Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เป็นภาคต่อของไพรเมอร์ Smashbox Photo Finish แบบใส แต่สูตรนี้เพิ่มความเบลอรูขุมขน ให้ความรู้สึกเหมือน Benefit Porefessional แต่เกลี่ยง่ายกว่าหน่อยนึง มีสีเนื้อ งานซิลิโคนถมรูบนใบหน้าซึ่งนางก็ถมเนียนดี เมคอัพติดทนนานพอสมควร ใช้ทีละนิดๆหลอดนึงเลยอยู่นานมาก มอบมงให้เลย

Show

.

FOUNDATION

Maybelline Fit Me Matte + Poreless Foundation

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ปีนี้สลับมาเป็นน้องสาวฝาแฝดตระกูล Drugstore งานแมท ปีนี้ใช้นางบ่อยจริง อาจเพราะหนังหน้าดีขึ้น ไม่มันเลื่อมเท่าเมื่อก่อนเลยเหมาะกับน้องฟิตมี สี 228 Soft Tan เป๊ะเข้ากับหน้าพอดี ไม่แมทเกิน ยังมีความผิว เกลี่ยง่าย คุมมันดี งานผิวสวยจริงอะไรจริง ปกปิดปานกลางแต่เพิ่มเลเยอร์ได้ ไม่โป๊ะ

.

CONCEALER

Too Faced Born This Way Super Coverage Multi-Use Sculpting Concealer

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

น้องมาใหม่ ไฟแรง สอยมาเพราะแรงหวีดจากเหล่าบิวตี้ยูทูบเบอร์ หวีดแรงแซง Shape Tape ไปอีก บวกกับตอนนั้น Sephora ของไทยยังไม่เอาน้อง Shape Tape เข้า แต่น้องคนนี้มาแล้วเลยซื้อมาลอง สรุปว่าไม่ผิดหวัง ดีอย่างที่เค้าว่า สำหรับใครที่ผิวแห้งแล้วรู้สึกว่าน้อง Shape Tape มันแห้งไป ทางเราก็ขอแนะนำน้องคนนี้เลยค่ะ ปกปิดมิด เกลี่ยง่าย ไม่แห้ง ไม่ตกร่อง ของงี้ต้องลองโดนซักทีแล้วจะเข้าใจ

.

SETTING POWDER

Laura Mercier Loose Setting Powder

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

แป้ง Translucent ของป้าลอร่าจะอยู่กับเราไปจนตราบนานเท่านาน จนกว่าฟ้าดินสลาย และจะไม่มีอะไรแทนที่ป้าได้ จบ

.

BROW PRODUCT

Anastasia Beverly Hills Brow Pomade

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ปีนี้ก็ยังคงยืนยันที่จะใช้ Brow Pomade ในการวาดคิ้วขึ้นมาใหม่ มันถนัดที่สุดแล้ว ให้กลับไปใช้ดินสอเขียนคิ้วรึพวก Powder ก็ไม่ได้แล้ว มันไม่คมสะใจเท่าใช้แปรงหัวตัดกับ Pomade ข้อดีคือวาดขอบคมสวย สีชัด เบลนก็ได้ แถมติดทนอีกต่างหาก ไม่เปลี่ยนใจแน่นอนค่ะ

.

EYELINER

Maybelline Eye Studio Lasting Drama Gel Liner

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

นี่ก็มงลงมาหลายปีซ้อน ใช้มาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาป.ตรี เขียนได้เขียนดี ทนมากกกกกก สีดำสนิท เนื้อลื่น งานวาดงานพู่กัน อยากได้เส้นบางเส้นหนาแค่ไหนก็วาดเอา อาจจะยากสำหรับ Beginner แต่อยากให้ลองฝึก เจลไลเนอร์นางดีจริง อินเนอร์ใต้ตาขอบตาเอยอะไรเอยนางเอาอยู่หมด แถมใช้ทีละนิดเดียวเอง กระปุกนึงอยู่นานมากๆ บางทีก็แห้งลาไปก่อนใช้ยังไม่ทันหมดเลยด้วยซ้ำ

.

MASCARA

L’oreal Voluminous Lash Paradise Mascara

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

The Best of The Best ทุกอย่างที่เธอต้องการจากมาสคาร่า หนา ยาว ทน ไม่แพนด้า ขนตาไม่ตก ปัดออกมาอย่างกับติดขนตาปลอม ลูกรักที่สุด ขาดไม่ได้ ไปซื้อเลยค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง

.

LASH CURLER

Muji Lash Curler

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

งงเลยสิ น้องมาไง จริงๆแล้วตอนแรกก็ใช้ที่ดัดขนตาของ Shu Uemura อยู่แล้วที่นี้ใช้มานานจนยางเปื่อย เลยกะว่าจะซื้อยางมาเปลี่ยน เสิชๆหาเจอว่านางไม่ขายยางต่างหาก ต้องซื้อทั้งอัน แต่ว่ายางของมูจิอ่ะ ใส่ได้พอดีเลย ก็เลยฝากน้องซื้อยางที่ดัดขนตาของมูจิ แต่น้องหาไม่เจอ ซื้อที่ดัดขนตามาทั้งอันเลย แต่พอลองใช้แล้วรู้สึกว่า เห้ยยยย มันดี นางพอดีเบ้าตาดิชั้ลเลย ดัดแล้วขนตางอนขั้นสุด แถมอันเล็กนิดเดียวพกพาสะดวก ใครจะไปคิดว่าที่ดัดขนตาของมูจิมันจะดีขนาดนี้ ถ้าใครกำลังหาที่ดัดขนตาอันเล็กๆใช้ดีๆ ก็แนะนำอันนี้ของมูจิเลยค่ะ ดีเว่อ ส่วนที่ดัดขนตาอันเก่าก็โยนไปให้คุณทองเพียรใช้ล้ะ

.

EYESHADOW PALETTE

The Jaclyn Hill X Morphe Palette

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ทุกอย่างมีครบจบในพาเลทเดียว บอกเลยว่าซื้อพาเลทนี้มาแล้วเธอจะไม่ซื้ออายชาโดว์พาเลทอื่นอีกเลย เพราะแค่ที่มีก็ใช้ยังไม่หมดทุกสีเลย 555555555555 นอกจากสีที่จัดสรรมาให้อย่างครบครันแล้ว เนื้ออายชาโดว์ก็นุ่นมาก เบลนง่าย เกลี่ยสวย สีแน่น ติดทน และที่สำคัญ มันถูกกกกก พาเลทใหญ่เบิ้มขนาดนี้แค่ 38 usd เอง บอกเลยว่าฝากเพื่อนหิ้วได้ก็ฝาก อย่าพลาด

.

BRONZER/CONTOUR

Benefit Hoola Bronzer

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

มงลงสองปีซ้อน ไม่มีอะไรจะพูดแล้วสำหรับบรอนเซอร์อันนี้ ขาดไม่ได้จริงๆ หยิบขึ้นมาแล้วเห็นถาดเป็นวงกว้าง น้ำตาแทบไหล รู้เลยว่าใช้บ่อยจริงอะไรจริง ไม่ได้ตอแหล แต่ถ้าคนผิวขาวใช้แล้วอาจจะเข้มไป นางก็มี Hoola Lite สีอ่อนลงมาหน่อย ก็ไปหามาลองกันได้

.

BLUSH

Nars Orgasm Blush

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

น้องกลับมาแล้ว กลับมาทวงบัลลังก์ลูกรัก เป็นบลัชที่ใช้ทุกวันสมัยเรียนป.ตรี ขุดจนหมด เหลือแต่ขอบๆถาด เพราะสีสวย เข้ากับทุกลุค ทนอีกต่างหาก แล้วเราก็นอกใจน้องไปใช้ Milani จนเมื่อไม่นานมานี้ไปเดินๆวนอยู่ Sephora แล้วเห็นน้องวางอยู่ ความทรงจำดีๆเมื่อวันวานก็ย้อนกลับมา รู้ตัวอีกทีคือน้องก็มานอนอยู่ในกระเป๋าคสอ.แล้ว 555555555555

.

HIGHLIGHTER

Anastasia Beverly Hills Amrezy Highlighter

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ถ้าคุณกำลังมองหาไฮไลต์ที่สะท้อนแสงสว่างแบบตาพร่า แต่ไม่ขยายรูขุมขน น้องคือคำตอบ เป็นไฮไลต์ที่ทองสว่างไปสามบ้านแปดบ้าน แต่ไม่ตกร่องตกรู เบลอแบบผิวโกลว ทาแล้วสวยอิ่มบุญ เปล่งแสงได้ ออกงานกลางคืนทีไรต้องซบน้องตลอด ยืนยันว่าปาดแล้วผิวโกลวสวยมากๆ

.

LIPSTICK

Fenty Beauty Stunna Lip Paint สี Uncuffed

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

และก็เป็นอีกปีที่จะยังมั่นคงกับเทรนด์ลิปแมท Liquid Lipstick เท่านั้น ความติดทนติดนาน กินข้าวกินน้ำยังไงก็ไม่หลุด ต่อให้หลุดก็หลุดแค่ขอบข้างในปากเท่านั้น สี Uncuffed ก็เป็นสีชมพูกะปิ แต่ละคนทาออกมาแล้วก็ไม่เหมือนกันนะ สำหรับสีผิวนี่ทาออกมาแล้วเป็นชมพูม่วง แต่ก็สวยอ่ะ ทาไปทั้งงานบุญงานบาปได้หมด อเนกประสงค์สุดๆ นี่พกติดประเป๋าไว้ตลอด อิห่านนี่มันแน่จริงๆ ไม่กลับไปทำเพลงแล้วล่ะคิดว่า 55555

.

SETTING SPRAY

Urban Decay All Nighter Makeup Setting Spray

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

สมชื่อนางแล้ว All Nighter จริงๆ สเปรย์เซตเมคอัพ ให้อยู่ทนอยู่นาน นี่เทจากขวดใหญ่ออกมาใส่ขวดเล็กไว้พกไปนู่นไปนี่ ถ้าวันไหนแต่งหน้าแล้วไม่ได้สเปรย์นี้ทับจะรู้สึกว่าเมคอัพมันไม่กลืนกับผิวอ่ะ ล้ะก็อยู่ไม่ทนเท่าตอนพ่นทับ เป็น Setting Spray ที่เห็นความต่างจริงๆ และก็ยืนยันที่จะใช้ต่อไป แถมตอนนี้มาหลายสูตรมากๆ เดี๋ยวคงจะลองไปเรื่อยๆ ดูซิว่าสูตรไหนชนะเลิศที่สุด แต่สำหรับปี 2018 ชั้ลให้ All Nighter

.

SERUM

Estee Lauder Advanced Night Repair Synchronized Recovery Complex II

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากเน้อะ เค้าก็เลื่องลือกันมานาน ANR ก็คือ ANR งานผิวสวยอิ่มน้ำ แม้จะนอนแค่ 4 ชั่วโมง ไม่ว่าหน้าจะพังมากจากไหน นางก็กู้ขึ้นมาได้หมด เทพจริงอย่างที่เค้าว่า

.

SPECIAL SKINCARE

The Ordinary

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ไม่พูดเยิ่นเย้อ ดีจริง ยังใช้อยู่ อยากรู้ ไปดูในบล็อค The Ordinary เลยค่ะ /ผายมือ

.

ACNE CARE

The Body Shop Tea Tree oil

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

สำหรับใครที่เบื่อ Benzac แนะนำให้ใช้น้องคนนี้เลยค่ะ แต้มสิวไว้ไม่เกินสองคืน ยุบหายรึไม่ก็แห้งหลุด รวดเร็วทันใจ ใช้มาขวดที่ 3 แล้ว และยังคงใช้ต่อไป มาเจอที่ออสนางขายไซส์ 20 ml ขวดล้ะ 17 aud (ประมาน 400 บาท) ดีใจมากที่ไทยขาย 790 บาท ขนาดไซส์ 10 ml ยัง 490 บาท แพงกว่าไซส์ใหญ่ของที่นี่ไปอีกกกกกก

.

LIP CARE

Laneige Lip Sleeping Mask

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

มันดีเหลือเกิน มันดีจริงๆ ทาไว้แล้วนอน ตื่นมาปากเด้ง ปากอิ่ม เหมือนได้เติมฟิลเลอร์ ปากแห้งคืออะไรไม่รู้จัก ทาแล้วไม่เหนียวไม่หนึบ แพงหน่อย แต่เริ่ดดดดดดดดด

.

MOISTURIZER

Hatomugi Skin Conditioning Gel

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ซื้อมาใช้เป็นมอยเจอไรเซอร์ตบท้าย ตอนแรกก็สนใจแบบน้ำตบอยู่หรอก แต่คือบรรดาน้ำตบดิชั้ลมีเยอะมากแล้ว เลยเอามาแบบเจลนี่แหละ ปรากฏว่าใช้ดีเฉย ไม่แพ้ ไม่มีน้ำหอม ไม่หนักหน้า ไม่มันเลื่อม ซึมเร็ว กระปุกใหญ่มาก ถูกอีกต่างหาก งานเติมน้ำผิวง่ายๆเลย ทำได้จริง ไม่ตอแหล ถูกและดีมีอยู่จริง ชาวหน้าแห้งน่าจะชอบมาก เพราะขนาดชาวหน้ามันอย่างชั้ลยังชอบเลย

.

BODY LOTION

Jergens Hydrating Coconut

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ใช้เจอเกนส์มาก็ยาวนาน แต่ก่อนใช้สูตร Daily Moisture เพราะว่านางซึมเร็วดี แต่พอเข้าหน้าหนาวแล้วดูอากาศมันแห้งๆ ประกอบกับชอบงานมะพร้าวเลยซื้อสูตรใหม่นี่มาใช้ โลชั่นเจอเกนส์นางก็ดีตามมาตรฐานอยู่แล้ว แต่ที่สูตรนี้เข้าวินเพราะกลิ่นนั่นเองจ่ะ มันห้อมมมมหอมมมม ทาแล้วกลิ่นฟุ้งไปทั้งห้องนอน ตื่นมากลิ่นยังติดผิวอยู่เลย ไม่ได้เหนียวเว่อวัง แต่ก็เนื้อหนักกว่าสูตร Daily Moisture ขึ้นมาหน่อย แต่อยู่ในระดับที่รับได้ ใครชอบเจอเกนส์และชอบกลิ่นมะพร้าวห้ามพลาดเลยค่ะ

.

HONORABLE MENTION

Rii Less Toner Cotton Pads

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

หากท่านประสบปัญญาสำลีอมโทนเนอร์ เทแล้วเทอีก เทจนจะหมดขวดกว่าสำลีจะเปียก น้อง Rii ช่วยคุณได้ แต่ก่อนใช้โทนเนอร์ขวดนึงไม่เคยถึงครึ่งปี เพราะอิสำลีมันไม่เปียกซะที ชั้ลก็เทไปสิ เปลืองมากๆ จนได้มาเจอน้อง สำลีในอุดมคติ บาง ไม่เปื่อย ไม่ยุ่ย ไม่อมโทนเนอร์ เห็นความต่างจริงๆ แต่ก่อนต้องหยดตั้ง 4-5 หยดกว่าสำลีจะเปียก แต่สำหรับน้อง 2-3 หยดเป็นอันพอ ประหยัดโทนเนอร์ไปได้เยอะ

.

.

