Fitbit charge hr 2 ฟ ล ม ก นรอย

Intellectual Property Protection - Privacy Policy - แผนผังเว็บไซต์ - Terms of Use - - Terms and Conditions for EU/EEA/UK Consumers - User Information Legal Enquiry Guide ©️ 2010-2023 AliExpress.com. All rights reserved.

ทุกวันนี้คนเราเริ่มมีปัญหาสุขภาพกันมากขึ้น วิถีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปเนื่องจาก ความเครียด พักผ่อนน้อย กินนอนทั้งวัน เพราะฉะนั้นเราจึงต้องกลับมาดูแลและใส่ใจสุขภาพของเรา เลือกรับประทานอาหารที่ดี และออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อที่เราจะได้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือที่เค้าพูดกันกว่า “ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ”

เนื่องจากตอนนี้เทรนเรื่องสุขภาพกำลังมาแรงในช่วงปีสองปีมานี้ คนจึงมีแนวโน้มที่จะหา Gadget จำพวก Activity Tracker หรือแอปออกกำลังกาย และเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น หลังจากที่เล็งอยู่นาน อ่านรีวิวมาหลายเดือน เราก็ตัดสินใจถอยเจ้า Fitbit Charge HR มาเป็นของตัวเองเสียที

สเปคคร่าว ๆ ของ Fitbit Charge HR ก็คือ

• วัดอัตราการเต้นหัวใจได้อย่างต่อเนื่อง
• สามารถนับก้าว วัดระยะทาง จำนวนแคลอรี่ที่ใช้ไป รวมไปถึงจำนวนชั้นที่เดินขึ้นบันได
• สามารถสั่นแจ้งเตือนเวลามีคนโทรเข้ามา และ Notification ได้
• สามารถวิเคราะห์การนอนของเราว่านอนมาก นอนน้อยแค่ไหน พร้อมตั้งปลุกได้
• Sync ข้อมูลผ่าน Bluetooth LE อัตโนมัติระหว่างมือถือและคอมพิวเตอร์
• มีแอพ Fitbit ที่หน้าตาสวย หน้าใช้ พร้อมวิเคราะห์การออกกำลังกายของเราได้

โดย Fitbit Charge HR สามารถ Sync ข้อมูลกับ Windows & Mac, iPhone 4S ขึ้นไป, iPad 3 Gen ขึ้นไป, Android และ Windows Phone เรียกได้ว่ามีทุกแพลตฟอร์มจริง ๆ

ส่วนขนาดที่วางจำหน่ายมี 3 ไซต์คือ S (ขนาด 5.4-6.2 นิ้ว), L (ขนาด 6.2-7.6 นิ้วข) และ XL (ขนาด 7.6-8.7 นิ้ว) โดย XL จะต้องสั่งซื้อออนไลน์ที่อเมริกาเท่านั้น มีวางขายแค่ไซต์ S กับ L

มาเริ่มแกะกล่องกันเลย หน้ากล่องมีบอกว่าไซต์ Small (S) หรือ Large (L) ดูดี ๆ

ในกล่องมี Fitbit charge HR, USB Wireless, คู่มือ และ สายชาร์จ ให้มาแค่นี้จริงๆ

วัสดุเป็นยางยืดหยุ่นสูง ใส่สบาย ไม่หลุด ไม่หล่นง่าย ๆ ใส่ได้ตลอดทั้งวัน ไม่แพ้ ไม่คันอะไร และที่สำคัญกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IPx7 คือสามารถกันฝนได้ ใส่ล้างมือได้ ใส่อาบน้ำได้ แต่ไม่แนะนำให้ใส่ลงไปว่ายน้ำ หรือดำน้ำ เรียกว่า Fitbit ทำได้ดีในจุดนี้

ด้านหลังจะเป็นรูปเสียบไว้ชาร์จ และฟีสีเขียว ๆ คือเป็น Heart Rate Sensor ไว้วัดอัตราการเต้นหัวใจ

เราจะข้ามวิธีการ Sync กับมือถือนะ เพราะมันง่ายมาก มีบอกทุกขั้นตอนแบบ Step-by-Step เลย

มาพูดถึงเรื่องแอพกันเลยดีกว่า สามารถโหลดใช้ได้ทั้ง iOS, Android, Windows Phone, Windows, Mac

หน้า Dashboard จะเป็นหน้าที่รวมข้อมูลทุกอย่างตั้งแต่ แบตเตอรี่ของ Charge HR จำนวนก้าวที่เดิน อัตราการเต้นของหัวใจ ณ ขณะนี้ ระยะทางที่เดิน/วิ่ง จำนวนแคลอรี่ที่เดิน แคลอรี่ที่กินเข้าไป จำนวนชั่วโมงที่เรานอนไปเมื่อคืน ความสูงที่เราเดินขึ้นบันได รวมไปถึงน้ำหนักในตอนนี้

ซึ่งแอพ Fitbit นี้สามารถซิงค์ข้อมูลจากแอพอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น MyFitnessPal แอพตัวนี้แนะนำเลย เป็นแอพที่ไว้นับแคลอรี่ที่เรากินเข้าไปในแต่ละวัน และเราสามารถกรอกน้ำหนักตัวลงไป เพื่อดูว่าเราลดน้ำหนักไปกี่กิโลแล้ว

