กรงกรรม ตอนท 7 ย อนหล ง 19 ม ค 62

38 เจตคติต่อวชาคณิตศาสตริของน์กเรัยนอยีางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ (p<.07,ES = 3.07) โดยเฉพาะอยางย่งน ิ่ กเรัยนอี ฟรั ิกันและอเมริกันที่มีเจตคติที่ชอบวชาคณิตศาสตริอย์แลู่ วจะได ้ ้รับ ผลกระทบในการสอนแบบนี้โดยมีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ(p< .02, ES = .02) ในขณะที่ผลการ ทดลองก็มีผลกระทบต่อนกเรัยนอี ฟรั ิกันและอเมริกันอยางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ p<.08 (ES = .58) งานวิจัยในประเทศ ยุทธกร ถามา (2546 : บทคดยั ่อ) ได้ศึกษาผลสมฤทธัทางการเริ์ ียน ความสนใจและ ความมีวินัยในตนเองในการเรยนรี ู้ของนกเรัยนชีวงช่นท ั้ ี่2 ที่มีความสามารถทางการเรยนแตกตี ่าง กัน โดยใช้ชุดการเรยนดีวยตนเอง้ผลการวิจัยพบว่า 1) ชุดการเรยนดีวยตนเองม้ ีคุณภาพจากการ ประเมนของผิเชู้ ยวชาญด ี่ ้านเนื้อหาคณตศาสตริ ์และด้านเทคโนโลยีอยในระด ู่ บดัมากีและมี ประสทธิ ภาพเป ิ ็น 87.79/88.33 2) นักเรยนที ี่มีความสามารถทางการเรยนคณีตศาสตริ ์สูงทเร ี่ ยนี ด้วยชุดการเรยนดีวยตนเอ้ง มีผลสมฤทธัทางการเริ์ ยนและความสนใจในการเร ียนรีหลู้ งเรัยนสีงกวู่า ก่อนเรยนอยีางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .01 แต่ความมีวินัยในตนเองหลงเรัยนและกี ่อนเรียน แตกต่างกนอยั างไม ่ ่มีนัยสําคญทางสถั ิติ 3) นักเรยนที ี่มีความสามารถทางการเรยนคณีตศาสิตรปาน ์ กลางทเร ี่ ยนดีวยชุ้ดการเรยนดีวยตนเอง้ มีผลสมฤทธัทางการเริ์ ยนและความสนใจในการเร ียนรีหลู้ ัง เรยนสีงกวูาก่อนเร่ยนอยีางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .01 แต่ความมีวินัยในตนเองหลงเรั ียนและ ก่อนเรยนแตกตี ่างกนอยั างไม ่ ่มีนัยสําคญทางสถั ิติ 4) นักเรยนที ี่มีความสามารถทางการเรียน คณตศาสตริ ์ตํ่าทเร ี่ ยนดีวย้ชดการเรุยนดีวยตนเอง้ มีผลสมฤทธัทางการเริ์ ยนและความสนใจในการ ี เรยนรีหลู้ งเรัยนสีงกวูาก่ ่อนเรยนอยีางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .01 แต่ความมีวินัยในตนเองหลัง เรยนและกี ่อนเรยนแตกตี ่างกนอยั างไม ่ ่มีนัยสําคญทางสถั ิติ5) นักเรยนที ี่มีความสามารถทางการ เรยนคณีตศาสตริแตกต์ ่างกนทัเร ี่ ยนดีวยชุ้ดการเรยนดีวยตนเอง้ มีผลสมฤทธัทาิ์ งการเรียนแตกต่าง กันอยางม่ ีนัยสาคํญทางสถั ิติที่ระดับ .01 6) นักเรยนที ี่มีความสามารถทางการเรยนคณีตศาสตริ ์ แตกต่างกนทัเร ี่ ยนดีวยชุ้ดการเรยนดีวยตนเอง้ ทําให้มีความสนใจในการเรยนรีแตกต ู้ ่างกนอยัางม่ ี นัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .01 และ 7) นักเรยนที ี่มีความสามารถทางการเรยนคณีตศาสตริแตกต์ ่าง กันทเร ี่ ยนดีวยชุ้ดการเรยนดีวยตนเอง้ ทําให้มีความสนใจในการเรยนรีแตกต ู้ ่างกนอยัางม่ ีนัยสําคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01 ทําให้มีความมีวินัยในตนเองแตกต่างกนอยั างไม ่ ่มีนัยสําคญทางสถั ิติ ศิริพร คล่องจตติ (์2548 : 52) ได้ศึกษาผลสมฤทธัทางิ์ การเรียนวชาคณิตศาสตริ ์เรอง ื่ การ แกโจทย ้สมการเช์งเสินต้ วแปรเด ัยวของนีกเรัยนชีนม ั้ ธยมศักษึ าปีที่2 ที่ได้รับการจดการเรัยนการี สอนแบบ TAI (TEAM ASSISTED INIVIDUALIZATION ) ผลจากการวิจัยพบว่า ผลสมฤทธั ิ์ ทางการเรยนวีชาคณิตศาสตริ ์เรอง ื่ การแกโจทย ้สมการเช์งเสินต้ วแปรเด ัยวหลี งจากได ั ้รับการ จัดการเรยนการสอนแบบี TAI สูงกวาก่ ่อนได้รับการจดการเรัยนการสอนอยีางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติที่ ระดับ .01 และผลสมฤทธัทางการเริ์ยนวีชาคณิตศาิสตร์เรอง ื่ การแกโจทย ้สมการเช์งเสินต้ วแปร ั

39 เดยวที ี่ได้รับการจดการเรัยนการสอนแบบี TAI สูกวาเกณฑ่ ์ร้อยละ 50 อยางม่ ีนัยสาคํญทางสถั ิติที่ ระดับ .01 ดังนั้น จากการศึกษาผลงานวิจัยที่เกยวข ี่ องก้บผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์ผู้วิจัย สรุปได้ว่า การศกษาผลสึมฤัทธทางการเริ์ ียน มีความจาเปํ ็นอยางย่งต ิ่ ่อการแสดงผลหรอคืุณภาพ ของหลกสัตรูไม่ว่าจะเป็นผลสมฤทธัของหลิ์กสัตรมาตรฐาน ูหรอผลสืมฤทธัทางการเริ์ยนของหลี ัก สูตรยอย่ๆ เรองใดเร ื่ องหน ื่ ึ่ งกตาม็ 4. เอกสารและงานวิจัยท ี่ เก ี่ ยวข้อกบพฤตั ิกรรมการทางานเป ํ ็ นกล่มุ 4.1 ความหมายของการทางานเป ํ ็ นกล่มุ บารอนและเบิร์น (Baron ;& Byrne.2000 : 287) ได้ใหความหมายของการท้ ํางานกลุ่มไว้ ว่า การทางานกลํ ุ่ม หมายถึง การทางานรํวมก่นกับบัุคคล 2 คนขนไป ึ้ ซึ่งแต่ละคนมปฏี ิสัมพนธั ์ต่อ กัน และมเปี ้ าหมายเดยวกี ัน ต่างมีอิทธพลติ ่อกัน และตระหนกในความเป ั ็นสมาชกกลิ ุ่ม สเปคเตอร (Spector. ์ 2006 : 310) ได้ใหความหมายของการท้ ํางานกลุ่มไว้ว่า การทางานํ กลุ่มหมายถงการทึางานของบํุคคลตงแต ั้ ่ 2 คนขึ้นไปเพื่อการทางานโดยม ํ ปฏี ิสัมพนธั ์ต่อกนและมั ี เป้ าหมายรวมก่ ัน สุวิทย ์มูลคํา อรทัย มูลคํา (2550. 124-126) ใหความหมายของการจ้ดการเรัยนรี โดย ู้ กระบวนการกลุ่มว่า เป็นกระบวนการเรยนรี ู้ที่ผู้เรยนได ี ้รับความรู้จากการลงมอรืวมก่ นปฏ ั ิบัติเป็น กลุ่ม กลุ่มจะมีอิทธพลติ ่อการเรยนรีของสมาช ู้ กแติ ่ละคน และสมาชกแติ ่ละคนในกลุ่มก็มีอิทธพลิและ ปฏิสัมพนธั ์ต่อกนและกั ัน ทิศนา แขมมณ (2ี 553. 143-144) ใหความหมายของกระบวนกล้ ุ่มวาเป่ ็นกระบวนในการ ทํางานรวมก่นของบัุคคลตงแต ั้ ่ 2 คนขนไป ึ้ โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกัน และมการดีาเนํ ินงานรวมก่ ัน โดยผู้นํากลุ่มและสมาชกกลิ ุ่มต่างก็ทําหน้าทของตนอย ี่ างเหมาะสม่ และมกระบวนการทีางานทํ ี่ดี เพอน ื่ ํากลุ่มไปสู่วัตถุประสงค์ที่กําหนดไว ้ การเปิดโอกาสให้ผู้เรยนได ีเร้ยนรีกระบวนการท ู้ างานกลํ ุ่ม ที่ดีจะชวย่ ให้ผู้เรยนเกีดทิกษะทางั สังคม และขยายขอบเขตของการเรยนให ีกว้างขวางข้ ึ้น การ จัดการเรยนรี โดยเน ู้ ้นกระบวนการกลุ่ม คือ การดาเนํ ินการเรยนการสอนโดยท ี ี่ผู้สอนให้ผู้เรียน ทํางาน กิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม พรอมท้งสอน ั้ /ฝึก/แนะนําให้ผู้เรยนเกีดการเริยนรีเกู้ ยวก ี่ ับ กระบวนการทางานกลํ ุ่มที่ดีควบคไปก ู่ บการชั วยให ่ ้ผู้เรยนเกีดการเริยนรีเนู้ ื้ อหาสาระตาม วัตถุประสงค์ ดังนั้น จากการศึกษาความหมายของการทางานเป ํ ็นกลุ่ม ผู้วิจัยสรุปได้ว่า การทางานเป ํ ็น กลุ่ม หมายถึง การจดกลั ุ่มให้นักเรยนปฏ ี ิบัติกิจกรรมการเรยนรี ู้ร่วมกัน โดยนกเรัยนแตี ่ละกลุ่ม ร่วมกนรับผัดชิอบงานที่ได้รับมอบหมาย สามารถนําเสนอผลงานและรวมก่นสรั ปความรุ ู้ที่ได้จากการ ทํางานรวมก่ ัน

40 4.2 ความหมายของพฤติกรรมการทางานเป ํ ็ นกล่มุ พนม ลิ้มอารีย์ (2529: 1 – 2) ใหความหมายของพฤต้กรรมการทิางานกลํ ุ่มว่า หมายถึง การที่บุคคลตั้งแต่2 คนขนไป ึ้ มาทากํจกรรมิหรอมาเกืยวข ี่ องส้มพันธั ์ซึ่งกนและกั นในล ักษณะกลั ุ่ม ซึ่งจะทาให ํกล้ ุ่ม มีการเคลื่อนไหวในลกษณะตั ่างๆ เกดขิ ึ้น สิทธโชค ิวรานุสันติกูล (2534: 4) ใหความหมายของพฤต้กรรมการทิางานกลํ ุ่ม หมายถึง การรวมตวของคนหลายคนั ซึ่งมปฏี ิสัมพนธั ์ต่อกนอยัางสม่ าเสมอในช ํ่ วงเวลาหน่ ึ่ง ซึ่งคนเหล่าน ี้ จะมี การรบรั ู้ในตนเองว่า มีความสาคํญตั ่อกนและกั ัน ในอนทั จะปฏ ี่ ิบัติการเพอบรรล ืุ่เป้ าหมายที่มีร่วมกัน ทิศนา แขมมณ (ี2553: 2) ใหความหมายของพฤต้กรรมการทิางานกลํ ุ่มว่า หมายถึง การ ที่บุคคลเขามาร้วมก่ นปฏ ั ิบัติงานอยางใดอย ่างหน่ ึ่ง โดยมเปี ้ าหมายรวมก่ ัน และทกคนในกลุ ุ่ม มี บทบาทในการชวยด่าเนํ ินงานของกลุ่ม มีการตดติ ่อสอสาร ื่ ประสานงาน และตดสั นใจร ิวมก่ ัน เพอให ื่ ้ งานบรรลุผลสาเรํ จตามเป ็ ้ าหมายเพอประโยชน ื่ ์ร่วมกนของกลั ุ่ม ’ ดังนั้น จากการศึกษาความหมายของพฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม ผู้วิจัยสรุปได้ว่า พฤตกรรมทิ ี่นักเรยนแสดงออกในการท ี างานเป ํ ็นกลุ่ม เพอให ื่ ้ได้เป้ าหมายตามที่กําหนดไว้ซึ่งวดได ั ้ จากแบบสอบถามการประเมนพฤติกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยพจารณาจากิ พฤตกรรมขอิงนกเรั ียน คือ ความรบผั ดชอบในการท ิ างานเป ํ ็นกลุ่ม การใหความช้วยเหล่อเพื อนใน ื่ กลุ่ม การแสดงความคดเหิ นภายในกล ็ ุ่ม 4.3 วัตถประสงคุของการท์ างานเป ํ ็ นกล่มุ ทิศนา แขมมณ (2ี 553. 143-144) กล่าวถงวึตถัุประสงคการจ์ดการเรัยนรี โดย ู้ กระบวนการกลุ่มวาเป่ ็นกระบวนการจดการเรัยนรี ู้ที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน และมการดีาเนํ ินงาน ร่วมกัน โดยผู้นํากลุ่มและสมาชกกลิ ุ่มต่างก็ทําหน้าทของตนอย ี่ างเหมาะสม่ และมกระบวนการี ทํางานที่ดี เพอน ื่ ํากลุ่มไปสู่วัตถุประสงค์ที่กําหนดไว ้ การเปิดโอกาสให้ผู้เรยนได ีเร้ยนรีกระบวนการ ู้ ทํางานกลุ่มที่ดีจะชวยให ่ ้ผู้เรยนเกีดทิกษะทางสังคมั และขยายขอบเขตของการเรยนให ีกว้างขวาง้ ขึ้น การจดการเรัยนรี โดยเน ู้ ้นกระบวนการกลุ่ม คือ การดาเนํ ินการเรยนการสอนโดยท ี ี่ผู้สอนให้ ผู้เรยนทีางานํ กิจกรรมรวมก่ ันเป็นกลุ่ม พรอมท้งสอน ั้ /ฝึก/แนะนําให้ผู้เรยนเกีดการเิรยนรีเกุ้ ยวก ี่ ับ กระบวนการทางานกลํ ุ่มที่ดีควบคไปก ู่ บการชั วยให ่ ้ผู้เรยนเกีดการเริยนรีเนู้ ื้ อหาสาระตาม วัตถุประสงค์ ตัวบ่งช ี้ 1. ผู้เรยนมี การปฏ ี ิสัมพนธั /์ทํางาน/ทํากจกรรมิ ร่วมกันเป็นกลุ่ม เพอให ื่ เก้ดการเริยนรี ู้ ตามวตถัุประสงค์ 2. ผู้สอนมการฝ ี ึก/ชี้แนะ/สอนให้ผู้เรยนเกีดเกิดการเริยนรีเกู้ ยวก ี่ บกระบวนการทัางานกลํ ุ่ม ที่ดีในจุดใดจุดหน ึ่ งของกระบวนการ เช่น ในเรองบทบาทผ ื่ ู้นํากลุ่ม บทบาทสมาชิกกลุ่ม กระบวนการทางานกลํ ุ่ม องคประกอบอ ์ ื่น ๆ ที่เกยวข ี่ อง้

41 1. ผู้เรยนมีการวีเคราะหิการเร์ยนรีของตนเองท ู้ งทางด ั้ ้านเนื้อหาสาระ และกระบวนการ กลุ่ม 2. ผู้สอนมการวีเคราะหิ และประเม ์นผลการเริยนทีงทางด ั้ ้านเนื้อหาสาระ และกระบวนการ กลุ่ม สุวิทย ์มูลคํา อรทัย มูลคํา (2550. 124-126) ได้กล่าวงถงวึตถัุประสงคของการท์างานํ เป็นกลุ่ม ดังน ี้ 1. เพอเป ื่ ิดโอกาสให้ผู้เรยนเขีาร้วมก่จกรรมกลิ ุ่มและมีบทบาทในการเรียน จะช่วยให้ ผู้เรยนมีความพรีอม้ มีความกระตอรืนรื ้น และมความสี ขในการเรุียน 2. เพอพ ื่ ฒนาผัเรู้ ยนทางดีานว้ชาการและทิกษะทางสังคมั เช่น ทักษะมนุษยสมพันธั ์ ทักษะกระบวนการกลุ่ม เป็นต้น 3. เพอเตร ื่ ยมผีเรู้ ยนให ีสาม้ารถดารงชํ ีวิตในสงคมประชาธ ั ปไตยได ิอย้างม่ ประส ีทธิภาพิ ดังนั้น จากการศึกษาวตถัุประสงคของการท์ างานเป ํ ็นกลุ่ม ผู้วิจัยสรุปว่า วัตถุประสงคของ์ การทางานเป ํ ็นกลุ่ม ดังน ี้ 1. เพอเป ื่ ิดโอกาสให้นักเรยนมีการเรียนรี ู้มีบทบาทในกจกรรมกลิ ุ่ม 2. มีกระบวนการที่ดีที่จะนํากลุ่มไปสความส ู่ าเรํ จได ็ ้ 3. เพอขยายขอบเขตในหารเร ื่ ยนการสอนให ีกว้างย้งข ิ่ ึ้น 4.4 ความสาคํญของการทั างานเป ํ ็ นกล่มุ สุวิทย ์มูลคํา อรทัย มูลคํา (2550. 124-126) ใหความส้าคํ ญในการจ ัดการเรัยนรี โดยให ู้ ้ นักเรยนที างานเป ํ ็นกลุ่มว่า เป็นการสงเสร่ มให ิ ้ผู้เรยนมี ีทักษะการทางานรํวมก่นและทักษัะทาง สังคม ส่งเสรมให ิ ้ผู้เรยนได ี ้ศึกษา ค้นคว้า ค้นพบความรและสร ู้ างสรรค้ความร์ ู้ด้วยตนเอง ทิศนา แขมมณ (2ี 553. 143-144) กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้ผู้เรยนได ีเร้ยนรี ู้ กระบวนการทางานกลํ ุ่มที่ดีจะชวยให ่ ้ผู้เรยนเกีดทิกษะทางสังคมั และขยายขอบเขตของการเรยนให ี ้ กวางขวางข้ ึ้น ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2554 : 213) กล่าวถงความสึาคํญของการทั างานเป ํ ็นดงนั ี้ 1. มนุษย์ทุกคนมความจีากํดดัานพล้ ัง การทางานเป ํ ็นกลุ่มจงเปึ ็นเรื่องจาเปํ ็น โดยเฉพาะการทางานใหญ ํ ่ๆ หรอการทืางานทํ ี่สลับซบซัอน้ ต้องชวยก่นทัางานและชํวยก่นคั ิด แก้ปญหาั 2. มนุษยเป์ ็นสตวั ์สังคม ต้องการมปฏี ิสัมพนธั ์กับผู้อื่น ซึ่งเป็นการตอบสนองความ ต้องการพนฐานท ื้ ี่จําเป็นของมนุษย์ 3. ลักษณะสงคมในป ัจจัุบันเป็นสงคมทั ี่มีการทางานรํวมก่ นในท ัุกระดบและทัุกองคกร์ มี ความสามารถทางานรํวมก่ ันเป็นกลุ่มแลวก้จะเก็ ดปิ ญหาในท ัุกระดบและทัุกองคกร์ ซึ่งเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นอยและความเจร ู่ ญกิาวหน้ ้าของสถาบนแั ละประเทศชาติ

42 4. การทางานเป ํ ็นกลุ่มใหผลงานท้ ี่ดีกวาการท่างานเดํ ี่ยว มีพลงมากกวัาการน่ ําพลัง ของแต่ละบุคคลรวมกัน ดังนั้น จากการศึกษาความสาคํญของการทั างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนีสรุปได้ว่า ความสาคํญของการทั างานเป ํ ็นกลุ่ม มีดังน ี้ 1. เพอให ื่ ้ผู้เรยนมี ีส่วนรวม่ ในการจดกัจกรรมการเริยนรี ู้ 2. เพอให ื่ ้ผู้เรยนมีความรีบผัดชอบตามบทบาทหนิ ้าทในกล ี่ ุ่ม 4.5 องคประกอบของการท ์ างานเป ํ ็ นกล่มุ อัลเบอติและเอมมอนส็ (์มณฑารพ กาศเกษม 2537 : 34 อ้างองจากิ Alberti ;& Emmons. 1982 : 23-30) ได้กล่าวถงองคึ ์ประกอบของพฤติกรรมทควรแสดงออกเพ ี่ อสร ื่ าง้ มนุษยสมพันธั ์กับบุคคลอื่น ซึ่งสรปไดุ้คือ การประสานตา การวางตัว ระยะหางการส่มผัสทางกายั การแสดงทาทาง่การแสดงออกทางสหนี ้า นํ้าเสียง ความคล่องในการพูด จังหวะในการพูด การฟั ง ความคิด เน ื้ อหาทจะพ ี่ ูด สุวิทย ์มูลคํา อรทัย มูลคํา (2550. 124-126) กล่าวถงการจึดการเรัยนรี โดยใช ู้ ้ กระบวนการกลุ่มมองคี ประกอบส ์าคํ ัญ คือ 1. เน ื้อหาและประสบการณ์ 2. กิจกรรมทใชี่ ในกระบวนกล ้ ุ่ม 3. และผลการเรยนรีจากกล ู้ ุ่ม หลกการจัดการเรัยนรี โดยกระบวนการกล ู้ ุ่ม มีดังน ี้ 1. เป็นวิธีการที่ฝึกผเรู้ ยนเป ี ็นศนยูการทางการเร์ยนรี ู้ โดยให้ผู้เรยนทีุกคนมโอกาส ี เขาร้วมก่จกรรมมากทิ ี่สุด 2. ให้ผู้เรยนได ีเร้ยนรีจากกล ู้ ุ่มมากที่สุด 3. ให้ผู้เรยนคีนพบและสร้างสรรค้ความร์ ู้ด้วยตนเอง 4. ใหความส้าคํญของกระบวนการเรัยนรี ู้ ผู้สอนจะตองให ้ความร้ ู้ ความสาคํญของั กระบวนการต่าง ๆ ในการแสวงหาคาตอบํ การจดการเรัยนรี โดยกระบวนการกล ู้ ุ่ม มีขั้นตอนดงนั ี้ 1. ขั้นตงจ ัุ้ดมงหมายของการจ ุ่ ดการเรัยนรี ู้ ก่อนทจะจ ี่ ดกัจกรรมการเริยนรี ู้ ผู้สอน ต้องตงจ ัุ้ดมงหมายของการเร ุ่ ยนรี ู้ 2. ขั้นการจดประสบการณ ั ์การเรยนรี ู้โดยเน้นให้ผู้เรยนลงมี อปฏ ื ิบัติกิจกรรมดวย้ ตนเองและทํางานเป็นกลุ่ม ซึ่งมีขั้นตอนดงนั ี้ 2.1 ขั้นนํา เป็นการสรางบรรยากาศและสมาธ้ของผิเรู้ ยนให ี ้มีความพรอมใน ้ การเรยนการสอนีการจดสัถานท ี่ การแบงผ่เรู้ ยนออกเป ี ็นกลุ่มยอย่แนะนําวิธีดําเนินการสอน กตกาิ หรอกฎเกณฑื ในการท ์างานํ ระยะเวลาในการทางานํ

43 2.2 ขั้นสอน เป็นขนท ั้ ี่ผู้สอนลงมอสอนให ื ้ผู้เรยนลงมี อปฏ ื ิบัติกิจกรรมเป็นกลุ่ ม ๆ เพอให ื่ เก้ ดประสบการณ ิ ์ตรง โดยที่กิจกรรมต่างๆ จะตองค้ดเลั อกให ืเหมาะสมก้บเนั ื้ อเรองใน ื่ บทเรียน เช่น กิจกรรมและเพลง บทบาทสมมุติสถานการณ์จําลอง การอภปรายกล ิ ุ่ม เป็นต้น 2.3 ขั้นวเคราะหิ ์เมอด ื่ าเนํ ินการจดประสบการณ ั ์การเรยนรี ู้ด้วย จะให้ผู้เรยนี วิเคราะหแล์ะแสดงความคดเหินก็บพฤตักรรมติ ่างๆ ความสมพันธั ในกล ์ ุ่ม ตลอดจนความรวมม่ อใน ื การทางานรํวมก่ ัน โดยวเคราะหิ ประสบการณ ์ ์ที่ได้รับจากความรู้สึกและการรบรัของผ ู้ เรู้ ียน แสดง ข้อคดทิ ี่ได้จากการทางานกลํ ุ่มใหคนอ้ นได ื่ ้รับรู้เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์การเรยนรีของก ู้ ันและ กัน ขั้นวเคราะหิจะช์วย่ ให้ผู้เรยนเขี าใจตนเอง ้เขาใจผ ้ ู้อื่น มองเหนป็ญหาและวั ิธีการทางานทํ ี่ เหมาะสม เพอเป ื่ ็นแนวทางในการปรบปร ังการทุางานํ เป็นการถ่ายโอนประสบการณ์เรยนรี ู้ที่ดีและ ช่วยให้ผู้เรยนสามารถคี นพบในส ้งท ิ่ ตน ี่ ต้องการดวย้ตนเอง เป็นการขยายประสบการณ์การเรยนรี ู้ ให้ถูกตองเหมาะสม้ 2.4 ขั้นสรปและนุําหลกการไปประย ักตุใช์ ้ผู้เรยนสรี ปรวบรวมความคุดให ิ เป้ ็น หมวดหมู่ โดยผสอนกระต ู้ ุ้นใหแนวทางและหาข้อสร้ ุป จากนนน ั้ ําขอสร้ ปทุี่ค้นพบจากเน ื้ อหาวิชาที่ เรียน ไปประยกตุใช์ ให้เข้าก้บตนเองัแนะนําหลกการทั ี่ได้ไปใชเพ้ อปื่ รบปร ังตนเองุประยกตุใช์ ให้ ้ เขาก้บคนอั ื่น ประยกตุเพ์อแก ื่ ้ปญหาัสร้างสรรค์สิ่งทเก ี่ ดประโยชต ิ ์ต่อสงคมัชุมชนและการดารงชํ ีวิต ประจาวํ ัน เช่น การปรบปร ังบุ ุคลกภาพิเกดความเหินอกเห็ นใจก ็ ัน เคารพสทธิขอิง คนอื่น แก้ปญหาัประดษฐิ ์สิ่งใหม่ เป็นต้น ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2554 : 214) กล่าวถงองคึ ประกอบส ์าคํ ญในการท ัางานกลํ ุ่ม ดังน ี้ องคประกอบท ์ ี่ถือวาเป่ ็นหัวใจสําคญของการทัางานกลํ ุ่ม มี3 องคประกอบ ์ ดังน ี้ 1. ผู้นํากลุ่ม ผู้นํานบวั าเป่ ็นบุคคลสาคํ ญมากในการด ัาเนํ ินงานของกลุ่ม กลุ่มใดขาดผู้นําก็ ยากทจะท ี่ างานให ํ เป้ ็นผลสาเรํ ็จ เพราะขาดแกนกลางที่สําคญทั จะเป ี่ ็นฟนเฟื ั องในการชวยให ่กล้ ุ่ม ดําเนินงาน หากกลุ่มมีผู้นําที่ดีย่อมทาให ํงานบรรลุ้เป้ าหมายอยางราบร่นและรวดเร ื่ ็ว 2. บทบาทสมาชกกลิ ุ่ม กลุ่มจะตองม้สมาชีกทิเข ี่ าใจในบทบาทหน ้ ้าทของตน ี่ และปฏิบัติ ตามบทบาทหน้าทของสมาช ี่ กกลิ ุ่มที่ดีเพราะกลุ่มตองอาศ้ยความรัวมม่อรื วมใจจากผ ่ ู้ร่วมงานทุกคน เป็นสาคํ ัญ ดังนนสมาช ั้ กลิ ุ่มจงเปึ ็นอกองคี ประกอบหน ์ ึ่ งที่สําคญทัจะช ี่ วยให ่การท้างานกลํ ุ่มบรรลุ เป้ าหมาย 3. กระบวนการทางานกลํ ุ่ม กลุ่มตองม้ ีผู้นํากลุ่มที่ดีมีสมาชกลิ ุ่มทเข ี่ าใจ ้และชวยกล่ ุ่มตาม บทบาทหน้าทของตนอย ี่ างเต่ มใจ ็และมกระบวนการทีางานทํเหมาะสม ี่ จึงจะไดผลงานกล้ ุ่มที่ดีเช่น กลุ่มตองม้การกีาหนดจํุดมุ่งหมาย วางแผน ทํางาน และประเมนผลและปร ิ บปร ังผลงานกลุ ุ่มรวมก่ ัน ดังนั้น จากการศึกษาองคประกอบของการท ์ างานเป ํ ็นกลุ่ม สรุปได้ว่า องคประกอบของ ์ การทางานเป ํ ็นกลุ่ม ดังน ี้ 1. เน ื้ อหาและขนตอนการท ั้ างานํ 2. บทบาทหน้าทของสมาช ี่ กในกล ิ ุ่ม 3. มนุษยสมพันธัของสมาช์กกลิ ุ่ม

44 4.6งานวิจัยท ี่ เก ี่ ยวกบพฤตั ิกรรมการทางานเป ํ ็ นกล่มุ งานวิจัยต่างประเทศ ฟรแมนี แมคแกรทแชมป์คลาก และเทเลอร (Freeman, M., Clalk, S.; & Taylor, L. ์ 2006 : online) ได้ศึกษากรณีการประเมินการจดการเรัยนแบบทีมวี ่า เป็นการเรยนที ี่สนับสนุน กิจกรรมการเรยนรี ู้ เป็นกจกรรมทิ ี่จูงใจ สร้างความสนใจพฒนาทักษะการคัดชินส ั้ งและทูกษัะการ แก้ปญหาั เลทัสซี (Letassy, A. Nancy; & Fugate, E.S. 2008 : 103-110) ได้รายงานการศกษาึ เปรยบเทียบรี ปแบบการสอนระหวูางการเร่ยนแบบบรรยายกีบการเรัยนแบบที ีม พบว่า การเรยนแบบที ีม นักเรยนได ี ้ทํางานเป็นทีม มีปฏิสัมพนธัเพ์มข ิ่ ึ้น ได้พัฒนาสะทอนเน้ ื้ อหาสาระ และเพมโอกาสในการฝ ิ่ ึกทกษะระดับความคั ดได ิ ้สูงขึ้น งานวิจัยในประเทศ วราภรณ์สุวรรณวงศ (2์ 545 : 85) ได้ศึกษาผลของการเรยนแบบรีวมม่ ือ โดยแบ่งกลุ่ม ตามสมฤทธัผลทางการเริ์ยนี ที่มีผลต่อผลสมฤทธั ทางการเรี ิ์ ยนและความคงทนใน การเรยนรี ู้วิชา คณตศาสตริ ์ของนกเรัยนชี นประถมศ ั้ กษาป ึ ีที่ 2 พบว่า ผลสมฤทธัทางการเริ์ยนวีชาคณิตศาิสตร์ ของนกเรัยนที ี่ได้รับการเรยนรีแบบร ู้ วมม่ อโดยแบ ื ่งกลุ่มตามสมฤทธัผลทางการเริ์ ียน ก่อนและหลัง การสอนแตกต่างอยางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .001 ปราโมทย์เจตนเสน (2549 : 66) ได้ศึกษาผลการเรยนรีเรู้ องความร ื่ เบู้ องต ื้ ้นเกี่ยวกับ เรขาคณตวิเคราะหิ ์และพฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที่4 โดยใชการ้ เรยนแบบรีวมม่ ือ พบว่า ผลสมฤทธัทางการเริ์ยนวีชาคณิตศาสตริเร์องความร ื่ เบู้ องต ื้ ้นเกี่ยวกับ เรขาคณตวิเคราะหิของน์กเรั ยนโดยใช ีการเร้ยนแบบรีวมม่อสืงกวูาน่กเรัยนทีเร ี่ ยนโดยใช ีการเร้ยนี แบบบรรยายอยางม่ ีนัยสําคญทัระด ี่ ับ .05 และนกเรัยนทีเรี ยนโดยการเร ียนแบบรีวมม่อมืพฤตีกรรมิ การทางานกลํ ุ่มอยในระด ู่ บดั ี วราภรณ์พรายอนทริ (2์ 551 : 143) ได้ศึกษาความสามารถในการแกโจทย ้ ์ปญหาั คณตศาสิตรและความสามารถในการท ์ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนชี นประถมศ ั้ กษาป ึ ีที่4 จากการใช้ วิธีการสอนแกโจทย ้ ์ปญหาของโพลยาร ัวมก่บการเรัยนรีแบบร ู้ วมม่ ือ เทคนิคการแบ่งกลุ่มตาม สัมฤทธผลทางการเริ ียน พบว่า ความสามารถในการแกโจทย ้ ์ปญหาคณัตศาสตริและความสามารถ์ ในการทางานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนชี นประถมศ ั้ กษึ าปีที่4 จากการใช้วิธีการสอนแกโจทย ้ ์ปญหาของั โพลยารวมก่ ับการรเรียนรแบบร ู้ วมม่ ือ เทคนิคการแบงกล่ ุ่มตามสมฤทธัผลทางการเริ ียน หลงเรั ียน สูงกวาก่ ่อนเรยยอยีางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติ .01 และความสามารถในการทางานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน ชั้นประถมศกษึ าปีที่4 จากการใช้วิธีการสอนแกโจทย ้ ์ปญหาของโพลยาร ัวมก่บการเรัยนรีแบบ ู้ ร่วมมือ เทคนิคการแบ่งกลุ่มตามสมฤทธั ิผลทางการเรียนอยในระด ู่ บสัูง

