั้งแต่รุ่นหมอล้วนจนมาถึงรุ่นหลานที่เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 คำสอนที่หมอล้วนมักสอนลูก หลานเป็นประจำก็คือ “อย่าได้เอาเปรียบคนอื่น เพราะคนที่เสียเปรียบเขาจะเกลียดเรา ถ้าเรายอมเสียเปรียบบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ คนที่ได้เปรียบเขาจะรักเรา วันหลังเขาจะช่วยเราเองโดยไม่ต้องขอร้อง” ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแป้งตรางูถึงใช้กระป๋องเหล็กทั้ง ๆ ที่ต้นทุนสูงกว่า แต่พราะสามารถเก็บความเย็นได้ดีกว่าวัสดุอื่น โดยเก็บความเย็นได้ยาวนานถึง 3 ปี ถึงแม้จะแพง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าถ้าเทียบกับสิ่งที่ผู้บริโภคได้รับ

หรือแม้กระทั่งการที่บริษัทเอาที่ดินมาปลูกบ้านให้พนักงานผ่อนแทนที่จะเอาไปขายได้ราคาดี หรือเอาที่ดินมาจัดตั้งธรรมสถานว่องวานิช เพื่อให้พนักงาน และคู่ค้ามานั่งวิปัสสนากัน (โดยปกติบริษัทอื่นจะพาลูกค้าไปทัวร์ต่างประเทศ แต่ของตรางู จัดทัวร์ธรรมะให้แทน) นี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพนักงานของบริษัทมากกว่า 70% ถึงทำงานที่นี่มากกว่า 10 ปี

คุณอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหาร เคยกล่าวไว้ว่า บริษัทเราไม่อยากโตแบบก้าวกระโดด แต่ขอโตแบบยั่งยืน ให้ทุกคนทำงานด้วยกันอย่างมีความสุขทั้งพนักงานและคู่ค้า

เรื่องนี้ทำให้คิดได้ว่า

ในบางครั้งโลกของธุรกิจอาจจะไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตาย

การใช้คุณธรรมนำธุรกิจก็อาจเป็นแนวทางหนึ่งที่ถึงแม้ตัวเราเองไม่ได้กำไรมากที่สุด

แต่ถ้ามองภาพใหญ่

ทุกคนโดยรวมจะได้ประโยชน์สูงสุด

สุดท้ายทุกการกระทำของเราที่เกิดขึ้น จะย้อนกลับเป็นกำไรในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน

อย่างน้อยความสุข ความอิ่มใจ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองก็น่าจะล้นเกินกว่าที่จะวัดเป็นมูลค่าได้..
----------------------
ถ้าชอบเรื่องราวแบบนี้ อ่านบทความของลงทุนแมนแบบรวมเล่มได้ในหนังสือ ลงทุนแมน 1.0 หาซื้อได้ที่ ร้านหนังสือชั้นนำได้แล้ววันนี้

หรือ ที่เว็บไซต์ shoptAt24 ส่งฟรีที่ร้าน 7-11 ทุกสาขา goo.gl/Z125LL
----------------------

ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล

|

22 มี.ค. 2565 เวลา 6:25 น. 3.1k

เปิดตำนาน “อังกฤษตรางู” ที่ยืนหยัดมาจนวันนี้ 130 ปี ผู้สร้าง “แป้งเย็น” รายแรกของโลก พร้อมยุทธศาสตร์เดินหน้า “โปรดักส์อินโนเวชั่น” สู่ผู้นำตลาดอาเซียน

เชื่อว่าคนไทยกว่าค่อนประเทศ เกิดมาพร้อมกับแป้งตราสัญลักษณ์ “งู มีลูกศรปัก” และคุ้นเคยกับชื่อของ “อังกฤษตรางู” อีกหนึ่งแบรนด์ที่เดินหน้าเติบโต จนวันนี้มีอายุครบ 130 ปี กลายเป็นตำนานแบรนด์ไทย ที่ยืนหยัดเติบโตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมาจนถึงวันนี้

“อังกฤษตรางู” ก่อตั้งขึ้นในปี 2435 โดยนายแพทย์โทมัส เฮย์วาร์ด เฮย์ และดร.ปีเตอร์ กาแวน เปิดเป็นร้านขายยา โดยใช้ชื่อว่า British Dispensary แต่คนไทยไม่สามารถออกเสียงได้ จึงเรียกตามสัญลักษณ์ของห้างว่า “ห้างขายยาอังกฤษตรางู” ซึ่งมีสัญลักษณ์รูป "งูถูกศรปัก" เป็นเครื่องหมายการค้า ห้างขายยาอังกฤษ (ตรางู) แห่งแรกตั้งอยู่ที่ปากตรอกโรงภาษีข้าม มุมถนนสุรวงศ์ ซึ่งเป็นละแวกที่ชาวต่างประเทศอาศัยหนาแน่น  

บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จํากัด มหาชน

ต่อมาในปี 2471 หมอล้วน ว่องวานิช เข้าซื้อกิจการมาบริหารต่อ โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าจากต่างประเทศ เช่น บูธส์, อลิซาเบธอาร์เดน, คริสเตียนดิออร์ พร้อมทั้งเริ่มคิดค้นพัฒนาสูตรสินค้าต่างๆ จนเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์ "แป้งเย็น" รายแรกของประเทศไทย โดยเริ่มผลิตแป้งน้ำมโนรา ในปี 2475  ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นแป้งน้ำควินนา กลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของเครื่องสำอางในยุคนั้นที่มีทั้งความหอมและความเย็น

ปี 2484 หมอล้วน ว่องวานิช ได้พัฒนาสินค้าใหม่ คือ “แป้งเด็กเซนลุกซ์”  เพื่อสนองตลาดที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสำหรับเด็ก

ก่อนที่ประวัติศาสตร์ของ “อังกฤษตรางู” จะบันทึกไว้ว่า ตำนานแป้งตรางู ต้นตำรับแป้งเย็นเจ้าแรกของโลก เกิดขึ้นในปี 2490 เมื่อนายบิรสเบน ทนายความมาหาหมอเนื่องจาก เป็นผดผื่นคัน หมอให้คาราไมไปทาไม่หาย หมอล้วนจึงคิดสูตรแป้งเย็นโดยผสมแป้งและเพิ่มความเย็นไปใช้ ปรากฎว่าได้ผลดี ผดผื่นคันหาย และยัง สบายตัว สรรพคุณของแป้งเย็นตรางูจึงเป็นที่เลื่องลือกันปากต่อปาก จนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพื่อใช้บรรเทาอาการผดผื่นคันและทำให้รู้สึกเย็นสบายผิว ถือเป็นแป้งเย็นต้นตำรับยี่ห้อแรกที่ผลิตขึ้นโดยคนไทยที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และยังส่งออกไปจำหน่ายต่างประเทศ

บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จํากัด มหาชน

5 ปีต่อมา เมื่อแป้งตรางูได้รับความนิยมอย่างมาก หมอล้วนจึงคิดค้นวิธีเก็บความเย็นให้ได้นานยิ่งขึ้น และใช้งานได้ง่ายขึ้น นำมาสู่กระป๋องเหล็กอันเป็นเอกลักษณ์ของแป้งตรางู ที่ยังคงรูปแบบที่คนไทยเห็นก็ต้องรู้จักมายาวนานถึง 60 ปี โดยในช่วงแรกนั้น กระป๋องจำเป็นต้องนำเข้ามาจากเมืองนอก จนกระทั่ง กระป๋องประสบภาวะขาดแคลน ประกอบกับประเทศไทยสามารถผลิตกระป๋องได้เอง จึงเปลี่ยนมาใช้กระป๋องที่ผลิตภายในประเทศไทยในภายหลัง

นับจากวันนั้น “อังกฤษตรางู” เริ่มค้นคว้าและพัฒนาสินค้าด้านเวชภัณฑ์ ผลิตยาแก้ไข้เด็กตรางู, ยาแก้ไอเด็กตรางู, ยาแก้หวัดเด็กตรางู ยาแก้ไอน้ำดำตรางู, น้ำมันเซนลุกซ์ ฯลฯ

บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จํากัด มหาชน

ต่อมาในปี 2506 ก่อตั้งบริษัท แอล.พี.แสตนดาร์ด แลบบอราทอรี่ส์ จำกัด โรงงานผลิตเวชภัณฑ์ และเครื่องสำอาง เพื่อรองรับการขยายการผลิตสินค้าคุณภาพสูง ที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานการผลิต GMP จากกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 จนถึงปัจจุบัน

ภาพของอังกฤษตรางู เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อถูกส่งไม้ต่อมาจากดร.บุญยง ว่องวานิช ทายาทรุ่น 2 สู่ “อนุรุธ ว่องวานิช”  ทายาทรุ่น 3 ที่เริ่มเข้ามาดูแลบริหารงานในปี 2528  ขยายตลาดสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง เช่น ผลิตภัณฑ์เด็กเซนลุกซ์, แชมพูเซนลุกซ์ สูตรเย็น, สบู่เย็นตรางู และวางตลาดผลิตภัณฑ์เด็กเซนลุกซ์ แป้ง สบู่ แชมพู โลชั่นเด็ก ครบไลน์สินค้า

การฉลองครบรอบ 100 ปี อังกฤษตรางู ในปี 2535 ถือเป็นการก้าวย่างสำคัญ ที่บ่งบอกถึง ด้วยความใส่ใจในคุณภาพบวกกับการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมและความสำเร็จที่ได้รับจากหลักธรรมที่ผู้บริหารของบริษัทยึดมั่นและนำมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคมควบคู่ไปด้วย

บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จํากัด มหาชน

ในปี 2540 อังกฤษตรางูขยับตัวอีกครั้ง เมื่อประกาศควบรวมกิจการด้านการจัดจำหน่ายและโรงงานผลิต ภายใต้ชื่อ บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด ทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท ดำเนิน ธุรกิจด้านการผลิต รับจ้างผลิต จัดจำหน่าย นำเข้า และส่งออก จากนั้นในปี 2542 บริษัทได้รับหนังสือรับรองระบบการบริหารจัดการด้านคุณภาพ ISO 9001 และระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ISO 14001 และเป็นบริษัทผลิตยาและเครื่องสำอางรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับหนังสือรับรอง พร้อมกันทั้ง 2 ระบบ

พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าพัฒนาคุณภาพสินค้าควบคู่กับการทำ Brand Modernization อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการ ของตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแต่งตั้งบริษัทตัวแทนการจัดจำหน่ายสินค้าภายในประเทศของบริษัท และในปี 2550 เปิดตัวโครงการ "Cool the world" รณรงค์ลดภาวะโลกร้อนผ่านการออกแป้งตรางู ดีไซน์เฉพาะกิจ พิชิตโลกร้อน

บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จํากัด มหาชน

ในปี 2551 อังกฤษตรางู ได้เข้าซื้อกิจการ บริษัท ฟาร์มาคอสเม็ท จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สกินแคร์ภายใต้แบรนด์ "Tea Tree" และ "Scacare" เพื่อขยายประเภทธุรกิจให้สอดคล้องและครอบคลุมให้ครบวงจร เพื่อตอบสนองผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

ด้วยความมุ่งมั่น “อังกฤษตรางู” ประกาศรวมธุรกิจภายใต้ชื่อ British Dispensary Group หรือ BD Group ในปี 2555 ซึ่งประกอบไปด้วย

  • บริษัท ห้างขายยาอังกฤษ (ตรางู) จำกัด
  • บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด
  • บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จำกัด (มหาชน)
  • บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ เฮลท์แคร์ จำกัด
  • บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) สาย 5 จำกัด

จากจุดเริ่มต้นจนวันนี้ 130 ปี “ห้างขายยาอังกฤษตรางู” ขยายธุรกิจ พัฒนาสินค้าและแตกไลน์สินค้ามากถึง 25 แบรนด์ในปัจจุบัน ภายใต้ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่

1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล (Personal Care) ภายใต้แบรนด์หลัก ตรางู ประกอบด้วย แป้งเย็น เจ ลอาบน้ำ สบู่ บอดี้สเปรย์ บอดี้มิสท์ ทิชชู่เย็น ยาสีฟัน, แบรนด์เซนลุกซ์ แป้งเด็ก โคโลญจน์ แฮร์โทนิค, แบรนด์ควินนา แป้งน้ำ และผลิตภัณฑ์กันยุง ภายใต้แบรนด์สกีโทลีน

บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จํากัด มหาชน

2. กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin Care) ประกอบด้วย  แบรนด์ทีทรี ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของทีทรีออยล์ธรรมชาติจากออสเตรเลีย ได้แก่ สบู่เหลว โฟมล้างหน้า และแบรนด์สกาแคร์ ได้แก่ กลุ่มเฟเชียล มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ เช่น ทรีทเมนท์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์บำรุงพร้อมปกป้องแสงแดด และเฟเชียล คลีนเซอร์

3.กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาและสุขภาพ (Health Care) ประกอบด้วย กลุ่มยา เช่น Calciferol (วิตามินดี), Snake Brand Baby Set ยาแก้ไข้ ไอ หวัด เด็ก ตรางู, Painelief ยาทาแก้อักเสบกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ภายใต้ แบรนด์ Lifetune กลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอาง เช่น กลุ่มยาพ่นปาก เฮอร์เบิ้ล สเปรย์ ตรางู กลุ่มเครื่องมือแพทย์ เช่น หน้ากากอนามัย KN95 เรสคิ้วการ์ด ตรางู และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใส่เฝือก Cast Comfort เป็นต้น กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin Care)

“อนุรุธ ว่องวานิช” ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู บอกว่า ในปีนี้กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู ยังมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรม รวมทั้งสร้างโปรดักส์อินโนเวชั่น ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับตัวให้เข้ากับทุกยุคทุกสมัย ทุกเทรนด์

บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จํากัด มหาชน

“อังกฤษตรางู ยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ (Research & Development) เน้นย้ำเรื่องการพัฒนามาตรฐานโรงงานและคุณภาพสินค้า โดยมีแนวทางในการพัฒนาสินค้าว่าจะต้องเป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภคและเป็นสินค้าที่ดีมีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม เข้ากับเทรนด์ตลาดและผู้บริโภค

นอกจากการทำตลาดในไทยแล้ว ยังมีโอกาสเติบโตไปยังตลาดต่างประเทศอีกหลายประเทศ พร้อมกับการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละประเทศเพื่อคิดค้นและพัฒนาสินค้าตามความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในท้องถิ่นนั้นๆ รวมทั้งพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในยุคดิจิทัลมากขึ้น (Digital Transformation) ผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และโซเชียลมีเดียของแบรนด์ทุกช่องทาง”

จากผู้บุกเบิกสู่ทายาทรุ่น 3 ที่เดินหน้าพัฒนาสินค้า นำเสนอนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม หลากหลายการใช้งาน พร้อมปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ และตัวตนในแบบฉบับของแบรนด์ตรางู ที่ยืนหยัดยาวนานมาจนถึง 130 ปีในวันนี้ กับเป้าหมายการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มอาเซียนคงเป็นจริงในอนาคตอันใกล้นี้เอง