โอเคค่ะ เป็นอันจบ รีบอัพด้วยความเร็วแสงสุด เพราะพรุ่งนี้เปิดเรียนวันแรกแล้ว ต้องรีบนอน

ไอเท่มบางอย่างอาจจะตามหายากหน่อยนะคะ แต่เชื่อว่าไม่น่าเกินความสามารถของทุกคน

อันไหนพรีได้พรี สั่งได้สั่ง(ระวังภาษีด้วย เดี๋ยวนี้ศุลกากรร่อนตะแกรงถี่มาก) ฝากเพื่อนหิ้วได้ยิ่งดี

ฤกษ์งามยามดีค่อยมาพบกันใหม่ ซึ่งก็ไม่รู้เมื่อไหร่ แต่ถ้าว่างเดี๋ยวก็อัพเอง 5555555

สวัสดีปีใหม่ (อีกรอบ) ค่าาาาาาา

เพียรเอง

ไม่ได้อัพเดตงานเครื่องหน้าเกามานานมาก จำได้บล็อคที่แนะนำไปช้อปคสอเกาอันล่าสุดคือตั้งแต่ปี 2015 นู่นนนนนน สมัยยังสาวๆ เป็นนิสิตป.ตรีหนีแลปไปเที่ยวส่องผู้เกา แต่มาคราวนี้ไม่ได้ไปเอง แต่คุณทองเพียรเป็นคนไปเราก็เลยทำการฝากซื้อของต่างๆนานา ซึ่งบอกตามตรงว่าไม่ค่อยใช้พวกเครื่องสำอางของเกาเท่าไหร่ เพราะไม่ถูกกับหน้า 3CE งี้ก็ไม่ใช้ งานสกินแคร์ไฮเอนด์อย่าง Sulwhasoo ก็ไม่ได้ใช้ เพราะใช้แล้วไม่สะเทือนหนังหน้า ของฝากซื้อรอบนี้เลยจะเป็นงานสกินแคร์ราคาถูก ที่ใช้ประจำ รึกำลังเป็นที่สนใจ มีไม่กี่อย่าง ไม่เจ็บตัวมาก ขนหน้าแข้งไม่ร่วงแน่นอนค่ะ

.

อย่างแรก เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว

Innisfree Green Tea Seed Serum

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ใช้มานานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

และยังคงไม่เปลี่ยนใจ

ไม่พูดอะไรมาก ไปดูกันในรีวิวอันเก่าแก่

REVIEW : ลองใช้ Innisfree The Green Tea Seed Serum

และเดี๋ยวนี้นางปรับปรุงแพจเกตจิ้งใหม่นะคะ จากฝาสีน้ำตาล ขวดสีเขียว

เป็นฝาสีเขียวเข้ม ขวดก็สีเขียวเข้มขึ้นด้วย

ไม่ต้องตระหนกตกใจไป ไม่ใช่ของปลอม 55555

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

.

ถัดมาก็คืออออ

Innisfree Jeju Volcanic Color Clay Mask

สูตร Purifying สีดำ และ สูตร Cica สีเขียว

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เจ้าของเดียวกันกับขวดข้างบน

คือติดใจมาจาก Volcanic Clay Mask สูตรปกติของนาง ล้ะทีนี้ออกไลน์ผลิตภัณฑ์มาเพิ่ม

ถ้าใครเคยใช้อันสูตรเดิมคือจะรับรู้ได้ว่าเป็นมาสที่มีพลังในการดูดความมันขั้นสุด

พอโคลนแห้งก็คือแห้งงงงงงง แตกกกกกก กรอบร่วงเป็นแผ่นๆ

แต่อิสูตรใหม่นี้คือนอกจากมีหลากหลายสีหลายคุณสมบัติแล้ว

มันไม่แห้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงแตกแบบสูตรเดิม

ที่นี่ชอบมากคือสูตร Cica สีเขียว ที่ช่วยลดความมันบนใบหน้า

ทาแล้วเย็นๆผิวดี ไม่แห้งไม่ตึงไม่แตก ใช้ง่าย บีบจากหลอดเลยไม่ต้องควัก

ส่วนสูตร Purifying สีดำ คือกลิ่นแปลกมาก คือกลิ่นโคล้นโคลน

แต่เป็น mask แบบที่ทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วไปล้างออกนางก็จะกลายร่างเป็น

โฟมล้างหน้าไปด้วยในตัว ใช้แล้วรู้สึกสะอาดสะอ้านดี ประทับใจ

.

LANEIGE Lip Sleeping Mask

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ลิปมาสที่เราเอามาทาเป็นลิปมัน 55555555

กระปุกใหญ่มาก เวลาใช้ก็ปาดมาทาบางๆก่อนนอน

ไม่ว่าปากจะแห้ง แตก กรัง รึสาหัสแค่ไหน น้องก็เอาอยู่

ทาแล้วรู้สึกปากชุ่มชื้น แต่ไม่มันๆเมื่อมๆ ไม่เหนียวเหนอะ

ฟื้นสภาพปากให้ดูสุขภาพดีได้ในข้ามคืน

ไปลองงงง

.

BANILA CO. Clean It ZERO

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เป็นผลิตภัณฑ์ Cleansing Balm เหมือนกับ Take the day off ของ Clinique

หรือก็คือเป็นคลีนซิ่งแบบเนื้อบาล์มคล้ายๆวาสลีนปิโตรเลียมเจล แต่ล้างออกง่าย

เวลาใช้ก็ควักมาโปะหน้าถูๆวนๆจนเมคอัพละลายออกหมด แล้วก็ไปล้างหน้า เป็นอันจบพิธี

เหมาะสำหรับการเดินทาง ไม่อยากพกคลีนซิ่งแบบน้ำให้ไปหกเลอะเทอะกระเป๋า

ก็พกแบบนี้ไปแทน ง่ายดี แบ่งใส่กระปุกเล็กประปุกน้อย เอานิ้วควักๆ ไม่หกเลอะเทอะ

แต่ข้อเสียของคลีนซิ่งบาล์มก็คือ ถ้าล้างไม่สะอาดนางก็จะไปอุดตันรูขุมขนได้นะคะ

ส่วนใหญ่แล้วนี่จะใช้คลีนซิ่งบาล์มล้างเมคอัพออกไปก่อนรอบแรก

แล้วก็ตามด้วยโฟมล้างหน้าปกติล้างหน้าอีกรอบกันเหนียว

สำหรับตัวนี้นี่ก็ยังไม่ได้ลองใช้ แต่เคยใช้ Take the day off ของ Clinique

ก็สะดวกดี ใช้จนหมดกระปุกล้ะ แต่รู้สึกแพงจนนน ก็เลยได้มาเจอน้องคนนี้

ที่เค้าว่าก็ใช้ดีเหมือนกัน แต่ไม่แพงเท่า ถ้าได้ลองใช้แล้วจะมาอัพเดตอีกทีนะคะ

.

สุดท้ายแล้ว เป็นแบรนด์ที่เรากำลังให้ความสนใจมากๆ คือ

COSRX One Step Original Clear Pad

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เป็นแผ่นสำลีชุบโทนเนอร์มาแล้ว มี 70 แผ่น สำลีชุ่มทุกแผ่น ไม่ต้องกลัว

อีกหนึ่งในผลิตภัณฑ์สู้สิวในราคาดรักสโตร์ และหาซื้อได้ในร้าน Olive young รึ Watsons ในเกา

ซึ่งส่วนประกอบหลักๆในโทนเนอร์ตัวนี้ก็มีพวก BHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว

แล้วก็ Willow Bark Water ที่เค้าว่าช่วยลดการอักเสบของสิว

นี่เอามาใช้เช็ดหน้าตอนเช้าช่วงที่ใกล้ๆจะเป็นเมนส์ รึช่วงที่สิวเสี้ยนและสิวอุดตันเริ่มเบิกบานบนหน้า

แต่ยังไม่ค่อยได้ใช้บ่อยซักเท่าไหร่ เพราะช่วงนี้หนังหน้าดี เลยยังไม่ค่อยเห็นผลต่าง

รอให้ใช้ไปนานๆกว่านี้ก่อน ถ้าได้ผลยังไงจะกลับมาอัพเดตอีกทีนะคะ

แต่ที่น่าสนใจคือแบรนด์นี้เค้ามีของเด็ดเยอะอยู่เหมือนกัน

อย่างพวกมอยเจอร์ไรเซอร์ เซรั่มหอยทากต่างๆ แผ่นแปะสิวที่เค้าว่าเริ่ดเว่อ

.

อันที่จริงเราไม่ได้ฝากคุณทองเพียรซื้อแค่ อันนี้อย่างเดียว เราฝากซื้อ Mask อีก 2 กระปุกด้วย

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

COSRX Ultimate Nourishing Rice Overnight Spa Mask

กับ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

COSRX Ultimate Moisturizing Honey Overnight Mask

Mask 2 กระปุกนี้ที่เค้าเริ่ดมากถึงมากที่สุดดดดดดดดดดดด

แต่คุณทองเพียรหาซื้อไม่เจอ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

ตอนแรกก็คิดว่าเออ มันคงจะขาดตลาด

ที่ไหนได้ นางเปลี่ยนแพคเกตจิ้ง เป็นแบบหลอดดดดดดดดด

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

อิเวงงงงงงงง ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้

จะได้บอกคุณทองเพียรทันนนนนนนนนนนน

เสียใจมากกกกก ใครจะไปเกาก็ซื้อมาฝากดิชั้นด้วย อยากได้มากกกกกกกกกกกกก

.

ก็จบกันซักทีนะคะ บอกแล้วว่าของไม่เยอะ ซื้อได้สบายกระเป๋า

เรามันสายดรักสโตร์ ขนหน้าแข้งไม่ร่วงแน่นอน

เพราะไม่ได้จ่ายซักบาท คุณทองเพียรจ่าย จำไว้ว่า

ฝากซื้อ (=ฝากลิตส์ของไว้ให้คุณซื้อมาฝากเรา)

สวัสดีค่ะ

เพียรเอง

*ไหว้ย่อ*

จริงๆก็วางแผนมาตั้งนานแล้วล่ะว่าจะทำรีวิวแต่ขี้เกียจ แบรนด์ยังไม่บูมเท่าตอนนี้ ก็เลยก้มหน้าก้มตาใช้ไปก่อน พอแบรนด์ดังตู้มๆๆ CEO ก็เปงบ้าซะงั้น ตั้งแต่มีข่าวออกมาว่าจะปิดบริษัท ดิชั้ลก็รีบเข้า Beautybay ไปกดสั่งมาสต็อกไว้รัวๆ กลัวของขาดตลาด แต่ก็ดีที่ตอนนี้พวกช้อปหน้าร้านต่างๆเปิดทำการปกติแล้ว ในเว็บก็ยังกดสั่งได้ไม่มีปัญหา ส่วนของจะขาดเมื่อไหร่นั้นก็ไม่รู้ได้ เพราะไม่ทราบว่าโรงงานยังเปิดทำการผลิตอยู่รึเปล่า แต่เดี๋ยวรออีกซักเดือนสองเดือนน่าจะเข้าที่ล้ะ เพราะผู้ถือหุ้นอย่างเอสเต้คงไม่ปล่อยแบรนด์ทิ้งแน่นอน ของเค้าขายได้

ในวันนี้เราก็จะมารีวิว The Ordinary ตัวที่เราใช้จริงๆ ใช้มา 2 ขวดเป็นอย่างต่ำ บางขวดคือขวดที่ 3 แล้ว และบางขวดเราก็ซื้อมาฝากคนอื่น ชื่อแบรนด์คือ ordinary แต่ผลิตภัณฑ์เค้าไม่ธรรมดาอย่างชื่อนะคะ เน้นส่วนผสมง่ายๆตรงๆ เห็นผลจริงๆ ราคาเป็นมิตร ซื้อเยอะก็ไม่รู้สึกผิด เพราะมันถูก 5555555 สั่งมาจากนอกยังไม่โดนภาษีเลย เหมาะกับชนชั้นกลางอย่างเรามากๆ

ขวดแรก ลูกรักยืนหนึ่ง

The Ordinary Lactic Acid 10% + HA

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ตัวนี้เป็น Direct acid หรือ กรด นั่นเอง

ซึ่งความสามารถของกรดแลคติกอันนี้ก็คือผลัดเซลล์ผิว

ช่วยทำให้หน้ากระจ่างใส เรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ

ซึ่งเหมาะมากกับคนที่หน้าผ่านมรสุมมาอย่างหนักอย่างดิชั้ล

หน้าไม่เคยเรียบเนียนกับเค้าซักที ต้องมีสิวอุดตัน สิวเสี้ยนตลอด

แต่ตั้งแต่ใช้น้องเค้ามา สิวเสี้ยน สิวอุดตันหายหมด สีผิวสม่ำเสมอ

หน้าดูใสขึ้นจริงอะไรจริง ดูได้จากรูปด้านล่าง

บอกเลยจากทั้งหมด ชั้ลประทับใจตัวนี้ที่สุดล้ะ

แต่สำหรับใครที่เพิ่งลองกรด รึหน้าแพ้ง่าย หน้าค่อนข้างบาง

ชั้ลแนะนำที่ 5% ก่อน ค่อยๆผสมกับมอยเจอไรเซอร์ ค่อยๆปรับเพิ่มไปเรื่อยๆ

ถ้าหน้าไม่ด้านจริง ฟาด 10% ไปเลยเพียวๆ ก็เสี่ยงหน้าแหกสูงนะคะ

ถึงจะใส่ Hyaluronic acid (HA) มาด้วยก็เถอะ แต่ไม่คุ้มจะเสี่ยง

และอย่าลืม ทากันแดดด้วย!!!!!! ชั้ลเตือนแล้วนะ

.

The Ordinary Niacinamide 10% + Zinc 1%

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ส่วนผสมหลักของขวดนี้คือ Niacinamide รึก็คือวิตามิน B3 ใส่มาให้ถึง 10%

สิ่งที่ Niacinamide จะให้คุณได้คือปรับผิวให้สว่างกระจ่างใส ลดสิว

และสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขนอันเป็นต้นเหตุการเกิดสิว

ยังไม่พอ ยังใส่ Zinc 1% มาเพื่อลดความมันบนใบหน้าซะด้วย

อื้อหือ ฟังดูดี ช่างเหมาะกับคนเป็นสิวและผิวมันเยิ้มอย่างเราจริงๆ

หลังจากที่ใช้จนจะหมดขวดที่ 3 แล้ว บอกเลยว่า นางลดสิวได้จริง แต่ไม่ถึงกับหาย 100%

ยังพอมีสิวอยู่บ้างประปราย เป็นสิวอักเสบเม็ดเล็กๆ แบบหายเร็วมาก ไม่อักเสบไม่ประทุ

แผลจากสิวก็หายเร็ว รอยแดงก็หายเร็ว รูขุมขนเล็กลง สิวไม่ค่อยขึ้น ยกเว้นแต่ว่าเมนส์มา

ส่วนความมันนั้น น้องช่วยได้นิดนึง ไม่ถึงขนาดคุมมันดีเว่อ แต่ดีเลย์ความหน้าเยิ้มได้

ปกติแล้วหลังจากล้างหน้าตอนเช้าไปซักสองสามชั่วโมงหน้าก็มันเยิ้มล้ะ

แต่หลังจากใช้น้องมาก็ยืดเวลาได้อยู่ซักสี่ห้าชั่วโมงถึงจะเริ่มมันเยิ้ม

ทาน้องได้ทั้งเช้าและเย็น เลยค่อนข้างจะหมดเร็วกว่าขวดอื่น

แต่ไม่เป็นไร ชั้ลซื้อมาตุนไว้เรียบร้อบแล้ว 2 ขวด อิอิ

.

The Ordinary 100% Organic Cold-Pressed Rose Hip Seed Oil

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ใช่ค่ะ ดิชั้ลหน้ามัน

และใช่ค่ะ ดิชั้ลใช้ Oil

ใครว่าคนหน้ามันใช้ oil ไม่ได้ ไม่จริง!!!!!!!!

คนหน้ามันก็ต้องการความชุ่มชื้นนะคะ แต่ oil ที่ใช้

ต้องโมเลกุลเล็ก ซึมเร็ว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะไว้บนผิว

ซึ่งน้องตัวนี้ตอบโจทย์เราอย่างมาก เพราะเราเป็นคนหน้ามันที่ต้องการความชุ่มชื้น

หลังจากใช้มาเป็นขวดที่ 2 แล้ว บอกเลยว่าน้องเป็น oil ที่ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

แหงละตอนทาแรกๆก็ต้องรู้สึกเหนอะอยู่แล้ว เพราะน้องเป็น oil แต่พอทาไปได้ซักพัก

น้องก็ซึมเข้าผิวไปเลย ไม่มันเยิ้ม ไม่เหนอหนะ ส่วนตัวใช้ทาแค่ตอนกลางคืน

แต่ถ้าใครหน้าแห้งจะอัพเกรดมาทาตอนกลางวันด้วยก็ไม่ติดขัด

อย่างที่บอกว่าทาตอนกลางคืน เป็นอย่างสุดท้าย แล้วไปนอน ตื่นมาหน้างี้เด้ง

ผิวอิ่มน้ำ ฟู โกลว 10 10 10 วันไหนเจอแดดแรงๆ รึเมนส์กำลังจะมา สิวฮอร์โมนขึ้น

ขอแค่ประโคมน้องไว้แล้วไปนอน สภาพหนังหน้าก็จะดีขึ้นราวกับปาฏิหาริย์

น้องช่วยลดการอักเสบของผิว เติมความชุ่มชื้น ให้ผิวดูโกลววววว สีผิวสม่ำเสมอ

เปล่งประกายจากภายในราวกับเมื่อคืนได้นอนมา 10 ชั่วโมง ทั้งๆที่จริงนอนได้แค่ 4

บอกเลยว่าถ้าใครสนใจพวก oil ลองตัวนี้ก่อนเลย แล้วเทอจะประทับใจ

.

The Ordinary AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ขนลุกเลยค่ะ ใส่ AHA มาให้ถึง 30%

ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่ใช้ได้ทุกวัน ย้ำ!!! ห้ามใช้ทุกวัน

น้องเป็น Peeling solution หรือใช้สำหรับการผลัดเซลล์ผิวอย่างฮาร์ดคอ

ใช้แค่อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง พอกหน้าไว้ไม่เกิน 10 นาที แล้วล้างออก

น้องจะทำการลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก พร้อมสลายสิ่งอุดตันรูขุมขน

เผยผิวใหม่สดใสปิ๊งปั๊ง ลดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน และรอยแดงตั่งต่าง

ตอนทาแรกจะคันยุบยิบๆ แต่ก็ทนได้ แต่ถ้าใครหน้าแพ้ง่าย รึหน้าบาง

ก็ไม่ต้องทนถึงขนาด 10 นาทีก็ได้ เพราะมันเป็นกรดค่อนข้างแรง

และที่สำคัญคือ อย่าลืมทากันแดดด้วย ย้ำ ทากันแดดด้วย!!!!

ตั้งแต่ใช้กรดตั่งต่าง ทั้งน้องคนนี้และLactic acid 10% ชั้ลก็ทากันแดดเป็นประจำ

ถึงแม้แค่จะเดินไปโลตัสหน้าปากซอย ก็ต้องทา anessa สีทอง spf50+++

และยังกางร่มอีกต่างหาก ป้องกันแสงแดดสุดฤทธิ์

.

ผลของการใช้ The Ordinary ทั้ง 4 ตัว ข้างบน มาเป็นเวลา สามสี่เดือน

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เป็นไงล่าาาาาาาาาาาาาา ความหน้าใสมีอยู่จริงงงงงงงงงงงงงงงง

เลิฟฟฟฟฟฟมากกกกกกกก น้องๆไม่ทำให้แม่ผิดหวัง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ดูกับชัดๆกับกองทัพสิวอักเสบตรงสันกราม

หนังหน้าเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ บายสิวอุดตันสิวเสี้ยน หายไปกว่า 80%

ต้องยกเครดิตให้ Lactic acid กับ Niacinamide ที่ทำให้ชั้ลมีวันนี้

.

จริงๆ ที่ใช้เองก็มีเท่านี้ ส่วนอันที่ซื้อให้คุณทองเพียรใช้ก็มี

Granactive Retinoid 2% Emulsion กับ The Buffet

เป็นตัวลดเลือนริ้วรอย กับ บำรุงรอบทิศทาง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ
Granactive Retinoid 2% Emulsion

ซึ่งไม่รู้ว่าใช้ดีรึไม่ดี เพราะนางก็ไม่ได้พูดอะไร

แถมใช้ Retinoid 2% ผิดอีกต่างหาก เราก็บอกแล้วบอกอีกว่า

ทากลางคืนเท่านั้น ห้ามทากลางวัน แล้วก็ต้องใช้ครีมกันแดดด้วย

นางดันทาเช้าทาเย็น ใช้ไปได้อาทิตย์เดียว หน้าลอก แดงเห่อ

ก็บอกแล้ววววว ว่าทาแค่กลางคืนนนนนนนน อย่าทากลางวันนนนนน

ทุกวันนี้ไม่รู้ว่านางใช้ต่อรึป่าว รึกลัวจนไม่กล่าใช้แล้วไม่รู้ 55555

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

The Buffet

ตัวนี้ให้แม่ใช้ แล้วก็ซื้อมาใช้เองด้วย

*Update 18/06/2019

ใช้น้องบุฟเฟ่ต์มาได้สามเดือน ทาเฉพาะตอนกลางคืน ก็จัดว่าพอใช้ได้

แต่ก็ไม่ได้มีผลทันตารึเห็นได้ชัด อาจเพราะน้องเป็นงานยำรวมทุกสิ่ง

ไม่ได้เล็งปัญหาตรงจุดอย่างคนอื่นเค้า แต่รวมๆแล้วก็ชุ่มชื้นดี

อาจจะต้องรอริ้วรอยมาเยือนแล้วใช้อีกที ถึงจะทราบอิทธิฤทธิ์

.

*Update 04/02/2020

แต่เราก็ยังอยากทราบอิทธิฤทธิ์ของ Retinoid/Retinol

เพราะนอกจากจะช่วยลดริ้วรอยแล้ว ก็ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวให้หน้าเรียบเนียน

โดยเฉพาะเราคนหน้ามัน รูขุมขนกว้าง รอยสิวเพียบอย่างเรา

แต่ก็ไม่อยากใช้ Retinol เพียวๆ กลัวหน้าแหกก็เลยไปเจอนี่

Retinol 0.2% in Squalane

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เลือกความเข้มข้น 0.2% มา เพราะมันน้อยสุด

ไม่เชียร์ให้เลือกความเข้มข้นสูงๆมาลองก่อน เพราะหน้ามันจะลอกได้

แม้ว่ามันจะมากับ Squalane ที่เป็น oil ให้ความชุ่มชื้นก็ตาม

สำหรับเราถือว่ามันเวิร์คมาก หน้าเรียบเนียนขึ้น เพราะได้แรงผลัดเซลล์จาก Retinol

แล้วแถมความผิวอิ่มฟู เด้งๆ ด้วยอิทธิฤทธิ์จาก Squalane

ทุกวันนี้ก็ใช้สลับกับ Rose hip seed oil วันเว้นวันไป ไม่ได้ใช้ทุกวัน

เพราะเดี๋ยวมันจะหนักไป เพราะเราก็ใช้พวกกรดผลัดเซลล์ผิวอยู่แล้วด้วย

.

แล้วก็มีตัว Hyaluronic Acid 2% + B5 ที่ซื้อมาใช้กับ Lactic ตอนแรกๆ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เพราะอยากจะเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น เด้งๆๆ แต่เปลี่ยนมาใช้ Rose hip seed oil แทน

ก็เลยยกให้ดิวไป เพราะดิวมันหน้าแห้ง ก็เห็นว่านางใช้ดีอยู่นะ

ใช้จนหมดขวดล้ะ ตอนนี้เห็นมันดิ้นรนหาซื้อขวดใหม่อยู่

แต่ไม่รู้หาได้มั้ย เพราะช่วงนี้ร้านหิ้วต่างๆของขาดตลาด

ต้องสั่งกับเว็บนอก ชิปมาไทย

.

อันที่เราซื้อมาเพราะว่ามันน่าสนใจก็คือ B oil

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

มันคือ Blended oil รวบตึง oil หลายชนิดอยู่ในขวดเดียวกัน

(marula, argan, baobab, pataua, brazil nut, inca inchi, rosehip และ borage)

แค่ดูรายชื่อก็ซื้อแล้วอ่ะค่ะ เดี๋ยวรอ Rose hip seed oil ขวดปัจจุบันหมดก่อน แล้วจะเปลี่ยนมาใช้ B oil

Update 25/04/2019

ใช้น้องมาสามเดือน “ไม่เวิร์คอย่างแรง!!!!!!!!”

เนื่องจากน้องยำมาหลายออยรวมกัน เลยทำให้อุดตัน

ไม่รู้แน่ชัดว่าออยชนิดไหนก่อเรื่อง แต่สำหรับคนหน้ามันอย่างชั้ลคือไม่รอด

สิ่วอุดตันขึ้นพรึ่บ ต้องกลับไปซบ Rosehip seed oil ด่วนๆๆๆ

.

.

สำหรับตัวอื่นๆที่น่าสนใจแต่ก็ยังไม่ได้ลอง

ก็มีอันที่เค้าว่าดีกับชาวสิวผิวมันอย่าง Salicylic Acid 2% Solution ที่ช่วยลดสิวอุดตันดี แต่เราใช้ BHA 2% ของป้าพอลล่าอยู่ เลยไม่ได้ซื้อมาใช้ เพราะทับไลน์กัน

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

.

แล้วก็ Glycolic Acid 7% Toning Solution ที่เค้ายกให้เป็นตัวก๊อปของ Pixi Glow tonic แต่เราใช้ Skin balancing pore reducing toner ของป้าพอลล่าอยู่ ซึ่งก็ทับไลน์กันอีกเช่นเคย เลยไม่ได้ใช้

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

.

สุดท้ายก็ Caffeine Solution 5% + EGCG สำหรับชาวหมีแพนด้า ใต้ตาดำ บวม ถุงใต้ตาหย่อนยาน เห็นเค้าว่าใช้ดีเหมือนกัน แต่ทางเราไม่ได้มีปัญหาด้านนี้ เลยไม่ได้ใช้ 555555

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

.

โอเค ครบแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง

เออ จริงๆทางแบรนด์เค้าแนะนำว่า ควรใช้ไม่เกิน 3 อย่าง สำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน

อย่างดิชั้ล ก็ 3 พอดี ตัว AHA 30% เป็น Mask อาทิตย์ละครั้ง 2 ครั้ง ไม่นับ

ถ้าใช้หลายตัวเกินอาจจะสับสนงงงวย รุนแรงกับหน้ามากเกินไป

แต่ก็แล้วแต่สภาพหน้าแต่ละคนอยู่ดี ว่าอันไหนเข้ากับหน้าได้ ไม่ได้

อันไหนแรงไปเบาไป ก็ปรับเลือกกันได้ เพราะมีหลากหลายผลิตภัณฑ์

หลากหลายความเข้มข้น เนื้อสัมผัสต่างๆ ใส่ Solvent ต่างกัน

มีหลายแบบ หลาย derivative เลือกจนตาลายสุด

ลองเข้าไปดู Guide ต่างๆในเว็บนางได้ ว่าอะไรแรงอะไรเบา

อันไหนเข้ากับหน้าตัวเอง

รึลองดูวิดีโอของคุณ Gothamisa ที่รีวิวสับๆไว้ ละเอียดดีมาก มีหลายพาร์ท

The Ordinary Review Pt.1 | Buffet, Niacinamide, HA+B5, Arbutin, Matrixyl

.

ก็พอก่อนเนาะรอบนี้

จริงๆโดนกดดันมาจากเพื่อนๆทั้งหลายว่า มึงซื้อมาใช้ มึงก็รีวิวด้วย

ก็เลยต้องทำรีวิวอันนี้อ่ะนะคะ

XOXO

เพียรเอง

*ไหว้ย่อ*

เนื่องจากช่วงนี้ผลิตภัณฑ์ที่ได้ไปกว้านซื้อมาใช้ตั่งต่างได้หมดขวด ซึ่งมันชอบหมดพร้อมกันหลายๆอย่าง เลยจับน้องโยนใส่ตะกร้ารวมๆกันไว้ ว่าจะมาเขียนบล็อกพวก Empties product อะไรใช้ดี ควรค่าแก่การซื้อใช้ต่อบ้าง

และอิ wordpress มันเล่นชั้ลแล้วววววว อีดอกกกกกก นั่งพิมพ์เป็นชม. นางไม่ได้เซฟให้ก็ไม่บอก พิมพ์จนเสร็จจะกด Publish กดไม่ได้ เลยปิด กะว่านางเซฟดราฟไว้แล้ว ปรากฏเปิดมาเหลือย่อหน้าข้างบน อิเว้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เอ้อ กูพิมพ์ใหม่ก็ได้โว้ยยย

.

หมดอย่างแรก ใจแทบขาด

Three balancing cleansing oil – 200 ml

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ใช้ดีจนไม่รู้จะว่าดียังไงแล้ว กลิ่นเอย อะไรเอย มันดีไปหมด

นวดๆๆๆ ล้างน้ำ จบ ล้างสะอาด ไม่อุดตัน กลิ่นหอมชวนฟิน

ใช้แบบเปลืองๆ ครั้งละ 2-3 ปั๊ม อยู่ได้ตั้ง 7-8 เดือน

ซื้อต่อมั้ย : ซื้อค่ะ!!! ซื้อมาแล้ว ขาดไม่ได้!!!!

.

Innisfree Green Tea Seed Serum – 80 ml

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ใช้มาจนนับขวดไม่ถ้วน เลิกนับไปตั้งแต่ขวดที่สามได้

เป็นเซรั่มโง่ๆ คิดอะไรไม่ออกก็เอามาทา งานเติมน้ำผิว

ทาเช้าทาเย็น ใช้มานานแสนนาน แต่ก็ยังยืน1ในบรรดาเซรั่ม

ซื้อต่อมั้ย : ซื้อแน่นอน!!!!!!!!!

.

The Body Shop Tea Tree Oil – 10 ml

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

มาในขวดจิ๋ว ไซส์น่ารัก 10 ml ทาสิวแล้วเย็นๆแสบๆ สาแก่ใจ

เป็นยาวิเศษเสกให้สิวแห้งชั่วข้ามคืน เอามาสลับใช้กับเบนแซค

คู่หูต้านภัยสิว แต่ระวังนิดนึงเพราะน้องจะทำให้ผิวแห้งลอก

ทาแค่ตรงสิวพอ ไม่ต้องถูซะทั่วหน้า เดี๋ยวพัง

ซื้อต่อมั้ย : ซื้อค่ะ ซื้อไซส์ใหญ่ 20 ml มาแร้วคราวนี้!!!!!!!!!

.

The Ordinary 100% Organic Cold-Pressed Rose Hip Oil – 30 ml

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

หลังจากได้รับการสั่งสอนอย่างถูกต้องมาแล้วว่า คนหน้ามันอย่างเรา

ก็ใช้ oil ได้ แต่ต้องเป็น oil โมเลกุลเล็ก ซึมเร็ว และไม่อุดตัน

ประกอบกับดูรีวิวบิวตี้ยูทูบเบ้อสายสกินแคร์อย่าง Gothamista (รีวิวละเอียด ตีแตกสุด

นี่แนะนำรีวิว The Ordinary ของนางเลยข่ะ สำหรับใครที่สนใจแบรนด์นี้อยู่)

นางแนะนำมาว่าตัวนี้คนหน้ามันก็ใช้ได้ แถมจะดีซะด้วย

อาศัยหลักการเติมความชุ่มชื้นให้ผิวซะ หน้าจะได้มันน้อยลง

หลังจากใช้มาจนหมดขวดบอกเลยว่า ดีจริงงงงงงงงงงงงงงงง

ความผิวฟู อิ่มน้ำ ฉ่ำโบ๊ะ โกลว แต่ไม่เยิ้มมีอยู่จริง

เนื้อ oil ออกสีเหลืองส้ม ตอนทาแรกๆหน้าจะมันว๊าบ แต่ซักพักนางก็ซึมเข้าผิว

แนะนำว่าทาตอนกลางคืน แต่ถ้าใครหน้าแห้งก็อัพเกรดมาทากลางวันก็ได้

นอกจากจะทำให้หน้าอิ่มน้ำแล้ว นี่ว่านางช่วยให้สิวมันอักเสบน้อยลง

ไม่ประทุแบบ aggressive แล้วก็ช่วยลดรอยแดงจากสิวด้วยอีกทาง

ซื้อต่อมั้ย : ซื้อสิคะ!!!!!!!!!