45 นางวนิดา อารมณ์เพียร (2552 : 103 ) ได้ศึกษาผลสมฤทธัทางการเริ์ยนวีชาคณิตศาสตริ ์ ความคงทนในการเรยนรี ู้เรอง ื่ การหารทศนิยม และพฤตกรรมการในการท ิางานกลํ ุ่มของนกเรั ียน ชั้นประถมศกษาป ึ ีที่6 พบว่า ผลสมฤทธัทางการเริ์ ียน เรอง ื่ การหารทศนิยม ของนกเรัยนชี ั้น ประถมศกษึ าปีที่6 หลงการจัดการเรัยนรี โดยใช ู้ เทคน้ ิค STAD และเทคนิค TGT สูงกวาเกณฑ่ ์ร้อย ละ 60 อยางม่ ีนัยสําคญทัระด ี่ ับ .05 ผลการศกษาพฤตึกรรมการทิางานกลํ ุ่มของนกเรั ียน จําแนกเป็น รายดาน้ คือ ด้านความรบผั ดชอบในการท ิางานกลํ ุ่ม ด้านการให้ ความชวยเหล่อเพือนกล ื่ ุ่ม และดานการแสดงความค้ดเหินขณะท็างานกลํ ุ่ม ในภาพรวมพบว่า นักเรยนมีพฤตีกรรมการทิางานกลํ ุ่มดีขึ้น จากการศกษางานวึ ิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ แสดงใหเห้นว็าการจ่ดการเรัยนรี โดย ู้ ให้นักเรยนที างานเป ํ ็นกลุ่ม โดยนกเรัยนรีวมม่อกื ัน สามารถพฒนาผัเรู้ ยนให ี ้มีผลสมฤทธัทางการิ์ เรยนสีงขูึ้น และชวยพ่ฒนาผัเรู้ ยนให ีเห้นค็ุณคาในตนเองและของกล ่ ุ่ม สร้างสมพันธภาพทั ี่ดีระหวาง่ บุคคลในการชวยเห่ลอซืงก ึ่ นและกั ัน โดยทุกคนมความรี ู้สึกวาตนเองจะประสบความส ่าเรํ จได ็ ้ก็ ต่อเมอสมาช ื่ กทิุกคนในกลุ่มประสบความสําเร็จในการทางานและเรํยนรี ู้ร่วมกัน ผู้วิจัยมีความสนใจที่ จะทาการศํกษาเกึยวก ี่ บการจัดกัจกรรมคณิตศาสตริ แบบปฏ ์ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรอง ื่ ทฤษฎบทป ี ีทาโกรัส ของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 ของโรงเรยนทวีธาภีเศกิและจะนําผลการ วิจัยมาเป็นแนวทางในการพฒนาการเรัยนการสอนกลี ุ่มสาระการเรยนรีคณู้ ตศาสตร ิ ให์ ้มีประสทธิ ิ ภาพสงสูดตุ่อไป

บทท ี่ 3 วิธีการศึ กษาดาเนํ ินการค ้ นคว้า ในการศกษาครึงน ั้ ี้ผู้วิจัยได้ดําเนินการตามขนตอนด ั้ งนั ี้ 1. การกาหนดกลํ ุ่มประชากรและกลุ่มตัวอย่างทใชี่ ้ในการศึกษาคนคว้ ้า 2. เน ื้ อหาทใชี่ ในการศ ้กษาคึนคว้ ้า 3. ระยะเวลาทใชี่ ในการศ ้กษาคึนคว้ ้า 4. การสรางเคร้องม ื่ อทื ใชี่ ในการศ ้กษาคึนคว้ ้า 5. วิธีดําเนินการทดลองและเกบรวบรวมข็อมู้ล 6. สถิติที่ใชในการว ้เคราะหิ ์ข้อมูล 1. การกาหนดกลํ ่มประชากรและกลุ่มตุวอยั ่างท ี่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ประชากรทใชี่ ในการศ ้กษาคึนคว้าคร้งน ั้ ี้เป็นนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที่2 ในภาคเรียน ที่ 2 ปีการศกษาึ 2554 โรงเรยนทวีธาภีเศกิ เขตบางกอกใหญ่จังหวดกรังเทพมหานครุสังกัด สํานกงานเขตพันท ื้ การศ ี่ กษามึธยมศักษาึเขต 1 จํานวน 12 ห้องเรียน จํานวนนักเรียน 616 คน กล่มตุวอยั ่างท ี่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า กลุ่มตัวอย่างทใชี่ ในการศ ้กษึาคนคว้าคร้งน ั้ ี้เป็นนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที่2 ในภาค เรยนที 2 ี่ ปีการศกษาึ 2554 โรงเรยนทวีธาภีเศกิ เขตบางกอกใหญ่จังหวดกรังเทพมหานครุสังกัด สํานกงานเขตพันท ื้ การศ ี่ กษามึธยมศักษาึเขต 1 โดยวิธีสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) โดยใช้ห้องเรยนเป ี ็นหน่วยในการสุ่ม ด้วยการจับฉลากมา 1 ห้องเรียน จํานวนนักเรียน 40 คน 2. เน ื้ อหาท ี่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า เน ื้ อหาทใชี่ ในการสร ้างก้จกรรมคณิตศาสตริ แบบปฏ ์ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง คือ เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส วิชาคณตศาสตริ ์พื้นฐาน ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 มีดังน ี้ 2.1 เรองสมบ ื่ ัติรูปสามเหลยมม ี่ มฉากุ 2.2 เรองทฤษฏ ื่ บทป ี ีทาโกรัส 2.3 เรองบทกล ื่ บทฤทฏั บทป ี ีทาโกรัส

47 3. ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้า ระยะเวลาที่ใชในการศ ้กษาคึนคว้าค้อภาคเรืยนที 2 ี่ ปีการศกษาึ 2554 โดยใชเวลาในการ ้ ดําเนินกจกรรมการเริยนการสอนตามเนี ื้ อหา 7 คาบ ใชเวลาว้ดการทั างานเป ํ ็นกลุ่มก่อนเรียน 25 นาทีทดสอบวดผลสัมฤทธัทางการเริ์ ียน 1 คาบ และวดการทั างานเป ํ ็นกลุ่มหลงเรั ียน 25 นาทีรวม ทั้งสิ้น 9 คาบเรียน คาบละ 50 นาทีดังน ี้ 3.1 แบบสอบถามพฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มก่อนเรียน 25 นาที 3.2 ดําเนินกจกรรมิ (ดําเนินการสอน) 3.2.1 สมบัติรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก จํานวน 1 คาบ 3.2.2 ทฤษฎบทป ี ีทาโกรัส จํานวน 1 คาบ 3.2.3 บทกลบทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส จํานวน 5 คาบ 3.3 ทดสอบหลงเรั ียน จํานวน 1 คาบ 3.4 แบบสอบถามพฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มหลงเรั ียน 25 นาที รวม จํานวน 9 คาบ 4. การสร้างเครองม ื่ ือท ี่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า เคร ื่ องมือท ี่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ประกอบด้วย 1 แผนการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บที ปีทาโกรัส ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 2 แบบทดสอบวดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์เรอง ื่ ทฤษฎบทป ี ีทาโกรัส ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 3 แบบสอบถามพฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน การสร้างและการตรวจสอบคณภาพเครุื่ องมือท ี่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ผู้วิจัยดําเนินการสรางเคร้องม ื่ อในการศ ืกษาคึนคว้าคร้งน ั้ ี้มีดังน ี้ 1 แผนการจัดการเรียนรแบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใช้สถานการณ์จําลอง เร ื่ องทฤษฎีบท ปีทาโกรัส ของนักเรียนชนม ั้ ธยมศั ึกษาปี ที่ 2 มีลําดบขันตอนการสร ั้ างด้งนั ี้ 1.1 ศึกษาเอกสารทเก ี่ ยวก ี่ บการสอนคณัตศาสตริ ์ 1.2 ศึกษาหลกสัตรแกนกลางการศูกษาขึนพ ั้ นฐาน ื้ พุทธศกราชั 2551 กลุ่มสาระการ เรยนรีคณู้ ตศาสตริ ์คู่มือการใชหล้กสัตรู คู่มือครรายวูิชาพื้นฐานคณตศาสิตร์เล่ม 2 หนงสัอเรื ียน รายวิชาพื้นฐานคณตศาสตริ ์ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 หนงสั อแบบฝ ื ึกทกษะคณัตศาสตริ ์ตามหลกสัตรู แกนกลางการศกษาขึนพ ั้ นฐาน ื้ พุทธศกราชั 2551 1.3 ศึกษาวิธีการสรางแผนการจ้ดการเรัยนรีรายคาบและงานว ู้ ิจัยที่เกยวข ี่ อง้

48 1.4 สร้างแผนการจดการเรัยนรี ู้7 แผน โดยแต่ละแผนการจัดการเรยนรี ู้จะใช้รูปแบบการ จัดการเรยนรี โดยใช ู้ สถานการณ้ ์จําลอง ซึ่งประกอบดวย้ 1.4.1 สาระ มาตรฐานและตวชั ี้วัด 1.4.2 สาระสาคํ ัญ 1.4.3 จุดประสงคการเร์ยนรี ู้ 1.4.4 สาระการเรยนรี ู้ 1.4.5 กิจกรรมการเรียนรู้ 1.4.6 สื่อการเรยนรี / ู้ แหล่งการเรยนรี ู้ 1.4.7 วัดผลและประเมนผลการเริยนรี ู้ 1.5 สร้างแผนการจดการเรัยนรี ู้วิชาคณตศาสตริ ์ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 โดยวเคราะหิ ์ จุดประสงคการเร์ยนรีและเน ู้ ื้ อหา เพอใช ื่ สอนในเวลา ้ 7 คาบ ดังต่อไปนี้ แผนการจดการเรัยนรี ู้ที่ 1 สมบัติสามเหลยมม ี่ มฉากุ แผนการจดการเรัยนรี ู้ที่ 2 ทฤษฏบทป ี ีทาโกรัส แผนการจดการเรัยนรี ู้ที่ 3 บทกลบทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส 1 แผนการจดการเรัยนรี ู้ที่ 4 บทกลบทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส 2 แผนการจดการเรัยนรี ู้ที่ 5 บทกลบทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส 3 แผนการจดการเรัยนรี ู้ที่ 6 บทกลบทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส 4 แผนการจดการเรัยนรี ู้ที่7 บทกลบทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส 5 1.6 นําแผนการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บที ปีทาโกรัส เสนอต่ออาจารย์ที่ปรกษาสารนึ ิพนธ์แลวน้ ําเสนอผเชู้ ยวชาญจ ี่ านวนํ 3 ท่าน เพื่อ ตรวจสอบเกยว ี่ กบความถัูกตองของเน้ ื้ อหา ความสอดคลองของก้จกรรมิความถูกตองของภาษา้ และความเหมาะสมของกจกรรมคณิตศาสตริ ์จากนนน ั้ ําขอเสนอแนะมาปร ้ บปร ังแกุ้ไข จากนั้น นําไปทดลองใช้กับนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 ที่ไม่ใชกล่ ุ่มตัวอย่างในการทดลอง จํานวน 15 คน เพอหาข ื่ อบกพร้องของก่จกรรมคณิตศาสตริ แบบปฏ ์ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ ี บทปีทาโกรัส 1.7 นําขอบกพร้องของแผนการจ่ดการเรัยนรีคณู้ ตศาสตริ แบบปฏ ์ ิบัติการ โดยใช้ สถานการณ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส มาปรบปร ังแกุไขก ้ ่อนนําไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างท ี่ ทดลอง

49 2 แบบทดสอบวดผลสัมฤทธั ์ิทางการเรียนคณิตศาสตร์มีลําดบขั นตอนในการสร ั้ าง้ ดังน ี้ 2.1 ศึกษาเน ื้ อหาและจุดประสงคการเร์ยนรี ู้วิชาคณตศาสตริ ์ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 ในวชาิ พื้นฐาน 2.2 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกยวข ี่ องก้บแนวทางการวั ดผลและการประเม ันผลการิ เรยนรีกลู้ ุ่มสาระการเรยนรีคณู้ ตศาสิตรของสถาบ์นสังเสร่มวิทยาศาสตริ และเทคโนโลย ์ ีเอกสารตํารา และงานวิจัยที่เกยวข ี่ อง้ 2.3 ศึกษาหลกการเกัยวก ี่ บการสรัางแบบทดสอบว้ดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์ และทาการสรํางแบบทดสอบแบบว้ดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริเร์องทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส เป็นแบบทดสอบเลอกตอบื 4 ตัวเลอกื จํานวน 40 ข้อ ใหครอบคลุ้มเน ื้ อหาและจุดประสงคตาม์ท ี่ กําหนด 2.4 นําแบบทดสอบวดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริเร์องทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส ที่ สร้างขนให ึ้ อาจารย้ ์ที่ปรกษาสารนึ ิพนธ์แลวน้ ําเสนอผเชู้ ยวชาญ ี่ 3 ท่าน พิจารณาความเหมาะสม ของภาษาและชแนะข ี้ อบกพร้อง่แลวน้ ําไปแกไขปร ้ บปร ั งใหุ ้ถูกตอง้ โดยกําหนดระดับคะแนนความ คิดเห็น ไว้ดังน ี้ + 1 เมอแน ื่ ่ใจวาข่อสอบม้ความสอดคลีองหร้อวื ดได ัตรงก้บจัุดประสงค์ 0 เมอไม ื่ แน่ ่ใจวาข่อสอบม้ความสอดคลีองหร้อวื ดได ัตรงก้บจัุดประสงค์ – 1 เมอแน ื่ ่ใจวาข่ อสอบไม ้ ่มีความสอดคลองหร้อวื ดได ัตรงก้บจัุดประสงค ์ 2.5 นําผลการตรวจสอบของผเชู้ ยวชาญ ี่ 3 ท่าน เพอหาความเท ื่ ยงตรง ี่ โดยพจารณาจากิ ค่าดชนั ีความสอดคลองระหว้างข่อสอบก้บลักษณะพฤตักรรมิ (IOC) ที่มีค่าตงแต ั้ ่ 0.50 ขึ้นไป (พวง รัตน์ทวีรัตน์. 2543 : 117) และนําขอเสนอแนะมาแก้ ้ไข ซึ่งพบวาม่ ีค่าดชนั ีความสอดคลองระหว้าง่ ข้อสอบกบลักษณะพฤตักรรมิ (IOC) ที่มีค่าตงแต ั้ ่ 0.67 – 1.00 2.6 นําแบบทดสอบวดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์นําไปทดลองใช้กับนกเรัยนชี ั้น มัธยมศกษาป ึ ีที่ 3 ที่เคยเรยนเรีองน ื่ ี้ มาแล้ว จํานวน 40 คนเพอหาค ืุ่ณภาพของแบบทดสอบ 2.7 นํากระดาษคําตอบที่ผู้เรยนตอบแลี วมาให ้คะแนน้ โดยขอท้ตอบถ ีู่กให 1 ้คะแนน ข้อทตอบผ ี่ ดหริอตอบเกื ิน 1 คําตอบ หรอไม ืตอบ่ ให 0 ้คะแนน เมอรวมคะแนนเร ื่ ยบรีอยแล้วน้ ําผล มาวเคราะหิหาค์าความยากง่าย่ (p) และคาอ่านาจจําแนกํ (r) โดยใช้สูตร (พิชิต ฤทธจํ ิ์ารูญ. 2545: 141) คัดเลอกขือสอบท้ ี่มีค่าอานาจจําแนกตํงแต ั้ ่ 0.20 ขึ้นไป และคาคว่ามยากงาย่ มีค่าอยระหว ู่ าง่ 0.20 – 0.80 คัดเลอกไว ื ้จํานวน 20 ข้อ ซึ่งผลการวเคราะหิพบว์ ่า ค่าความงาย่ (p) อยระหว ู่ าง่ 0.50 – 0.80 ค่าอานาจจําแนกํ (r) อยระหว ู่ าง่ 0.20 – 0.75 2.8 นําแบบทดสอบวดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์ที่คัดเลอกไว ื 20 ้ ข้อ ไป ทดสอบกบนักเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที่ 3 จํานวน 40 คน เพอหาค ื่ ่าความเชื่อมั ่น แบบคเดอรู – ์

50 ริชารดส์ ัน โดยใช้สูตร KR – 20 คูเดอร์ริชาร์ดสัน (Kuder Richardson) (ล้วน สายยศ และ อังคณา สายยศ, 2538: 168) ซึ่งผลการวเคราะหิพบว์ ่า ค่าความเชื่อมั ่น (rtt) มีค่า 0.89 2.9 นําแบบทดสอบวดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์ที่มีประสทธิ ภาพไปใช ิ ้กับ นักเรยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 โรงเรยนทวีธาภีเศกิ ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง 3 แบบสอบถามพฤติกรรมการทางานเป ํ ็ นกล่มุมีขั้นตอนดาเนํ ินการดงนั ี้ 3.1 ผู้วิจัยศึกษาทฤษฎีเอกสารและงานวิจัยที่เกยวข ี่ องก้บพฤตักรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม 3.2 กําหนดลกษณะพฤตักรรมการทิางานกลํ ุ่มของนกเรัยนเพีอว ื่ ดพฤตักรรมทิ ี่นักเรียน แสดงออกในการทางานเป ํ ็นกลุ่ม โดยกาหนดและปร ํ ับพฤติกรรมต่าง ๆใหสอดคล้องก้บจัุดมงหมาย ุ่ การคนคว้ ้า และนิยามศพทัเฉพาะ์ ที่เกยวก ี่ บการจัดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์ จําลอง ซึ่งกําหนดไว้ 3 ด้าน ดังต่อไปนี้ วนิดา อารมณ์เพียร (2552 : 212 - 214) และ วราภรณ์ พรายอนทริ (2551: ์ 254 - 256) 3.2.1 ความรบผั ดชอบในการท ิ างานเป ํ ็นกลุ่ม 3.2.2 การใหความช้วยเหล่อเพื อนในกล ื่ ุ่ม 3.2.3 การยอมรับความคิดเหนของสมาช็ กในกล ิ ุ่ม 3.3 สร้างแบบสอบถามพฤติกรรมการทางานเป ํ ็นกลุ่ม ใหครอบคลุ้มทั้ง 3 ด้าน โดยใช้ เกณฑคะแนนของล์เคอริ ์ท (Likert) และกาหนดอํนดับคัุณภาพเป็น 5 ระดับ ตามเกณฑการประเม ์ ิน พฤตกรรมของบิุญชม ศรสอาดี (2543 : 103) พรอมก้าหนดนํ ํ้ าหนกคะแนนในแต ั ่ละขอความต้ ่อไปนี้ ระดับ ข้อความ ดีมาก ดี ปานกลาง น้อย น้อยที่สุด มีค่านําหนัก 5 คะแนน มีค่านําหนัก 4 คะแนน มีค่านําหนัก 3 คะแนน มีค่านําหนัก 2 คะแนน มีค่านําหนัก 1 คะแนน 3.4 นําแบบสอบถามประเมนพฤติกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม เป็นแบบมาตราสวน่ ประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จํานวน 20 ข้อ ซึ่งมีข้อความเชงนิ ิมาน (positive) เพอเหมาะ ื่ สําหรบให ั ้ผู้ประเมิน 2 ฝาย่ ซึ่งไดแก้ ่ ผู้เรยนประเม ีนตนเองิและครูผู้สอนประเมิน (ผู้วิจัย) ทําการ ประเมิน และนําไปเสนอประธานผควบค ู้ มสารนุิพนธ์เมอพ ื่ จารณาและปร ิ บปร ั งใหุเหมาะสมแล้ ้ว แลวจ้งนึ ําไปเสนอผเชู้ ยวชาญ ี่ 3 ท่าน ตรวจพจารณาความตรงและสอดคลิองก้บจัุดมงหมาย ุ่ เน ื้ อหา จุดมงหมายการค ุ่ นคว้าและน้ ิยามศพทัเฉพาะ์ของพฤตกรรมทิ ี่ต้องการวดในแต ั ่ละดาน้ จํานวน 20 ข้อ

51 โดยให้ผู้เชยวชาญประเม ี่ นความสอดคลิองระหว้างแบบสอบถามก่ ับพฤติกรรมที่ต้องการ วัดวาแต่ ่ละขอว้ดพฤตักรรมทิ ี่ต้องการวัด และครอบคลุมหรอไม ื ่ โดยมเกณฑี ให์คะแนนด้งนั ี้ + 1 หมายถึง เมอแน ื่ ่ใจว่าแบบสอบถามข้อนนตรงก ั้ บพฤตักรรมทิ ี่ต้องการวัด 0 หมายถึง เมอไม ื่ แน่ ่ใจวาแบบสอบถา่มขอน้นตรงก ั้ บพฤตักรรมทิ ี่ต้องการวัด - 1 หมายถึง เมอแน ื่ ่ใจว่าแบบสอบถามข้อนนไม ั้ ตรงก่บพฤตักรรมทิ ี่ต้องการวัด จากนนว ั้ เคราะหิ ์ข้อมลหาคูาด่ชนั ีความสอดคลองระหว้างข่ อความในแบบประเม ้นกิ ับ พฤตกรรมทิ ี่ต้องการวดโดยใช ั ้สูตร IOC (พวงรตนั ์ทวีรัตน์. 2535:124) โดยพจารณาคิดเลัอกขือท้ ี่มี ค่า IOC ตั้งแต่ 0.50 – 1.00 จึงเลอกแบบสอบถามพฤตืกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม จํานวน 16 ข้อ ซึ่ง ผลการวเคราะหิ ์พบว่า ค่าIOC มีค่าระหวาง่ 0.67 – 1.00 5. การดาเนํ ินการทดลองและเกบรวบรวมข ็ ้อมูล การศกษาคึนคว้ ้าในครั้งน ี้เป็นการวิจัยเชงทดลองเพิอศ ื่ กษาผลสึมฤทธัทางการเริ์ยนของการี จัดการเรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฏ ื่ บทป ี ีทาโกรัส มีการทดลองและ การทดสอบหลงเรั ียน โดยผู้วิจัยใชแบบแผนการทดลอง้ One – Group Pretest – Postest Design (ล้วน สายยศ และองคณาัสายยศ. 2538: 249) ดังตาราง 1 ตาราง 1 แบบแผนการทดลอง กลุ่ม สอบก่อน ทดลอง สอบหลัง E T1 X T2 สัญลกษณั ์ที่ใชในแบบแผนการทดลอง ้ E หมายถึง กลุ่มทดลอง T1 หมายถึง การทดสอบก่อนการทดลอง T2 หมายถึง การทดสอบหลงการทดลองั X หมายถึง การจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง ผู้วิจัยได้ดําเนินการศึกษาค้นคว้าเพ ื่ อเกบรวบรวมข ็ ้อมลตามลูาดํ ับ ดังน ี้ 1. ขอความอนุเคราะหจากผ์บรู้ หารโรงเร ิยนทวีธาภีเศกิ สํานกงานเขตพันท ื้ การศ ี่ กษาึ มัธยมศกษาึเขต 1 ให้นักเรยนมีธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 จํานวน 40 คน เป็นกลุ่มตัวอย่างในการศกษาึ ค้นควาคร้งน ั้ ี้ และผู้วิจัยได้ดําเนินการดวย้ตนเองดวยการจ้ดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใช้ สถานการณ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส 2. ชี้แจงให้นักเรยนที เปี่ ็นกลุ่มตัวอย่างทราบถงการเรึ ยนการสอนในการเร ียนรีแบบ ู้

52 ปฏิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส เพอน ื่ กเรั ยนจะได ี ปฏ้ ิบัติตนไดอย้าง่ ถูกตอง้ 3. นักเรยนกลี ุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น แลวบ้นทักคะแนนของกลึ ุ่มตัวอย่างที่ได้จากแบบสอบถามประเมนพฤติกรรมิ การทางานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนครีงน ั้ ี้เป็นคะแนนประเมนกิ ่อนเรียน (Pre - test) 4. ดําเนินการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บที ปีทาโกรัส ตามแผนการจดการเรัยนรี ู้จํานวน 7 แผน แผนละ 1 คาบ 5. เมอด ื่ าเนํ ินจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บที ปีทาโกรสครบแลั ้ว ทําการทดสอบหลงเัรยนดีวยแบบทดสอบว้ดผลสัมฤทธั ทางการเรี ิ์ยนที่ผู้วิจัย สร้างขึ้น ใชเวลา้ 50 นาทีแลวบ้นทั กผลการสอบเป ึ ็นคะแนนผลสมฤทธัทางการเริ์ยนี และให้ นักเรยนทีาแํ บบสอบถามประเมนพฤติกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน ใชเวลา้ 25 นาทีแล้ว บันทกผลการทึาแบบวํดพฤตักรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ยนเป ี ็นคะแนนประเมนพฤติกรรมิ การทางานเป ํ ็นกลุ่มหลงเรัยนี (Post - test) 6. ตรวจใหคะแนนแบบทดสอบว้ดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนี นําคะแนนที่ได้ไปวเคราะหิ ์ โดยวิธีการทางสถิติเพอตรวจสอบสมมต ื่ ิฐานต่อไป 7. ตรวจใหคะแนนแบบสอบถามประเม ้นพฤติกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม นําคะแนนทไดี่ ้ ไปวเคราะหิ โดยว ์ ิธีการทางสถิติเพอตรวจสอบสมมต ื่ ฐานติ ่อไป 6. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยนําผลการวิจัยมาวเคราะหิ ์ด้วยวิธีการทางสถิติดังน ี้ 6.1 สถิติพื้นฐาน 1) หาคาเฉล่ ี่ยเลขคณิต (Mean) ของคะแนน โดยคานวณจากสํตรู (ล้วน สายยศ ; และ อังคณา สายยศ. 2538: 73) X X N เมื่อ X แทน คะแนนเฉลี่ย X แทน ผลรวมของคะแนนทงหมด ั้ N แทน จํานวนนักเรยนในกล ี ุ่ม

53 2) หาคาความเบ่ยงเบนมาตรฐาน ี่ โดยคานวณจากสํตรู (ล้วน สายยศ; และองคณาั สายยศ. 2538 : 69) S.D. = 2 2 N x x NN 1 เมื่อ S.D. แทน ความเบยงเบนมาตรฐาน ี่ ∑x แทน ผลรวมของคะแนนทงหมด ั้ x 2 แทน ผลรวมของคะแนนแต่ละตัว ยกกาลํงสองั N แทน จํานวนนักเรยนในกล ี ุ่ม 6.2 สถิติที่ใช้ในการตรวจสอบคณภาพเครุื่ องท ี่ใช้ในการทดลอง 1) หาดชนั ีความสอดคลองระหว้างข่อสอบก้บจัุดประสงคการเร์ยนรี ู้ โดยใช้สูตร (พวงรตนั ์ทวีรัตน์. 2543 : 117) R IOC N เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคลองระหว้างข่อสอบก้บจัุดประสงค์ การเรยนรี ู้ ∑R แทน ผลรวมของคะแนนความคดเหินของผ็เชู้ ยวชาญท ี่ งหมด ั้ N แทน จํานวนผู้เชยวชาญ ี่ 2) การคานวณหาคําความยากง่าย่ (p) และคาอ่านาจจําแนกํ (r) ของแบบทดสอบ ผลสมฤทธั ทางการเรี ิ์ยนคณตศาสตริ ์โดยคานวณจากสํตรดูงนั ี้ หาคาความยากง่าย่ ( p ) และคาอ่านาจจําแนกํ (r) (พิชิต ฤทธจํ ิ์ารูญ. 2545: 141) โดยใช้สูตร R p n เมื่อ p แทน ความยากงาย่ R แทน จํานวนของผตอบถ ู้ ูกในแต่ละข้อ n แทน จํานวนนักเรยนทีงหมด ั้

54 u l R R r f เมื่อ r แทน ค่าอานาจจํ าแนกเป ํ ็นรายข้อ u R แทน จํานวนคนกลุ่มสงทูตอบถ ี่ ูก l R แทน จํานวนคนในกลุ่มต ํ่ าทตอบถ ี่ ูก f แทน จํานวนคนในกลุ่มสูง หรอกลื ุ่มต ํ่ าซงเท ึ่ าก่ ัน 3) หาคาความเช่อม ื่ นของแบบทดสอบว ั ่ ดผลสัมฤทธัทางการเริ์ ียน โดยคานวณจากํ สูตร KR – 20 คูเดอร์ริชาร์ดสัน (Kuder Richardson) (ล้วน สายยศ ; และองคณาัสายยศ. 2538: 168) rtt = 2 t n pq 1 n 1 S เมื่อ rtt แทน ค่าความเชื่อมนของแบบทดสอบ ั ่ n แทน จํานวนข้อสอบของแบบทดสอบ p แทน สัดสวนของคนท่าถํูกในแต่ละข้อ = จํานวนคนทตอบถ ี่ ูก q แทน สัดสวนของคนท่ ี่ทําผดในแต ิ ่ละข้อ = 1 - p 2 t s แทน คะแนนความแปรปรวนของแบบทดสอบทงฉบ ั้ ับ 6.3 สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน 1) สถิติที่ใชในการทดสอบสมม ่ ุติฐานที่ว่าผลสมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์ด้วย การจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฏ ื่ บทป ี ีทาโกรัส หลงเรัยนสีูง กวาเกณฑ่ ์ร้อยละ 65 โดยใช้สถิติ t- test one group โดยใช้สูตร (ชูศรีวงศ์รัตนะ. 2550 : 134) สูตร 0 x t s n df n 1 t แทน ค่าสถิติที่ใช้พิจารณาใน (t-distribution) x แทน ค่าเฉลยของคะแนนท ี่ ี่นักเรยนที าได ํ ้ 0 แทน ค่าเฉลยเกณฑ ี่ ์ที่ตั้งไว (้ร้อยละ 65) s แทน ความเบยงเบนมาตรฐานของคะแนนสอบ ี่ n แทน จํานวนนักเรยนทีเข ี่ าสอบ้ จํานวนคนทั้งหมด

55 หมายเหตุ 0 คือคาเกณฑ่ ์ที่กําหนดสาหรํบสมมั ุติฐานคะแนนผลสมฤทธั ิ์ ทางการเรียน 0 ร้อยละ 65 เทยบกีบเกณฑั ์ที่กําหนดสาหรํบผลสัมฤทธัทางการเริ์ ียน 2) เปรยบเทียบแบบสอบถามพฤตีกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม ก่อนและหลงได ั ้รับการ จัดการเรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส คํานวณจากสตรู t – test for dependent samples (ชูศรีวงศอารยะ์ , 2550 : 179) เพอเปร ื่ ยบความแตกตี ่างของ คะแนน พฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนกี ่อนเรยนและหลีงเรั ียน สูตร 2 2 1 D t nD D n df n 1 เมื่อ t แทน ค่าเฉลยในการแจกแจงแบบท ี่ ี D แทน ความแตกต่างระหวางคะแนนแต่ ่ละคู่ n แทน จํานวนคู่

บทท ี่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล สัญลกษณั ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวเคราะหิ ์ข้อมูลและการแปลความหมาย ผลการวเคราะหิ ์ข้อมลเพูอให ื่ เก้ดความิ เขาใจตรงก ้ ัน ผู้วิจัยได้กําหนดสญลักษณั ์ต่าง ๆ ในการวเคราะหิ ์ข้อมลดูงนั ี้ N แทน จํานวนผู้เรยนในกล ี ุ่มตัวอย่าง X แทน ค่าเฉลยคะแนนของน ี่ กเรั ียน S แทน ส่วนเบยงเบนมาตรฐานของคะแนน ี่ 0 แทน เกณฑ์ค่าเฉลี่ยที่ตั้งไว (้ร้อยละ 65 ) k แทน คะแนนเต็ม t แทน ค่าสถิติที่ใชในการพ ้จารณาิ t – distribution การวิเคราะห์ข้อมูล การวเคราะหิ ์ข้อมลและการแปลความหมายขูอม้ ลในการศูกษาครึงน ั้ ี้ผู้วิจัยได้เสนอตาม ลําดับ ดังน ี้ 1. วิเคราะหเปร ์ยบเทียบผลสีมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริของน์กเรัยนหลี งได ั ้รับการ จัดการเรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส กับเกณฑ ์ ร้อยละ 65โดยใช้วิธีการทางสถิติ t-test one group 2. วิเคราะหเปร ์ยบเทียบพฤตีกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน ก่อนและหลัง ได้รับ การจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส โดยใช้วิธีการ ทางสถิติ t-test for dependent sample ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การเสนอผลการวเคราะหิ ์ข้อมูล และแปลผลการวเคราะหิ ์ข้อมลในการทดลองครูงน ั้ ี้ ผู้วิจัย เสนอตามลาดํบสมมตั ิฐานดังน ี้ 1. ผลการวเคราะหิ เปร ์ยบเทียบผลสีมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริหล์ งได ั ้รับการจดการั เรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฏ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงกวาเกณฑ่ ์ร้อยละ 65 2. ผลการวเคราะหิ เปร ์ยบเทียบพฤตีกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนหลี งจากได ั ้รับ การจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงขนก ึ้ ่อน ได้รับการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง

57 1. ผลการเปรยบเทียบผลสีมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์หลงได ั ้รับการจดการเรัยนรี ู้ แบบปฏิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงกวาเกณฑ่ ์ร้อยละ 65 โดยใช -้ test one group ปรากฏผลในตาราง2 ตาราง 2 ผลการเปรยบเทียบผลสีมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริของกล์ ุ่มตัวอย่างหลัง การทดลองกบเกณฑั (์ ร้อยละ 65) การทดสอบ N k X S 0 (65%) t หลงเรั ียน 40 20 15.63 1.72 13.00 9.70** ** มีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .01 จากตาราง 2 พบว่า นักเรยนที ี่ได้รับการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์ จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส มีผลสมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์สูงกวาเกณฑ่ ์ร้อยละ 65 อยางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .01 โดยมผลสีมฤทธัทางการเริ์ยนเฉลี ี่ยคิดเป็นรอยละ้ 78.15

58 2. ผลการเปรยบเทียบพฤตีกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน หลงได ั ้รับการจดการั เรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงกวาก่ อนได ่ ้รับการ จัดการเรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง โดยใช t-test for dependent sample ้ ปรากฏผลในตาราง 3 ตาราง 3 ผลการเปรยบเทียบพฤตีกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนกี ่อนและหลงการทดลองั การทดสอบ N X S ∑D ∑D2 t ก่อนเรียน 40 44.80 7.02 5.45 684 14554 12.78** หลงเรั ียน 40 61.90 ** มีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .01 จากตาราง 3 พบวาพฤต่กรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน หลงได ั ้รับการจดการั เรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงขนกว ึ้ าก่ ่อนได้รับการ จัดการเรยนรี แบบปฏ ู้ ิติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง อยางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .01

บทท ี่ 5 สรุป อภิปรายผล และข ้ อเสนอแนะ การศกษาคึนคว้าคร้งน ั้ ี้เป็นการวิจัยเชงทดลองมิ ีจุดมุ่งหมายเพอศ ื่ กษาผลสึมฤทธัทางการิ์ เรยนและพฤตีกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 ที่เรยนรี ู้ด้วยการจัดกา เรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส ซึ่งสรปสาระสุาคํญและผลั กรการทดลองดงนั ี้ สังเขป ความม่งหมายุสมมติฐานและวิธีการศึกษาค้นคว้า ความม่งหมายุ ในการวิจัยครงน ั้ ี้ผู้วิจัยตั้งความมงหมายไว ุ่ ้ดังน ี้ 1. เพอเปร ื่ ยบเทียบผลสีมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์หลงได ั ้รับการจดการเรัยนรีแบบ ู้ ปฏิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส กับเกณฑ์ร้อยละ 65 2. เพอเปร ื่ ยบเทียบพฤตีกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม ก่อนและหลงได ั ้รับการจดการเรัยนรี ู้ แบบปฏิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สมมติฐาน 1. ผลสมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริของน์กเรั ียน หลงได ั ้รับการจดการเรัยนรี ู้ แบบปฏิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงกวาเกณฑ่ ์ร้อยละ 65 2. พฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน หลงได ั ้รับการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงกวาก่ ่อนได้รับการจดการเรัยนรีแบบ ู้ ปฏิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง วิธีดําเนินการศึกษาค้นคว้า ประชากรและกล่มตุวอยั ่าง ประชากร ประชากรทใชี่ ในการศ ้กษาคึนคว้าคร้งน ั้ ี้เป็นนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 ในภาคเรยนที ี่ 2 ปีการศกษาึ 2554 โรงเรยนทวีธาภีเศกิ เขตบางกอกใหญ่จังหวดกรังเทพมหานครุสังกัด สํานกงานเขตพันท ื้ การศ ี่ กษามึธยมศักษาึเขต 1 จํานวน 12 ห้องเรียน จํานวนนักเรียน 616 คน

60 กล่มตุวอยั ่าง กลุ่มตัวอย่างทใชี่ ในการศ ้กษาคึนคว้าคร้งน ั้ ี้เป็นนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 ปีการศกษาึ 2554 โรงเรยนทวีธาภีเศกิ เขตบางกอกใหญ่จังหวดกรังเทพมหานครุสังกดสัานํกงานเขตพันท ื้ ี่ การศกษามึธยมศักษาึเขต 1 โดยวิธีการสมแบบกล ุ่ ุ่ม (Cluster random sampling) โดยใช้ห้องเรียน เป็นหน่วยในการสุ่ม ด้วยการจับฉลากมา 1 ห้องเรียน จํานวนนักเรยนี 40 คน เน ื้ อหาท ี่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า เน ื้ อหาทใชี่ ในการสร ้างก้จกรรมคณิตศาสตริ แบบปฏ ์ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง คือ เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส วิชาคณตศาิสตร์พื้นฐาน ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 มีดังน ี้ 1. เรองสมบ ื่ ัติรูปสามเหลยมม ี่ มฉากุ 2. เรองทฤษฏ ื่ บทป ี ีทาโกรัส 3. เรองบทกล ื่ บทฤษฎั บทป ี ีทาโกรัส ระยะเวลาท ี่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ระยะเวลาที่ใชในการศ ้กษาคึนคว้าค้อภาคเรืยนที 2 ี่ ปีการศกษาึ 2554 โดยใชเวลา้ ในการดาเนํ ิน กิจกรรมการเรยนการสอนตามเนี ื้ อหา 7 คาบ ใชเวลาในว ้ดพฤตักรรมการทิ างานเป ํ ็น กลุ่มก่อนเรียน 25 นาท ีทดสอบผลสมฤทธัทางการเริ์ ียน 1 คาบ และวดพฤตักรรมการทิ างานเป ํ ็น กลุ่มหลงเรั ียน 25 นาทีรวมทงส ั้ ิ้น 9 คาบเรียน คาบละ 50 นาทีดังน ี้ 1. แบบสอบถามพฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มก่อนเรียน 25 นาที 2. ดําเนินกกรรมิ (ดําเนินการสอน) 2.1 สมบัติรูปสามเหลยมม ี่ มฉากุ จํานวน 1 คาบ 2.2 ทฤษฎบทป ี ีทาโกรัส จํานวน 1 คาบ 2.3 บทกลบทฤษฎั บทป ี ีทาโกรัส จํานวน 5 คาบ 3. ทดสอบหลงเรั ียน จํานวน 1 คาบ 4. แบบสอบถามพฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มหลงเรัยนี 25 นาที รวม 9 คาบ เครองม ื่ ือท ี่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า เครองม ื่ อทื ใชี่ ในการศ ้กษาคึนคว้ ้า ประกอบดวย้ 1. แผนการจดการเรัยนรีกลู้ ุ่มสาระการเรยนรีคณู้ ตศาสตริ ์การจดกัจกรรมคณิตศาสตริ ์ แบบปฏิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส จํานวน 7 แผน ใชเวลาในการจ ้ ัด กิจกรรมการเรยนรี 7 ู้ คาบ

61 2. แบบทดสอบวัดผลสมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส เป็น แบบทดสอบเลอกตอบื 4 ตัวเลอกื จํานวน 20 ข้อ มีค่าความยากงาย่ (p) ระหวาง่ 0.50 – 0.80 ค่า อํานาจจาแนกํ (r) อยระหว ู่ าง่ 0.20 – 0.75 และคาความเช่อม ื่ ั ่น 0.89 3. แบบสอบถามประเมนพฤติกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม เป็นแบบมาตราสวนปร ่ะมาณค่า 5 ระดับ จํานวน 16 ข้อ ผ่านการประเมนคิาด่ชนั ีความสอดคลองจากผ้เชู้ ยวชาญในการตรวจสอบ ี่ เครองม ื่ ือ มีค่าตามเกณฑ์ที่กําหนด วิธีดําเนินการศึกษาค้นคว้า 1. ขอความอนุเคราะหจากผ์บรู้ หารโรงเร ิยนทวีธาภีเศกิ สํานกงานเขตพันท ื้ การศ ี่ กษาึ มัธยมศกษาึเขต 1 ให้นักเรยนมีธยมศั กษาป ึ ีที่ 2 จํานวน 40 คน เป็นกลุ่มตัวอย่างในการศกษาึ ค้นควาคร้งน ั้ ี้ และผู้วิจัยได้ดําเนินการดวย้ตนเองดวยการจ้ดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใช้ สถานการณ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส 2. ชี้แจงให้นักเรยนที เปี่ ็นกลุ่มตัวอย่างทราบถงการเรึ ยนการสอนในการเร ียนรีแบบ ู้ ปฏิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส เพอน ื่ กเรั ยนจะได ี ปฏ้ ิบัติตนไดอย้าง่ ถูกตอง้ 3. นักเรยนกลี ุ่มตัวอย่างตอบแบบสอบถามประเมนพฤติกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น แลวบ้นทักคะแนนของกลึ ุ่มตัวอย่างที่ได้จากแบบสอบถามประเมนพฤติกรรมิ การทางานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนครีงน ั้ ี้เป็นคะแนนประเมนกิ ่อนเรียน (Pre - test) 4. ดําเนินการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บที ปีทาโกรัส ตามแผนการจดการเรัยนรี ู้จํานวน 7 แผน แผนละ 1 คาบ 5. เมอด ื่ าเนํ ินจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บที ปีทาโกรสครบแลั ้ว ทําการทดสอบหลงเัรยนดีวยแบบทดสอบว้ดผลสัมฤทธัทางิ์ การเรียนที่ผู้วิจัย สร้างขึ้น ใชเวลา้ 50 นาทีแลวบ้นทั กผลการสอบเป ึ ็นคะแนนผลสมฤทธัทางการเริ์ยนี และให้ นักเรยนที าแบบสอบถามประเม ํนพฤติกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน ใชเวลา้ 25 นาทีแล้ว บันทกผลการทึาแบบวํดพฤตักรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ยนเป ี ็นคะแนนประเมนพฤติกรรมิ การทางานเป ํ ็นกลุ่มหลงเรัยนี (Post - test) 6. ตรวจใหคะแนนแบบทดสอบว้ดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนี นําคะแนนที่ได้ไปวเคราะหิ ์ โดยวิธีการทางสถิติเพอตรวจสอบสมมต ื่ ิฐานต่อไป 7. ตรวจใหคะแนนแบบสอบถามประเม ้นพฤติกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน นํา คะแนนที่ได้ไปวเคราะหิ โดยว ์ ิธีการทางสถิติเพอตรวจสอบสมมต ื่ ฐาินต่อไป

62 การวิเคราะห์ข้อมูล ในการวเคราะหิ ์ข้อมูล ผู้วิจัยดําเนินการดงนั ี้ 1. ใช้ค่าสถิติ t-test One Group เปรยบเทียบผลสีมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริของ์ นักเรยนที ี่ได้รับการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส กับเกณฑ์ร้อยละ 65 2. ใช้ค่าสถิติ t-test for dependent samples เปรยบเทียบพฤตีกรรมการทิ างานเป ํ ็น กลุ่มก่อนและหลงได ั ้รับการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บที ปีทาโกรัส สรุปผลการศึกษาค้นคว้า 1. ผลสมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริของน์กเรั ียน หลงได ั ้รับการจดการเรัยนรีแบบ ู้ ปฏิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงกวาเกณฑ่ ์ร้อยละ 65 อยางม่ ี นัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .01 โดยมผลสีมฤทธัทางการเริ์ยนเฉลี ี่ยร้อยละ 78.15 2. พฤตกรรมในการท ิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน หลงได ั ้รับการจดการเรัยนรีแบบ ู้ ปฏิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงกวาก่ ่อนได้รับการจดการเรัยนรี ู้ แบบปฏิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง อยางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติที่ระดับ .01 อภิปรายผล จากการศกษาผลการจึดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรอง ื่ ทฤษฎบทป ี ีทาโกรัส ของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั ึกษาปีที่ 2 โรงเรยนทวีธาภีเศกิ สังกดสัานํกงานั เขตพนท ื้ การศ ี่ กษามึธยมศักษาึเขต 1 มีประเดนท็ ี่นํามาอภปรายด ิงนั ี้ 1. ผลสมฤทธัทาิ์ งการเรียนคณตศาสตริ ์หลงได ั ้รับการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดย ใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงกวาเกณฑ่ ์ร้อยละ 65 อยางม่ ีนัยสําคญทางสถั ิติ ที่ระดับ .01 สอดคลองก้บสมมตั ิฐานข้อท 1 ี่ ทั้งน ี้ อาจเน ื่ องมาจากสาเหตุดังน ี้ 1.1 การจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เป็นการจดการเรัยนรี ู้ที่ ผู้เรยนได ีลงม้ อปฏ ื ิบัติกิจกรรมดวยตนเอง้ กิจกรรมการเรยนการสอนคลีายคล้งกึ บสภาพความเป ั ็น จริง โดยนําเอาสถานการณ์หรอเหตืุการณ์โดยนกเรัยนแตี ่ละกลุ่มจะรวมก่นวัเคราะหิ ์วางแผน เลอกื วิธีการแก้ปญหาัเพอหาทางแก ื่ ้ปญหาัและหาคาตอบของป ํญหาั มีการอภปรายแสดงความค ิดเหิ ็น ในกลุ่มยอย่ ปฏิบัติกิจกรรมของกลุ่มจนสาเรํจตามเวลาท็ ี่กําหนด นักเรยนนี ําเสนอผลงานของกลุ่ม หน้าชั้นเรียน นักเรยนที ี่มีปญหาในการเร ั ยนจะได ี ้รับการชวยเหล่อกืนจากสมาชักของกลิ ุ่ม ซึ่งทาให ํ ้ ผู้เรยนสามารถเรียนรีจากเพ ู้ อนในกล ื่ ุ่มในด้านภาษา การสอสาร ื่ (โจนส (Jones : 1983 : 1-2) ์และ ทิศนา แขมมณ (2550 : 373) ) ี ซึ่งทาให ํผลส้มฤทธั ทางการเรี ิ์ยนคณตศาสตริ ์สูง

63 1.2 แผนการจดการเรัยนรี ู้ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น ได้กําหนดการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส ครบถวนตามองค้ ประกอบส ์าคํ ัญ ประกอบดวย้ มาตรฐานและตวชั ี้วัด สาระสาคํ ัญ จุดประสงคการเร์ยนรี ู้สาระการเรยนรี ู้กิจกรรมการเรยนรี ู้สื่อ การเรยนรี /ู้แหล่งการเรยนรี ู้การวดผลแั ละประเมนผลการเริยนรี ู้ ดําเนินการไปตามลาดํบขันตอน ั้ ในแบบปฏิบัติการ คือ ประกอบดวย้ 4 ขั้นตอน 1) ขั้นนํา ครแนะนูําผเรู้ ยนถีงขึนตอนว ั้ ิธีการเรียน แบบปฏิบัติการ 2) ขั้นปฏิบัติการ ในลกษณะการทัางานเหํนกล็ ุ่มกลุ่มละ 4 – 5 คน ผู้เรยนจะศีกษาึ แผนการจดการเรัยนรีตาม ู้ ลาดํบขันตอนท ั้ คร ี่ วางไวู ้ นักเรยนลงมี อปฏ ื ิบัติกิจกรรมสถานการณ์ จําลอง 7 กิจกรรม แบบปฏิบัติการเพอค ื่ นหาหล้กการและกฎเกณฑั ์ด้วยตนเอง 3) ขั้นสรุป ผู้เรียน เสนอผลการปฏิบัติของกลุ่มยอยโดยการอภ ่ ปราย ิ ผู้เรยนรีวมก่นสรั ปผลการปฏ ุิบัติ 4) การ ประเมนผลิ โดยประเมนจากผลงานและกระบวนการในการปฏ ิ ิบัติ ผลการทาใบก ํ จกรรมและแบบฝ ิ ึก ซึ่งสอดคลองก้บทัศนาิแขมมณ (2550 : 373) ี ได้กล่าวถงวึ ิธีสอนโดยใชสถานการณ้ ์จําลองไว้ว่าเป็น วิธีสอนชวยให ่ ้ผู้เรยนได ีเร้ยนรีเรู้ องท ื่ ี่มีความสมพันธั ์ซับซอนได ้อย้างเข่ าใจ ้เกดความเขิ าใจ ้ เน ื่องจากได้มีประสบการณ์ที่เหนประจ ็กษั ์ชัดด้วยตนเอง เป็นวิธีสอนที่ผู้เรยนมี ีส่วนรวมในการ ่เรยนรี ู้ สูงมาก ผู้เรยนได ีเร้ยนอยีางสนุ่กสนาน การเรยนรี ู้มีความหมายต่อตวผัเรู้ ียน เป็นวิธีสอนที่ผู้เรยนมี ี โอกาสได้ฝึกทกษะกระบวนการตั ่าง ๆ จํานวนมาก เช่น กระบวนการปฏิสัมพนธั ์กับผู้อื่น กระบวนการสอสาร ื่ กระบวนการตดสั นใจ ิการบวนการแก้ปญหาัและกระบวนการคิด และสุวิทย์ มูลคํา และ อรทัย มูลคํา (2550 : 81) นักเรยนได ี ้รับประโยชน์จากการเรยนรีแบบสถานการณ ู้ ์จําลอง ไว้เป็นการให้โอกาสผเรู้ ยนได ี ้ฝึกทกษะกระบวนการตั ่าง ๆ เช่น ทักษะกระบวนการแก้ปญหาั กระบวนการสอสาร ื่ การบวนการคิด ผู้เรยนมี ีส่วนรวม่ ในการเรยนรี ู้สูงมาก เกดความสนิุกสนานใน การเรยนรี ู้เป็นการเรยนรี ู้ที่มีความหมาย สามารถจดประสบการณ ั ์ที่เพมประส ิ่ ทธิภาพความจิ าได ํ ้ดี สามารถถ่ายทอดสงต ิ่ ่าง ๆ ที่เกยวก ี่ บสภาพความเป ั ็นจรงในช ิ ีวิตไดอย้างม่ ประส ีทธิภาพิ สามารถ จัดทดลองจรงตามสมมติฐาิน การทดสอบและการประยกตุใช์ ้ช่วยให้ผู้เรยนประสบผลส ี ําเร็จใน วิธีการเรยนรีแบบแก ู้ ้ปญหาัควบคุมเวลาในการจดการเรัยนรี ู้ได้ดีและสามารถประเมนผลได ิอย้าง่ ถูกตอง้ ซึ่งมีส่วนสงผลให ่ผลส้มฤทธั ทางการเรี ิ์ยนสงขูึ้น 1.3 กิจกรรมคณตศาสิตรแบบปฏ ์ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง มีขั้นตอนดงนั ี้ ดําเนินการไปตามลาดํบขันตอน ั้ ในแบบปฏิบัติการ คือ ประกอบดวย้ 4 ขั้นตอนประกอบดวย้ 1) ขั้นนํา ครแนะนูําผเรู้ ยนถีงขึนตอนว ั้ ิธีการเรยนแบบปฏ ี ิบัติการ 2) ขั้นปฏิบัติการ ในลกษณะการั ทํางานเหนกล็ ุ่มกลุ่มละ 4 – 5 คน ผู้เรยนศีกษาแผนการจึดการเรัยนรีตามล ู้ าดํบขันตอนท ั้ คร ี่ ูวางไว้ ผู้เรยนปฏ ี ิบัติกิจกรรมตามกจกรรมิสถานการณ์จําลอง 7 กิจกรรม แบบปฏิบัติการเพอค ื่ นหา้ หลกการและกฎเกณฑั ์ด้วยตนเอง 3) ขั้นสรุป ประกอบดวย้ ผู้เรยนเสนอผลการปฏ ี ิบัติของกลุ่มยอย่ โดยการอภปราย ิ ผู้เรยนสรี ปการปฏ ุิบัติจนได้ข้อสรุป 4) การประเมินผล โดยประเมนจากิผลและ กระบวนการในการปฏิบัติ ผลการทาใบก ํ จกรรมและแบบฝ ิ ึก ซึ่งมีส่วนสงผลให ่ผลส้มฤทธัทางการิ์ เรยนสีงขูึ้น

