ช ดคร ย ม.บ รพา คณะศ ลปกรรมศาสตร ต ดเช า

Holy thing in the Burapha University สิงศักดิสทิ ธิในมหาวทิ ยาลัยบูรพา คํานาํ รายงานฉบบั นีเปนสว่ นหนึงของวชิ า Moving Forward in a Digital Society with ICT ก้าวทนั สงั คมดิจิทลั ด้วยไอซที ี โดยมี จดุ ประสงค์เพอื ทาํ ความรูจ้ ักสงิ ศกั ดิสทิ ธภิ ายในมหาวทิ ยาลัย บูรพา ทงั นีในรายงานฉบบั นีมเี นือหาทางศาสนาและตามความ เชอื ของคนในอดีตจนถึงปจจบุ นั ทไี ด้นํามารายงานเล่มนี คณะผจู้ ัดทาํ ได้เลือกหัวขอ้ นีในการทาํ รายงาย เนืองจากเปน เรอื งทนี ่าสนใจและเปนสงิ ทนี ่าเคารพนับถือเพอื ให้ได้ความรูเ้ กียว กับสงิ ศกั ดิสทิ ธภิ ายในมหาวทิ ยาลัยบูรพา และเพอื ให้เห็นถึง ความเชอื ถือตังแต่อดีตจนถึงปจจบุ นั หวงั วา่ รายงานฉบบั นีจะให้ ความรู้ และเปนประโยชน์แก่ผอู้ ่านทกุ ๆ ทา่ น หากมขี อ้ เสนอแนะ ประการใด คณะผจู้ ัดทาํ ขอรบั ไวด้ ้วยความขอบพระคณุ ยงิ คณะผจู้ ัดทาํ สารบญั เนือหา หน้า ประวตั ิมหาวทิ ยาลัยบูรพา 1-2 ตํานานศาลพระภมู ิ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยส์ ริ วิ รรณ วงษ์ทตั 3-5 ภาควชิ าภาษาไทย คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ วธิ ไี หวศ้ าลพระภมู ิ 6 พระพฆิ เนศ 7 การเตรยี มการสกั การะพระพฆิ เนศ 8 ขนั ตอนการบูชาพระพฆิ เนศ 9 หอพระประจํามหาวทิ ยาลัย 10 พระประวตั ิกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศกั ดิ 11-12 \"องค์บดิ าแหง่ กองทพั เรอื \" 13-14 วธิ บี ูชากรมหลวงชุมพร-สงิ ทไี มค่ วรกระทาํ 15-16 พระพลบดี 17-18 พระวษิ ณุกรรม สารบญั หน้า 19 เนือหา การสกั การะบูชาองค์พระวษิ ณุกรรม-คาถาบูชา 20-21 พระไพรพี นิ าศ-ลักษณะทางกายภาพ 22 ขอ้ พงึ ระวงั -พระคาถาบูชาพระไพรพี นิ าศ 23 ศาลทา่ นทา้ วมงคลสนิ ธุ์ อ้างอิง รายชอื คณะผจู้ ัดทาํ 1 ก่อนทเี ราจะไปดสู งิ ศกั ดิสทิ ธใิ นมหาวทิ ยาลัยบูรพา มาทาํ ความรูจ้ ัก ประวตั ิของมหาวทิ ยาลัยบูรพากันก่อนนะคะ Burapha University (BUU) ก่อตัง : พ.ศ. 2498 ต้นไมป้ ระจําสถาบนั : ต้นมะพรา้ ว สปี ระจําสถาบนั : สเี ทา-ทอง จํานวนคณะ : 15 คณะ 6 วทิ ยาลัย จํานวนนักศกึ ษา : ประมาณ 26,975 คน อัตราค่าเล่าเรยี น : หน่วยกิตละ 100-1,000 บาท และเหมาจ่าย (แตก ต่างกันแล้วแต่หลักสตู ร) ทอี ยูแ่ ละเบอรโ์ ทรศพั ท์ :- วทิ ยาเขตชลบุรี 169 ถนนลงหาดบางแสน ตําบลแสนสขุ อําเภอเมอื ง จังหวดั ชลบุรี โทร 0 3810 2222 - วทิ ยาเขตสารสนเทศ จันทบุรี 57 หมู่ 1 ตําบลโขมง อําเภอทา่ ใหม่ จังหวดั จันทบุรี โทร 0 3931 0000 - วทิ ยาเขตสารสนเทศ สระแก้ว อาคารทวี า่ การอําเภอวฒั นานครหลัง เก่า ตําบลวฒั นานคร อําเภอวฒั นานคร จังหวดั สระแก้ว โทร 0 3726 1560 เวบ็ ไซต์ : www.buu.ac.th, www.janburi.buu.ac.th (จันทบุร)ี , www.sakaeo.buu.ac.th (สระแก้ว) 2 ประวตั คิ วามเปนมาของมหาวทิ ยาลัยบรู พา นับวา่ เปนมหาวทิ ยาลัยเก่าแก่แห่งหนึง ก่อตังตังแต่ป 2498 ในชอื วทิ ยาลัยวชิ าการศกึ ษา บาง แสน ในป 2517 ได้รบั การยกฐานะเปนมหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ วทิ ยาเขตบางแสน และเมอื ป 2533 ก็ได้รบั การยกฐานะอีกครงั คราวนีในชอื ทเี รารูจ้ ักกันในปจจบุ นั คือ มหาวทิ ยาลัยบูรพา ซงึ ชอื นีใชม้ าเปนเวลา 15 ปแล้ว นอกจากมหี ลายชอื แล้ว ม.บูรพายงั เปนสถาบนั อุดมศกึ ษาแห่งแรกทตี ังอยูใ่ นสว่ นภมู ภิ าคของ ประเทศ และชนึ ชอื ด้านผลงานโครงงานวทิ ยาศาสตรร์ ะดับประเทศ และเนืองจากมสี ถานทใี กล้กับ บางแสนซงึ เปนสถานทพี กั ผอ่ นหลักของคนไทยสมยั ก่อน คณะวทิ ยาศาสตรท์ างทะเลของทนี ีจึงมชี อื เสยี งโด่งดัง โดยมที งั พพิ ธิ ภัณฑส์ ตั วน์ าอันเปนสถานทพี กั ผอ่ นและหาความรูข้ องครอบครวั และมี อาจารยท์ คี ณะนีทาํ วจิ ัยเกียวกับการรกั ษาพนั ธส์ ตั ว์ และเปนทปี รกึ ษาด้านวทิ ยาศาสตรท์ างทะเลและ วทิ ยาศาสตรก์ ารประมงในภมู ภิ าคชายฝงทะเลตะวนั ออกอีกด้วย นอกจากนันแผนกศลิ ปกรรมของ คณะมนุษยศาสตรก์ ็เปนทรี ูจ้ ักและบณั ฑติ ทจี บจากทนี ีก็มสี ถิติหางานทาํ ได้ดีเปนอันดับต้นๆ ของ ประเทศด้วย มหาวทิ ยาลัยบูรพามอี ีก 2 วทิ ยาเขตคือ วทิ ยาเขตสารสนเทศ จันทบุรี และวทิ ยาเขต สารสนเทศ สระแก้ว สัญลักษณ์ สญั ลักษณ์เปนรูปเลข 9 ไทย (๙) มีนกเปลวเพลิงล้อมรอบพรอ้ มรศั มี 8 แฉก ด้านล่างเปน เสน้ โค้ง ทงั หมดบรรจใุ นวงกลมซ้อน 2 วง ภายในวงกลมวงนอกเบอื งบนมีคําวา่ \"สุโข ปญญา ปฏิลาโภ\" ซงึ แปลวา่ ความได้ปญญาทาํ ให้เกิดสขุ เบืองล่างมีคําวา่ \"มหาวิทยาลัย บูรพา\" รูปเลข 9 ไทยนัน หมายถึง รชั กาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัวภมู ิพลอดุลย เดช กนกเปลวเพลิงล้อมรอบ หมายถึง ความรุง่ โรจน์และรุง่ เรอื ง เส้นโค้งด้านล่างหมาย ถึง ความมเี คลือนไหวและการพฒั นาไม่สนิ สดุ สปี ระจํามหาวทิ ยาลัยคือ \"สเี ทา-ทอง\" สเี ทาหมายถึง ความเจรญิ ทางสติปญญา สที อง หมายถึง คณุ ธรรม สเี ทา-ทอง จึงหมายถึง บณั ฑิตจากมหาวิทยาลัยบูรพาเปนผูก้ อปร ด้วยสติปญญา และมคี ณุ ธรรม และเนืองจากอยูใ่ กล้ทะเล ต้นไม้ประจําวิทยาลัยทนี ีจึง เปน \"ต้นมะพรา้ ว\" ตรากนกเปลวเพลงิ สัญลกั ษณประจาํ มหาวิทยาลัยบูรพา 3 ต่อมาเปนสงิ ศกั ดิสทิ ธใิ นมหาวทิ ยาลัยบูรพาทเรมิ จากเขา้ มาทางประตหู น้า มหาวทิ ยาลัยบูรพาก็จะเจอศาลพระภมู ปิ ระจํามหาวทิ ยาลัยบูรพา ตาํ นานศาลพระภูมิ ผชู้ ว่ ยศาสตราจารยส์ ริ ิวรรณ วงษท์ ัต ภาควชิ าภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ คนไทยมคี วามเชอื วา่ พระภมู ิ หรอื ภมู เิ ทวดา มหี น้าทรี กั ษาอาณาเขตทดี ินทเี จ้าของได้ อัญเชญิ มาสงิ สถิตยบ์ นศาลพระภมู ิ เพอื ปกปองค้มุ ครองเจ้าของบา้ นและบรวิ ารให้ อยูเ่ ยน็ เปนสขุ มคี วามเจรญิ รุง่ เรอื ง การตังศาลพระภมู เิ ปนทนี ิยม นับถือกันมากทงั ที เปนเคหสถาน บา้ นเรอื น สถานทรี าชการ บรษิ ัท รา้ นค้า เปนต้น. ตํานานหรอื ประวตั ิทมี าของพระภมู ไิ ด้มผี รู้ ูก้ ล่าวไวห้ ลายทางด้วยกัน ในทนี ีจะขอ นํามาเล่าหนึงตํานานคือทกี ล่าวไวใ้ นคัมภีรพ์ ระเวทยใ์ นศาสนาฮินดวู า่ เมอื ปฐมบรรพ์ ครงั เมอื พระนารายณ์ได้อวตารลงมา ในปางทหี ้านันพระอินทรไ์ ด้เปนหัวหน้าเทวดาทงั หลาย สว่ นฝายยกั ษ์มที า้ วพลีเปนหัวหน้า ได้ชกั ชวนพวกเทวดาและพวกยกั ษ์ ให้ทาํ พธิ กี วนนาอมฤต โดยได้เชญิ พระนารายณ์อวตารมาเปนประธาน การกวนนาอมฤตครงั นีฝายยกั ษ์ ถกู เพลิงกรดทพี น่ ออกมาจากปาก พญานาคซงึ ได้เชญิ มาทาํ เปน สายพานเพอื ฉดุ กระชากเขาไกรลาส พวกยกั ษ์ต่างได้รบั ความลําบาก อ่อนเปลียหมดเรยี วแรง ครนั ได้ นาอมฤตแล้วเหล่าเทวดาพระนารายณ์ เกรงวา่ ถ้าให้พวกยกั ษ์ได้ดืมกินด้วย ก็จะมฤี ทธอิ ํานาจ พระนารายณ์ จึงคิดอุบายแปลงกายเปนหญงิ งาม หลอกล่อพวกยกั ษ์ไห้เกิดความหลงใหล รกั ใครต่ ามไปในทหี ่างไกลจากสถานที กวนนาอมฤต พวกเทวดาต่างก็พากัน ดืมกินนาอมฤตนันจนหมดสนิ พวกยกั ษ์ทตี ามนางงามแปลง เห็นนางหายไป ก็กลับ มายงั ทกี วนนาอมฤต เมอื รูว้ า่ นาอมฤตหมดแล้ว 4 ต่างก็โกรธแค้นทเี สยี รู้ จึงเขา้ สรู้ บกับเทวดา แต่ก็ประสบความพา่ ยแพ้ จากการต่อสู้ ทา้ วพลีซงึ เปนหัวหน้าของพวกยกั ษ์ ได้เสยี ชวี ติ เหล่าลกู น้องยกั ษ์จึงนําศพกลับบา้ น เมอื งของตน และไปเชญิ พราหมณ์มาประกอบพธิ สี ญั ชพี จนทา้ วพลีฟนคืนชวี ติ ตังแต่ นันมาทา้ วพลีได้ประกอบพธิ บี าํ เพญ็ พรตจนมอี ิทธฤิ ทธิ แล้วยกกองทพั ยกั ษ์ไปทาํ สงครามกับพวกเทวดา เพอื แก้แค้น การสงครามครงั นีฝายยกั ษ์ได้มชี ยั ชนะแก่พวก เทวดา ทา้ วพลีได้ตังตัวขนึ เปนเจ้าผคู้ รองโลก สว่ นพระอินทรผ์ เู้ ปนหัวหน้าเทวดาทงั ปวง เมอื ได้รบั ความพา่ ยแพแ้ ก่พวกยกั ษ์ ก็มแี ต่ความทกุ ข์ ลําบาก เพราะพวกยกั ษ์หรอื พวกอสรู ได้แยง่ ทอี ยูอ่ าศยั ของตนไป ครอบครองไวจ้ นหมดสนิ พระอินทรจ์ ึงนําเรอื งราวทงั หมดทเี กิดขนึ ไปปรกึ ษาพระกัศ ยมนุ ีและพระนางอทติ ิ ผเู้ ปนเทพบดิ า มารดา พระนางอทติ ิจึงชว่ ยเหลือด้วยการทาํ พธิ ี บูชาพระผเู้ ปนเจ้า พธิ บี ูชานีรอ้ นขนึ ไปจนถึงพระนารายณ์ พระองค์จึงได้เสด็จลง มาโปรด โดยวธิ อี วตารลงมาเกิดในพระครรภ์ของพระนางอทติ ิ เมอื พระองค์คลอดจาก ครรภ์ของพระนางอทติ ิแล้ว จะได้ทาํ การปราบทา้ วพลี เมอื พระนางอทติ ิทรงครรภ์จนครบกําหนดแล้ว พระนารายณ์ก็ได้ประสตู ิจาก พระครรภ์ โดยเปนผชู้ ายทมี รี า่ งกายตาเตีย จึงได้มพี ระนามวา่ วามนะ เมอื ทรง เจรญิ วยั มพี ระชนมายุควรแก่การออกบวช จึงได้บวชเปนพราหมณ์ ครนั อยูม่ าวนั หนึง ทราบวา่ ทา้ วพลีจะทาํ พธิ บี ูชายญั พราหมณ์ วามนะ จึงได้ลาบดิ ามารดา เพอื จะเดิน ทางไปสสู่ ถานทที าํ พธิ ขี องทา้ วพลี เมอื ไปถึงก็ได้รบั การต้อนรบั เปนอยา่ งดีจากทา้ วพลี ทา้ วพลีได้ถามความประสงค์ของพราหมณ์ทเี ดินทางมาถึงทอี ยูข่ องตน เพอื จะได้จัด ถวายให้ตามความประสงค์ทกุ สงิ เมอื วามนะพราหมณ์ได้โอกาสตามทที า้ วพลีอนุญาต แล้ว จึงได้เอือมมอื ไปหยบิ นาเต้า เพอื จะได้หลังเปนนาทกั ษิโณทกให้ตกลงเหนือมอื วามนะพราหมณ์ เปนการอุทศิ ถวายตามประเพณี จากนันพราหมณ์วามนะได้ทาํ อิทธฤิ ทธิ แล้วก้าวเทา้ ไป เมอื ก้าวเทา้ ไปเพยี งสอง ยา่ งเทา้ เทา่ นัน ก็ตลอดทไี ปจนหมดโลก เมอื ทา้ วพลีเห็นเหตกุ ารณ์ก็ตกใจอยา่ งยงิ วามนะพราหมณ์จึงได้กลายรา่ งเปนพระนารายณ์ และได้พดู ยนื ยนั ถึงคําพดู ของทา้ ว พลี ทไี ด้อนุญาตยนิ ยอมยกทดี ินให้แก่ตนสามยา่ งก้าว แต่เมอื ตนได้ก้าวไปเพยี งสอง ก้าวเทา่ นัน ผนื แผน่ ดินก็ได้หมดไปตลอดทงั โลกแล้ว ทยี งั อยูอ่ ีกก้าวหนึงนัน ก็ไมร่ ูจ้ ะไปเอาพนื แผน่ ดินทไี หนมาก้าวให้ครบ 5 ได้ จึงได้บอกแก่ทา้ วพลีวา่ ทา่ นไมม่ สี ทิ ธทิ จี ะอยูใ่ นพนื ภมู โิ ลกนีได้อีก ต่อไปแล้ว เพราะได้ออกปากยกให้เปนสทิ ธแิ ก่พระนารายณ์หมดแล้ว จากนันทรงขบั ไล่ทา้ วพลีให้ไปอยูใ่ ต้พนื บาดาลเบอื งตา และแล้วพระ นารายณ์ก็ได้เสด็จสสู่ ถานะเทพเจ้าตามเดิม ขณะทที า้ วพลีลงไปอยูใ่ ต้พนื บาดาลโลกนัน ได้พยายามทาํ พธิ ี ประกอบการทาํ ยญั พธิ บี ูชาพระผเู้ ปนเจ้าอยูเ่ สมอ ด้วยอํานาจแห่ง ยญั พธิ ที ที า้ วพลีได้ประกอบขนึ จึงได้รอ้ นไปถึงพระนารายณ์ผเู้ ปน เจ้า พระองค์ได้เสด็จลงไปทใี ต้บาดาลซงึ เปนสถานทอี ยูข่ องพลี และ ได้ประสาทพรให้แก่ทา้ วพลีอีกครงั หนึง อนุญาตให้ทา้ วพลีได้ขนึ มา อยูบ่ นพนื บาดาล และได้ตรสั เตือนให้จงทาํ แต่ ความดีตลอดไปแล้วพระองค์ จะโปรดให้กลับขนึ มา ปกครองพนื ภมู โิ ลกเหมอื น แต่ก่อนทา้ วพลีก็ได้พากเพยี ร บาํ เพญ็ คณุ งามความดี คือตบะญาณอยูต่ ลอดมาจน ถึงปจจบุ นั ด้วยมคี วามหวงั วา่ ตนนันจะได้กลับมาเปน เจ้าผปู้ กครองพนื ภมู โิ ลกนี อีกในกาลภายหน้า ตามประวตั ิความเปน มาดังกล่าวขา้ งต้น ชาวไทย จึงได้มคี วามเคารพนับถือ พระภมู ิ คือ ทา้ วพลี ผเู้ คยได้ เปนเจ้าปกครองพนื โลกนีมา แล้วแต่ดังเดิมและยงั มคี วาม หวงั วา่ ต่อไปในอนาคต ก็จะได้กลับมาเปนเจ้าผปู้ กครองภมู โิ ลกนีอีกครงั หนึง ชาวไทยผมู้ ี ความเชอื เรอื งพระภมู จิ ึงได้ตังศาลสาํ หรบั ให้วญิ ญาญพระภมู เิ จ้าที หรอื เทวดาได้อาศยั อยู่ ซงึ มลี ักษณะเปนบา้ นหรอื วหิ ารหลังเล็กตังอยู่ บนเสาเดียวหรอื ปะราํ ทที าํ จากปูนหรอื ไม้ ตังไวใ้ นจดุ ทเี ปนมงคลตาม ความเชอื โดยจดุ ทเี ปนมงคลนีถกู กําหนดโดยพราหมณ์ ซงึ มกั อยูร่ มิ รวั หรอื มมุ หนึงนอกบา้ น และบา้ นหนึงก็อาจมศี าลพระภมู มิ ากกวา่ หนึงหลัง ศาลพระภมู มิ กี ารเรยี กชอื อืน ๆ อีก เชน่ ศาลเจ้าที ศาลเพยี ง ตา ศาลอากาศเทวดา 6 วธิ ไี หวศ้ าลพระภมู ิ ของไหวศ้ าลพระภมู ิ หรอื เครอื งเซน่ ไหวศ้ าลพระภมู ิ มี 3 สว่ นด้วยกัน ประกอบด้วย ของบูชา ของคาว และ ของหวาน ดังนี - ของบูชา ได้แก่ ดอกไม้ พวงมาลัย ขา้ วปากหมอ้ (ขา้ วทหี ุงใหมก่ ่อนคนบรโิ ภคเทา่ นัน) แกง และแกงจืด - ของคาวต่าง ๆ ได้แก่ หัวหมู เปด ไก่ ก้งุ ปู ปลามหี ัว-หาง ทงั นี สามารถใชส้ าํ หรบั ตังไหวเ้ นืองในเทศกาล ต่าง ๆ ได้เชน่ กัน เชน่ วนั เกิด วนั ปใหม่ วนั ตรุษจีน รวมถึงการแก้บน เปนต้น - ของหวาน ได้แก่ ขนมสามทอง (ทองหยบิ , ทองหยอด, ฝอยทอง) ขนมเมด็ ขนุน ขนมสขี าว-สแี ดง กล้วย มะพรา้ วนาหอมอ่อน นม เนย และผลไมต้ ่าง ๆ ยกเวน้ ผลไมท้ มี ชี อื ไมเ่ ปนมงคล เชน่ มงั คดุ ละมดุ พทุ รา น้อยหน่า ระกํา สละ กระทอ้ น ทเุ รยี น ลางสาด เปนต้น วธิ กี ารบูชาศาลพระภมู ิ (พระชยั มงคล) ทถี กู ต้อง เรมิ จากให้จดุ ธูป 9 ดอก แล้วตังนะโม 3 จบ แล้วต่อด้วย พระคาถาไหวศ้ าลพระภมู ิ ดังนี ภมู มสั มงิ ทสิ าภาเค สนั ติภมู มา มหทิ ธกิ า เตปตมุ เห อนุรกั ขนั ตุ อาโรคเยนะ สเุ ขนะจะ (3 จบ) สโิ รเม ขอเดชะพระภมู เิ ทวารกั ษาที รบั พระพรจากเจ้ากรุงพาลี ใหว้ ฒั นาถาวรสงิ สขุ แด่ ขา้ พเจ้า ขอใหข้ า้ พเจ้า (คําอธษิ ฐาน) มงั มเี งนิ ทองและทรพั ยพ์ สั ดขุ า้ วของเนืองนอง โสตถิ ชยั ยะ ภะ วนั ตุ เม พระพฆิ เนศ 7 ตํานานเกียวกับพระพฆิ เนศ พระพฆิ เนศ เปนโอรสของพระศวิ ะกับพระศรมี หาอุมาเทวี มอี ีกชอื หนึงวา่ “คชา นนท”์ มกี ายเปนมนุษย์ มเี ศยี รเปนชา้ ง มงี าขา้ งเดียว พระวรกายสแี ดง สชี มพู สขี าว และสเี หลือง เปนต้น นุ่งห่มภษู าแดง มี 4 กร ถือบว่ งบาศ ตะขอสบั ชา้ ง และมเี ทพ ศสั ตราวธุ อีกหลายชนิด มพี าหนะบรวิ ารคือ หนู ชอื วา่ “มสุ กิ ะ” โดยชนพนื เมอื งอินเดีย นอกจากจะมลี ัทธกิ ารบูชาสตั ว์ หรอื ลัทธแิ ห่งชยั ชนะเหนือ ธรรมชาติแล้ว ยงั เชอื วา่ หนู เปนสญั ลักษณ์ของความมดื ซงึ พระพฆิ เนศทรงขหี นู จึงหมายถึง “ชยั ชนะของแสงอาทติ ย์ ทขี จัดความมดื ให้หมดสนิ ไป” เปนเทพเจ้า ผทู้ รงขจัดอุปสรรคทงั ปวง เปนเทพเจ้าแห่งความฉลาดรอบรู้ ความสาํ เรจ็ เปนเทพ ประจําเรอื น ผปู้ ระทานความอุดมสมบูรณ์ และค้มุ ครองปองกันสงิ ชวั รา้ ยทงั ปวง ไหวพ้ ระพฆิ เนศชว่ ยเรอื งอะไร ตามความเชอื แล้ว พระพฆิ เนศถือได้วา่ เปนเทพเจ้าแห่งจักรวาล ดังนันการสกั การะ บูชาพระพฆิ เนศ และการอธษิ ฐานขอพรใด ๆ ทไี มเ่ กินวาสนาบารมี ยอ่ มสาํ เรจ็ ได้ทกุ สงิ อยา่ ง องค์พระพฆิ เนศยอ่ มประทานพรให้สมปรารถนาเสมอ ไมว่ า่ จะเรอื งการ เรยี น การงาน การเงนิ และความรกั อีกทงั ยงั ชว่ ยปดเปาอุปสรรค แก้ไขปญหาต่าง ๆ ตลอดจนชว่ ยให้ทกุ อยา่ งประสบผลสาํ เรจ็ พระพิฆเนศหน้า คณะศิลปกรรม สาขาดนตรแี ละ การแสดง 8 พระพิฆเนศ หน าคณะ ศลิ ปกรรม การเตรยี มการสกั การะพระพฆิ เนศ การสักการะบูชาพระพิฆเนศหลัก ๆ สามารถบูชาได้ทุกวัน สามารถบูชาได้ทุกคน และสามารถขอพรได้อย่างไม่จํากัด แต่ถ้าอยากจะบูชาอย่างถูกต้องตามความเชือ มีหลักการที ว่าควรเรมิ ต้นบูชาพระพิฆเนศใน “วันอังคาร” และ “วัน พฤหัสบดี” เพือถวายตัวเปนผู้ศรทั ธาหรอื ลูกศิษย์ของพระ พิฆเนศ จากนันวันต่อ ๆ ไป ให้สักการะตามปกติวันไหนก็ได้ เพราะถือว่าเปนฤกษ์มงคลทังนัน ไม่มีวันไหนทีไม่เหมาะแก่ การบูชาพระพิฆเนศเลย ขันตอนการบูชาพระพิฆเนศ 9 ถวายเครอื งบูชาสกั การะ โดยนําของทงั หมดวางไวห้ น้าเทวรูปพระพฆิ เณศ วางดอกไมไ้ หวห้ น้าเทวรูป หรอื ถ้ารอ้ ยเปนพวงให้นําไปคล้องทพี ระกรของเทวรูป จดุ เทยี น ธูปหอม กํายาน ฯลฯ ต่อหน้าเทวรูป ทาํ จิตใจให้สงบแล้ว ตังนะโม 3 จบ และเรมิ กล่าวบทสวดพระพฆิ เนศ พอทอ่ งบทสวดมนต์เสรจ็ แล้ว ให้อธษิ ฐานขอพรเปนภาษาไทย กล่าวคําวา่ “โอม ศานติ” (3 ครงั ) ขอความสนั ติและสงบสขุ เปนอันเสรจ็ พธิ ี คําบูชา พระ พฆิ เนศ ตรง สาขา ดนตรแี ละ การแสดง คําบูชาพระ พฆิ เนศหน้า คณะ ศลิ ปกรรม 10 หอพระประจํามหาวทิ ยาลัย หรอื ทเี รยี กวา่ หอพระพทุ ธภควนั ตศาสดา มหาวทิ ยาลัยบูรพาภิมงคล เมอื ป พ.ศ. ๒๕๓๔ มหาวทยิ าลัยบูรพาได้จัดสรา้ งหอพระ เพอื ประดิษฐาน “พระ พทุ ธภควนั ตศาสดา มหาวทิ ยาลัยบูรพาภิมงคล” พระพทุ ธรูปประจํามหาวทิ ยาลัยโดย สมเด็จพะสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก ได้เสด็จเปนองค์ประธานในพธิ บี รรจุ พระบรมสารรี กิ ธาตุ ณ เกศมาลาของพระพทุ ธรูป เมอื วนั ที ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ แต่ต่อมาในป พ.ศ. ๒๕๔๐ มหาวทิ ยาลัยต้องการใชพ้ นื ทดี ้านหน้าของมหาวทิ ยาลัย เพอื สรา้ งอาคารสาํ นักงานอธกิ ารบดี ซงึ ทบั ซอ้ นพนื ทพี อพระเดิม ทาํ ให้ต้องรอื หอพระ หลังเดิมจึงยา้ ยองค์พระไปประดิษฐาน ณ หอพระชวั คราว และได้จัดสรา้ งหอพระหลัง ใหมแ่ ล้วเสด็จ เมอื วนั ที ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เปนหอพระทสี วยสงา่ งามนับเปน ศริ มิ งคลแก่มหาวทิ ยาลัยบูรพายงิ 11 พระประวตั ิกรมหลวงชมุ พรเขตรอุดมศกั ดิ \"องค์บดิ าแหง่ กองทัพเรอื \" กําลังรบทางเรอื ของไทย มกี ําเนิดมาควบค่กู ับ การสรา้ งอาณาจักรไทย ตังแต่สมยั สโุ ขทยั แต่ในอดีตไมไ่ ด้มี การแบง่ แยกเปน กองทพั บก หรอื กองทพั เรอื ดังเชน่ ปจจบุ นั เมอื ยาตราทพั ไป ทางบก เพอื ทาํ สงครามก็เรยี กวา่ \" ทพั บก \" หากเมอื ยาตราทพั ไป ทางเรอื ก็เรยี กวา่ \" ทพั เรอื \" ในอดีต และปจจบุ นั ทหารเรอื ได้ยกยอ่ ง พล.ร.อ. พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศกั ดิ เปน \" องค์บดิ าแห่งกองทพั เรอื \" ซงึ นับเปน การเทดิ ทนู พระเกียรติคณุ อยา่ งสงู สดุ เนืองจากพระองค์ ได้ทรงนําความ เจรญิ รุง่ เรอื ง มาสกู่ องทพั เรอื และ ประเทศชาติ โดยทรงวางรากฐาน การบรหิ ารงาน ของกองทพั เรอื ระเบยี บวธิ ปี ฏิบตั ิต่าง ๆ ภายในกองทพั เรอื จนทาํ ให้ทพั เรอื ไทย มี ความทนั สมยั มมี าตรฐาน และ เจรญิ ก้าวหน้า ทดั เทยี มกับ อารยะประเทศ มาจวบจน ทกุ วนั นี พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศกั ดิ ทรงมี พระนาม เดิมวา่ \" พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ \" เปนพระราชโอรสองค์ที 28 ใน พระบาท สมเด็จ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยูห่ ัว ประสตู ิเมอื วนั ที 19 ธนั วาคม 2423 เปนพระเจ้าลกู ยาเธอองค์ที 1 ในเจ้าจอมมารดาโหมด ธดิ าเจ้าพระยาสรุ วงศไ์ วยวฒั น์ ( วร บุนนาค ) ผบู้ ญั ชาการทหารเรอื วงั หลวง พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงชุมพร เขตรอุดมศกั ดิ เปนเจ้านายพระองค์แรก ทสี าํ เรจ็ การศกึ ษา วชิ าการทหารเรอื จากประเทศอังกฤษ พระองค์ทรงมจี ดุ ประสงค์ อันแรงกล้าทจี ะฝก ให้ทหารเรอื ไทย เดินเรอื ทะเลได้อยา่ งชาวต่างประเทศ และ สามารถทาํ การรบ ทางเรอื ได้เนืองจากในอดีต ประเทศไทย ได้วา่ จ้างชาวต่างชาติ มา เปนผบู้ งั คับการเรอื มาโดยตลอด แมแ้ ต่ในคราวที พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าฯ เสด็จประพาสฯ ยุโรปครงั แรก ก็ยงั ได้วา่ จ้าง \" กัปตันคัมมงิ \" และคณะนายทหาร เรอื อังกฤษ เปนผเู้ ดินเรอื ภายหลังจากทพี ล.ร.อ. พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงชุมพรเขต อุดมศกั ดิ สาํ เรจ็ การศกึ ษา และเขา้ รบั ราชการ ทหารเรอื แล้ว พระองค์ได้แก้ไข ปรบั ปรุงระเบยี บการ ในโรงเรยี นนายเรอื ทรงเปนครูสอนนักเรยี นนายเรอื และรเิ รมิ การใช้ ระบบการปกครองบงั คับบญั ชา ตามระเบยี บ การปกครองในเรอื รบ คือการแบง่ ให้นักเรยี นชนั สงู บงั คับบญั ชารองลงมา นอกจากนียงั ทรงจัดเพมิ วชิ าสาํ คัญสาํ หรบั ชาวเรอื ขนึ เพอื ให้สาํ เรจ็ การศกึ ษา สามารถเดินเรอื ทางไกลในทะเลนาลึกได้คือ วชิ า ดาราศาสตร์ ตรโี กณมติ ิ อุทกศาสตร์ การเดินเรอื เรขาคณิต พชี คณิต ฯลฯ 12 ในป 2462 พระองค์ทรงเปนผบู้ งั