บริษัท ไบ เออ ร์ ส ด๊ อร ฟ

31 ส.ค. 2020

รู้จัก Beiersdorf บริษัทอายุ 138 ปี เจ้าของ NIVEA และ Eucerin /โดย ลงทุนแมน

NIVEA และ Eucerin
แบรนด์สกินแคร์ที่คนไทยคงจะรู้จักและได้ยินชื่อกันมานาน
แต่รู้หรือไม่ว่าเจ้าของสองแบรนด์นี้คือบริษัทเดียวกัน
นั่นคือบริษัทสัญชาติเยอรมัน ที่มีชื่อว่า “Beiersdorf”

ความเป็นมาของ Beiersdorf
รวมถึงจุดเริ่มต้นของ NIVEA และ Eucerin เป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์มของแหล่งรวมนักคิด
ที่ช่วยอัปเดตสถานการณ์ ในรูปแบบบทความ วิดีโอ
รวมไปถึงพอดแคสต์ ที่มีให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
ลองใช้กันที่ Blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้
มาจากชายที่มีชื่อว่า “Paul C. Beiersdorf”

ชายคนนี้เป็นเภสัชกรชาวเยอรมัน
ที่เคยเปิดร้านขายยามาแล้วหลายแห่งในเบอร์ลิน เมืองหลวงของประเทศเยอรมนี

ในปี 1882 Beiersdorf ตัดสินใจย้ายออกจากเบอร์ลิน
มาเปิดร้านขายยาและสร้างห้องปฏิบัติการสำหรับแพทย์
ในเมือง Hamburg เพราะเห็นว่ามีทำเลที่ดีกว่า

8 ปีหลังจากนั้น Beiersdorf ก็ได้พบกับชายคนหนึ่ง
ที่เป็นทั้งเภสัชกรและนักธุรกิจมากประสบการณ์
ชายคนนั้น นามว่า “Dr. Oscar Troplowitz”

ทั้งคู่ได้ตกลงเป็นหุ้นส่วนในการทำธุรกิจ
และเริ่มว่าจ้างนักเคมีฝีมือดีหลายคนให้มาคิดค้นผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ดูแลผิว

จนวันหนึ่ง ทีมนักเคมีได้ค้นพบสารลักษณะคล้ายขี้ผึ้ง
ที่ได้จากการสกัดออกมาจากขนแกะ
ซึ่งคุณสมบัติคือใช้บำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียนได้

พวกเขาจดสิทธิบัตรสารตัวนี้ด้วยชื่อ “Eucerit”
ที่มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า “ขี้ผึ้งที่สวยงาม (Beautiful Wax)”
ซึ่ง Eucerit นี่เอง ที่เป็นส่วนประกอบตั้งต้นของ NIVEA และ Eucerin

ไม่นานหลังจากนั้น ครีมบำรุงผิว NIVEA
ก็เปิดตัวและวางขายครั้งแรกในปี 1911
และได้รับความนิยมไปทั่วทวีปยุโรปและอเมริกาอย่างรวดเร็ว

จากนั้นในปี 1928 Beiersdorf ก็ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน
โดยมีชื่อว่า “Beiersdorf AG”

ส่วนแบรนด์ “Eucerin” เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 1950
โดยใช้ Eucerit ที่เป็นสารตั้งต้นของ NIVEA
มาคิดค้นและปรับปรุงเป็นสกินแคร์สูตรใหม่

ผลิตภัณฑ์แรกของ Eucerin มีชื่อว่า “pH5 Eucerin Ointment”
ที่สามารถรักษาสภาพความเป็นกรดอ่อนๆ ให้ผิวหนังได้เป็นอย่างดี

นอกจาก NIVEA และ Eucerin
Beiersdorf ยังเป็นเจ้าของแบรนด์สกินแคร์อื่นอีกมากมายที่มีชื่อเสียงในยุโรปและอเมริกา
ตัวอย่างเช่น La Prairie, Florena, Skin Stories

Beiersdorf AG ยังมีธุรกิจอื่นนอกเหนือจากสกินแคร์ คือ
ธุรกิจผลิตเทปกาวอเนกประสงค์ แบรนด์ tesa
และธุรกิจผลิตภัณฑ์รักษาบาดแผล แบรนด์ Hansaplast

ซึ่งแบรนด์ทั้งหมดที่ว่ามานั้น
ต่างก็ได้รับการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ในปี 2019 ผลประกอบการของ Beiersdorf AG
รายได้ 285,000 ล้านบาท
กำไร 27,000 ล้านบาท

โดยรายได้ทุก 100 บาท มาจาก
ยอดขายในยุโรป 49 บาท
ยอดขายในอเมริกา 18 บาท
ยอดขายในแอฟริกา เอเชีย ออสเตรเลีย 33 บาท