64 2. พฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน หลงได ั ้รับการจดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส สูงขนก ึ้ ่อนได้รับการจดการเรัยนรีแบบ ู้ ปฏิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เน ื่ องจากการดาเนํ ินกจกรรมปฏ ิ ิบัติการมงเนุ่ ้นการทางานเป ํ ็น กลุ่มของนกเรัยนจี งเปึ ็นการตอบสนองความสนใจของนกเรั ียน นักเรยนจีงเกึดความสนิุกสนานกับ การเรยนรี ู้กิจกรรมปฏิบัติการเปิดโอกาสให้นักเรยนได ีอภ้ ปรายแสดงความค ิดเหิ ็น ช่วยกัน ร่วมกัน คิดวเคราะหิ ์วางแผน เลอกืวิธีการแก้ปญหาั เพอหาทางแก ื่ ้ปญหาและการหาคัาํ ตอบของปญหาั ร่วมกัน รู้จักรบฟัั งความคดเหินซ็งก ึ่ นและกั ัน กลาแสดงออก้ มีความเชอม ื่ นในตนเอง ั ่ มีความ รับผดชอบในการท ิ างานเป ํ ็นกลุ่ม การใหความช้วยเหล่อเพื อนในกล ื่ ุ่ม ยอมรับความคิดเหนของ็ สมาชกในกล ิ ุ่ม มีความอดทนในการทํากจกรรมติ ่าง ๆ ให้สําเร็จ ซึ่งสอดคลองก้บการทั างานเป ํ ็น กลุ่มของบารอนและเบิร์น (Baron ;& Byrne.2000 : 287) การจดการเรัยนรี โดยกระบวนการกล ู้ ุ่ม ของทศนาิ แขมมณ (2553. 143-144) ี ซึ่งใหหล้กการจัดการเรัยนรี โดยเน ู้ ้นกระบวนการกลุ่ม เป็น การดาเนํ ินการเรยนการสอนโดยท ี ี่ผู้สอนให้ผู้เรยนทีางานํ ทํากจกรรมริวมก่ ันเป็นกลุ่ม พรอมท้ ั้ง สอน/ฝึก/แนะนําให้ผู้เรยนเกีดการเริยนรีเกู้ ยวก ี่ บกระบวนการทัางานกลํ ุ่มที่ดีควบคไปก ู่ บการชั ่วยให้ ผู้เรยนเกีดการเริยนรีเนู้ ื้ อหาสาระตามวตถัุประสงค์มีตัวบ่งชี้สําคัญ คือ 1) ผู้เรยนมี การปฏ ี ิสัมพนธั /์ ทํางาน/ทํากจกรรมิ ร่วมกันเป็นกลุ่ม เพอให ื่ เก้ดการเริยนรีตามว ู้ ตถัุประสงค 2) ์ ผู้สอนมการฝ ี ึก/ ชี้แนะ/สอนให้ผู้เรยนเกีดเกิดการเริยนรีเกู้ ยวก ี่ บกรัะบวนการทางานกลํ ุ่มที่ดีในจุดใดจุดหน ึ่ งของ กระบวนการ เช่น ในเรองบทบา ื่ ทผู้นํากลุ่ม บทบาทสมาชกกลิ ุ่ม กระบวนการทางานกลํ ุ่ม องคประกอบอ ์ ื่น ๆ ที่เกยวข ี่ อง้ ผู้เรยนมีการวีเคราะหิการเร์ยนรีของตนเองท ู้ งทางด ั้ านเน้ ื้ อหาสาระ และกระบวนการกลุ่ม ผู้สอนมการวีเคราะหิ และประเม ์ ินผลการเรียนทงทางด ั้ ้านเนื้อหาสาระ และ กระบวนการกลุ่ม สอดคลองก้บผลการวั ิจัยของวราภรณ์ พรายอนทริ (2551 : ์ 147) พบว่า ความ สามสามารถในการทางานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนชี นประถมศ ั้ กษาป ึ ีที่ 4 จากการใช้วิธีสอนแกโจทย ้ ์ ปญหาของโพลยาร ัวมก่บกัารเรยนรีแบบร ู้ วมม่ ือเทคนิคการแบ่งกลุ่มตามสมฤทธั ิผลทางการเรียนที่มี องคประกอบส ์าคํ ัญ ได้แก่ 1) เจตคติต่อการทางานเป ํ ็นกลุ่ม 2) ความเป็นผู้นํา 3) การมมนีุษย สัมพนธั 4) ์การสอสารภายในกล ื่ ุ่ม 5)การวางแผนในการทางานํ 6) ความสามคคั 7) ี ความเป็น ประชาธปไต ิย 8) ความรบผัดชบอบิ 9) การปรบตั ัว 10) การแก้ปญหาความขัดแยั ้ง และสอดคลอง้ กับผลงานวิจัยของวนิดา อารมณ์เพียร (2552 : 103-105) พบว่า พฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม ของนกเรัยนเรีองการหาร ื่ ของนกเรัยนที ี่ได้รับการจดการเรัยนรี โดยใช ู้ เทคน้ ิค STAD และเทคนิค TGT ดีขึ้นจากเดมจากการสิงเกตพฤตักรรมการทิางานกลํ ุ่มใน 3 ด้าน คือ 1) ความรบผั ดชอบในการ ิ ทํางานเป็นกลุ่ม 2) การใหความช้วย่เหลอเพื อนในกล ื่ ุ่ม 3) การแสดงความคดเหินขณะท็างานกลํ ุ่ม พบวาน่กเรัยนมีคะแนนเฉลี ี่ยสูงขนจาก ึ้ ซึ่งแสดงใหเห้นว็าน่กเรัยนเกีดความริวมม่ ือ ความ รับผดชอบิและชวยเหล่อซืงก ึ่ นและกันอยัางจร่งจิงมัผลที าให ํสมาช้กมิความสีมพันธั ์ที่ดีต่อกัน

65 ข้อสงเกตจากการศั ึกษาค้นคว้า จากการศกษาคึนคว้าคร้งน ั้ ี้ ผู้วิจัยได้พบขอส้ งเกตบางประการซ ังสร ึ่ ปไดุ้ดังน ี้ 1. ในคาบแรกของการเรยนดีวยการเร้ยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เป็น เรองใหม ื่ ่สําหรบนักเรั ียน จึงทาให ํ ้นักเรยนยี งไม ัเข่ าใจข ้นตอนและว ั้ ิธีการศกษึาเน ื้ อหา ผู้วิจัยได้ชี้แจง และให้ข้อแนะนํากบนักเรัยนพรีอมท้งส ั้ งเกตอยั างใกล ่ ้ชิด และดแลใหูความช้วยเหล่อทืนทั ีที่พบ ปญหาั 2. การปฏิบัติกิจกรรมการเรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลองในกจกรรมทิ 2- ี่ 7 นักเรยนมีความเขี าใจว ้ ิธีการศกษาึบทบาทและขนต ั้ อนชดเจนขั ึ้น สยายใจขึ้น วิตกกงวลนั ้อยลง บรรยากาศการเรยนรี ู้ดีเขาใจบทบาทสมาช ้กกลิ ุ่ม กลาแสดงออกมากข้ ึ้น 3. นักเรยนมีพฤตีกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม มีการอภปรายแสดงความค ิดเหิ ็น สมเหตุสมผล ปฏิบัติตนในฐานะผู้นํา ผู้ตามที่ดียอมรบผลงานของกลั ุ่ม 4. นักเรยนมี ความสนใจในการท ีากํ จกรรมในคร ิงน ั้ ี้ แต่เวลาในการทากํจกรรมแบบิ ปฏิบัติการ โดยใชสถานการณ้ ์จําลอง มีเวลาไมเพ่ยงพอตี ่อการทากํจกรรมแติ ่ละกจกรรมิ 5. นักเรยนภายในกล ี ุ่มบางกลุ่ม ไม่ไดให้ ความร้วมม่ อภายในกล ื ุ่ม เน ื่ องจากความสามคคั ี ภายในกลุ่มมประส ีทธิภาพนิ ้อย 6. นักเรยนไม ี ่ค่อยคล่องจากการเรยนรีเรู้ องทฤษฏ ื่ บทป ี ีทาโกรัส ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า 1.1 ก่อนการเรยนรีครู้ ูผู้สอนควรชแจงให ี้ ้นักเรยนได ีเข้ าใจตรงก ้นถังวึ ิธีการและ ขั้นตอน การเรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง ซึ่งจะสงผลให ่ ้ผู้เรยนประสบผลส ีาเรํ จใน ็ การปฏิบัติกิจกรรมการเรยนรี ู้และเขาใจในการเร ้ยนมีากยงข ิ่ ึ้น 1.2 ครูผู้สอนควรดแลการทูากํจกรรมของนิกเรัยนแตี ่ละกลุ่ม เพอคอยแนะน ื่ ํา ช่วยเหลือ ในกรณกลี ุ่มของนกเรัยนมี ีข้อสงสัย หรอไม ืสามารถแก่ ้ปญหาได ั้และกจกรรมทิ ี่นักเรียน ได้ลงมอปฏ ื ิบัติควรเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพอเพ ื่ มแรงจ ิ่ งใจในการเรูยนรี ู้ 1.3 ครูผู้สอนควรอธบายในเน ิ ื้ อหานั้น ๆ เพอให ื่ ้นักเรยนเกีดความเขิ าใจ ้เกดการเริยนรี ู้ และสามารถทํากจกรรมทิ ี่กําหนดให้ได้ 1.4 ครควรจะกูาหนดเวลาในการท ํากํ จกรรมให ิแน้ ่นอนและตรงต่อเวลาใหมากท้ ี่สุด มิ เชนน่นจะท ั้ าให ํ ้กิจกรรมนานเกนกวิาเวลาท่ ี่กําหนดไว้

66 2. ข้อเสนอแนะสาหรํบการวั ิจัยในครงต ั้ ่อไป 2.1 ควรมการศีกษาผลการจึดการเรัยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลองในกลุ่ม สาระการเรยนรีคณู้ ตศาสตริ ์เน ื้ อหาอื่น ๆ เช่น สมการเชงเสินต้ วแปรเด ั ียว ระบบสมการอสมการ โดยเฉพาะเรองท ื่ เก ี่ ยวก ี่ บโจทย ั ์ปญหาั 2.2 การทาวํ ิจัยด้วยการจัดการเรยนรี แบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง อาจทาใน ํ แนวการจดทัาวํ ิจัยในชั้นเรียน ซึ่งสอดคลองก้ บนโยบายของส ัานํกงานคณะกรรมการการศักษาขึ ั้น พื้นฐาน กระทรวงศกษาธึการิ (2552 : 4) ที่สนับสนุนให้มีการพฒนาการเรั ยนการสอนให ี ้มีคุณภาพ นํานวตกรรมใหม ั ่ๆ มาใช้และใหคร้ ูนําการวิจัยในชนเร ั้ ยนมาชี วยในการแก ่ ้ปญหาการเรัยนการสอนี 2.3 ควรมการศีกษาผลสึมฤทธัทางการเริ์ยนวีชาคณิตศาสตริ ์ด้วยการเรยนรีแบบ ู้ ปฏิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง กับกลุ่มนกเรัยนที ี่มีระดบสตั ิปญญาแตกตั่างกัน

บรรณานุกรม

68 บรรณานุกรม กระทรวงศกษาธึการิ .(2545). คู่มือการจดการเรัยนรี ู้กลุ่มสาระการเรยนรีคณู้ ตศาสตริ . ์ กรงเทพฯุ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพราว้ . ………….(2551). หลกสัตรแกนกลางการศูกษาขึนพ ั้ นฐาน ื้ พุทธศกราชั 2551. กรงเทพฯุ : โรงพมพิ ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหงประเทศไทย ่ . กาญจนา เกยรตี ประว ิ ัติ. (2524). วิธีสอนทวไปและท ั ่ กษะการสอนั . กรงเทพฯุ : วัฒนาพานิช. จันทมาิสวรรค. (2547). ์ การเปรยบเที ยบผลของการใช ีสถานการณ้ ์จําลองและการใช้เทคนิค แมแบบท่ ี ่มีต่อความสามารถในการแก้ปญหาดัานการเร้ยนของนีกเรัยนชีนม ั้ ธยมศักษาึ ปีที ่ 3 โรงเรยนชี ตใจช ิ ื ่น อําเภอบานสร้าง้ จังหวดปราจ ันบี ุรี. กรงเทพฯุ : ปรญญานิ ิพนธ์กศ.ม. (จิตวทยาการศิกษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. ชัยวัฒน์สุทธิรัตน์. (2554). 80 นวตกรรมัการจดการเัรยนรี ู้ที ่เน้นผเรู้ ยนเป ี ็นสาคํ ัญ. กรงเทพฯุ : แดเน็กซ์อินเตอร์คอรปอเรช ์ ั ่น. ชัยศักดิ์ลีลาจรัสกุล. (2543). เอกสารคาสอนรายวํชาิหลกสัตรและการสอนคณูตศาสตริ ์ โรงเรยนมีธยมั . กรงเทพฯุ : คณะศกษาศาสตรึ ์มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. ชัยศักดิ์ลีลาจรัสกุล. (มปป). การจดกัจกรรมคณิตศาิสตร. ์เอกสารประกอบการสอน รายวชาการจิดกัจกรรมคณิตศาสตริ ์ในโรงเรียน. ภาควิชาหลักสตรและการสอนู คณะศกษาศาสตรึ ์มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. ชญานิษฐ์พุกเถอน ื่ . (2536). การศกษาตึ วแปรท ั ี ่มีอิทธพลติ ่อผลสมฤทธัทางการเริ์ ียน วิชาคณตศาิสตรของน์กเรัยนชี นประถมศ ั้ กษาสึงกัดสัานํกงานการั ประถมศกษาจึงหวั ัด พิษณุโลก.วิทยานิพนธ์กศ.ม. (การวดผลการศักษาึ ). พิษณุโลก : มหาวทยาลิยนเรศวรั . ถ่ายเอกสาร ชูศรีวงศ์รัตนะ. (2550). เทคนิคการใช้สถิติเพอการว ื ่ ิจัย. พิมพคร์งท ั้ 10. ี่ นนทบุรี : ไทยเนรมตกิ ิจ อินเตอร์โปรเกรสซิฟ. ณยศ สงวนสิน. (2547). การสรางชุ้ดกจกรรมปฏ ิ ิบัติการคณตศาสตริ โดยเทคน ์ ิค การสอนแบบอุปนัย – นิรนัย เรองพห ื ่ นามุของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 3 สารนิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษึา). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิ ัย ศรนครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร.

69 ณัฎฐพงศ์เจรญพิทยิ . (2542). ์รายงานการวิจัย เรอง ื ่ การพฒนาบทเรัยนคอมพีวเตอริ ์ ช่วยสอนอเนกทศนั ์สังเขปเนื้ อหาตามแนวการสอนแบบองครวมเพ์อพ ื ่ ฒนาั ความคดสริางสรรค้ทางว์ทยาศาสตริ . ์กรงเทพฯุ : คณะศกษาศาสตรึ ์ มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. ดวงเดือน เทศวานิช. (2530) หลกการสอนทั วไป ั ่ . พิมพคร์งท ั้ 2. ี่ กรงเทพฯุ : ภาควชาหลิกสัตรู และการสอน คณะครุศาสตร์วิทยาลยครัูพระนคร. ดรุณีเตชะวงศประเสร ์ ิฐ. (2549). การศกษาผลสึมฤทธัทางการเร ิ์ ยนวีชาคณิตศาสตริและ์ ความคงทนในการเรยนรีเรู้ องค ื ่ ากลางของข่อม้ลของนูกเรัยนชีนม ั้ ธยมศักษาึ ปีที ่ 3 ที ่ได้รับการสอนบรณาการแบบสอดแทรกู . สารนิพนธ์กศ.ม. (การมธยมั ศึกษา). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. ทิศนา แขมมณ. ( ี 2537). ทฤษฎีสัมพนธัเพ์อการท ื ่ างานเป ํ ็นทมและการจีดการเรัยนการสอนี . กรุงเทพฯ: สํานกพั ิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวทยาลิ ัย. …………(2553). ศาสตรการสอน์ องคความร์เพู้ อการจ ื ่ ดกระบวนการเรัยนรี ู้ที ่มีประสทธิภาพิ . พิมพคร์งท ั้ 13. ี่ กรงเทพฯุ : สํานกพัมพิแห์งจุ่ฬาลงกรณ์มหาวทยาลิ ัย. …………(2554). 14 วิธีสอนสาหรํบครั ูมืออาชีพ. พิมพคร์งท ั้ 3. ี่ กรงเทพฯุ : สํานกพัมพิแห์งจุ่ฬาลงกรณ์มหาวทยาลิ ัย. ธัญสินีฐานา. (2546). การพฒนาชัุดกจกรรมคณิตศาสตริเพ์อแก ื ่ ไขข ้อบกพร้องทางด่าน้ ทักษะกระบวนการคดคิานวณํของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 1. สารนิพนธ ์ กศ.ม. (การมธยมศักษึา). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. นิพนธ์ฝายบุ่ญ. (2548). การพฒนาชัุดกจกรรมโดยใช ิ ้วีสอนแบบปฏิบัติการ เรอง ื ่ ทฤษฏบทป ี ีทาโกรัส ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที ่ 3. สารนิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาิลัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. บุญชม ศรสะอาดี . (2545). การวิจัยเบองต ื้ ้น. กรงเทพฯุ : สุวีริยาสาส์น. บํารุง กลดเจรั ิญ; และฉววรรณี กินาวงศ. (2527) ์ วิธีสอนทวไป ั ่ . พิมพคร์งท ั้ 2 ี่ พิษณุโลก : มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒพ ิษณิุโลก. ประดับ เรองมาลื ัย. (2524). หลกการสอนและการเตรั ยมประสบการณ ี ์ภาคปฏิบัติ. กรงเทพฯุ : วัฒนาพานิช. ปราโมทย์เจตนเสน. ผลการเรยนรีเรู้ องความร ื ่ เบู้ องต ื้ ้นเกี ่ยวกบเรขาคณัตวิเคราะหิ ์และ พฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศักษึ าปีที ่ 4 โดยใชการเร้ ียน แบบรวมม่ ือ. วิทยานิพนธ์ค.ม. (คณตศาสตรศิกษาึ ). กรงเทพฯุ : , มหาวทยาลิ ัย ราชภฏพระนครั . ถ่ายเอกสาร.