**ถ้าใครใช้ oil ที่มาในขวดสีชาแบบนี้ แนะนำให้เก็บใส่กล่อง รึไม่ก็เก็บให้พ้นแสงแดด เพราะน้องจะออกซิไดซ์ง่ายมาก อย่าง rose hip oil อันนี้ ช่วงหลังๆ ใกล้หมดขวดนางก็ออกซิไดซ์ มีกลิ่นหืน เปลี่ยนสีจากเหลืองส้มเป็นเหลืองอ่อน แล้วก็หนืดมาก เริ่มซึมยาก ของใครมีอาการให้ทิ้งโลด ซื้อใหม่ค่ะ อย่าฝืนใช้ต่อ**

.

The Ordinary Niacinamide 10% + Zinc 1% – 30 ml

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เกิดมาเพื่อเราชาวหน้ามัน+สิวโดยแท้

มาเพื่อปลอบประโลม ช่วยสมานแผลที่เกิดจากสิว เร่งสร้างคอลลาเจน

ใส่ Zinc มาเพื่อลดความมันบนใบหน้าอีกต่างหาก

หลังจากใช้มาจนหมดขวด นางช่วยเรื่องลดรอยสิวได้จริง แผลจากสิวหายเร็วขึ้น

หน้ามันลดลง สิวปกติทั่วไปก็ลดลงด้วย แต่สิวฮอร์โมนนางก็เอาไม่อยู่อ่ะนะคะ

ทำได้ตามคำเคลม ส่วนประกอบง่ายๆ ผลลัพธ์ปังๆๆ

ซื้อต่อมั้ย : ซื้อค่ะ ซื้อมาพร้อมอิขวดข้างบนล้ะ

.

Paula’s Choice Skin Balancing Pore-Reducing Toner – 190 ml

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

โทนเน่อตัวดังของป้าพอลล่า ใช่คู่กับ 2% BHA Liquid คู่หูของนาง

คือจัดการสิวเสี้ยน สิวอุดตันกระจุยกระจาย แทบไม่มีเหลือ

ยิ่งไปกว่านั้น รูขุมขนที่เบ่งบานก็หุบลง รูฟิตแบบสังเกตได้

ตอนแรกที่ใช้เช็ดหน้าก็จะรู้สึกร้อนวาบๆ ตอนแรกก็ตกใจนึกว่าแพ้

แต่อ่านรีวิวเค้าว่าเป็นปกติ ก็จะร้อนๆหน้าหน่อย ใช้ไปซักพักก็ไม่ร้อนแล้ว

ตั้งแต่ใช้น้องมาก็ไม่ต้องมาร์สกระชากสิวเสี้ยนกันอีกเลย

ดีงามมากๆ น่าจะซื้อมาใช้ตั้งแต่สมัยสาวๆ รูจะได้กระชับ ฟิตเปรี๊ยะ

ซื้อต่อมั้ย : ซื้อแน่นอนจ้าาาาาาา

.

Biotherm Life Plankton – 125 ml

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เป็นสกินแคร์เคาท์เตอร์แบรนด์ตัวแรกที่ใช้ เพราะเบื่องานน้ำตบยีสต์

กลิ่นชวนงงหน่อยๆ แต่ใช้แล้วหน้าฟูมากกกกกกกกกกกกกก

ด้วยความที่นางเติมความชุ่มชื้นกับผลัดเซลล์ผิวเนาะ ก็แอบหน้าใสขึ้น

ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น ไม่แพ้ง่าย ไม่งอแง ไม่ค่อยแดงเหมือนเมื่อก่อน

ที่สำคัญขวดเท่านี้ อยู่ถึง 1 ปีเต็ม คุ้มมากจริงๆค่ะ

ซื้อต่อมั้ย : ไม่จ้าาาาา เพราะจะเปลี่ยนไปลองสูตรใหม่ Clear essence ที่เค้าว่าเนื้อจะเบากว่า เหมาะกับคนหน้ามัน

.

Vaseline Intensive Care Lavender nourish – 550 ml

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ซื้อมาหลังจากทนความเหนอะของอิสูตรโกโก้ไม่ไหว

สูตรลาเวนเด้อนางให้สเกลความชุ่มชื้นเท่าอิโกโก้นะ แต่เนื้อเบากว่ามากกก

ซึมเร็วกว่ามากกกกกกกกกกกก ใครประสบภัยจากสูตรอิโกโก้

ดิชั้ลแนะนำสูตรลาเวนเดอร์นี่แหละค่ะ ซึมเร็ว ไม่เหนอะ กลิ่นหอม

เหมาะแก่การทาแบบพร่ำเพรื่อในหน้าร้อน ไม่เหนียวตัว และชุ่มชื้นกำลังดี

ซื้อต่อมั้ย : อาจจะ…. ถ้าอากาศร้อนคงต้องกลับมาซบนาง แต่ว่าช่วงนี้อากาศดีเลยใช้เจอร์เก้นเจ้าเก่าเจ้าเดิม เพราะทาแล้วผิวนุ่มกว่า อิอิ

.

Laura Mercier Loose Setting Powder สี Translucent – 29 g.

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เธอจะอยู่กับชั้ลตลอดปัยและจะไม่มีใครแทนที่เธอได้

ซื้อต่อมั้ย : ซื้อ!!!! จนกว่าจะมีสิ่งที่ดีกว่า (ซึ่งยังไม่มี)

.

Batiste Dry Shampoo Heavenly Volume – 200 ml

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ไอเท่มกู้ชีพสำหรับคนที่ไม่ได้สระผมทุกวันอย่างชั้ล

ฉีดๆๆอัดเข้าไปตามโคนผม หัวก็หายมัน กลิ่นก็หอม แถมได้วอลลุ่ม

ยีโคนเบอร์ใหญ่สุด ราวกับจะตีลอนฟาร่าไปประกวดนางงาม

ซื้อต่อมั้ย : ซื้อสิ ขี้เกียจสระผมทุกวัน!!!!

.

ก็พอก่อนกับบล็อกนี้นะคะ ถ้ามีอะไรหมดเพิ่มเติมก็จะมาต่อเวอร์ชั่น 2

แต่อย่าเพิ่งหมดเลย ตอนนี้จน เงินทุนยังไม่เข้า 5555555

สวัสดีค่ะ

*ไหว้ย่อแบบเข่าติดพื้น*

เพียรเอง

ได้เวลากลับมาอัพเดตเรื่องเครื่องสำอางกันบ้าง หลังจากเบนสายมางานวิชาการซะเยอะ ช่วงนี้ก็ว่างแล้ว (รึป่าวก็ยังไม่แน่ใจ) แต่ที่แน่ๆคือผ่านพ้นมรสุมป.โทไปแล้ว ธีสิสก็เรียบร้อย นั่งรอนอนรอใบจบอย่างเดียว ประกอบกับช่วงนี้โลตัสข้างบ้านได้เปิดทำการแล้ว และมีวัตสัน (ใหญ่ด้วยจะบอก) ดิชั้ลก็เลยไปเดินโฉบไปโฉบมา ได้ของติดไม้ติดมือมาหลายสิ่ง หนึ่งในนั้นคือมีรองพื้นออกใหม่ของเมย์เบลลีนคือรุ่น Superstay 24HR Full Coverage Foundation เลยสอยมาลอง พร้อมกับอีกรุ่นในดวงใจก็คือ Fit Me Matte & Poreless Foundation ที่ก็ใช้อยู่เป็นประจำผลัดกับน้อง Pro-matte ของฝั่งลอริอัล (ช่วงนี้แอบใช้ Matte+Poreless มากกว่าเพราะเกลี่ยง่ายกว่า และหน้าไม่ค่อยมันเท่าไหร่แล้ว ซึ่งเป็นผลพวงมาจาก Skincare ที่ใช้)

บล็อคนี้ก็เลยจะมาท้าชน เป็นศึกสายเลือดของ Maybelline ระหว่างรุ่น Superstay 24HR Full Coverage Foundation ที่เค้าเคลมว่าปิดมิดและทนถึก กับรุ่น Fit Me Matte & Poreless Foundation ที่แมทสนิท คุมมัน พร้อมเบลอรูขุมขน!!!!!

.

Maybelline Fit Me Matte & Poreless Foundation

VS

Maybelline Superstay 24HR Full Coverage Foundation

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

และในเรื่องของแพคเกตจิ้งชั้ลให้ Superstay ไปเลย เพราะนางมีฝาปั๊ม ในขณะที่อิ Matte+Poreless เป็นแบบเทๆเอา อห นี่ 2018 แร้วนะขะ หร่อนยังจะให้ชั้ลเทรองพื้นจากขวดอยู่อีกหลอ ปรับปรุงด่วนเลยนะขะ เทเหลือ เทเกิน เทเลอะ เป็นปัญหาชีวิตมากๆ

.

มาดูที่ Maybelline Fit Me Matte & Poreless Foundation มุมน้ำเงิน กันก่อน

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

“เป็นรองพื้นในอุดมคติของผิวปกติถึงผิวมัน รองพื้นเนื้อแมทต์ของเรานั้นประกอบไปด้วย Micro-powders ที่ช่วยควบคุมความมันและเบลอรูขุมขน ” – คำเคลมจากทางแบรนด์

เป็นคู่ฟัดคู่เหวี่ยงมากับน้อง Pro-matte ฝั่ง L’oreal เนื่องจากเจาะกลุ่มทาเก็ทเดียวกันคือคนหน้ามัน เห็นบิวตี้ยูทูบเบ้อหลายๆคน ยกนางให้เป็น Favorite ของ Drugstore ตอนแรกวอแวอยากได้มาก แต่นางเป็นขวดแก้วเลยพรีออเดอร์ลำบาก สุดท้ายเลยไปลงที่ Pro-matte ก่อน จนไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะได้เข้าไทยมาให้ลองใช้ซักที สมใจดิชั้ลยิ่งแร้ว

จากที่ใช้น้องมาได้ครึ่งขวดค้นพบว่าน้องไม่ได้แมทเว่อแมทสนิท พอแห้งเอยอะไรเอยเซตตัวแล้วก็ยังคงมีความผิวอยู่ ยังไม่ถึงขั้นกระดาษทรายอย่าง pro-matte ของลอริอัล

แถมน้องเกลี่ยง่าย เนื้อลื่นปรื้ดๆ สีอันเดอร์โทนเหลืองชัด ดิชั้ลใช้สี 228 Soft Tan ไม่ลอย พอดีหน้าพอดีคอ ปกปิดค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นมิด แต่บิลด์ทับได้ไม่เป็นคราบ เอาเข้าไทยมาประมาณ 12 เฉดสี เลยมีให้เลือกเยอะหน่อย ให้คะแนน ณ จุดนี้

.

มาฝั่ง Maybelline Superstay 24HR Full Coverage Foundation มุมแดง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

“พิกเม้นท์แน่น เนื้อบางเบา แต่ปกปิดมิด เนื้อสัมผัสลื่นเกลี่ยง่าย เพื่อผิวสมบูรณ์แบบที่จะอยู่ติดทนไปทั้งวัน Oil-free และไม่อุดตัน” – คำเคลมจากทางแบรนด์

น้องเข้าไทยเร็วมากกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

เร็วมากจริงๆ เหมือนเปิดตัวที่เมกาไปเมื่อต้นปีนี้เอง นี่กลางปีก็เอาเข้าไทยมาแล้ว ทีอิรุ่น Matte-Poreless นี่ดองอยู่เป็นปีๆกว่าจะเอาเข้าไทยมาได้ อันนี้ก็เห็นบิวตี้ยูทูบเบ้อกรีดร้องยกให้เป็น Favorite (อีกแล้ว)

และเนื่องจากนางเพิ่งเข้าไทย เลยมีแค่ 6 เฉดสี เท่านั้นข่ะคุณผู้ช้มมมมมมมม โทนชมพูไปแล้วสอง โทนส้มไปสาม โทนเหลืองหนึ่ง ดิชั้ลยืนพิจารณาแล้วพิจารณาอีก สีที่น่าจะแมทช์กับหน้าที่สุดก็เบอร์ 310 Sun Beige แต่ดิชั้ลกลัวคำว่า Beige เหลือเกิน กลัวลอย เนื่องจากเราผิวเหลืองอ่ะนะขะ แต่ดูจากสวอชแล้วออกเหลืองๆส้มๆ พอไปรอดอยู่

โดยส่วนตัวคือก็เพิ่งได้ลองตอนทำรีวิวอันนี้แหละครั้งแรก 555555

เป็นยังไงก็ไปดูกันข่ะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เริ่มจากเนื้อรองพื้นก่อนเลย ฝั่ง Matte-Poreless เนื้อจะเหลวและลื่นกว่า ทำให้น้องเกลี่ยง่ายกว่า ส่วน Superstay จะหนืดกว่าหน่อย แต่ก็ยังถือว่าเกลี่ยง่ายอยู่ และข้อสังเกตอีกอย่างคือ จะเห็นได้ว่าฝั่ง Matte-Poreless จะออกอันเดอร์โทนเหลืองชัดเจน สีเข้ากับหน้าดิชั้ลเป๊ะๆ แต่ฝั่ง Superstay นี่จะออกส้มๆหน่อย เพราะนางเป็นสี Beige สำหรับ neutral undertone (ซึ่งมันก็ก้ำกึ่งใช้ได้ทั้ง warm และ cool undertone) แต่โชคดีที่นางไม่ส้มมาก เลยยังรอดอยู่ ไม่ลอย

ทำการลงรองพื้นด้วยฟองน้ำไข่ อย่างละครึ่งหน้า

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ขออนุญาตคาดตาผู้เสียหายเล็กน้อย เพื่อความสบายใจ 55555555

แอบขิงสภาพหนังหน้าตัวเองเล็กน้อย เพราะน้องสภาพดีมากไรมาก หลังจากหันไปลงทุนกับสกินแคร์อย่างเป็นจริงเป็นจังได้ 3 เดือน

ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าฝั่ง Superstay จะแอบหมองๆส้มๆ กว่าทาง Matte+Poreless ที่สีเข้ากับหน้าเป๊ะๆ เลยทำให้ผ่องกว่า แต่ว่าไม่ได้ Superstay ปิดขี้แมลงวันชั้ลโหดมาก ส่วนเรื่องเบลอรูขุมขนชั้ลให้เท่ากัน อาจเป็นเพราะนี่ลงไพรเมอร์ไปด้วย เลยไม่เห็นความต่าง

ซูมๆๆๆๆ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ทางฝั่ง Matte-Poreless นั้นก็ดูเนียน ดูเรียบดี ให้คะแนนพลังปกปิดรอยขี้แมลงวันอยู่ที่ 40% และยังมีรอยสิวฝั่งริมซ้ายบนๆ ที่ยังแอบโผล่มาทักทาย (แต่หน้าฝั่งนี้ไม่ค่อยมีรอยสิวเยอะเท่าอีกฝั่ง)

.