ปัจจุบัน Beiersdorf AG มีมูลค่าบริษัทประมาณ 800,250 ล้านบาท
และถูกคำนวณอยู่ในดัชนี DAX 30

ซึ่ง DAX 30 ก็คือ ดัชนีตลาดหุ้นเยอรมัน ซึ่งจะถูกคำนวณจากหุ้นที่ใหญ่ที่สุด 30 บริษัท ของตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt Stock Exchange)

สำหรับเรื่องราวในประเทศไทย
สินค้าแบรนด์แรกของ Beiersdorf ที่คนไทยรู้จัก คือ NIVEA
ซึ่งถูกนำเข้ามาในไทยเป็นครั้งแรก ในปี ค.ศ. 1926 หรือประมาณ พ.ศ. 2469

Beiersdorf ได้เข้ามาตั้งสำนักงานในไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2515
และตั้งโรงงานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี ในปี พ.ศ. 2530
เพื่อเป็นฐานการผลิตสินค้าแบรนด์ NIVEA และ Eucerin สำหรับจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาจนถึงทุกวันนี้

ปัจจุบัน รายได้ของ Beiersdorf ในประเทศไทย มาจาก 2 บริษัท คือ

บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด โดย Beiersdorf AG เป็นผู้ถือหุ้น 100%
ผลประกอบการ ปี 2019
รายได้ 11,336 ล้านบาท
กำไร 1,211 ล้านบาท

บริษัท เทซ่า เทป (ประเทศไทย) จำกัด โดย Beiersdorf AG เป็นผู้ถือหุ้น 90.57%
ผลประกอบการ ปี 2019
รายได้ 290 ล้านบาท
กำไร 17 ล้านบาท

และทั้งหมดนี้ ก็คือเรื่องราวของ Beiersdorf
บริษัทเก่าแก่สัญชาติเยอรมัน ที่มีอายุมากถึง 138 ปี

Working hours

Claim to edit

Business Representatives

Loading...

Similar Businesses

*MatchLink provides data and other business services. We are not an intermediary to contact the company you are currently viewing.

บริษัท ไบ เออ ร์ ส ด๊ อร ฟ

ไบเออร์สด๊อรฟ บริษัทชั้นนำผู้ผลิตแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง นีเวีย ยูเซอริน ลา แพรรี และฮันซาพลาส ประกาศเปิดอาคารส่วนใหม่ของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางพลี ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างเมื่อต้นปี พ.. 2561 ที่ผ่าน โดยเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนภาคใหญ่ของแผนพัฒนาศูนย์การผลิตในประเทศไทย ด้วยเงินลงทุนมากถึง 67 ล้านยูโร ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิตได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์ อาคารใหม่ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 9,000 ตารางเมตรที่เต็มไปด้วยเครื่องมือการผลิตที่ทันสมัยเพื่อรองรับการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

บริษัท ไบ เออ ร์ ส ด๊ อร ฟ

โรงงานแห่งนี้ เป็นจุดส่งออกหลักของผลิตภัณฑ์เวชสำอางดูแลผิวในเครือบริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตั้งแต่ปีพ.. 2525 โดยโรงงานในส่วนที่สร้างเพิ่มเติมภายใต้โปรเจค ไพลิน ถูกออกแบบมาให้ดูทันสมัยมากขึ้นละยังเชื่อมต่อกับอาคารการผลิตเดิม โดยคาดว่าจะเปิดเต็มพื้นที่เพื่อใช้สำหรับผลิตเวชสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวภายในปี พ.. 2564 ด้วยกำลังการผลิตที่มากขึ้นจึงส่งผลให้สามารถขยายการส่งออกได้มากขึ้น ทำให้ศูนย์การผลิตแห่งใหม่ในบางพลีนี้กลายเป็นจุดส่งออกที่สำคัญของเครือข่ายไบเออร์สด๊อรฟยิ่งขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

บริษัท ไบ เออ ร์ ส ด๊ อร ฟ

สเตฟาน เดอ ล็อคเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไบเออร์สด๊อรฟ เยอรมนี ตอกย้ำว่า “การลงทุนในอาคารผลิตผลิตภัณฑ์ประเภท ดีโอ โรลออน ที่ทันสมัยรวมถึงการขยายคลังสินค้าและการขนส่งของศูนย์การผลิตในประเทศไทย นับได้ว่าเป็นอีกก้าวสำคัญของไบเออร์สด๊อรฟ ด้วยความต้องการที่มากขึ้นในเอเชียแปซิฟิก ไบเออร์สด๊อรฟยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอเผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชั้นเลิศให้กับลูกค้าทุกท่าน ในขณะเดียวกันเรายังคงมุ่งมั่นที่จะแข่งขันและเติบโตไปอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเป้าหมายโดยรวมของกลยุทธ์ใหม่ของเราอย่าง C.A.R.E.+ ที่หมายถึง การโตเหนือตลาด สร้างคุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ เพื่อสามารถมั่นใจได้ว่าจะมีผลกำไรเติบโตอย่างยั่งยืน”

บริษัท ไบ เออ ร์ ส ด๊ อร ฟ

โปรเจค ไพลิน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการเติบโตอย่างยั่งยืน สะท้อนได้จากสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ที่ทันสมัย อย่างแผงโซล่าเซลล์บนเพดานของอาคารที่สามารถผลิตกระแสไฟได้มากถึง 500 กิโลวัตต์ นอกจากนี้ยังใช้วัสดุก่อสร้างที่เปล่งแสงต่ำและเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงจึงสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยหน่วยทำความเย็นที่ไม่ก่อให้เกิดสารคาร์โรฟลูออโรคาร์บอน (CFC-free) และการใช้น้ำแบบหมุนเวียนเพื่อการชลประทาน นอกจากนี้ตัวอาคารยังประกอบไปด้วยส่วนของอาคารสำนักงานที่ทันสมัยที่ใส่ใจในเรื่องของการยศาสตร์การทำงานที่ดีที่สุด และอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ที่ได้รับมาตรฐานจาก CE (CE-standard) ความปลอดภัยและการเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นแก่นการทำงานในทุกๆ วันของศูนย์การผลิตนี้

บริษัท ไบ เออ ร์ ส ด๊ อร ฟ

“ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างจนสำเร็จในปัจจุบัน เราใส่ใจในทุกขั้นตอนของการก่อสร้างเพื่อให้ได้มาซึ่งใบรับรองมาตรฐานระดับโกลด์จาก LEED โดยเราคาดว่าจะได้รับใบรับรองนี้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่าเราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทย” มาคุส ดาเบอเกอร์ ผู้อำนวยการโครงการบริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวเสริม

บ้านสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ นีเวีย และยูเซอริน หรือศูนย์การผลิตบางพลีและในส่วนของอาคารสำนักงาน มีพนักงานทำงานอยู่มากกว่า 800 ราย โดยผลิตภัณฑ์หลักๆ ที่ผลิตในศูนย์การผลิตนี้คือ นีเวีย ดีโอ โรลออน, นีเวีย บอดี้, นีเวีย เมน, นีเวีย เฟส, นีเวีย ซัน และนีเวีย ครีม นอกจากนี้ยังผลิต ยูเซอริน เฟส, ยูเซอริน ซัน, ยูเซอริน แอนตี้เอจจิ้ง, ยูเซอริน บอดี้, และยูเซอริน บอดี้วอร์ช โดย 40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณการผลิตทั้งหมดจำหน่ายในประเทศไทย โดยในส่วนที่เหลือได้ทำการส่งออกไปยังมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยตลาดหลักๆ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งจากตัวเลขข้างต้นแสดงให้เห็นถึงการเติบโตแบบมีนัยสำคัญในภูมิภาคนี้

เกี่ยวกับ ไบเออร์สด๊อรฟ จํากัด

บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ จํากัด คือหนี่งในบริษัทชั้นนำที่มีนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ในการดูแลผิวพรรณคุณภาพสูง และมีประสบการณ์ในตลาดมาเป็นระยะเวลากว่า 130 ปี บริษัทก่อตั้งขึ้นที่เมืองฮัมบวร์ค มีพนักงานมากกว่า 18,000 คนทั่วโลก และจดทะเบียนอยู่ใน DAX ดัชนีหุ้นหลักของเยอรมัน ไบเออร์สด๊อรฟ มีรายได้มากถึง 6.8 พันล้านยูโรในรอบปีงบประมาณประจำปี 2559 นีเวีย แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอันดับหนึ่งของโลก* คือแบรนด์หลักของบริษัทโดยยังรวมไปถึงแบรนด์อื่นๆ เช่น Eucerin, La Prairie, Labello, และ Hansaplast/Elastoplas นอกจากนี้ไบเออร์สด๊อรฟ ยังเป็นเจ้าของบริษัทในเครือ tesa SE อีกหนึ่งบริษัทผู้ผลิตในอุตสาหกรรมความงามชั้นนำระดับโลก ที่เป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์ต่างๆแบบ self-adhesive และระบบโซลูชั่นต่างๆให้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคธุรกิจ และผู้บริโภค

*ที่มา: ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด; นีเวีย ในแง่มูลค่าค้าปลีก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ประเภท ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมือ