Show
ประเภทกิจการและภาษีที่เกี่ยวข้อง
ภาษี "โรงสีข้าว" กระดูกสันหลังของประเทศโรงสีข้าวเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ได้หลายทาง โดยมีรายได้หลักมาจาก
นอกจากนี้ ยังมีรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ ได้แก่ ค่าเช่าโกดังหรือคลังสินค้า การรับจ้างบรรทุกขนส่ง การขายผลพลอยได้จากการสีข้าว และรายได้อื่น เช่น ดอกเบี้ยรับ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับ "ภาษี" ที่สอดแทรกอยู่ในการทำธุรกิจแต่ละขั้น ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้ ตั้งต้นธุรกิจ "โรงสีข้าว"การเริ่มต้นธุรกิจโรงสีข้าวมีขั้นตอนเบื้องต้น ดังนี้ ขั้นที่ 1 จดทะเบียนพาณิชย์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ผู้ประกอบกิจการโรงสีข้าวต้องจดพาณิชย์) ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เริ่มประกอบกิจการ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเป็นกิจการในฐานะบุคคลธรรมดา นิติบุคคล หรืออาจรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ก็ได้ ขั้นที่ 2 ขออนุญาตจัดตั้งโรงงาน กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ขั้นที่ 3 ขออนุญาตประกอบกิจการค้าข้าว กับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เรื่องนี้ต้องขยายการแบ่งขนาดโรงสีข้าวการแบ่งขนาดโรงสีข้าว สามารถแบ่งได้ 2 ลักษณะ ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่ดูแล ดังนี้
เมื่อคุณดำเนินการทั้ง 3 ขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว อีกขั้นหนึ่งที่จะทำให้คุณมีธุรกิจโรงสีที่ถูกต้องตามกฎหมายและสามารถเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐรวมถึงรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้อย่างสะดวกก็คือ
แต่กรณีกิจการโรงสีข้าวนั้นคุณจะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ยกเว้นกรณีนำเข้าเครื่องจักรเพื่อผลิตและส่งออก และเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก) เว้นแต่คุณต้องการขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อประโยชน์ในการนำเข้า-ส่งออก หรือเพื่อสามารถนำภาษีซื้อที่คุณต้องจ่ายเมื่อซื้อวัตถุดิบในการผลิต ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพียงเท่านี้ ไม่ว่าคุณจะสีข้าวเพื่อจำหน่ายในประเทศ ส่งออก หรือประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ ก็สามารถทำได้แล้ว เรื่องนี้ต้องขยายโรงสีข้าวกับ "การนำเข้า"หากธุรกิจโรงสีข้าวของคุณต้องเกี่ยวข้องกับการนำเข้า หลังจากที่คุณมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร และจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเรียบร้อยแล้วก็สามารถเริ่มขั้นตอนแรกของการนำเข้ากับกรมศุลกากรได้เลย นั่นคือ การลงทะเบียนในระบบพิธีการศุลกากรทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร (Paperless) ซึ่งลงทะเบียนเฉพาะครั้งแรกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการผ่านพิธีการนำเข้าสินค้า โดยต้องศึกษาพิกัดอัตราศุลกากรสินค้าขาเข้าให้ดีเพื่อประโยชน์ในการคำนวณอัตราอากรขาเข้า เช่น การนำเข้าเครื่องจักร หรือการนำเข้าข้าวเปลือก
**ค้นหาพิกัดอัตราศุลกากรเพิ่มเติมได้ที่ http://igtf.customs.go.th/igtf/th/main_frame.jsp เปลี่ยนข้าวเป็นเงินเมื่อผ่านขั้นตอนตั้งต้นธุรกิจโรงสีข้าว และติดตั้งเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการผลิตหรือสีข้าว เพื่อจำหน่ายข้าวสาร รวมทั้งรับรู้รายได้อื่นๆ ที่อยู่ภายใต้ธุรกิจโรงสี ไม่ว่าจะเป็นการขายข้าวเปลือก ขายข้าวสารบรรจุถุง รับจ้างสีข้าว เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว หรือให้เช่าโกดัง รับจ้างบรรทุกขนส่ง ตลอดจนการขายผลพลอยได้จากการสีข้าว ส่วนขั้นตอนทางภาษีจะเกิดขึ้นเมื่อคุณมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจ ซึ่งคุณมีหน้าที่ต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อรายงานภาษีขาย และรายงานสินค้าและวัตถุดิบ (กรณีคุณเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม และยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา/ภาษีเงินได้นิติบุคคล ทั้งนี้ คุณสามารถบรรเทาภาระภาษีได้ด้วยการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย โดยเมื่อมีรายได้จากกิจการโรงสีข้าว ไม่ว่าจะเป็นการขายข้าวเปลือก ขายข้าวสารบรรจุถุง รับจ้างสีข้าว เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว หรือให้เช่าโกดัง รับจ้างบรรทุกขนส่ง ตลอดจนการขายผลพลอยได้อื่นๆ คุณจะมีความเกี่ยวข้องกับภาษีต่างๆ ดังนี้
(สำหรับผู้ประกอบการที่ขายสินค้าจนมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยคำนวณภาษีที่ต้องเสียจาก ภาษีขาย หักด้วย ภาษีซื้อ) เรื่องนี้ต้องขยายการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับโรงสี
ทั้งนี้ คุณสามารถยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีต่อกรมสรรพากร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา ในเขตท้องที่ หรือง่ายๆ เพียงปลายนิ้ว Click ซึ่งนอกจากการเสียภาษีให้แก่ภาครัฐแล้ว คุณยังสามารถยื่นลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ถือเป็นประโยชน์ส่วนหนึ่งจากการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ตรงตามกำหนดเวลาที่กรมสรรพากรกำหนด **ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ “ผลิต” “จำหน่าย” ภาษี "โรงสีข้าว" เบื้องหลังความสำเร็จระดับโลกประเทศไทยมีชื่อเสียงในฐานะผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ซึ่งเบื้องหลังที่สำคัญคือธุรกิจ "โรงสีข้าว" นั่นเอง และเมื่อจะส่งออกข้าว คุณต้องดำเนินการเหมือนขั้นตอนการนำเข้า โดยเฉพาะต้องเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน (ยื่นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) และไม่ต้องลงทะเบียน Paperless หากเคยทำการลงทะเบียนแล้ว (หากยังไม่เคยลงทะเบียน Paperless คุณต้องลงทะเบียนก่อน) แล้วจึงเข้าสู่พิธีการส่งออกสินค้า การผ่านพิธีการใบขนสินค้าขาออกในระบบ e-Export ซึ่งจะต้องมีการจัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย รายงานสินค้าและวัตถุดิบ เพื่อประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ด้วย เรื่องนี้ต้องขยายภาษีซื้อและภาษีขายในธุรกิจส่งออกข้าว กิจการโรงสีที่เป็นผู้ส่งออกข้าว ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องจดก่อนเริ่มประกอบกิจการ เพื่อประโยชน์ในการขอคืนภาษีซื้อ ในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มให้คำนวณจาก ภาษีขาย หักด้วย ภาษีซื้อ ในแต่ละเดือนภาษี
โดยหากมีภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย ภาษีที่เหลือมีสิทธิขอคืนพร้อมกับการยื่นแบบฯ โดยอาจขอคืนเงินสด หรือขอคืนเครดิตยกยอดไปใช้ในเดือนภาษีถัดไป ทั้งนี้ ข้าวเป็นสินค้าควบคุมการส่งออก ต้องมีใบอนุญาตและ/หรือหนังสือรับรองการส่งออกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (กระทรวงพาณิชย์) ซึ่งมีประกาศกระทรวงพาณิชย์ให้ข้าวเจ้า และข้าวเหนียว ทั้งที่เป็นข้าวเปลือก ข้าวกล้อง ข้าวสาร ปลายข้าว ข้าวนึ่ง และรำ เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร (ยกเว้นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าวทุกชนิด) **ข้อมูลและเอกสารเพิ่มเติมที่ “ส่งออก” เมื่อ "โรงสีข้าว" มีภาษีธุรกิจเฉพาะในบางครั้งโรงสีข้าวอาจมีรายได้อื่นๆ เช่น รายได้ดอกเบี้ยรับ ซึ่งมาจากการให้กู้ยืมเป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้เป็นการประกอบกิจการกู้ยืมอย่างจริงจัง ในกรณีนี้ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราร้อยละ 3.3 นอกจากนี้ หากคุณเป็นกิจการโรงสีข้าวที่มีการทำตราสาร เช่น ทำสัญญาจ้างก่อสร้าง ต่อเติมโรงสีข้าว การให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงิน หรือให้เช่าทรัพย์สิน ฯลฯ คุณมีหน้าที่เสียอากรแสตมป์ด้วย เรื่องนี้ต้องขยายตัวอย่างอัตราอากรแสตมป์อากรแสตมป์สำหรับโรงสีข้าว ยกตัวอย่างเช่น สัญญาจ้าง จำนวนเงินทุก 1,000 บาท ติดอากรแสตมป์ 1 บาท กรณีอื่นๆ ดูรายละเอียดตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ ข่าวดีภาษีน่ารู้สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นวิสาหกิจชุมชน หรือ SMEs จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นกรณีพิเศษ เพื่อช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจรายย่อยในอีกทางหนึ่ง ติดตามได้ที่ "คู่มือภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชน" ** สิทธิประโยชน์ทางภาษีของธุรกิจ SMEs ทำตาม "หน้าที่" ช่วยกัน "เสียภาษี" เพื่อพัฒนาประเทศ |