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

มาทางฝั่ง Superstay กันบ้าง อห…. เห็นกลุ่มรอยสิวฮอร์โมนวัย 25 ของชั้ลที่มุมขวาล่างกันมั้ยขะ น้องกลบแทบไม่เหลือ ยืนยันว่าลงรอบเดียวด้วยฟองน้ำไข่จริงๆ Full coverage นางทำได้จริง ไม่โม้ และให้คะแนนกลบขี้แมลงวันอยู่ที่ 70% ไปเลยข่ะ

ต่อมาเป็นการทดสอบความทนทานยาวนาน 8 ชั่วโมง

หลังจากลงรองพื้นไปตอน 10.00 น. แบบไม่เซ็ทแป้ง รองพื้นเปลือย ก็ทำการนอนดูซีรีย์ยิงยาว ทำกับข้าว แล้วก็กลับมานอนดูซีรีย์ต่อ จนได้เวลา 18.00 น. ก็มาเช็คสภาพรองพื้นซักหน่อยว่าเป็นไงกันบ้าง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

อห ส่องสว่างสะท้อนแสงจนแสบตา

น้องทั้งสองก็โชว์ฟอร์มได้ดี มีออกซิไดซ์นิดหน่อย แต่ซับมันแล้วก็กลับมาเฟรชเหมือนเดิม รองพื้นไม่มีหลุดหาย มีแต่ความมันที่ผุดขึ้นมา นี่ไม่ได้ทาแป้งทับด้วยนะ ไม่ได้แอบซับหน้าระหว่างวันเลยด้วย ความมันค่อนข้างใกล้เคียงกันมองด้วยตาก็จะเปรียบเทียบยาก เลยไปเอาฟิล์มซับมันมาลองซับดูทั้งสองฝั่ง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ก็แนบลงไปที่แก้ม ฝั่งละแผ่นไปเล้ยยยย แนบสนิทแล้วก็ลอกน้องออกมาดู

ที่นี้ก็เห็นชัดเลยข่ะ ว่าหน้าทางฝั่ง Superstay มันย่องกว่ามาก ดูได้จากโซนสีดำที่โดนน้ำมัน ส่วนทางฝั่ง Matte+Poreless ก็คุมมันได้ดีกว่า ทำได้อย่างที่เคลมจริงๆ

และน้องทั้งสองก็ไม่มีหลุดติดฟิล์มซับมันมาเลย ประทับจัยยยย

.

สรุปคะแนนข่ะ

Fit Me Matte & Poreless Foundation

เกลี่ยง่าย 5/5 คุมมัน 4.5/5 ปกปิด 4/5 ทนทาน 4.5/5

รวม 4.5/5

Superstay 24HR Full Coverage Foundation

เกลี่ยง่าย 4.5/5 คุมมัน 4/5 ปกปิด 5/5 ทนทาน 4.5/5

รวม 4.5/5

อ่าววว อิเวงงงง คะแนนเท่ากันนนนนนนนนน!!!!!!!!!!

เอาเป็นว่าถ้าช่วงไหนหน้ามันต้องการการคุมมันก็ใช้ Matte+Poreless

ถ้าช่วงไหนร่องรอยบนหน้าเยอะต้องการการปกปิดก็ใช้ Superstay

รึถ้าหน้ามันด้วยและต้องการการปกปิดด้วย ก็ซื้อมาทั้งสองแล้วเอามาผสมกันข่ะ

เพราะชั้ลก็ใช้แบบนี้ ชั้ลเลือกไม่ได้ 555555555555

.

.

เอาล่ะข่ะ วันนี้ก็ขอลาไปก่อน มีซีรีย์อีกหลายเรื่องที่ยังต้องดู

xoxo

เพียรเอง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

หากคุณก็เป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยจากโปรแกรมจัดการวิทยานิพนธ์อันชาญฉลาดอย่างไอธีสิสแล้วล่ะก็ เราคือเพื่อนกันค่ะ เป็นโปรแกรมอำนวยความสะดวกในการพิมพ์วิทยานิพนธ์ที่เปิดเข้าเว็บไปทีไรก็หัวร้อนทุกที ต้องจุดธูปเทียน บนบานศาลกล่าวก่อนกด Generate หรือกระทั่งก่อนกด Bookmark โดยตั้งแต่เริ่มกระบวนการ 3 บท ยันยื่นจบ ดิชั้ลได้อัพไฟล์ขึ้นระบบมาแล้วทั้งหมดเป็นจำนวน 52 เวอร์ชั่น อ้างอิงจากบาร์โคดที่อยู่ด้านข้าง

จากประสบการณ์อันโชกโชนในฐานะผู้บุกเบิก บุกน้ำลุยไฟ จนผ่านครบทุกขั้นตอนของไอธีสิสมาแล้ว ดิชั้ลจึงมาแบ่งปันองค์ความรู้ที่ได้ประสบพบเจอมาโดยตรงจากกระบวนการทำธีสิสเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เป็นแสงไฟส่องสว่างนำทางให้เพื่อนๆผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในวังวนของไอธิสิส

***คอนเทนต์นี้เหมาะสำหรับนิสิตปริญญาโท แผน ก คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา***

*******และรูปส่วนใหญ่ก็เอามาจากคู่มือ i-Thesis ฉบับนักศึกษา ที่เหมือนจะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรเราได้มากนัก*******


หลังจากที่เราผ่านขั้นตอนกระบวนการ 3 บท ผ่านจริยธรรม ลงมือเก็บข้อมูล และลงมือเขียนบท 4 บท 5 เพื่อจะยื่นสอบแล้ว ควรพึงระลึกว่า 5 บทที่ใช้ยื่นสอบทั้ง ต้องมีครบทั้ง Abstract กิตติกรรมประกาศ สารบัญ สารบัญตาราง สารบัญภาพ ภาคผนวก

มาเริ่มกันที่ Abstract และ Acknowledgement

(บทคัดย่อ และ กิตติกรรมประกาศ)

ซึ่งในส่วนของทั้ง 2 อย่างนี้ เราจะต้องไปกรอกใน Electronic form ในเว็บ ithesis ที่เมนู Abstract และ Acknowledgement แล้วกด Generate ในเวิร์ด นางก็จะแทรกหน้ามาให้อัตโนมัติ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ปุ่มอยู่ข้างๆกันนะคะ

หน้าตาของช่องกรอก Abstract และ Acknowledgement จะเป็นดังภาพด้านล่าง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ซึ่งจะเป็น Textbox ที่บังคับให้เรากรอกได้แค่ตัวอักษรเท่านั้นค่ะ สามารถทำตัวเอียง superscript และ subscript ได้ค่ะ แต่จะต้องกดเลือกจากเมนูบนกล่องเท่านั้นค่ะ เพราะอย่างที่บอก Textbox รับแค่ตัวอักษรเท่านั้นค่ะ ไม่ว่ามี style รึ form ใดๆติดมาจากเวิร์ดที่เราก๊อบมา เมื่อมาวางในนี้นางก็จะล้างหมดเหลือแต่ตัวอักษรเท่านั้นค่ะ

ก็ทำการกรอกไปนะคะ ทั้งไทยและอิ้ง และอย่าลืม add คำสำคัญด้วยนะคะ ทีนี้สิ่งที่ควรทราบคือ ทั้ง 2 เมนูนี้ มันจะตัดขึ้นย่อหน้าใหม่ให้ถ้าเรากด Enter ค่ะ ดังตัวอย่างด้านบนคือ ……..มีประสิทธิภาพมากขึ้น แล้วเราก็จะขึ้นย่อหน้าใหม่ ก็ให้ Enter นางลงมาเป็นบรรทัดใหม่แล้วโปรแกรมจะย่อหน้าให้เองโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องไปใส่ย่อหน้าในกล่องค่ะ

และเนื่องจากโปรแกรมได้ตั้งระบบไว้ว่าหากกด Enter บรรทัดถัดไปจะย่อหน้าทันที ทำให้เราไม่สามารถตัดคำ หรือแก้การฉีกคำในแต่ละบรรทัดเองได้ ถ้า Enter นางลงมาปุ๊บ มันก็จะย่อหน้าให้ทันที และในหน้าบทคัดย่อและกิตติกรรมประกาศในเวิร์ดนั้นก็จะเป็นหน้าล็อคไม่ให้เราแก้ไขได้……….

ซึ่งในส่วนนี้ก็ขอให้ทำใจค่ะ เราแก้ไขไม่ได้ ถามเจ้าหน้าที่บัณฑิตแล้ว พี่เค้าก็ยินยอมแต่โดยดี เพราะมันแก้ไขไม่ได้จริงๆ บางคนอาจจะ OCD กำเริบเลยก็ได้ อย่างดิชั้ลที่เจอการฉีกนามสกุลของอาจารย์ ครึ่งนึงอยู่บรรทัดบน อีกครึ่งหลังไปอยู่บรรทัดล่าง ว้อยยย หุดหิด 55555555555555

และอีกข้อควรระวังคือ เมื่อโปรแกรม Generate หน้า Abstract มาให้แล้ว ตรวจสอบให้ดีว่าหลังชื่ออาจารย์จะต้องมีวุฒิการศึกษาด้วย อย่างเช่น สมศรี ศรีสม, กศ.ด. รึหน้าอิ้งจะเป็น Somsri Srisom, Ed.D. ถ้าหากบทคัดย่อของใครไม่ขึ้นล่ะก็ ให้ไปใส่ที่ Electronic form เมนู Committee / Examiner คลิกเลือก รูปดินสอ(edit) ที่แถวๆชื่ออาจารย์ และใส่วุฒิการศึกษาในช่อง Postfix

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

กดเลยค่าาาาาาา

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

กล่อง Postfix สำหรับใส่วุฒิการศึกษาสูงสุดของอาจารย์จะอยู่ทางด้านหลัง ต้องใส่ทั้งแอดหลักและโค

และกล่อง Prefix ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าต้องใส่ตำแหน่งของอาจารย์ อย่างเช่น ผศ. ดร. อะไรตั่งต่าง

ซึ่งก็ต้องใส่ทั้งเต็มทั้งย่อทั้งไทยทั้งอิ้ง อย่างเช่น ชื่อเต็มคือ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต/ Doctor of Philosophy ตัวย่อก็เป็น ปร.ด. / Ph.D


สารบัญ / สารบัญตาราง / สารบัญภาพ

มาถึงจุดที่ปวดหัว ปวดกบาล ประสาทแดก ไมเกรนขึ้นทุกทีที่กดใช้

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

และเป็นที่แน่นอนว่าเราจะต้องพึ่งพาการจัดสารบัญของโปรแกรม i-Thesis เพราะนางจะล็อคหน้าไม่ให้เราแก้ไขใดๆ ซึ่งการจัดสารบัญจะว่าง่ายก็ง่าย จะกว่ายากก็ยาก สิ่งที่เราต้องทำมีเพียงคลุมดำหัวข้อที่เราอยากจะให้ขึ้นสารบัญ แล้วกดเลือก Style ให้หัวข้อนั้นๆ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ซึ่งถ้าใครหาแถบ Style ไม่เจอ ให้กดอิรูปสามเหลี่ยมอันน้อยในวงกลม แล้วแถบเมนู Style จะโผล่ขึ้นมาเอง

โดยหัวข้อหลักอย่าง บทที่ 1 บทที่ 2 บลาๆ ให้เลือก Style iThesis_Index_1 นะคะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

และหัวข้อรองอย่าง ความเป็นมา วัตถุประสงค์ นิยามศัพท์เฉพาะ บลาๆๆ ให้เลือก Style iThesis_Index_4 ค่ะ (ได้รับการคอนเฟิร์มมาจากเจ้าหน้าที่บัณฑิต(akaพี่โอ)ที่ตรวจฟอแมทให้ ว่าให้ใช้ style สารบัญแบบนี้)

ข้อควรระวังคือเมื่อเรากดเลือก Style ให้กับหัวข้อแล้ว ตัวอักษรจะเพี้ยนไป เล็กลง รึตัวเอียง ก็ให้เราจัดคืนเหมือนเดิมด้วยนะคะ ขนาดตัวอักษรเปลี่ยนก็ขยายให้เท่าเดิม มันเด้งมาชิดริมก็จัดให้มาตรงกลาง การมาจัดฟ้อนท์ทีหลังจะไม่ส่งผลใดๆถึง Style สารบัญที่เราเลือกไว้ค่ะ สามารถแก้ได้เลย ซึ่งปัญหานี้อาจแก้ไขได้ด้วยการไปแก้ไข Style แต่ว่ายังหาทางไม่ได้ค่ะ ลองเข้าไปแก้แล้ว นางก็เด้งกลับมาเหมือนเดิม เพราะฉะนั้นก็จัดแมนน่วลทีตัวกันไปก่อนนะคะ

และก็กด Bookmark เพื่อให้ i-Thesis รันสารบัญให้เรา (ทางที่ดีก่อนกดก็ให้จุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าตั่งต่างๆ ให้ท่านช่วยดลบันดาลให้การรัน Bookmark ในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ ตัวอักษรในเนื้อหาไม่รวน ไม่ขี่กัน เพราะที่ดิชั้ลเจอมากับตัวคือ บางครั้งพอรันสารบัญแล้วเนื้อหาข้างในดันรวน ตัวอักษรขี่กัน งงไปหมด ไม่รู้มันไปกระเทือนถึงกันยังไง)

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

แถ่น แถน แถ๊นนนนนนนนนนน ก็จะได้หน้าตาประมาณนี้นะคะ

ซึ่งจริงๆแล้ว ดิชั้ลว่าหัวข้อรองน่าจะใช้ Index_3 มากกว่า เพราะมันจะย่อมาตรงหลังคำว่าบทที่ 1 พอดี แต่พี่เค้าบอกว่า Index_4 จะใกล้เคียงกับฟอแมทเดิมของมหาลัยมากกว่า ก็เลย ค่ะ 4 ก็ 4

หากใครยังงงให้ไปดูเพิ่มเติมได้ที่คลิปนี้ค่ะ >>>> วิธีทำสารบัญใน iThesis

ต่อกันที่ สารบัญตารางและสารบัญภาพกันเลยนะคะ

ถ้ายังจำได้ ข้างๆปุ่ม Bookmark ถัดไปอีกปุ่มนึง มีปุ่ม Table กับปุ่ม Figure ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นใหม่ที่มากับ i-Thesis เวอร์ชั่น 1.3.0 ถ้าใครยังใช้เวอร์ชั่นเก่าอยู่ ให้ถอนออกแล้วติดตั้งเวอร์ชั่นใหม่เลยค่ะ เพราะอาจจะมีปัญหาตามมาได้ เนื่องจากในเว็บไอธีสิสจะปฏิเสธการกดส่งธีสิสที่ถูกอัพมาจาก Add-in เวอร์ชั่นเก่าค่ะ และที่สำคัญอิ Add-in เวอร์ชั่นใหม่จะทำให้เวิร์ดค้างน้อยกว่าเวอร์ชั่นเก่าค่ะ เบาและลื่นกว่า เวิร์ดค้างน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

2 ปุ่มนี้แหละค่ะที่จะมาทำให้ชีวิตของคุณยุ่งยากมากขึ้น

ซึ่งปกติในเวิร์ดเองก็จะมีฟังก์ชั่นในการจัดสารบัญรูปภาพและสารบัญตารางอยู่แล้ว คือเมนู caption แต่อิ 2 ปุ่มนี้ก็มาทำหน้าที่ทับซ้อน ซึ่งทำให้เรางงงวยมากขึ้นไปอีก ดิชั้ลจึงแนะนำให้ใช้ เมนู caption ของเวิร์ดเรียงสารบัญตารางกับสารบัญรูปภาพเลยดีกว่า เพราะมันสามารถปรับแก้ได้ อย่างคำว่า ตาราง เป็น ตารางที่ หรือสามารถแก้ชื่อตารางได้ ซึ่งวิธีทำอยู่ในคลิปนี้แล้วค่ะ >>> วิธีทำสารบัญตารางและสารบัญรูปภาพ

และฟังก์ชั่นนี้จะรันเลขตารางให้เราเลยค่ะ คือเรียงเป็นตารางที่ 1 ถึง ตารางที่ n ซึ่งถ้าใครใช้เลขตารางเป็น 1-1 รึ ก-1, ก-2 จะต้องเปลี่ยนเป็น ตารางที่ 1 2 3 4 5 … n นะคะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

รันเลขตารางแบบนี้

ซึ่งข้อควรระวังของขั้นนี้คือ บางทีชื่อตารางมันมาไม่ครบ แต่ไม่ต้องตกอกตกใจไปค่ะ เราสามารถพิมพ์หรือแก้ไขลงไปได้ เพราะมันไม่ใช่หน้าล็อคค่ะ และหากชื่อตารางมันตกลงมาบรรทัด 2 หรือ 3 เราก็สามารถจัดย่อหน้าให้ชื่อตารางมันตรงกันได้ โดยวางเคอร์เซ่อไว้หลังคำสุดท้ายที่ต้องการให้อยู่ในบรรทัดแล้วกด space bar เว้นวรรคไปยาวๆ ซักสิบครั้งแล้วค่อยกด enter มากั้นหลังค่ะ วิธีนี้ชื่อตารางจะแยกบรรทัดลงมาให้ แล้วถึงไปจัดเว้นววรคให้บรรทัดที่ 2 ตรงกับบรรทัดแรก

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ซึ่งการทำสารบัญตารางและสารบัญรูปภาพผ่านเมนู caption นั้น เวลา save to cloud แล้วมีการรันเช็คสารบัญต่างๆ มันก็จะขึ้นให้ในไอธีสิส ไม่มีปัญหางอแงอะไรค่ะ ใช้แทนกันได้เลย

**ข้อควรระวังในการจัดฟอแมทของตารางนั้น ควรมีแต่เส้นแนวนอน ห้ามมีเส้นแนวตั้ง และก่อนขึ้นตารางต้องเว้น 1 บรรทัด หลังตารางก็ต้องเว้นอีก 1 บรรทัด**


จะแทรกภาคผนวกลงไประหว่างบรรณานุกรมและประวัติย่อได้ยังไง???

