Google pixel ม อถ อ กล องหน าเทพ 2023

Marques Brownlee หรือ MKBHD ยูทูบเบอร์สายรีวิวมือถือชื่อดัง ลองทดสอบ blind test รูปถ่ายจากกล้องมือถือที่ออกขายในปี 2022 จำนวน 16 รุ่น โดยมีแฟนๆ ร่วมโหวตมากถึง 21 ล้านเสียง (หน้าเว็บโหวต)

ผลปรากฏว่าแชมป์กล้องของ MKBHD คือ Google Pixel 6a มือถือรุ่นราคาถูกของกูเกิล ที่สามารถเอาชนะมือถือรุ่นพี่ Pixel 7 Pro ที่ได้อันดับสองด้วย ส่วนอันดับสามก็เซอร์ไพร์สไม่น้อยเพราะเป็น ASUS Zenfone 9 มือถือที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไรนัก

ส่วนมือถือที่ได้รับคะแนนน้อยที่สุดคือ Sony Xperia 1 IV มือถือจากบริษัทที่ผลิตเซ็นเซอร์กล้องให้มือถือจำนวนมากใช้งาน แต่มือถือของตัวเองได้อันดับบ๊วยในเรื่องกล้องนั่นเอง

WELCOME to the Blind Smartphone Camera Test (Scientific Edition)You're shown side-by-side photos from 16 cameras, and pick winners until a statistically significant champion emergesThe phone names will be revealed in a video soon!Let the games begin: https://t.co/3ksPOwHQkN pic.twitter.com/gl4Kn4lXOo

เริ่มกันที่งาน Google I/O 2023 เราจะได้เห็นการเปิดตัวของมือถือโค้ดเนม Lynx ซึ่งก็คือรุ่นน้อง Pixel 7a ที่คาดว่าจะมีราคาเปิดตัวเท่ากับ Pixel 6a ที่ราว ๆ 449 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15,600 บาท และมือถือโค้ดเนม Felix ซึ่งก็คือมือถือจอพับ Pixel Fold นั่นเอง ส่วนราคาของรุ่นนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1,799 ดอลลาร์ หรือประมาณ 62,500 บาท

ต่อด้วยช่วงปลายปี 2023 ก็จะได้เวลาของการเปิดตัวมือถือภาคต่อ Pixel 8 Series ซึ่งยังคงมี 2 รุ่นคือ Pixel 8 กับ Pixel 8 Pro อยู่เช่นเคย แหล่งข่าวยังเคลมว่ามือถือรุ่นนี้แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก Pixel 7 Series มากนัก หลัก ๆ ก็แค่ได้ชิปใหม่ Tensor G3, อัปเกรดกล้องหลังนิดหน่อย และขนาดหน้าจอของ Pixel 8 จะเล็กลงกว่า Pixel 7 นิดนึง ส่วน Pixel 8 Pro จะมีขนาดเท่ากับ Pixel 7 Pro

2024

ในปี 2024 ทาง Google จะดูผลตอบรับของ Pixel 7a ก่อนว่าเป็นยังไงบ้าง หากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าก็อาจจะข้ามการเปิดตัวของ Pixel 8a ไป และอาจจะปรับเปลี่ยนแผนการตลาดของซีรีส์รุ่นเล็กจากเดิมที่เปิดตัวปีละรุ่น กลายเป็น 2 ปี / รุ่น แทน และอาจจะมีการปรับราคาขึ้นนิดหน่อยด้วย

ช่วงปลายปี 2024 ก็จะยังเห็นการมาของมือถือเรือธงซีรีส์ Pixel 9 อีกเช่นเคย แต่ไม่แน่ว่าในซีรีส์อาจจะมีทั้งหมด 3 รุ่น คือ Pixel 9, Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro รุ่นเล็กที่มีหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว โดยแหล่งข่าวบอกว่า Google จะใช้แผนการตลาดเดียวกับ Apple ที่มี iPhone Pro กับ iPhone Pro Max ซึ่งเป็นมือถือตัวท็อปที่มีสเปคเดียวกัน แต่ต่างกันตรงขนาดหน้าจอนั่นเอง และแน่นอนว่าจะมากับชิปรุ่นใหม่ Tensor G4 ด้วย

ส่วนมือถือจอพับ Pixel Fold 2 จะตามมาด้วยรึเปล่า อันนี้ต้องรอดูผลตอบรับของ Pixel Fold รุ่นแรกกันก่อน ว่าจะออกมาเป็นยังไงครับ

2025

ในปี 2025 เราอาจได้เห็นมือถือจอพับสไตล์ Clamshell จาก Google ที่จะเข้ามาแข่งขันในตลาดมือถือแบบตลับแป้งกับเค้าบ้าง โดยคาดว่ามือถือจอพับดังกล่าวน่าจะเผยโฉมพร้อมกับ Pixel 10 และ Pixel 10 Pro ในช่วงปลายปี แต่ถ้า Google ล้มเลิกโครงการมือถือฝาพับไป ก็อาจจะได้เห็น Pixel 10 รุ่นจอเล็กออกมาแทน ก็จะกลายเป็น Pixel 10 รุ่นจอเล็ก / จอใหญ่ และ Pixel 10 Pro รุ่นจอเล็ก / จอใหญ่

ข้อมูลโร้ดแมปของ Google ในปี 2023 – 2025 อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดนะครับ เพราะก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามือถือรุ่นที่เปิดตัวในอนาคตจะมีผลตอบรับออกมายังไงบ้าง ซึ่งหากว่ารุ่นไหนขายไม่ดี ก็อาจมีการตัดทิ้งไปนั่นเองครับ ส่วนแท็บเล็ตยังไม่มีข้อมูลโผล่มาในโร้ดแมปแต่ละปีเลย…อันนี้ก็คงต้องรอดูผลตอบรับจาก Pixel Tablet ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ก่อน ว่าจะเป็นยังไงบ้าง

