บทความนี้เกี่ยวกับเพลงสรรเสริญพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย สำหรับความหมายหลัก ดูที่ เพลงสรรเสริญพระบารมี Show
สรรเสริญพระบารมี โปสการ์ดโน้ตเพลงสรรเสริญพระบารมี สมัยรัชกาลที่ 5 เพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมีของ สยาม (พ.ศ. 2431–2475) เพลงสรรเสริญพระบารมีของ สยาม (พ.ศ. 2475–2482) ไทย (ตั้งแต่ พ.ศ. 2482)ชื่ออื่นเพลงชาติสยามเนื้อร้องสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์, พ.ศ. 2456ทำนองปิออตร์ ชูรอฟสกีรับไปใช้พ.ศ. 2431 (เนื้อร้องสำนวนแรก) พ.ศ. 2456 (เนื้อร้องปัจจุบัน)เลิกใช้มิถุนายน พ.ศ. 2475 (ในฐานะเพลงชาติ)ตัวอย่างเสียง สรรเสริญพระบารมี บรรเลงโดยวงดุริยางค์กองทัพเรือสหรัฐ
"สรรเสริญพระบารมี" เป็นบทเพลงซึ่งบรรเลงเพื่อสรรเสริญพระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์ไทย เคยใช้เป็นเพลงชาติของประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2431–2475 นับเป็นเพลงชาติไทยฉบับที่ 3 ทำนองทางไทยโดยพระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) เมื่อ พ.ศ. 2416 ทำนองดนตรีตะวันตกโดย ปิออตร์ ชูรอฟสกี (Pyotr Schurovsky) นักแต่งเพลงชาวรัสเซีย ประพันธ์เมื่อ พ.ศ. 2431 คำร้องเป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ซึ่งนิพนธ์ขึ้นเพื่อใช้ในพระราชพิธีลงสรงของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ในตอนแรกคำร้องดังกล่าวในท่อนสุดท้าย ใช้คำว่า ฉะนี้ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนคำว่า ฉะนี้ ให้เป็น ชโย ดังที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากคำว่า ฉะนี้ เมื่อร้องตามทำนองของเพลงแล้ว คนมักจะออกเสียงเพี้ยนเป็นคำว่า ชะนี ทำให้พระองค์ทรงรำคาญพระราชหฤทัย จึงทรงเปลี่ยนจากคำว่า ฉะนี้ เป็น ชโย ซึ่งแผลงมาจากคำว่า ไชโย และ ชย ประวัติ[แก้]สรรเสริญพระนารายณ์[แก้]เพลงสรรเสริญพระบารมี มีเค้าโครงว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มีเพลงที่มีลักษณะคล้ายเพลงสรรเสริญพระบารมีอยู่ก่อนแล้ว ใช้บรรเลงในเวลาพระมหากษัตริย์เสด็จลงท้องพระโรงและเสด็จขึ้น มีชื่อเรียกว่า "สายสมร" ต่อมาพระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) ใช้เพลงสายสมรมาเป็นเพลงดำเนินทำนองหลัก และเรียกชื่อเพลงนี้ใหม่ว่า "ศรีอยุธยา", "สรรเสริญพระนารายณ์" แต่ในบ้างแหล่งระบุชื่อเพลงว่า "เสด็จออกขุนนาง" จอมราชจงเจริญ[แก้]แต่เพลงสรรเสริญพระบารมีในฐานะเพลงชาตินั้น เริ่มปรากฏในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีการใช้เพลง ก็อดเซฟเดอะคิง ซึ่งเป็นเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงชาติของสหราชอาณาจักร บรรเลงเป็นเพลงถวายความเคารพแด่องค์พระมหากษัตริย์ ตามแบบอย่างการฝึกทหารของอังกฤษ พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ได้ใช้ทำนองเพลงนี้แต่งคำร้องสรรเสริญพระบารมีถวายโดยให้ชื่อว่า "จอมราชจงเจริญ" จอมราชจงเจริญชื่ออื่นเพลงสรรเสริญพระบารมีเนื้อร้องพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)ทำนองไม่ทราบผู้แต่งรับไปใช้พ.