พอเราเข้าไปที่การนอนหลับ จะมีกราฟแท่งจำนวนชั่วโมงในแต่ละวัน ว่าเรานอนเยอะ นอนน้อย อดหลับ อดนอนมากเพียงใด และรูปทางด้านขวา จะบอกว่ามีการพลิกตัวช่วงไหน ตื่นลุกเข้าไปเข้าห้องน้ำเวลาไหน แต่ Fitbit ไม่สามารถวิเคราะห์การหลับลึก หลับตื้นแบบ Mi Band ที่เคยรีวิวไปและ Jawbone UP ได้

ต่อมาพอเรากดเข้าไปใน Heart Rate จะมีกราฟขึ้นมาให้ดูเลยว่า HR ของเราอยู่โซนไหนแล้ว โดย Fitbit จะแสดงเพียงแค่ 3 โซนคือ โซน Fat Burn, Cardio และ Peak ซึ่ง HR Zone มีความสำคัญในการออกกำลังกายเหมือนกัน

คือถ้าเราต้องการลดน้ำหนัก ลดไขมัน เราควรที่จะออกกำลังกายให้อยู่ในโซน Fat Burn คือถ้าเราออกกำลังกายโซนนี้จะเบิร์นไขมันได้เยอะกว่าโซนอื่น ๆ ต่อมา Cardio จะเป็นโซนที่มีเป้าหมายให้หัวใจของเราแข็งแรงขึ้น เหนื่อยยากขึ้นนั่นเอง

สำหรับใครที่ออกกำลังกายใหม่ ๆ ควรออกกำลังกายให้อยู่ใน 2 โซนนี้ และโซนสุดท้าย โซนอันตราย คือโซนที่หัวใจจะเต้นเร็วที่สุด เหมาะสำหรับนักกีฬาโดยเฉพาะ และไม่ควรออกกำลังกายในโซนนี้เกิน 5-10 นาที เพราะอาจจะทำให้หัวใจวาย ตายได้

ในแถบ Challenges จะเป็นเควสต่าง ๆ เอาไว้ท้าสู้กับเพื่อน ๆ ได้ เช่น อันแรก Goal Day เป็นเควสที่แข่งกันใครเดินถึง 10,000 ก้าวก่อนชนะ แล้วได้ Badge ไปประดับไอดีได้ นอกจากนี้สามารถแชท เยาะเย้ยเพื่อนได้อีกด้วย ถือว่าทำได้ดีอีกจุดนึงเลย

ส่วน Friends ก็ไม่มีอะไรเป็นหน้ารายชื่อเพื่อนทั้งหมด ซึ่งไม่ค่อยจะมีเพื่อน T_T คนเล่นน้อย โดยสามารถเชิญชวนเพื่อนทางอีเมลหรือหาเพื่อนจาก Facebook ก็ได้

สุดท้าย เรื่องราคาอยู่ที่ 5,590 บาท ถ้าว่าราคากลาง ๆ ไม่แพง ไม่ถูก ถ้าเทียบราคากับฟีเจอร์ที่ให้มาแล้ว ถือว่าคุ้มค่านะ

สรุปเลยแล้วกัน !!

ข้อดี

• สามารถวัดอัตราการเต้นหัวใจได้แบบต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ดีกว่าทุกเจ้าในตลาด
• มีฟังก์ชันใช้งานค่อนข้างครบ (Steps, Miles, Stairs, Calories burned, Sleep และก็อื่น ๆ)
• แอพสวยงามน่าใช้งานมาก แถมใช้ง่ายอีกตางหาก
• ใส่สบาย ไม่รำคาญ ไม่แพ้ ไม่คัน
• ราคาสมเหตุสมผล

ข้อเสีย

• Water Resistant แต่ไม่ Water Proof คือกันเหงื่อ กันฝน ล้างมือได้ เอาไปอาบน้ำได้ แต่ไม่ควรเอาลงไปจุ่มน้ำนาน ๆ เช่นว่ายน้ำ ดำน้ำ
• Sleep Tracker ยังไม่ดีพอ ไม่สามารถบอกหลับลึกหลับตื้นได้เหมือนยี่ห้ออื่น
• iPhone ไม่มีฟังก์ชันของ Smartwatch ได้ไม่สามารถแจ้งเตือนสายเข้าหรือแจ้ง Notification ใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องเป็นรุ่นที่รองรับเท่านั้น
• แบตเตอรี่อยู่ได้ 3 วัน (เปิด Auto Sync) ซึ่งเค้าเคลมว่าอยู่ได้ถึง 5 วัน
• ตัวสายดูดฝุ่นดีมาก ขนแมวติดเยอะ ต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ ยิ่งสายสีดำนี่ยิ่งเห็นชัด
• ไม่สามารถเปลี่ยนสายได้
• มันอาจจะใหญ่ไปหน่อยสำหรับคนข้อมือเล็ก ๆ

และถามว่าจะเหมาะกับใคร ??

เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหา Fitness Tracker ซักตัวเพื่อเป็น Passion ในการออกกำลังกาย โดยสามารถวัด HR ได้ตลอดทั้งวัน ทำให้ได้ข้อมูลแคลอรี่ที่เบิร์นไปแม่นยำมากยิ่งขึ้น

แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่กำลังมองหา Fitness Tracker ที่ไว้ออกกำลังกายอย่างจริงจังที่ต้องการพวก Running Pace หรือ GPS แนะนำให้ไปซื้อพวก Garmin ดีกว่า เพราะมันจะเป็น Fitness Tracker ที่เฉพาะทางมากกว่า