ปกติแล้ว iThesis จะ Generate หน้าบรรณานุกรมและหน้าประวัติผู้วิจัยมาติดกัน และเป็นหน้าล็อคทั้งคู่ แต่เราจะต้องใส่ภาคผนวกลงไปหลังบรรณานุกรม และก่อนหน้าประวัติผู้วิจัย จะทำอย่างไรดีล่ะคะ ลองทริกนี้ดูค่ะ

ก่อนอื่นเราก็ไปหน้าสุดท้ายของบทที่ 5 วางเคอร์เซอร์ไว้ที่ตัวอักษรสุดท้ายในหน้านั้น แล้วกด delete จนกว่าหน้าบรรณานุกรมที่ล็อค จะกระโดดมาอยู่ครึ่งหน้าสุดท้ายของบทที่ 5 ดังภาพ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ส่วนหน้าที่ว่างนั้นเราจะยก บรรณานุกรมที่เราเรียงแบบแมนน่วลเองไม่พึ่ง Endnote มาใส่ก็ย่อมได้ อิอิ ซึ่งส่วนตัวดิชั้ลใช้การเรียงบรรณานุกรมจาก เมนู Reference ของ Word แล้วก๊อบมาเป็น text แล้ววาง แต่หากใครใคร่ใช้ Endnote เราก็ไม่ขัดขวาง

ถึงจุดนี้ บางคนอาจจะเอ๊ะ แล้วคำว่าบรรณานุกรมที่มันโดดไปต่อท้ายบทที่ 5 ล่ะ จะลบยังไง วธีลบก็ง่ายๆค่ะ แค่วาดกล่องสี่เหลี่ยม สีขาว ไร้กรอบขึ้นมาทับ ก็หมดเรื่อง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เป็นการแก้ปัญหาที่ฉลาดปราดเปรื่อง ปัญญาประดิษฐ์หรือจะสู้ปัญญาของมนุษย์ อัลฟ่าโกะรู้จะต้องหลั่งน้ำตายกธงพ่ายแพ้ให้กับความอัจฉริยะของมวลมนุษยชาติ 555555 ทริกนี้ใช้ได้กับการลบเลขหน้าของพวกหัวข้อหลัก เช่น หน้าแรกของสารบัญทุกสารบัญ หน้าแรกของบทที่ 1 2 3 4 5 หน้าแรกของบรรณานุกรม หน้าแรกของภาคผนวก เป็นต้น

แต่ปัญหาที่ตามมาคือหน้าบรรณานุกรมที่ขึ้นในสารบัญจะกลายเป็นหน้าสุดท้ายของบทที่ 5 เพราะน้องถูกเซ็ทมาตามคำว่าบรรณานุกรมที่ระบบสร้างให้ แต่…….เราสามารถเอากล่องไปทับแก้เลขหน้าที่สารบัญได้ หรืออออ หากใครบุญถึง เวลากด delete ให้บรรณานุกรมโดดขึ้นไป บางครั้งก็สามารถกด delete จนไปลบคำว่า บรรณานุกรม ที่ระบบสร้างให้ได้ด้วยยย แล้วก็ไปตั้ง Style ให้หน้าบรรณานุกรมที่เราสร้างเอง เพราะมีอยู่ครั้งสองครั้งเคยทำได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำได้ยังไง ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน คงจะแล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมา 555555555

อย่างที่ดิชั้ลได้บอกไปว่า ดิชั้ลใช้การเรียงบรรณานุกรมจาก เมนู Reference ของ Word ในอีกไฟล์นึง แล้วก๊อบมาเป็น text วางในไฟล์ของไอธีสิส ซึ่งก็สะดวกสบายพอๆกับการใช้ Endnote และเรายังสามารถ Convert นางเป็น text แล้วแก้เองได้อีกด้วย

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ก็สวยงามตามท้องเรื่อง

***ข้อแนะนำอีกอย่างคือหลังจากแก้ 5 บทจนเป็นที่พอใจของอาจารย์แล้ว ให้เราเจียดเวลามาเขียนบทความที่จะส่งตีพิมพ์เลยค่ะ ช่วงนี้แหละที่เราต้องเริ่มเขียนบทความและส่งวารสารกันแล้ว***

**********สำคัญมาก ถ้าในเนื้อหาข้างในใครพิมพ์ตารางเป็นแนวนอน แล้วล่ะก็ คุณจะพบว่าเลขหน้ามันจะอยู่ตำแหน่งบนขวา ซึ่งทำให้เวลาเข้าเล่ม เลขหน้าไม่ตรงกับหน้าที่เป็นแนวตั้ง และขอบกระดาษก็ไม่ตรงตามที่ฟอแมทกำหนดไว้ ณ จุดนี้ให้ทำตารางเป็นแนวตั้งให้หมดค่ะ ห้ามมีหน้าแนวนอนเด็ดขาด!!!!**************

แต่ใครๆก็ต้องมีตารางแนวนอนอยู่แล้ว เรามีวิธีแก้โดยเอาตารางใส่กล่องข้อความ แล้วตะแคงให้เป็นแนวตั้งค่ะ ดังภาพด้านล่าง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ก็ไป Insert กล่องข้อความมาค่ะ ตั้งค่าแบบไม่มีขอบ แล้วก๊อบตารางมาใส่ไว้ในกล่อง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

หลังจากนั้นให้เลือกคุณสมบัติกล่องให้เป็นแบบ Infront of text เพื่อที่จะได้ตะแคงกล่องอย่างอิสระ

แล้วก็หมุนลูกศรจนตารางมันตะแคง 90 องศา เป็นตารางแนวตั้ง

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ก็จะได้หน้าตารางแนวนอนในหน้ากระดาษแนวตั้ง ที่เลขหน้าและขอบกระดาษตรงกับหน้าอื่นๆ


เมื่อ 5 บทพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลายื่นสอบดีเฟน

เมื่อเราแก้และจัด 5 บทเสร็จเรียบร้อย พร้อมจะขึ้นสอบแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือ กดส่ง Draft version ให้อาจารย์กด Approve ก่อนค่ะ (เป็นคนละเวอร์ชั่นกับการกด Proposal นะคะ อย่าสับสน)

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

หลังจากอัพธีสิสเวอร์ชั่นขอยื่นสอบขึ้นระบบแล้ว ก็กดตรวจ Plagiarism อะไรให้เรียบร้อย แล้วกดเลือกเวอร์ชั่น ส่ง Save as Draft version เลยค่ะ แล้วระบบจะส่งเมล์ไปที่อาจารย์ ให้อาจารย์กด Approve ให้เรียบร้อย หลังจากที่อาจารย์ Approve แล้ว ก็จะขึ้นเป็นเวอร์ชั่น Draft แบบออฟฟิเชี่ยวค่ะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

พร้อมกับที่หน้าแรกของเว็บ หลังชื่อเรา ตัว D ก็จะเป็นสีเขียวค่ะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เอาไว้อวดประชาชี

หลังจากนั้นก็จะเป็นการยื่นแบบฟอร์มขอขึ้นสอบปากเปล่าวิทยานิพนธ์ค่ะ

***สำคัญมาก หากแบบฟอร์มที่ท่านกรอกข้อมูลมันเด้งไปขึ้นหน้าใหม่ ยกตัวอย่างแบบฟอร์มมี 1 หน้า พอกรอกแล้วเด้งไป 2 หน้า ก็ต้องจัด บีบฟ้อนท์ ทำทุกวิถีทางให้มันอยู่ภายใน 1 หน้าให้ได้ หรือแบบฟอร์มในเวิร์ดที่ท่านเปิดมามันเด้งเป็น 2 หน้าอยู่แล้ว แต่ในแบบฟอร์ม pdf มีหน้าเดียวล่ะก็ ก็ต้องบีบอัดทุกอย่างให้อยู่หน้าเดียวให้ได้เช่นกัน***

ซึ่งแบบฟอร์มที่ต้องใช้ได้แก่ Thesis006, Thesis006/1 และ Thesis006/2

หน้าตาของ Thesis006

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ซึ่งเราก็พิมพ์ข้อมูลที่เราต้องกรอกไปเลย เว้นไว้แต่ช่องผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการสอบ 5 บทที่ทางคณะจะต้องแต่งตั้งมาให้ ส่วนช่องกรรมการสอบเค้าโครงวิทยานิพนธ์ก็คือรายชื่อกรรมการสอบ 3 บทของเรานั่นเอง ก็ใส่ไปได้เลย

และ Thesis006/2 (ส่วน 006/1 เอาไว้พูดถึงทีหลัง เพราะค่อนข้างเป็นปัญหา)

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

อันนี้เราก็พิมพ์ข้อมูลของเราแล้วก็ชื่อวิทยานิพนธ์ของเราไปก่อนได้เลย เดี๋ยววันที่ สถานที่ เวลาสอบ ทางคณะจะกรอกให้

วันที่ไปยื่นสอบก็เอาเล่มธีสิส Draft version ของเราที่มีบาร์โคดอยู่ข้างๆ และเข้าเล่มสันกระดูกงูเรียบร้อยทั้งหมด 4 เล่ม พร้อมแบบฟอร์ม Thesis006 และ Thesis006/2 ไปหาพี่จิ๋มได้เลย แต่!!!! Thesis006 ต้องมีเอกสารแนบไปด้วย ได้แก่ 1.Thesis004, Thesis004/1, Thesis004/2 1 ชุด 2.ใบเกรดที่ปริ้นจากหน้าจอ reg.buu 1 ชุด 3.ใบเสร็จเทอมที่ลงทะเบียนวิชาวิทยานิพนธ์ (รุ่นดิชั้ลคือ ปี 1 เทอม 2) 4. ใบเสร็จเทอมสุดท้าย (เทอมที่จะสอบ 5 บท)

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เราสามารถปริ้นใบเสร็จที่ว่าได้จากเมนูนี้ใน reg.buu ได้เลยค่ะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

กดเลือกเทอมที่ต้องการแล้วปริ้นหน้านี้มาเลย

ส่วนแบบฟอร์ม Thesis006/1 จะยุ่งยากหน่อยเพราะเป็นแบบฟอร์มที่ต้องกรอกประวัติและผลงานผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาเป็นประธานกรรมการสอบให้เราค่ะ ซึ่งวันที่เราไปยื่นสอบก็ยังไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิให้เรา ดังนั้นเราจึงต้องมาเช็คกับพี่จิ๋มอีกทีค่ะว่าทางคณะ(aka อ.เชษฐ์) แต่งตั้งใครมาเป็นประธานสอบให้เรา ถ้าเป็นอาจารย์ที่ทางคณะมีประวัติอยู่แล้วอย่าง อ.อารมณ์ หรือ อ.สมโภชน์ (ที่ดิชั้ลเป็นคนกรอกข้อมูลเองทั้งสองท่าน และได้ส่งไฟล์ให้พี่จิ๋มแล้ว) ก็จะสามารถขอไฟล์ Thesis006/1 ที่มีข้อมูลกรอกไว้แล้วได้เลย หรือดีกว่านั้นคือพี่จิ๋มจะปริ้นออกมาแนบให้เอง แต่ถ้าเป็นอาจารย์ท่านใหม่ที่ยังไม่ได้กรอกประวัติลง Thesis006/1 ก็ต้องไปหาข้อมูลอาจารย์ท่านมากรอกเองนะคะ และอย่าลืมส่งไฟล์ให้พี่จิ๋มเก็บไว้ด้วย สำหรับคนถัดไปจะได้พึ่งใบบุญ 5555555555555555 แต่ข้อมูลหาไม่ยากค่ะ จริงๆข้อมูลในเน็ตก็เพียงพอ ทั้งข้อมูลส่วนตัว ประวัติการทำงาน หรือผลงานวิชาการที่ตีพิมพ์ (ข้อมูลเปเป้อนี่เสิชหาได้ง่ายๆที่ web opec ของเว็บหอสมุดค่ะ แล้วอย่าลืมกรอกแบบบรรณานุกรม apa ด้วยนะคะ)

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ในแบบฟอร์ม Thesis006/1 นั้น บางอย่างสามารถเสิชหาได้ แต่บางอย่างถ้าหาไม่ได้ก็ต้องไปหาอาจารย์ท่านเพื่อขอข้อมูลมากรอกนะคะ

หลังจากทราบวันที่สอบ และรายชื่อกรรมการสอบทั้งหมดแล้ว สิ่งที่เราต้องเตรียมต่อไปก็คือ แบบฟอร์ม Thesis007, Thesis007/1, Thesis007/2 ซึ่งเรามีหน้าที่พิมพ์ข้อมูลวิทยานิพนธ์ลงไป ใส่ชื่อกรรมการสอบให้ครบ แล้วปริ้นไปให้พี่จิ๋มก่อนวันที่เราสอบอย่างน้อย 3 – 5 วัน ย้ำ!!! ก่อนวันที่เราสอบ!!! แล้วพี่จิ๋มจะส่งต่อแบบฟอร์มนี้ให้คณะกรรมการสอบของเราเอง เพราะกรรมการสอบจะต้องกรอกผลสอบของเราลงในแบบฟอร์มเหล่านี้ หลังจากสอบเสร็จ เราก็มีหน้าที่รวบรวมไปส่งคืนที่พี่จิ๋ม แล้วพี่จิ๋มจะส่งต่อมายังพี่โอ เป็นอันจบกระบวนการของแบบฟอร์ม Thesis007, 007/1, 007/2

หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

Thesis007 พิมพ์ข้อมูลกรอกลงไปให้มากที่สุด เว้นไว้แค่ค่าระดับขั้น / ข้อเสนอแนะ / และลายเซ็นกรรมการสอบ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