งาน Made by Google 2023 ที่เพิ่งจบไป Google ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของค่ายจำนวน 2 รุ่นได้แก่ Google Pixel 8 และ 8 Pro ตรงตามที่หลุดมาเกือบหมด โดยมีการชูจุดเด่นด้าน AI ที่เข้ามาช่วยประมวลผลแบบจัดเต็ม พร้อมรองรับการอัพเดตซอฟแวร์ และความปลอดภัยจาก Google นาน 7 ปี

สเปคคร่าว ๆ ของ Google Pixel 8 มีดังนี้

หน้าจอ Actua Display ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 อัตตราส่วน 20:9 รองรับ Smooth Display 60 - 120Hz ความสว่างสูงสุด 2000 nits น้ำหนัก 187 กรัม แบตเตอรี่ขนาด 4,575 mAh รองรับ Fast Charge 50% ใน 30 นาที แรม 8GB LPDDR5X ความจุ 128GB / 256GB แบบ UFS 3.0 ชิปประมวลผล Google Tensor G3 และ Titan M2 รองรับ VPN ในตัวเครื่อง กล้องหลัก 50MP เซนเซอร์ขนาด 1/1.31 นิ้ว f1.68 สามารถซูม ได้ 8 เท่า มุมภาพ 82 องศา กล้อง Ultrawide 12 MP พร้อม Autofocus f2.2 มุมภาพ 125.8 องศา กล้องหน้า 10.5 MP f/2.2 มุมภาพ 95 องศา รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3, 5G Sub 6GHz

Google Pixel 8 ชูจุดเด่นด้านการถ่ายภาพโดยใช้ AI ช่วยประมวลผลเป็นหลักจึงทำให้มี 2 ฟีเจอร์ใหม่ ๆ อย่าง Best Take และ Magic Editor โดย Best Take คือการใช้ AI เพื่อเปลี่ยนใบหน้าของผู้คนเพื่อสร้างช็อตที่ต้องการได้ โดยใช้ช็อตที่คล้ายกันหลายช็อตเพื่อสร้างรูปถ่ายที่ดีที่สุดออกมา ส่วน Magic Editor คือฟีเจอร์เดียวกับที่ Google เคยแสดงในงาน I/O สามารถย้ายวัตถุ หรือจัดองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในภาพได้

อีกของใหม่คือแอปอัดเสียงที่เพิ่มฟีเจอร์ Audio Magic Eraser ที่สามารถจัดการกับ Noise ต่าง ๆ ของเสียงวิดีโอ หรือเสียงที่อัดมาได้โดยแบ่งโหมดเป็น Speech, Crowd, Noise, Wind และ Music ที่ในวิดีโอสาธิตมีการนำคลิปเด็กพูดที่มีเสียงหมาเห่าแทรกเป็นพัก ๆ แล้ว Google ก็หลบเสียงหมาออกโดยการกดที่ Noise แล้วปรับไปที่ -77

ส่วน Google Pixel 8 Pro มีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้

หน้าจอ Super Actua Display ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1344 x 2992 อัตตราส่วน 20:9 รองรับ Smooth Display 1 - 120Hz ความสว่างสูงสุด 2400 nits น้ำหนัก 213 กรัม แบตเตอรี่ขนาด 5,050 mAh รองรับ Fast Charge 50% ใน 30 นาที แรม 12GB LPDDR5X ความจุ 128GB / 256GB / 512 GB / 1 TB แบบ UFS 3.1 ชิปประมวลผล Google Tensor G3 และ Titan M2 รองรับ VPN ในตัวเครื่อง กล้องหลัก 50MP เซนเซอร์ขนาด 1/1.31 นิ้ว f1.68 มุมภาพ 82 องศา กล้อง Ultrawide 48 MP พร้อม Autofocus f1.95 มุมภาพ 125.8 องศา กล้อง Telephoto 48 MP f2.8 มุมภาพ 21.8 องศา ซูมได้ 5 เท่าถึง 30 เท่า กล้องหน้า 10.5 MP f2.2 มุมภาพ 95 องศา เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3, 5G Sub 6GHz

Google Pixel 8 Pro มีส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจาก Pixel 8 โดยจะเน้นไปที่การถ่ายวิดีโอที่ฟีเจอร์เด่น ๆ อยู่ 2 อย่างได้แก่ Video Boost และ Night Sight Video

Video Boost คือการเร่งสีของตัววิดีโอทำให้วิดีโอที่ผู้ใช้งานถ่ายสีจะสดขึ้นโดยที่ยังมีความเป็นธรรมชาติอยู่เช่นเดิม ส่วน Night Sight Video คือการใช้ AI ช่วยประมวลผลในการถ่ายวิดีโอในพื้นที่แสงน้อยทำให้วิดีโอที่ได้มีความสว่างเพิ่มขึ้นโดยที่คุณภาพของภาพยังดีอยู่

ส่วนด้านการถ่ายภาพ Google ได้เพิ่ม Pro Control เข้ามาทำให้สามารถปรับ ISO, Shutter Speed และอื่น ๆ ได้ ส่วนในการถ่ายแบบซูมจะมี AI เข้ามาช่วยประมวลผลภาพทำให้ภาพในระยะซูม 30 เท่าชัดกว่าการซูมของโทรศัพท์ค่ายอื่น ๆ

สำหรับราคา Google Pixel 8 เริ่มต้นที่ 699 ดอลลาร์ ส่วน Pixel 8 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์ และยังไม่ขายในไทยเช่นเดิม