70 ปรชาี วังโนนาม. (2548). ผลของการใช้ชุดการเรยนโดยเพ ีอนสอนเพ ื ่ อน ื ่ หน่วยการเรยนรี ู้ “เสนขนาน้ ” ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที ่ 2. สารนิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. พนม ลิ้มอารีย์. (2529). กลุ่มสมพันธั . ์พิมพคร์งท ั้ ี่3. มหาสารคาม: โรงพมพิ ปร์ ดาออฟเซฟ ี การพมพิ . ์ พนารตนั ์แชมช่ ื่น. (2548). ชุดกจกรรมแบบปฏ ิ ิบัติการ เพอส ื ่ งเสร่มทิกษะการแกั ้ปญหาั และการใหเหตุ้ผลทางคณตศาสตริ ์ของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 1 แบบรูป และความสัมพนธั .์ ปรญญานิ ิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑิต วิทยาลัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. พวงรตนั ์ ทวีรัตน์. (2543). วิธีการวิจัยทางพฤตกรรมศาสตริและส์งคมศาสตรั .์ พิมพคร์งท ั้ 7. ี่ กรงเทพฯุ : สํานกทดสอบทางการศักษาและจึตวิทยาิมหาวทยาลิ ัย ศรนครีนทรวิ โรฒิ . พรพรหม อัตตวฒนากัุล. (2547). ผลการใชแบบฝ ้ ึกทกษะการแกั โจทย ้ ์ปญหาคณัตศาสิตร ์ เรองการประย ื ่ กตุของสมการเช์งเสินต้ วแปรเด ั ียว ของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 2. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศัรนครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. พิชิต ฤทธจริ์ูญ. (2548). หลกการวั ดและประเม ันผลการศิกษาึ . กรงเทพฯุ : เฮาส้ ์ออฟ เดอน์มีสท์. มยุรีเผาพงษ่ ์. (2548). การเปรยบเทียบการมี ีวินัยในตนเองของนกเรัยนชีนม ั้ ธยัมศกษาป ึ ีที ่ 2 ด้วยวิธีการสอนแบบสถานการณ์จําลองกบวั ิธีสอนแบบบทบาทสมมต.ิ วิทยานิพนธ. ์ ศึกษาศาสตรมหาบ์ณฑั ิต (วิชาหลกสัตรและการนูิเทศ). มหาวทยาลิ ัยศิลปากร. ถ่ายเอกสาร. มุทิตา หวงคั ิด. (2547). การฝึกทกษะการแกั ้ปญหานัําเสนอสถานการณ์ผ่านสอคอมพ ื ่ วเตอริ ์ เพอพ ื ่ ฒนาจั ตสาธารณะในน ิกเรัยนระดีบชั นประถมศ ั้ กษึ าปีที ่ 6 ปรญญานิ ิพนธ์กศ.ม. (พฤตกรรมศาสตริ ประย ์กตุ ). ์ บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. ยุทธกร ถามา. (2546). การศกษาผลสึมฤทธั ิ์ความสนใจและความมีวินัยในตนเองทางการเรยนรี ู้ ของนกเรัยนชีวงช่นท ั้ 2 ี ่ ที ่มีความสามารถทางการเรยนตี ่างกัน โดยใช้ชุดการเรยนดีวย้ ตนเอง กลุ่มสาระการเรยนรีคณู้ ตศาสิตร์เรองสมการและการแก ื ่ สมการ้ . ปรญญานิ ิพนธ ์ กศ.ม. (เทคโนโลยการศีกษาึ ). บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาิลยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร ยุพิน พิพิธกุล. (2523). การเรยนการสอนคณีตศาสตริระด์บมัธยมศักษาึ . กรงเทพฯุ : บพิธการพิมพ. ์

71 เรณูสายเชื้อ. (2547). การพฒนาการจัดกัจกรรมการเริยนรี โดยใช ู้ สถานการณ้ ์จําลอง วิชาคณตศาสตริ ์ชั้นประถมศกษาป ึ ีที ่ 1 เรองการบวกและการลบจ ื ่ ํานวนที ่มี ผลลพธัและต์วตั งไม ั้ เก่ ิน 20. วิทยานิพนธ์การศกษามหาบึณฑั ิต สาขาหลกสัตรู และการสอน. มหาสารคาม : มหาวทยาลิยมหาสารคามั . ถ่ายเอกสาร. โรงเรยนทวีธาภีเศกิ . (2553). ผลการประเมนคิุณภาพนกเรัยนภาคเรียนที 1 ี ่ ปีการศกษาึ 2553. กรงเทพฯุ : โรงเรยนฯี . ถ่ายเอกสาร ล้วน สายยศ; และองคณาัสายยศ. (2538). เทคนิคการวิจัยทางการศกษาึ . กรงเทพฯุ : สุวีริยาสาส์น. ลาวณยั ์พลกล้า. (2523). การสอนคณตศาสตริ แบบปฏ ์ ิบัติการ. กรงเทพฯุ : มหาวทยาิลัย ศรนครีนทรวิ โรฒิ ประสานมตริ . วนิดา อารมณ์เพียร. การศกษาผลสึมฤทธัทางการเร ิ์ ยนวีชาคณิตศาสตริ ์ความคงทน ในการเรยนรี ู้เรอง ื ่ การหารทศนิยม และพฤตกรรมการในการท ิางานกลํ ุ่มของ นักเรยนชี นประถมศ ั้ กษาป ึ ีที ่ 6. วิทยานิพนธ์ค.ม. (สาขาหลกสัตรและการสอนู ). กรงเทพฯุ : , มหาวทยาลิยราชภัฏนครราชสัมาี . ถ่ายเอกสาร. วรรณา เฉลมพรพงษิ ์. (2526). การศกษาผลสึมฤัทธทางการเร ิ์ ียน เรองความร ื ่ ู้พื้นฐาน เรขาคณตวิเคราะหิ ์ของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 4 ที ่เรยนแบบปฏ ี ิบัติการ. ปรญญานิ ิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาิลัย มหาวทยาลิ ัย ศรนครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. วราภรณ์พรายอนทริ .์ ความสามารถในการแกโจทย ้ ์ปญหาคณัตศาสตริและความสามารถ์ ในการทางานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรัยนชี นประถมศ ั้ กษาป ึ ีที ่ 4 จากการใช้วิธีการสอนแกโจทย ้ ์ ปญหาของโพลยาร ัวมก่บการเรัยนรีแบบร ู้ วมม่ ือเทคนิคการแบ่งกลุ่มตามสมฤทธัผลิ ทางการเรียน. วิทยานิพนธ์กศ.ม. (วิชาหลกสัตรและการสอนู ). สงขลา: มหาวทยาิลัย ทักษิณ. ถ่ายเอกสาร. วราภรณ์สุวรรณวงศ. (2545). ์ผลการเรยนแบบรีวมม่ อโดยการแบ ื ่งกลุ่มตามสมฤทธัผล ิ์ ทางการเรยนที ี ่มีต่อผลสมฤัทธทางการเร ิ์ ียน และความคงทนในการเรยนรี ู้ วิชาคณตศาสตริของน์กเรัยนชี นประถมศ ั้ กษาป ึ ีที ่ 2. วิทยานิพนธ์ศษ.ม. (การประถมศกษาึ ). สงขลา : มหาวทยาลิยสงขลานครันทริ . ์ ถ่ายเอกสาร วัชราภรณ์เจรญสิุข. (2547). ผลการใช้ชุดกจกรรมศิ ลปะคณ ิตศาสตริ ์ที ่มีต่อความคิด สร้างสรรคทางคณ์ตศาสตริของน์กเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 1. สารนิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. วัฒนาพร ระงบทัุกข. (2542). ์แผนการสอนทเน ี ่ ้นผเรู้ ยนเป ี ็นศนยูกล์าง. พิมพคร์งท ั้ ี่2. กรงเทพฯุ : แอล.ที.เพรส.

72 วัชรีบูรณสงหิ . (2525). ์การสอนคณตศาสตริตามความแตกต์ ่างระหวางบุ่คคล. ใน เอกสารการสอนชุดวชาการสอนคณิตศาสตริ ์สาขาวชาคณิตศาสตริ ์มหาวทยาลิ ัย สุโขทยธรรมาธัราชิ . กรงเทพฯุ : โรงพมพิ ์จุฬาลงกรณ์มหาวทยาลิ ัย. แวนแก่ ้ว พ้นภัย. (2549). การศกษาผลสึมฤทธัและความพ ิ์ งพอใจในการเร ึยนของี นักเรียน ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที ่ 1 ที ่เรยนเรีองเศรษฐศาสตร ื ่ ในครอบคร ์ ัวโดยใช ้การสอนแบบ สตอรไลน ี ่ ์กับการสอนแบบเกมสถานการณ์จําลอง. ปรญญานิ ิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. ศิริพร คล่องจตติ . (2548). ์ ปจจั ัยที ่สัมพนธั ์กับการมีวินัยในตนเองของนกศักษาวึชาการิ ก่อสรางว้ทยาลิยเทคนั ิคสมทรสงคามุ . สารนิพนธ์กศ.ม. (การบรหารการศิกษาึ ). กรุเทพฯ: บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. ศิรินทพยิ ์คําพทธุ . (2548). ชุดกิจกรรมการเรียนรคณู้ ตศาสิตรแบบ์ STAD ชั้นมธยมศักษาึ ปีที ่ 2. ปรญญานิ ิพนธการศ์กษามหาบึณฑั ิต (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. สนอง อินละคร. (2544). เทคนิควิธีการและนวตกรรัมทใชี ่ ้จัดกจกรรมการเริยนการสอนี ที ่เน้นผเรู้ ยนเป ี ็นศนยูกลาง์ . อุบลราชธานี : ห้างหนสุ้ วนจ่ากํดอัุบลกจออฟเซท ิ การพมพิ .์ สมควร ปานโม. (2545). การสรางชุ้ดกจกรรมการเริยนการสอนคณีตศาสตริแบบ์ บูรณาการเชงเนิ ื้ อหากบวัชาชิ ีพ เรอง ื ่ “เซต” ระดบประกาศน ั ียบัตรวิชาชีพชนส ั้ ูง ปีที ่ 1 (ปวส.1) ภาควชาเกษตรกรรมิ . สารนิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. สมบรณู์เสนีย์วงศ์ณ อยธยาุ . (2525). การเปรยบเที ียบการเรียนสรางเสร้ มประสบการณ ิ ์ ชีวิต ของนกเรัยนชี นประถมศ ั้ กษาป ึ ีที ่ 4 ที ่เรยนหนี ่วยการทามาหากํนดิวย้ การสอนแบบใชและไม ้ ใช่สถานการณ้ ์จําลอง. ปรญญานิ ิพนธ์กศ.ม. (การประถมศกษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศัรนครีนทรวิ โรฒิ ประสานมตริ . ถ่ายเอกสาร. สมพงษ์จิตระดับ. (2530). การสอนจริยศึกษาในระดบประถมศ ักษาึ . พิมพคร์งท ั้ 2. ี่ กรงเทพฯุ : คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวทยาลิ ัย.. สมศกดั ิ์ใจเพชร็ . (2550). ์ผลการจดกัจกรรมคณิตศาสตริ โดยใช ์เกมแก้ ไขข ้อบกพร้อง่ ทางดานท้กษะการคัดคิานวํณของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 2. สารนิพนธ ์ กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร.

73 สวนีย์จําเรญวงศิ . (2551). ์ การใชสถานการณ้ ์จําลองเพอศ ื ่ กษากระบวนการคึดเชิงสถิ ิติ เกยวก ี ่ บทดสอบสมมตัฐานิ สําหรบนักศักษาชึ นปั้ ีที ่ 1. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์ มหาบณฑั ิต สาขาวชาคณิตศาสตริ ์ศึกษา. ขอนแก่น : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิ ัย ขอนแก่น. สัมพนธั ์พันธุ์พฤษ์. (2554). : ออนไลน์ สาลินีสมบรณู์ไพศาล. (2549). ผลการสอนโดยใชสถานการณ้ ์จําลองเพอศ ื ่ กษาการึ พัฒนา ความสามารถดานการพ้ดภาษาอู งกฤษเพัอการส ื ่ อสารส ื ่ าหรํบนักเรัยนเดี ินเรือพาณชยิ ์ หลกสั ตรปกูติชั้นปีที ่ 3 ศูนย์ฝึกพาณชยินาว์ ีจังหวดสมั ทรปราการุ . สารนิพนธ์ศศ.ม. (การสอนภาษาองกฤษในฐานภาษาต ั ่างประเทศ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. สิทธโชค ิวรานุสันติกูล. (2534). การพฒนาทัมงานี . กรงเทพฯุ : อักษรพิพัฒน์. สุพิน บุญชวงูศ. ( ์ 2538). หลกการสอนั . กรงเทพฯุ : ภาคหลกสัตรและการสอนู คณะครุศาสตร ์ สถาบนราชภั ัฎสวนดุสิต. สุวร กาญจนมยูร. (2546). เทคนิคการสอนคณตศาสตริระด์ บประถมศ ักษาึเล่ม 1. กรงเทพฯุ : ไทยวฒนาพานั ิช. สุวิทย์มูลคํา . (2552). ครบเครองเร ื ่ องการค ื ่ ิด. พิมพคร์งท ั้ 10. ี่ กรงเทพฯุ : ภาพพมพิ . ์ สุวิทย์มูลคาวํและอรทัยมูลคํา. (2550). 19 วิธีการจดการเรัยนรี : ู้ เพอพ ื ่ ฒนาความรัและท ู้ กษะั พิมพคร์งท ั้ 6. ี่ กรงเทพฯุ : ภาพพมพิ .์ …………...(2550). 20วิธีการจดการเรัยนรี : ู้ เพอพ ื ่ ฒนาคัุณธรรม จรยธรรมิ ค่านิยม การเรยนรี โดยการแสวงหาความร ู้ ู้ด้วยตนเอง. พิมพคร์งท ั้ 6. ี่ กรงเทพฯุ : ภาพพมพิ .์สุนทร จันทรตร. (2530). ีเอกสารคาสอบประถม ํ 462 ประชากรศกษาในโรงเร ึ ียน ประถมศึกษา. กรงเทพฯุ : ภาคหลกสัตรและการสอนูมหาวทยาลิยศัรนครีนทรวิ โรฒิ . สุรชัย จามรเนียม. (2548). ผลของการใช้ชุดกจกรรมคณิตศาสตริ ์บูรณาการเชงเนิ ื้ อหา เรองพ ื ่ นท ื้ ี ่ผิวและปรมาตรทิ ี ่มีต่อความสนใจในวชาคณิตศาสตริ ์ของนกเรั ียน ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที ่ 3. สารนิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษึา). กรงเทพฯุ : บัณฑิต วิทยาลัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . เสาวภา อนุเพชร. (2548). การศกษาผลสึมฤทธั ิ์ทางการเรียนวชาคณิตศาสตริ ์ของ นักเรยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 2 ที ่มีผลการเรยนตี ํ ่า เรองอ ื ่ ตราเสันและร้อยละ้ โดย ได้รับการสอนเสรมดิวยช้ดกุจกรรมคณิตศาสิตร์นันทนาการ. สารนิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. ไสว ฟกขาวั . (2544). หลกการสอนสัาหรํ บการเป ั ็นครูมืออาชีพ. กรงเทพฯุ : เอมพนธั . ์

74 อรพรรณ สง่า. (2547). ผลการใช้ชุดกจกรรมชิุมนุมคณตศาสตริ ์ที ่มีต่อความคดสริางสรรค้ ์ ทางคณตศาสตริ ์ของนกเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 2. สารนิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. อรทัย ศรีอุทธา. (2547). ชุดกิจกรรมแบบปฏิบัติการ เรองความส ื ่ มพันธัระหว์างร่ ูป เรขาคณิต สองมิติและสามมิติชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที ่ 1. สารนิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษึา). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. อัญชนา โพธพลากริ . (2545). การพฒนาชัุดการเรยนคณีตศาสิตร์ที ่เน้นการแก้ปญหาั ทางคณตศาสตริ ์ด้วยการเรยนแบบรีวมม่ ือ ชั้นมธยมศั กษาป ึ ีที ่ 3. ปรญญานิ ิพนธ ์ กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาลิ ัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. อัมพร ม้าคนอง. (2554). ทักษะและกระบวนการทางคณตศาสิตร : ์การพฒนาเพั ื ่อ พัฒนาการ. ศูนย์ตําราและเอกสารทางวชาการิคณะครศาสตรุ . ์กรงเทพฯุ : คณะครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวทยาลิ ัย. อเนก สุดจานงคํ . (2531). ์การศกษาผลสึมฤฆทธั ิ์ทางการเรียนและความสนใจใน การเรียน วิชาคณตศาิสตรของน์กเรัยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 2 ที ่มีระดับ ความสามารถต่างกนโดย ั การสอนแบบปฏิบัติการ. ปรญญานิ ิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษาึ ). กรงเทพฯุ : บัณฑิต วิทยาลัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. อาภรณ์ใจเที่ยง. (2540). หลกการสอนั . กรงเทพฯุ : โอเดยนสโตร ี . ์ อารีย์คําปลอง้ . (2536). การสอนแบบปฏิบัติการเรองค ื ุ่ณสมบัติเกยวก ี ่ บวงกลมของั นักเรยนชีนม ั้ ธยมศั กษาป ึ ีที ่ 3. ปรญญานิ ิพนธ์กศ.ม. (การมธยมศักษึา) กรงเทพฯุ : บัณฑตวิทยาิลัย มหาวทยาลิยศรันครีนทรวิ โรฒิ . ถ่ายเอกสาร. Baron, R.A. and Byrne. (2000). Social psychology. 9 th ed. Boston :Alyn & Bacon. Beck. I.H. ;& Monroe, B. 1969. “Some Dimension of Simalation”, Educatonal Thechnologuy. 45-39 ; October. Brandsma, Jane Ann. (2000) Data Collection Analysis : Examining community colledge student understandimg of elementary statistics through laboratory activities. Dissertation Abstractss international. Retrieved January , 28 : 2012 from wwwlib.uni.com/ dissertatons/citations/print. Brown, Nacino R.; Festus, Oke.; & Desmond, Brown P. (1982). Curriculum and instruction. Honkong : The Macmillan Press Ltd.