Thesis007/1 ต้องมีเท่าจำนวนกรรมการสอบนะคะ ถ้ากรรมการสอบมี 4 คน ก็ต้องเป็น 4 ใบ และใส่ชื่อกรรมการแต่ละคนลงไปในใบเลย และระวังสับสนชื่อกรรมการและชื่อประธานกรรมการ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

Thesis007/2 พิมพ์ข้อมูลกรอกลงไปในหัวข้อที่ 1 ให้เรียบร้อย ที่เหลือจะเป็นรายละเอียดที่กรรมการสั่งแก้ ค่อยกรอกหลังสอบเสร็จ

หลังจากที่ปริ้น Thesis007, 007/1, 007/2 ไปส่งที่พี่จิ๋มแล้วเราก็มาเตรียมตัวรอวันสอบค่ะ

สิ่งที่ต้องเตรียมวันสอบคือ

1.สไลด์ (แน่นอนอยู่แล้ว) การนำเสนองานควรใช้เวลานำเสนอ 15 – 20 นาทีนะคะ รายละเอียดยิบย่อยอื่นๆอย่างวิเคราะห์คุณภาพเครื่องมือหรืออภิปรายผลนั้นตัดไปได้เลย เพราะอาจารย์ท่านอ่านในเล่มมาแล้วค่ะ เราพูดนานยืดยาวมันจะเสียเวลา การสอบจะเน้นที่การแก้เล่มมากกกว่าการนำเสนอนะคะ 55555555

2.ของว่าง aka เบรก อันนี้ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์เลยนะคะ

3. ถ้าท่านได้เวลาสอบช่วง 10.00 – 12.00 น. หรือ 15.00 – 17.00 น. ควรเตรียมข้าว!!! ให้กรรมการทุกคนด้วยค่ะ

4. หน้าอนุมัติวิทยานิพนธ์ที่พิมพ์จากระบบ i-Thesis (มีบาร์โค้ดแปะ) 5 – 10 แผ่น เนื่องจากประธานกรรมการสอบจะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก เราอาจจะไม่สะดวกในการตามหาตัวท่านให้มาเซ็นชื่อได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้ปริ้นไปให้ท่านเซ็นก่อนเลยจะดีที่สุดค่ะ (โดยส่วนใหญ่อาจารย์ท่านจะเซ็นให้อยู่แล้ว ยกเว้นบางกรณีที่ต้องการเห็นเล่มสมบูรณ์ของเราก่อน)

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

หากใครนึกไม่ออกว่าหน้าอนุมัติมันคือหน้าไหน ก็คือหน้านี้ในเล่มธีสิสเรานะคะ ที่กรรมการสอบทุกคนต้องเซ็นอนุมัติวิทยานิพนธ์ของเรา หน้านี้ระบบไอธีสิสจะ Generate มาให้เราในเล่มค่ะ เราก็แยกปริ้นใบนี้มาต่างหาก หลังจากที่ทราบชื่อกรรมการสอบก็ให้ไปใส่ชื่อกรรมการทุกคนใน Electronic form > Committe / Examiner แล้วกด Add นะคะ (Chairman คือชื่อประธานกรรมการสอบฯ ส่วน Committee คือชื่อกรรมการสอบฯค่ะ ใส่ให้ครบทุกคนนะคะ และอย่าลืมเช็คตำแหน่งและคำนำหน้าอย่าง ผศ. ดร. ด้วยนะคะ ถ้ายังไม่ใส่ก็ใส่ตรงช่อง prefix ซะ)

5. แบบฟอร์มส่งตรวจฟอแมทและบทคัดย่อ edu007 และ edu008 ค่ะ ที่ต้องเตรียมมาไม่ใช่ว่าต้องส่งตรวจเลยนะคะ แต่ว่าแบบฟอร์ม edu007 และ edu008 นั้นต้องมีลายเซ็นกรรมการสอบทุกคนค่ะ ซึ่งเราอาจจะไม่สะดวกไปตามหาอาจารย์ (เหตุผลเดียวกับข้อบน) เลยต้องเตรียมมาให้อาจารย์ท่านเซ็นไว้ก่อนเลยจะดีที่สุดนะคะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ทั้ง edu007 และ edu008 ต้องมีลายเซ็นของกรรมการทุกคนค่ะ เพราะฉะนั้นให้อาจารย์เซ็นไว้ให้ครบ

6. เพื่อน ไว้เสิร์ฟของว่างและอาหาร

สุดท้ายคือ 7. สติ!!!!!ค่ะ สติต้องมีตลอดเวลานะคะ

หลังจากสอบเสร็จแล้วก็ตรวจทานดูแบบฟอร์มทั้งหมดอีกทีว่าอาจารย์ท่านเซ็นครบแล้วทุกช่อง ไม่มีตกหล่น แล้วก็กรอกสิ่งที่โดนให้แก้ไขลงใน Thesis007/2 แล้วก็เอาบรรดา Thesis007, 007/1, 007/2 ไปส่งคืนที่พี่จิ๋มค่ะ

ส่วนหน้าอนุมัติและ edu007, 008 นั้นก็เก็บรักษาใส่แฟ้มไว้ยิ่งชีพค่ะ


หลังจากแก้เล่มเสร็จสรรพ เตรียมส่งตรวจฟอแมทและบทคัดย่อ

มาสู่ขั้นตอนการยื่นตรวจฟอแมทเล่มและบทคัดย่อนะคะ ซึ่งแบบฟอร์มที่จะต้องใช้นั้นคือ edu007 (ตรวจฟอแมท) และ edu008 (ตรวจบทคัดย่อ) ซึ่งไปยื่นตรวจทั้ง 2 อย่างพร้อมกันได้เลยที่พี่โอ

  • edu007 ตรวจฟอแมทของเล่ม เพราะฉะนั้นก็ต้องปริ้นเล่มที่เราแก้เนื้อหาแล้วเรียบร้อย และแน่นอนว่าต้องปริ้นจากระบบไอธีสิสที่มีบาร์โคดแปะอยู่ด้านข้างเท่านั้น โดยเล่มที่มายื่นตรวจฟอแมทนั้นไม่ต้องเข้าเล่มแต่อย่างใด มีแค่ปกใสหน้า-หลัง และคลิปดำหนีบมาก็พอ
  • edu008 ตรวจบทคัดย่อไทยและอังกฤษ เพราะฉะนั้นก็ต้องปริ้นบทคัดย่อทั้งไทยและอังกฤษมาแนบต่างหาก (ปริ้นเพิ่มจากเล่มอีก 1 ชุด)

แล้วก็ยกไปให้พี่โอทั้งกองเลยค่ะ การตรวจฟอแมทนั้นส่วนใหญ่จะต้องส่งตรวจกัน 2 – 3 รอบ แต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ อย่างดิชั้ลที่ตรวจ 2 รอบ ก็ใช้เวลาไป 2 อาทิตย์ ถ้าหากใครวางแผนจะจบ หรือมีเส้นตายล่ะก็ ให้คำนวนวันเวลากันดีๆ เพราะต้องเผื่อในส่วนของการตรวจฟอแมทด้วย ส่วนตรวจบทคัดย่อค่อนข้างเร็ว ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ ถ้ามีแก้เล็กน้อยก็ไม่ต้องส่งตรวจอีกเอาไปแก้ได้เลย


ตรวจฟอแมทและบทคัดย่อผ่านแล้ว เตรียมส่งธีสิส Complete version ใน i-Thesis

ก็มาถึงขั้นตอนระทึกขวัญกันอีกแล้วนะคะ โดยหลังจากสอบ 5 บทไปแล้ว แก้เล่มแล้ว ผ่านการตรวจฟอแมทและบทคัดย่อแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือกดส่งธีสิส Complete version ในระบบ i-Thesis ให้อาจารย์ที่ปรึกษากด Approve ค่ะ แต่ก่อนที่เราจะสามารถกดส่ง complete version ได้นั้น เราจะต้องกรอกข้อมูลในเว็บไอธีสิสที่เมนู Report data เสียก่อนค่ะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ในหัวข้อ After Defense ก็ให้เรากรอกข้อมูลพวก Plagiarism ช่องบนสุด ใส่ 0% ค่ะ เพราะเราเป็นธีสิสภาษาไทย ไม่ได้ส่งตรวจใน Turnitin ส่วนข้อมูล Plagiarism จากอักขราวิสุทธิ์ในระบบจะเติมให้เองค่ะ เราไม่ต้องกรอก หัวข้อ Evaluation ถ้าสอบ 5 บทผ่านก็เลือก Passed ค่ะ ส่วนหัวข้อ Dissemination ก็เลือก Allowed ค่ะ อนุญาติให้เผยแพร่งานวิทยานิพนธ์ของเราได้

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ในส่วนของ Research mapping คือให้เลือกฟีลด์งานของเราค่ะ วิทยานิพนธ์ด้านศึกษาศาสตร์ ก็จะเลือกไปแนวๆ Social รึ Education ค่ะ เลือกใส่ให้ครบทั้ง 1 2 3 นะคะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ในหัวข้อ Publication นั้น เราจะต้องกรอกข้อมูลบทความที่เราตีพิมพ์ หรือข้อมูลงานคอนเฟอเรนซ์ หรืองานอะไรต่างๆที่เราจะใช้ยื่นจบ หากงานเราตีพิมพ์ออนไลน์แล้วก็สามารถเสิชแล้วเลือกได้จาก ISI/Scopus search ได้เลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วบทความของเราที่ส่งไปจะอยู่ในรูปแบบของ accepted แต่ยังไม่ published ดังนั้นเราจึงต้องกรอกเอง โดยไปที่ Publication forms

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

หน้าตาของเมนูนี้จะไม่ค่อยเหมือนในรูปข้างบนนะคะ รูปนี้เอามาจากในคู่มือไอธีสิส ซึ่งเป็นหน้าตาระบบแบบเก่า แต่พอใช้อธิบายแทนกันได้

เมื่อกดเข้าไปในเมนู Publication forms ก็จะมีให้เราเลือกกรอกค่ะ สำหรับคนส่งบทความตีพิมพ์ก็เลือก Journal/Article ส่วนใครจบด้วยการนำเสนอผลงานก็เลือก Conference ค่ะ ทีนี้กรอก Conference จะง่ายกว่าตรงเราสามารถกรอกข้อมูลลงไปตรงๆได้เลยค่ะ แต่ใครที่ส่งตีพิมพ์บทความเพื่อยื่นจบอาจจะต้องปวดหัวก๊อกสอง อย่างที่บอกใต้ภาพด้านบนว่าหน้าตาระบบตอนนี้ไม่เหมือนกับในรูป ไม่เหมือนก็คือว่า เมื่อกดเลือก Journal/Article แล้ว มันจะมีแค่ช่อง 2 ช่องให้กรอก คือเลข ISSN ของวารสาร และ ชื่อของวารสาร สิ่งที่เราต้องทำคือลองใส่เลข ISSN ของวารสารที่เราส่งไปตีพิมพ์ค่ะ ซึ่งถ้าใครพิมพ์เลขไปแล้วไม่เจอ ให้ลองเปลี่ยนมาพิมพ์ชื่อวารสารที่ช่องล่างแทนค่ะ แต่ถ้าพิมพ์ไปแล้วไม่เจอเลยทั้ง 2 ช่อง ต้องไปแจ้งที่สำนักคอมพิวเตอร์ ผู้ดูแลระบบไอธีสิสชื่อคุนจอยนะคะ จะโทรไปหรือเดินไปบอกคุณจอยก้ได้ ให้เพิ่มข้อมูลวารสารที่เราส่งบทความไปตีพิมพ์เข้าระบบให้ที ซึ่งข้อมูลที่ต้องเตรียมไปให้คุณจอยคือ

1.เลข ISSN ของวารสาร

2.ชื่อวารสาร

3.ชื่อองค์กรที่จัดพิมพ์วารสาร

4.เป็นวารสารที่อยู่ในฐานข้อมูลไหน (TCI หรือ Scopus เป็นต้น)

5. ระดับของวารสาร เป็น National หรือ International

6. ประเทศที่ตั้งของวารสาร

เมื่อคุณจอยได้ข้อมูลครบก็จะกรอกข้อมูลวารสารลงไปในระบบ (ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที) แล้วเราก็กลับมาเสิชเลข ISSN หรือชื่อวารสารอีกครั้ง (แนะนำว่าให้เสิชจากเลข ISSN จะชัวร์กว่าเสิชจากชื่อ) ทีนี้ก็จะเจอเลขISSNหรือชื่อวารสารเด้งขึ้นมาให้กดเลือก เราก็กดเลือกแล้วกรอกข้อมูลที่เหลืออย่างเช่น ชื่อบทความ ตีพิมพ์ฉบับไหน ปีที่เท่าไหร่ บลาๆ แล้วก็กดเซฟซะ

เมื่อกรอกข้อมูลใน Report data ครบเรียบร้อยแล้ว เราก็มากดส่ง Complete version กันค่ะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

และอย่าลืมกดตรวจ Plagiarism ก่อนกดส่งด้วย ไม่งั้นนางจะไม่ยอมส่งให้นะคะ หลังจากกดส่งแล้ว ก็รอให้อาจารย์กด Approve ให้เรียบร้อยนะคะ หลังจากนั้นเราก็จะได้ธีสิส Complete version มาชื่นชมแล้วค่ะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

และในหน้า Home page ของ iThesis หลังชื่อเราก็จะขึ้นที่เขียวที่ตัว C >>

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

และเมื่อเราได้ Complete version แล้ว เราก็จะเข้าสู่การส่งผลตรวจ Plagiarism และ ใบนำส่งธีสิสที่มีบาร์โค้ดแบบออฟฟิเชี่ยว แล้วเอาไปส่งที่พี่โอ

สิ่งที่ต้องใช้ในขั้นนี้คือ

1.เล่มธีสิส Complete version ที่มีบาร์โคดแปะอยู่ด้านมุมขวาล่างของปกหน้า โดยปริ้นเลเซอร์มา ประกบแผ่นใสหน้า-หลังและเอาคลิปดำหนีบหัวมาก็พอ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ก็จะมีบาร์โค้ดเพิ่มมาที่มุมขวาล่างนะคะ

2.แบบฟอร์ม Thesis 008

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

หน้าตาก็ประมาณนี้นะคะ พิมพ์ข้อมูลกรอกลงไปให้เรียบร้อย

3.Plagiarism report ของธีสิส Complete version ที่ปริ้นมาจาก iThesis

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

คลิกมาจากตรงนั้นนั่นเองนะคะ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

หน้าตา Plagiarism report ก็จะประมาณนี้นะคะ เด้งมาเป็น pdf เราก็สั่งปริ้นออกมาได้เลย

4.ใบนำส่งวิทยานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ ได้จากเมนู Submission document

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

คลิกเลือก Submission document นางก็จะ Generate หน้าใบนำส่งให้เลย เป็น pdf ก็ปริ้นมาได้เลยค่ะ

5.และอย่าลืมเอกสารแนบ!!!!!!!! edu007 และ edu008 ทางที่ดีหลังจากที่ให้อาจารย์เซ็นหลังสอบแล้วก็ถ่ายเอกสารเก็บไว้กับตัวเองซัก 3-4 ชุดนะคะ สำรองไว้ เตรียมเอกสารทั้งหมดเสร็จแล้วก็หอบไปส่งที่พี่โอได้เลยค่ะ หลังจากที่ส่งเอกสารแล้ว พี่โอตรวจสอบในระบบว่าเราได้รับการอนุมัติ Complete version จากอาจารย์แล้ว พี่โอก็จะกดอนุมัติบาร์โค้ดให้เรา ซึ่งที่หน้า Home Page หลังชื่อเราก็จะขึ้นตัว B เป็นสีเขียว >>>