ศ. 2395เลิกใช้พ.ศ. 2414 จนกระทั่งถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้เสด็จประพาสเมืองสิงคโปร์และเกาะชวาในปีพ.ศ. 2414 ขณะที่ทรงประทับอยู่ที่สิงคโปร์นั้น ทหารอังกฤษได้ใช้เพลง "ก็อดเซฟเดอะคิง" บรรเลงเป็นเพลงเกียรติยศรับเสด็จ ปัญหาจึงเกิดขึ้นว่าทั้งอังกฤษและไทยต่างใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีเพลงเดียวกัน ต่อมาเมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังเมืองปัตตาเวีย ปรากฏมีชาวฮอลันดาซึ่งตั้งนิคมอยู่ที่นั้นถามถึงเพลงชาติของสยามเพื่อจะได้นำไปบรรเลงรับเสด็จ พระองค์จึงมีพระราชดำริแก่ครูดนตรีไทยให้แต่งเพลงแตรวงรับเสด็จเพื่อใช้แทนเพลง "ก็อดเซฟเดอะคิง" เนื้อร้อง: ความศุข สมบัติทั้ง บริวาร เจริญ พละปฏิภาณ ผ่องแผ้ว จง ยืนพระชนม์นาน นับรอบ ร้อยแฮ มี พระเกียรติเพริศแพร้ว เล่ห์เพี้ยงเพ็ญจันทร์ บุหลันลอยเลื่อน[แก้]ตอนนั้น คณะครูดนตรีไทยจึงได้เสนอเพลงบุหลันลอยเลื่อน (หรือเพลงทรงพระสุบิน) ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ใช้เป็นเพลงสรรเสริญพระบารมี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายเฮวุดเซน (Heutsen) ครูดนตรีในกรมทหารมหาดเล็กชาวฮอลันดา เรียบเรียงทำนองขึ้นใหม่ให้เป็นทางดนตรีตะวันตก และได้ใช้เป็นเพลงสรรเสริญพระบารมีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2414 (ดร. สุกรี เจริญสุข ได้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพลงเดียวกันกับเพลงสรรเสริญเสือป่า ซึ่งใช้เป็นเพลงเกียรติยศของกองเสือป่าในสมัยรัชกาลที่ 6 สรรเสริญพระบารมี (เนื้อร้องสำนวนแรก)[แก้]ต่อมาจึงได้มีการเปลี่ยนมาใช้เพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับของพระประดิษฐไพเราะ (มี ดุริยางกูร) (หรือครูมีแขก) ครูดนตรีคนสำคัญ ที่ได้ประดิษฐ์ทำนองขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อราว พ.ศ. 2416 ภายหลังจากพระราชพิธีบรมราชภิเษกครั้งที่ 2 ได้ไม่นาน ซึ่งได้เค้าทำนองมาจากเพลงสรรเสริญนารายณ์ของเก่า และได้เรียบเรียบเสียงประสานสำหรับดนตรีตะวันตกโดยปิออตร์ ชูรอฟสกี นักประพันธ์ชาวรัสเซีย เมื่อ พ.ศ. 2431 ชูรอฟสกีประพันธ์เป็นโน๊ตสากลซึ่งไม่มีครูดนตรีชาวสยามผู้ใดอ่านออก สันนิฐานว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเชิญเฮวุดเซนมาบรรเลงเพลงนี้บนเปียโนให้ฟัง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ได้ฟังจึงทรงทรงนิพนธ์เนื้อร้องใส่เข้าไป และออกบรรเลงครั้งแรกที่ศาลายุทธนาธิการในปีเดียวกัน ต่อมาทรงนิพนธ์เนื้อร้องของเพลงนี้อีกหลายเนื้อร้องเพื่อขับร้องในกลุ่มต่าง ๆ กัน เช่น ทหาร นักเรียนชาย นักเรียนหญิง เป็นต้น แต่มีเนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีอีกสำนวนหนึ่งที่เป็นพระนิพนธ์ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สำนวนนี้เป็นสำนวนสำหรับทหารเรือขับร้องโดยเฉพาะ เนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีฉบับปัจจุบันนั้น แต่เดิมเป็นเนื้อร้องที่พระองค์ได้นิพนธ์ขึ้นเพื่อใช้ในพระราชพิธีลงสรงของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ต่อมาเมื่อถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำเพลงสรรเสริญพระบารมีมาพระราชนิพนธ์คำร้องขึ้นใหม่ โดยทรงรักษาคำร้องเดิมเอาไว้เกือบทุกอย่าง ยกเว้นแต่ทรงเปลี่ยนคำร้องในท่อนสุดท้ายว่า ฉะนี้ ให้เป็น ชโย และประกาศใช้ ในวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2456 และใช้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ภายหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เพลงสรรเสริญพระบารมีไม่ได้ใช้ในฐานะเพลงชาติอีกต่อไป แต่ยังคงใช้ในฐานะของเพลงถวายความเคารพแด่องค์พระมหากษัตริย์ มีอยู่ช่วงหนึ่งมีการตัดทอนเพลงนี้ให้สั้นลง แต่ได้ยกเลิกการใช้แล้ว เนื้อร้อง[แก้]เนื้อร้องสำนวนปัจจุบัน[แก้]โน้ตเพลงสรรเสริญพระบารมี ฉบับเผยแพร่โดยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2546บทร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นบทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์แก้ไขเมื่อ พ.ศ. 2456 ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน นบพระภูมิบาล บุญดิเรก เอกบรมจักริน พระสยามินทร์ พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์ ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ชโย เนื้อร้องสำนวนสังเขป[แก้]เนื้อร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี สำนวนสังเขป ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรัฐนิยม ฉบับที่ 8 ลงในราชกิจจานุเบกษา :เล่ม 57/หน้า 78/ลงในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2483 ข้าวรพุทธเจ้า เอามโนและศิระกราน นบพระภูมิบาล บรมกษัตริย์ไทย ขอบรรดาล ธประสงค์ใด จงสิทธิดั่ง หวังวรหฤทัย ดุจถวายไชย ชโยสำนวนสำหรับทหารบก[แก้]ข้าวรพุทธเจ้า เหล่าพิริย์พลพลา สมสมัยกา– ละปิติกมล รวมนรจำเรียงพรรค์ สรรพ์ดุริยพล สฤษดิมลฑล ทำสดุดีแด่นฤบาล ผลพระคุณรักษา พลนิกายะสุขศานต์ ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสิทธิ์ดัง หลังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ฉะนี้ สำนวนขับร้องละครดึกดำบรรพ์[แก้]อ้าพระนฤปจง ทรงสิริวัฑฒนา จงพระพุทธศา-สนฐีติยง ราชรัฐจงจีรัง ทั้งบรมวงศ์ ฑีรฆดำรง ทรงกรุณาประชาบาล ราชธรรมรักษา เป็นหิตานุหิตสาร ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสิทธิ์ดัง หลังวรหฤทัย ดุจถวายไชย ฉนี้ สำนวนสำหรับนักเรียนชายหญิงขับร้องร่วมกัน[แก้]ข้าวรพุทธเจ้า เหล่ายุพยุพดี ยอกรชุลี วรบทบงสุ์ ซร้องศัพท์ถวายชัย ในนฤปทรง พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณะรักษา ชนนิกายะศุขสานต์ ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสิทธิ์ดัง หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ฉะนี้ บทร้องสำนวนโรงเรียนชายล้วน[แก้]ข้าวรพุทธเจ้า เหล่าดรุณกุมารา โอนศิรวันทา วรบทบงสุ์ ซร้องศัพท์ถวายชัย ในนฤปทรง พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณะรักษา ชนนิกายะศุขสานต์ ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสิทธิ์ดัง หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ฉะนี้ บทร้องสำนวนโรงเรียนหญิงล้วน[แก้]ข้าวรพุทธเจ้า เหล่าดรุณกุมารี โอนศิรชุลี วรบทบงสุ์ ซร้องศัพท์ถวายชัย ในนฤปทรง พระยศยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล ผลพระคุณะรักษา ชนนิกายะศุขสานต์ ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสิทธิ์ดัง หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ฉะนี้ สำนวนสำหรับทหารเรือ[แก้]ข้าวรพุทธเจ้า เหล่ายุทธพลนาวา ขอถวายวันทา วรบทบงสุ์ ยกพลถวายชัย ให้สยามจง อิสระยิ่งยง เย็นศิระเพราะพระบริบาล ใจทหารทั้งบ่าวนาย ยอมขอตายถวายท่าน ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิ์ดัง หวังวรหฤทัย ดุจถวายชัย ฉะนี้ วาระและโอกาสในการใช้[แก้]ชาวไทยแสดงความเคารพต่อเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วยการหยุดนิ่งในอาการสำรวมในระหว่างการบรรเลงเพลง ระเบียบส่วนราชการในพระองค์กำหนดวาระในการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีไว้ดังนี้
นอกจากนี้ ในการมหรสพต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น การแข่งขันกีฬา การฉายภาพยนตร์หรือการแสดงดนตรี ก็นิยมมีการบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนทำการแสดงเสมอ สำหรับการกระจายเสียงของสถานีวิทยุและการแพร่ภาพของสถานีโทรทัศน์ เพลงสรรเสริญพระบารมีก็ได้ถูกในเป็นเพลงสำหรับแจ้งการยุติการกระจายเสียงประจำวันของสถานีวิทยุกระจายเสียงในประเทศไทย และใช้เป็นเพลงยุติการแพร่ภาพออกอากาศประจำวัน หรือในกรณีที่มีการออกอากาศตลอดทั้งวัน จะใช้เมื่อเปลี่ยนเวลาเข้าสู่วันใหม่ ของสถานีวิทยุโทรทัศน์ในประเทศไทย การบันทึกเสียง[แก้]บันทึกเสียงลงในกระบอกเสียงไขผึ้งของบริษัทเอดิสัน บรรเลงโดยคณะละครนายบุศย์มหินทร์ (บุศย์ เพ็ญกุล) ซึ่งได้เปิดการแสดง ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในปี พ.ศ. 2443 แผ่นเสียงแม่ไม้เพลงไทย ตรากระต่าย เพลงสรรเสริญพระบารมี เสียงร้องของแม่ปุ่นและแม่แป้น บันทึกลงในแผ่นเสียงปาเต๊ะชนิดร่องกลับทาง ส่งแตรวงกรมทหารราบที่ 3 พ.ศ. 2450 เพลงสรรเสริญพระบารมีมีการบันทึกเสียงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2443 ซึ่งเป็นการบรรเลงโดยวงดนตรีคณะละครนายบุศมหินทร์ที่ประเทศเยอรมนี บันทึกลงบนกระบอกเสียงชนิดไขผึ้งของบริษัทเอดิสัน และมีการบันทึกเสียงโดยมีการขับร้องประกอบครั้งแรกโดยเป็นเสียงร้องของแม่ปุ่น (ไม่ทราบนามสกุล) และแม่แป้น (แป้น วัชโรบล) ในแผ่นเสียงปาเต๊ะร่องกลับทางของบริษัทปาเต๊ะ ประเทศฝรั่งเศส ส่งแตรวงกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์) เมื่อ พ.ศ. 2450 ดูเพิ่ม[แก้]
อ้างอิง[แก้]
|