75 Carroll, John B. (1963} May). A Model of School Learning, Teachers College Record 64(8) 723-733. Crookall, David. ;& Oxford, Rebecca L. (1990). Simulation, Gaming, and Language Learning. New York : Newbury House. Good Carter V. (1993) Dictionary of Education 3rd ed. New York : Mc Graw-Hill Book Cooney, Thomas J. (1975). Dynamic pf Teaching Secondary School Mathematics. Boston: Houghton Mifflin, Co. Copeland, Richard W. (1974). How Children Learn Mathematics. New York : Macmillan Press Ltd. Cruickshank, D. (1972,July) Nature of Simulation and Games : A preliminary Inquiry Education Technology. 35 (7) : 125-128. Finn, Kelly E.; et al. (2003). Teacher Variables That Relate io Student Achievement When Using a Standards-Based Curriculum” Journal for Research in Mathematics Education. 34(3) : 288-A Freeman, M., Clalk, S., & Taylor, L. (2006). The case of assessable in-class learn- based learning. The UniServe Science 2006 Conference Proceedings, Retrieved January 30 , 2012 ; from http://www.science.universe.edu.au/pubs/pros/2006/freeman. Jones, Ken. (1982) Simulation In Language Teaching. Cambridge : University Press}. Kidd, Kenneth P; Myers, Shirley S,; & Ciley, David M. (1970). The Laboratory Approach to Mathematics. Science Research Associates, Inc. Kim, Talk. (2006,October) Impact of Inquiry – Based Teaching on Student Mathematics Achievement and Attitude.; Dissertation Abstrsactss international. Retrieved October 15, 2008, from http // proquest.umi.com/pqdweb?. Letassy, A. Nancy ;& Fugate} E. S. (2008). Using Team-Based Learning in Endrocrine Module Taught across Two Campuses. American Journal of Pharmaceutical Education 72(5): 103-110. Maddox, Hary. (1969). How to study. London : Wymen, Ltd. Monier, Mohammad Ibrahim. (1977) Some Effects of an Activity Approach to Teaching Geometry in The High Schools in Afgahanistan, Dissertatin Abstracts 5 : 2630 – A – 2630 – A.

76 Ornstein, A.C. ;& Lasley, T.J. (2000). Strategies for Effective Teaching. 3nd ed. Boston : McGraw-hill. Prescot, Daniel A. (1961 ,February). Basic Techniques of Studying Children, from a Report of the Conference on Child Study. Educational Bulletin 18 Bangkok : Factlory of Education , Chulalongkorn University. Reys. Robert.; et al. (2003). “Assessing the Impact of Standards-Bassed Middle Grades Mathematics Curricula Materials on Student Achievement” Journal for Research in Mathematics Education. 34(1) : 74-A Riodan, Jurie E. ;& Noyce. Pendred E. (2001) The Impacts of Student - Based Mathematics Curricula on Achievement in Massachusetts. Journal for Research in Mathematics Education. 32(4) : 368-A Schultz, Landall L. (1972). Simulation in Social Administrative Sciende. New Jersey : Englewood Cliffs, Prentics – Halll, Inc. Sidhu, Kulbir Singh. (1982). The Teaching of Mathematics. New Delhi : Stering Publishers. Snyder, Lisa Marie. ( 2003). The Design and Use of Experiential Instructional Technology for the Teaching of Architectual History in American Undergraduate Program, Dissertatin Abstracts International. 64(4). :1109 – A ; October, 2007. Spector, P. E. (2006). Industrial organization psychology : research and practice. 4th ed. New York L Willey. Sylvester, Allen, Ph.D., (2007) An Investigation of Project – Based Learning and Computer Simulations to Promote Conceptual Understanding in eighth Grade Mathematics. Kanssas State University, 2007, 165 pages ; AAT 3259349. Dissertatin Abstracts International. Retrieved January, 30 : 2012 : http//Proquest.umi.com/pqdweb?Index. Tayler, John L.;& Walford, R. 1974. Simulation in the Cassroom. Middlesex : England Penquin books. Tomson, Densse R. (2001) The Effects of Curriculum on Achievement in Secondyear Algebra. The Example of Chicaco School Mathematics Journal for Research in Mathematics Education. 32(1) : 58-A Tridkett, Susan Bell. (2004). Movies-in-the—Mind : The Instantiantion and Use of conceptual Simulation in Scientific Reasoning. Dissertation Abstracts International. 64(10) : 5250-B ; April, 2004.

77 Wagner, Donal Walton.(2004, January) Psychomotor Performance and Learning Style Effect of a Computor-Bassd Interactive Multimedia Program, Dissertation Abstracts International. 64(07) : 2423-A . William, Mary SuSan. (1988, June). The effects of cooperative team learning. Dissertation Abstracts International. 49(121) : 3611-A. Wilson, James W. (1971). Evaluation of Learning in Secondary School Mathematics. In Handbook on Formative and Summative Evaluation of Student Learning. pp. 643-696. Ed. By Benjamin S. Bloom, U.S.A. : McGraw – Hill Book. Yaker, S, D.W. Johnson ;& R.T Johnson. (1985, August). Oral Discussion, group-to individual transsfer, and achievement in lcooperative learning group; Journal of Education Psychology. 77 : 60-66.

. ภาคผนวก

79 ภาคผนวก ก ผลการวิเคราะหเคร ์ องม ื่ ือท ี่ใช้ในการวิจัย - ผลการประเมนคิาด่ชนั ีความสอดคลอง้ (IOC) ของแบบทดสอบวดผลสัมฤทธั ิ์ ทางการเรยนคณีตศาสตริ ์เรองทฤษฏ ื่ บทป ี ีทาโกรัส - ค่าความยากงาย่ (p) และคาอ่านาจจําแนกํ (r) ของแบบทดสอบวดผลสัมฤทธั ิ์ ทางการเรยนคณีตศาสตริ ์ - ค่าความเชื่อมนของแบบทดสอบ ั ่ - ผลการประเมนคิาด่ชนั ีความสอดคลอง้ ( IOC) แบบสอบถามพฤตกรรมิ การทางานเป ํ ็นกลุ่มของนกเรั ียน - ผลการประเมนคิาด่ชนั ีความสอดคลอง้ (IOC) ระหวางองค่ ประกอบของแผน ์ การจดการเรัยนรี การสอนแบบปฏ ู้ ิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส

80 ตาราง 4 ผลการประเมนดิชนั ีความสอดคลอง้ (IOC) ของแบบทดสอบวดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนี คณตศาสตริ ์เรองทฤษฏ ื่ บทป ี ีทาโกรัส ข้อ ที่ ผล การประเมิน ของผเชู้ ี่ยวชาญ (คนท ี่) IOC ผล การ พิจารณา ข้อ ที่ ผล การประเมิน ของผเชู้ ี่ยวชาญ (คนท ี่) IOC ผล การ พิจารณา 1 2 3 1 2 3 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 +1 0 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 0 +1 +1 +1 0 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 0.67 0.67 1 1 0.67 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 32 33 34 35 36 37 38 39 40 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 0 +1 +1 +1 +1 +1 +1 0 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 0 +1 +1 +1 +1 +1 0 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 +1 0 +1 +1 1 0.67 0.67 1 1 1 1 0.67 1 1 1 1 1 1 1 0.67 1 0.67 1 1 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้

81 ตาราง 5 ค่าความยากงาย่ (p) ค่าอานาจจําแนกํ (r) ของแบบทดสอบวดผลสัมฤทธัทางการเริ์ยนี คณตศาสตริ ์เรองทฤษฏ ื่ บทป ี ีทาโกรัส ข้อท ี่ ค่าความยากงาย่ (p) ค่าอานาจจําแนกํ (r) คัดเลอกพืจารณาิ 1 0.75 0.20 คัดเลอกื 2 0.28 0.25 ไม่คัดเลอกื 3 0.48 0.20 ไม่คัดเลอกื 4 0.55 0.20 คัดเลอกื 5 0.28 0.25 ไม่คัดเลอกื 6 0.75 0.20 คัดเลอกื 7 0.18 0.05 ไม่คัดเลอกื 8 0.68 0.35 คัดเลอกื 9 0.80 0.20 คัดเลอกื 10 0.73 0.55 คัดเลอกื 11 0.30 0.40 ไม่คัดเลอกื 12 0.55 0.20 คัดเลอกื 13 0.48 0.25 ไม่คัดเลอกื 14 0.30 0.40 ไม่คัดเลอกื 15 0.28 0.25 ไม่คัดเลอกื 16 0.50 0.30 คัดเลอกื 17 0.80 0.30 คัดเลอกื 18 0.20 0.10 ไม่คัดเลอกื 19 0.58 0.55 คัดเลอกื 20 0.70 0.40 คัดเลอกื 21 0.20 0.25 ไม่คัดเลอกื 22 0.63 0.75 คัดเลอกื 23 0.73 0.25 คัดเลอกื 24 0.48 0.25 ไม่คัดเลอกื 25 0.58 0.50 คัดเลอกื

82 ตาราง 5 (ต่อ) ค่าความยากงาย่ (p) อยระหว ู่ าง่ 0.50 – 0.80 ค่าอานาจจําแนกํ (r) อยระหว ู่ าง่ 0.20 – 0.75 ความเชอม ื่ ั ่น (rtt) = 0.89 สูตร rtt = 2 t n pq 1 n 1 S เมื่อ rtt แทน ค่าความเชื่อมนของแบบทดสอบ ั ่ n แทน จํานวนข้อสอบของแบบทดสอบ p แทน สัดสวนของคนท่าถํูกในแต่ละข้อ = q แทน สัดสวนของคนท่ ี่ทําผดในแต ิ ่ละข้อ = 1 - p S แทน คะแนนความแปรปรวนของแบบทดสอบทงฉบ ั้ ับ ข้อท ี่ ค่าความยากงาย่ (p) ค่าอานาจจําแนกํ (r) คัดเลอกพืจารณาิ 26 0.45 0.20 ไม่คัดเลอกื 27 0.23 0.25 ไม่คัดเลอกื 28 0.55 0.20 คัดเลอกื 29 0.35 0.30 ไม่คัดเลอกื 30 0.75 0.20 คัดเลอกื 31 0.23 0.25 ไม่คัดเลอกื 32 0.35 0.30 ไม่คัดเลอกื 33 0.70 0.30 คัดเลอกื 34 0.28 0.25 ไม่คัดเลอกื 35 0.45 0.20 ไม่คัดเลอกื 36 0.63 0.75 คัดเลอกื 37 0.30 0.40 ไม่คัดเลอกื 38 0.28 0.25 ไม่คัดเลอกื 39 0.58 0.56 คัดเลอกื 40 0.63 0.65 คัดเลอกื จํานวนคนทตอบถ ี่ ูก จํานวนคนทั้งหมด

83 ดังนนจากส ั้ ตรจะไดู้ว่า n = 20 , pq 4.50 , 2 29.11 t S ความเชอม ื่ ั ่น tt r = 20 4.50 1 20 1 29.11 = 20 1 0.155 19 = 1.05 0.845 = 0.887

84 ตาราง 6 แบบประเมนคิาด่ชนั ีความสอดคลอง้ ( IOC) แบบสอบถามพฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม ของนกเรั ียน ที่ รายการประเมิน ผลการประเมิน ของผเชู้ ี่ยวชาญ (คนท ี่) IOC ผล การ พิจารณา 1 2 3 1 ความรบผั ิ ดชอบในการทางานเป ํ ็ นกล่มุ 1.1 เขาใจและเห ้นด็วยก้บการทั างานเป ํ ็นกลุ่ม + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 1.2 สร้างความเขาใจก ้ นภายในกล ั ุ่ม + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 1.3 มีการปรกษาหารึอกื นภายในกล ั ุ่ม + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 1.4 มีความตงใจปฏ ั้ ิบัติงานทไี่ ด้รับมอบหมาย + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 1.5 มีการตดสั นใจร ิวมก่นอยัางม่เหตีุผล + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 1.6 ร่วมกนรับผัดชอบงานทิ ี่ได้รับมอบหมาย + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 1.7 ร่วมปฏิบัติงานสําเร็จตามเวลาที่กําหนด + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 2 การให้ความช่วยเหลือเพ ื่อนในกล่มุ 2.1 มีความเหนอกเห็ นใจก ็ ัน + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 2.2 แสดงความคดเหินอย็างม่เหตีุผล + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 2.3 มีความพยายามปฏิบัติงานรวมก่บเพัอน ื่ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 2.4 มีการประนีประนอมในการทางานรํวมก่ ัน + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 2.5 เคารพในความคดเหินของเพ็ อนในกล ื่ ุ่ม 0 + 1 0 0.33 ไม่ใช้ 2.6 ร่วมปฏิบัติงานกบเพัอนจนงานส ื่ าเรํ ็จ 0 0 + 1 0.33 ไม่ใช้ 2.7 มีความภูมิใจในผลงานกลุ่ม + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 3 การยอมรบความคั ิดเหนของสมาช ็ ิก ในกล่มุ 3.1 ยินดีรับฟั งความคดเหินของสมาช็ ิก + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 3.2 ยอมรับความคิดเหนของสมาช็กทิ ี่ถูกตอง้ 0 + 1 0 0.33 ไม่ใช้ 3.3 สนับสนุนความคดเหินของสมาช็กอยิางม่ ี เหตุผลและสรางสรรค้ + ์ 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 3.4 ใชเหตุ้ผลในการโตแย้งความค้ดเหิ ็น ของสมาชิก + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 3.5 ร่วมกนหาขัอสร้ ปอยุางเหม่าะสม + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ 3.6 ยินดในความส ีาเรํจร็วมก่บสมาชั ิก 0 + 1 0 0.33 ไม่ใช้

85 ตาราง 7 ค่าดชนั ีความสอดคลอง้ (IOC) ระหวางองค่ ประกอบของแผนการจ ์ดการเรัยนรี ู้ แบบปฏิบัติการโดยใชสถานการณ้ ์จําลอง เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส แผน การจัด การ เรียนรู้ เร ื่ อง ผลการประเมิน ของผเชู้ ี่ยวชาญ (คนท ี่) IOC ผล การ พิจารณา 1 2 3 1 เรองสมบ ื่ ัติรูปสามเหลี่ยม 1.1 องคประกอบของแผนการจ ์ดการั เรยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 1.2 กิจกรรมการจดการเรัยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 1.3 การประเมินผล + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 2 เรองทฤษฏ ื่ บทป ี ีทาโกรัส 2.1 องคประกอบของแผนการจ ์ดการั เรยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 2.2 กิจกรรมการจดการเรัยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 2.3 การประเมินผล + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 3 เรองบทกล ื่ บทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส 1 3.1 องคประกอบของแผนการจ ์ดการั เรยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 3.2 กิจกรรมการจดการเรัยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 3.3 การประเมินผล + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 4 เรองบทกล ื่ บทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส 2 4.1 องคประกอบของแผนการจ ์ดการั เรยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 4.2 กิจกรรมการจดการเรัยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 4.3 การประเมินผล + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 5 เรองบทกล ื่ บทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส 3 5.1 องคประกอบของแผนการจ ์ดการั เรยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 5.2 กิจกรรมการจดการเรัยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 5.3 การประเมินผล + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้

86 ตาราง 7 (ต่อ) แผน การจัด การ เรียนรู้ เร ื่ อง ผลการประเมิน ของผเชู้ ี่ยวชาญ (คนท ี่) IOC ผล การ พิจารณา 1 2 3 6 เรองบทกล ื่ บทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส 4 6.1 องคประกอบของแผนการจ ์ดการั เรยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 6.2 กิจกรรมการจดการเรัยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 6.3 การประเมินผล + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 7 เรองบทกล ื่ บทฤษฏั บทป ี ีทาโกรัส 5 7.1 องคประกอบของแผนการจ ์ดการั เรยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 7.2 กิจกรรมการจดการเรัยนรี ู้ + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้ 7.3 การประเมินผล + 1 + 1 + 1 1.00 ใช้ได้

87 ภาคผนวก ข - ตารางคะแนนผลสมฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส หลงเรั ียน ของกลุ่มทดลอง - การวเคราะหิ ์ข้อมลผลสู มฤทธัทางการเริ์ยนคณีตศาสตริ ์เรองทฤษฎ ื่ บทป ี ีทาโกรัส - ตารางคะแนนแบบสอบถามพฤตกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม ก่อนเรยนและหลีงเรัยนี - การวเคราะหิ ์ข้อมลพฤต ูกรรมการทิ างานเป ํ ็นกลุ่ม ก่อนเรยนและหลีงเรั ียน