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ถือว่าเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการในระบบ i-Thesis แล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

(เว้นแต่ว่าโดนแก้อีก ก็ต้องขออนุมัติแก้ไข แล้วค่อยเริ่มต้นส่ง complete version ใหม่)


ยื่นจบ + ส่งเล่มปกหนัง

หลังจากที่ได้รับการอนุมัติบาร์โคดจากพี่โอแล้ว เราก็ไปเอาเอกสารที่เราส่งไว้ที่พี่โอคืนมา แล้วนำเล่ม Complete version ไปเข้าเล่มปกหนังได้เลยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ซึ่งปกของชาวป.โท ภาค ก ปกตินั้น จะต้องเป็นสีแดงเลือดหมู ย้ำ แดงเลือดหมู ไม่ใช่แดงสด ตัวอักษรที่ปกต้องเป็นสีทอง จะเป็นตัวบุ๋มหรือตัวปริ้นก็ได้ ถ้าเป็นตัวบุ๋มจะเลือนยากกว่า แต่แพงกว่าและทำนาน แต่ถ้าเป็นตัวปริ้นท์จะเลือนง่ายหากไปถูไถหน้าปกบ่อยๆ แต่ข้อดีคือถูกและเร็ว เวลาสั่งเข้าเล่มนั้นแนะนำให้สั่งว่า ขอด่วน!!! ด่วนที่สุด!! ก็จะเป็นสั่งวันนี้ ได้พรุ่งนี้ ยิ่งถ้าเป็นชาวไอธีสิสแล้วล่ะก็ เล่มปกหนังที่ต้องส่งคณะ ก็แค่ 1 เล่ม ให้อาจารย์ที่ปรึกษา 2 คน คนละเล่ม เก็บไว้เป็นที่ระลึกอีก 1 เล่ม รวมทั้งหมดแล้วก็สั่งไป 4 เล่มเอง ประหยัดค่าเข้าเล่มไปได้เยอะมาก แถมเร็วด้วย แบบสั่งเช้าได้เย็นเลยด้วยซ้ำ อ้อ!! และอย่าลืมเอาหน้าอนุมัติที่มีลายเซ็นอาจารย์กรรมการสอบทิ้งไว้ให้เค้าเอาเข้าเล่มด้วย อย่าลืมนะคะ **หน้าอนุมัติที่เอาไปเข้าเล่มยังไม่ต้องมีลายเซ็นคณบดีนะคะ เอาไปเข้าเล่มก่อน แล้วมาส่งยื่นจบที่พี่แนท แล้วพี่เค้าจะจัดการไปเอาลายเซ็นคณบดีมาให้ แล้วเราค่อยมาเอาคืนค่ะ (จะต่างจากรุ่นก่อนๆที่ให้เอาหน้าอนุมัติไปให้คณบดีเซ็นก่อนแล้วค่อยเอาไปเข้าเล่ม)** เมื่อเราสั่งเข้าเล่มเสร็จแล้ว เราก็มาเตรียมเอกสารยื่นจบ สิ่งที่ต้องใช้ในขั้นตอนนี้ได้แก่ 1.แบบฟอร์ม thesis009 และ thesis010 พร้อมเล่มปกหนังทั้งหมดที่จะต้องให้คณบดีเซ็น (ซึ่งถ้าเซ็นเสร็จแล้วเราก็มาเอาคืนไปแจกจ่ายญาติมิตร เหลือให้คณะเก็บไว้เปผ้นหลักฐานแค่เล่มเดียวพอ)

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

หน้าตาของแบบฟอร์มทั้งสอง

2.ใบเกรดที่ปริ้นจากหน้า reg.buu 3.สำเนา Thesis004, 004/1, 004/2 4.สำเนา Thesis007, 007/1, 007/2 (เหมือน 007/1 จะไม่ต้องใช้ แต่เพื่อความชัวร์ก็ใส่ไปด้วย) 5.แบบฟอร์ม Thesis008 ตัวจริงหรือสำเนาก็ได้ (แต่ที่ดิชั้ลเลือกแนบอันตัวจริงไป คือเพิ่งได้คืนจากพี่โอเลยเอามารีไซเคิลส่งเลย) 6.สำเนาแบบฟอร์ม edu007 และ edu008 แล้วก็ต้องให้แนบสำเนาบันทึกข้อความและบทคัดย่อที่เราได้คืนมาจากอาจารย์ที่ตรวจบทคัดย่อมีลายมืออาจารย์แก้ แล้วก็ปริ้นบทคัดย่อใหม่ที่เราแก้แล้วทั้งไทยทั้งอังกฤษไปอีก 2 ชุดด้วย (ในแบบฟอร์มไม่มีบอก) 7.ใบตอบรับการตีพิมพ์หรือคอนเฟอเรนซ์ ตัวจริง!!!!! ย้ำ ตัวจริงเท่านั้น!!!! แล้วก็ต้องแนบหน้าแรกของบทความที่เราส่งตีพิมพ์มาด้วย 8.สำเนาผลคะแนนสอบภาษาอังกฤษที่ผ่านเกณฑ์ หลังจากนั้นเราก็หอบหิ้วเล่มปกหนังและเอกสารเหล่านี้ไปยื่นจบได้ที่พี่แนท แล้วก็นั่งรอนอนรอไปอีก 3 อาทิตย์ ถึงจะได้ใบรับรองวุฒิการศึกษาและทรานสคริปตัวจบ เพราะฉะนั้น ย้ำกันอีกครั้งว่าใครมีเส้นตายคาดไว้ รึต้องรีบจบ ให้คิดคำนวน จับยามสามตา ดูเวลาให้ดีๆ


ขั้นตอนแจ้งจบออนไลน์ aka ยื่นคำร้องขอจบการศึกษา

บางคนอาจจะพลาดขั้นตอนนี้ไปเลยนะคะถ้าไม่มีใครเตือน

ระหว่างวุ่นวายกับ 5 บท อย่าลืมทำเรื่องขึ้นทะเบียนจบออนไลน์ที่ reg.buu ด้วยนะคะ ซึ่งใครคาดว่าจะจบเทอมไหน ให้ติดตามช่วงที่นางเปิดให้ขึ้นทะเบียนจบดีๆ อย่างเช่นดิชั้ลที่จะจบภาคฤดูร้อนนี้ก็จะต้องขึ้นทะเบียนบัณฑิต แจ้งจบออนไลน์ก่อนจะหมดเทอมนั้นๆ

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ยกตัวอย่างของเทอมฤดูร้อน ปี 2560 ซึ่งจะเป็นเทอมที่ดิชั้ลจบ

ทางกองทะเบียนก็จะเปิดให้แจ้งจบช่วง 28 มิ.ย. – 8 ก.ค. เราก็เข้าสู่ระบบไปที่เมนู “แจ้งจบและขึ้นทะเบียนบัณฑิต”

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

เมื่อกดเข้าไปแล้วระบบก็ให้เราตรวจสอบข้อมูลตั่งต่างแล้วกดยืนยัน สุดท้ายจะได้ฟอร์ม RE15 คำร้องขอจบการศึกษามา

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ก็กด “พิมพ์คำร้องขอสำเร็จการศึกษา” แล้วปริ้นออกมาไปใก้อาจารย์ที่ปรึกษาเซ็น

หลังจากนั้นก็จะเปิดให้จ่ายเงินช่วง 9-13 ก.ค. เราก็กลับมาปริ้นใบเสร็จไปจ่ายเงินที่ธนาคาร แต่ถ้าหากจ่ายไม่ทัน เกินกำหนดเวลาก็สามารถเอาใบเสร็จไปจ่ายที่กองคลังฯได้ตลอดเวลา

หลังจากนั้นก็เอา ใบคำร้องขอจบการศึกษา (RE15) ที่มีลายเซ็นอาจารย์ + ใบเสร็จจ่ายเงิน + รูปถ่ายชุดครุย 2 นิ้ว 2 รูป (ใช่ค่ะ ต้องมีรูปชุดครุยกันล้วนะคะ ณ จุดนี้ ไปหาเวลาถ่ายมาด้วยค่ะ) แล้วนำไปยื่นกองทะเบียนภายในวันที่ 20 ก.ค. เพื่อที่เวลาคณะส่งชื่อมาจบ ทางกองทะเบียนก็จะได้เสกใบจบให้ทันเวลา ส่วนไทม์ไลน์ของเทอมอื่นก็ต้องไปติดตามกันเองนะคะ เพราะดิชั้ลก็ไม่ทราบ แต่คร่าวๆคือมันจะเปิดให้แจ้งจบก่อนหมดเทอมประมาณเดือนนึงค่ะ

หลังจากที่คณะทำเรื่องแจ้งจบมาแล้ว ทางกองทะเบียนก็จะออกทรานสคริปและใบรับรองวุฒิการศึกษาให้เรามารับหลังจากที่เรายื่นจบไปแล้ว 3 อาทิตย์ค่ะ หรือรอติดตามใน reg.buu ที่เมนูตรวจสอบวันจบการศึกษา

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

กดเข้าไปแล้วกรอกรหัสประจำตัว หรือชื่อ นามสุล แล้วกดค้นหา ถ้าทางกองทะเบียนอนุมัติจบให้เราแล้ว

ก็จะขึ้นวันจบการศึกษาให้ในเมนูนี้ค่ะ และเราก็ไม่สามารถล็อกอินเข้าระบบ reg ได้อีกต่อไป

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ได้อนุมัติวันจบขึ้นระบบแล้วเราก็สามารถเอาใบเสร็จที่เราจ่ายตังค์ขึ้นทะเบียนจบและบัตรนักศึกษาไปรับใบจบที่กองทะเบียนได้เลยค่ะ

ถ้าของใครยังขึ้นสถานะว่า กำลังศึกษา ก็แสดงว่ายังไม่ได้อนุมัตินะคะ ให้ทำใจร่มๆรอไปก่อน 55555

***********************************************************

เท่านี้ก็จะเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจฝ่านรกไอธีสิส สามารถกินอิ่ม นอนหลับ ดูซีรีย์อย่างมีความสุขได้อีกครั้ง

ในส่วนของภาคปฐมบทแรกเริ่มจนไปถึง 3 บทนั้น ดิชั้ลคิดว่ามันไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ คิดว่าทุกคนน่าจะหาหนทางได้เองอยู่แล้ว ก็พอผ่านเลยนะคะ ไม่ไหวจะทบทวนความทรงจำ

แค่อันนี้คือนั่งพิมพ์ นั่งอัพบล้อคอันนี้มาตั้งแต่ สิบโมงเช้าอ่ะค่ะ จนตอนนี้จะห้าทุ่มอยู่แล้ว

เรียกได้ว่าพิมพ์จนนิ้วล็อค ไหนจะแคปรูปมาปลากรอบการอธิบายอีก

แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบล็อคอันนี้จะเป็นแสงส่องนำทาง ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ช่วยทำให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวปริญญาโท แผน ก รหัส 59 เป็นต้นไป มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่าให้เป็นเหมือนดิชั้ล ที่ต้องต่อสู้กับโปรแกรมอัจฉริยะนี้มาอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย

หากใครเจอเทคนิกอะไรดีๆ เด็ดๆ สามารถมาแบ่งปันองค์ความรู้กันได้นะคะ

ขอให้ทุกคนโชคดีในการทำธีสิสค่ะ

สาธุ

ก็กลับมาแล้วนะคะ หลังจากหายหัวไปทั้งปี อยากให้เข้าใจคนมีการมีงานทำนิดนึง

ไม่ใช่แค่มีการมีงานอย่างเดียวยังพ่วงงานธีสิสป.โทมาอีก เราก็เลยต้องละทิ้งงานเสริมไปก่อน

ไม่งั้นอาจเรียนไม่จบนะคะ 555555555555 (ในขณะพิมพ์อยู่เนี่ย ดิชั้ลยังปริ้นท์งานธีสิสไปด้วย คิดดู)

ปีนี้ไอเทมส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่การติดแน่นทนนาน คุมมัน อยู่เช้ายันเย็น

คือเริ่มแต่งหน้าตั้งแต่หกโมงครึ่งในตอนเช้า กลับมาบ้านอีกทีก็เกือบๆสองทุ่ม ทุก จ-พฤ

เพราะตอนนี้ดิชั้ลได้กลายเป็นคนมีหน้ามีตามีการมีการทำในสังคม นอนสามทุ่มตื่นหกโมงเช้า

ต้องใช้หน้าตาในการทำงาน หน้าต้องเฟี๊ยสปังๆๆ เด็กนักเรียนจะได้เชื่อถือเรา (หลอ?)

และเนื่องจากเวลาว่างได้ถูกโอนไปที่การทำธีสิสและการดูซีรีย์ กลับมาคราวนี้ก็ขออนุญาตรวบตึง

ไอเทมดี เด็ด ต้องบอกบุน แห่งปี 2017 หมวดเครื่องโบกหน้า ณ บัดนี้

.

ไพรเมอร์ลูกรัก / Primer ได้แก่…….

Smashbox Photo Finish Foundation Primer – Oil Free

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

ผ่างงงงงง งงสิทำไมหลอดจึ๊งเดียว

คืองี้นะ ขอเล่าก่อน ปกติแล้วไพรเมอร์ลูกรักเราต้อง Benefit Porefessional ใช่มะ

แต่อยู่ๆเราก็นึกได้ว่าตอนปี 1 อ่ะ สมัยที่เคาท์เตอร์ Smashbox ยังอยู่อ่ะ ดิชั้ลเคยใช้ไพรเมอร์นาง

Photofinish อันนี้แหละ จำได้ว่านางก็ใช้ดี แต่ความทรงจำเลือนลางมาก เพราะหลังจากซื้อขวดแรก

นางก็ปิดเคาท์เตอร์หอบกลับอเมริกาไปเฉยๆ จนได้ฤกษ์กลับมาอยู่ใน Sephora ไม่นานมานี้

ล้ะวันนึงก็ได้มีโอกาสโฉบไปที่ซีโฟร่า เห็นที่ชั้นวางพวก travel size นางมีแบบหลอดเล็ก 15 ml

ด้วยความคิดถึงบวกกับ Porefessional ใกล้จะหมด เลยซื้อหลอดเล็กมาลองฟื้นความจำก่อน

เท่านั้นแหละค่ะ……..

รู้ตัวอีกทีคือใช้แทบทุกวัน ด้วยความที่นางคุมมันดีมากกกกกก ดีกว่าPorefessionalอีกค่ะ

จากปกติซับหน้าวันละ 2-3 รอบ พอได้ใช้น้องซับหน้าแค่วันละรอบเอง เรื่องจริง ไม่จ้อจี้

ความคุมมันนางชนะเลิศ ส่วนเรื่องกลบรูขุมขนก็พอๆกับ Porefessional แต่คุมมันกว่าไง อิอิ

.

รองพื้นลูกรัก / Foundation ได้แก่…………

แน่นอนว่าต้องเป็น L’oreal Paris Infallible Pro-Matte 24HR Foundation

Muji essence อบอ น เร ยบง าย สไตล ม จ

อ้ย อย่างเขรอะ

ไม่รู้จะชมยังไงแล้วกับสิ่งนี้ ไอเทมรัก คุณค่าที่คนหน้ามันคู่ควร

คุมมัน ปกปิดดี อยู่ทน เกลี่ยง่าย ไม่หนา

ข้อเสียอย่างเดียวคือ ไม่มีขายในไทยแบบออฟฟิเชี่ยว

ต้องไปดิ้นรนพรีออเดอร์เอานะคะ แต่หาไม่ยากหรอก เราเชื่อ

ติดตามอ่านเพิ่มเติมการรีวิวอย่างละเอียดได้ ที่นี่ >REVIEW: แกะกล่อง Tartelette In Bloom Clay Eyeshadow Palette กรี๊ดดดด สวย เลอค่า เหมาะกับคนสวยๆอย่างเรา