คับการเรอื โดยนําเรอื หลวงพระรว่ งจากประเทศอังกฤษ เขา้ มายงั กรุงเทพมหานคร นับเปนครงั แรกทนี ายทหารเรอื ไทย เดินเรอื ได้ไกลขา้ มทวปี ทสี าํ คัญพระองค์ทรงเปนหัวเรยี วหัวเเรงทสี าํ คัญทที าํ ให้พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเจ้าหลวง ทรงเห็นความสาํ คัญ และโปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระราชวงั เดิม ให้เปนทตี ังของโรงเรยี น นายเรอื เมอื วนั ที 20 พ.ย. 2449 ทาํ ให้กิจการทหารเรอื มี รากฐานมนั คงนับตังแต่บดั นัน และกองทพั เรอื จึงยดึ ถือ วนั ดังกล่าวของทกุ ปเปน \"วนั กองทพั เรอื \" จากการทพี ระองค์ ทรง เปนนักยุทธศาสตร์ ทเี ล็งเห็นการไกล พระองค์ได้ทลู เกล้าฯ ขอพระราชทานทดี ินบรเิ วณ อําเภอสตั หีบ เพอื สรา้ งเปนฐานทพั เรอื เนืองจากทรงพจิ ารณาแล้วเห็นวา่ อ่าวสตั หีบเปนอ่าว ทมี ขี นาดใหญ่ นาลึกเหมาะแก่การฝกซอ้ ม ยงิ ตอรป์ โดได้และเกาะน้อยใหญ่ ทรี ายล้อมรอบ สามารถบงั คับคลืนลมได้เปนอยา่ งดี อีกทงั เรอื ภายนอกเมอื แล่นผา่ นพนื ทดี ังกล่าว จะไม่ สามารถมองเห็นฐานทพั ได้เลย นอกจากพระองค์ ทรงเปนนักยุทธศาสตรแ์ ล้ว ด้านการ แพทยพ์ ระองค์ทรงศกึ ษาค้นควา้ อยา่ งจรงิ จัง และเสด็จไปรกั ษาโรคภัยไขเ้ จ็บ ให้กับ ประชาชนด้วยพระองค์เอง ไมว่ า่ เปนคน. ไทยหรอื คนจีน จนกระทงั ชาวจีนยา่ นสาํ เพง็ มี ความทราบซงึ ในพระกรุณาธคิ ณุ และได้เรยี กพระองค์ทา่ นวา่ \"เตีย\" ซงึ หมายถึงพอ่ ทาํ ให้ในเวลาต่อมาทหารเรอื ได้เรยี ก พระองค์วา่ \"เสด็จเตีย\" สาํ หรบั ในหมคู่ นไขช้ าวไทย ทพี ระองค์รกั ษานัน มกั จะเรยี กขานนาม พระองค์วา่ \"หมอพร\" พล.อ.ร.พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศกั ดิ ทรง ประชวร และสนิ พระชนม์ ในขณะทปี ระทบั อยูท่ หี าดทรายรี ปากนาเมอื งชุมพร เมอื วนั ที 19 พ.ค. 2466 เวลา 11.40 น. ยงั ความโศกเศรา้ มาสบู่ รรดาทหารเรอื ยงิ นัก 13 วธิ บี ูชากรมหลวงชมุ พร เจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศกั ดิ หรอื ทเี รยี กกันวา่ “เสด็จเตีย” นีเปน สมญานามทปี ระชาราษฎรต์ ่างพากันพรอ้ มในเรยี กสมญานี เหตเุ พราะพระเมตตา กรุณาทมี ตี ่อประชาราษฎรด์ จุ ลกู หลานของทา่ นเอง วธิ กี ารปฏิบตั ิบูชา จดุ ธูป 9 ดอก หรอื 19 ดอก โดยเครอื งสกั การะดอกกหุ ลาบแดง, พวงมาลัยดอกมะลิหรอื ดอกเขยี วกระแต, หมาก พล,ู จดุ ประทดั ถวาย, ยงิ ปนถวายด้วยกระสนุ จรงิ หรอื ถวายสมอเรอื , พงั งาเรอื , ปน ใหญจ่ ําลอง, เรอื รบจําลองเครอื งเสวย นาตาลเมา ( โปรดเปนพเิ ศษ ), เบยี ร,์ บรนั ดี, ซกิ ารห์ รอื บุหรแี บบซกิ าแรต็ , นาชาจีน, ขนมจีนนาพรกิ (โปรดเปนพเิ ศษ), ขนมและ ผลไมไ้ ทยทวั ไป กับขา้ วแบบไทยทวั ไป (รสจัด), เปด, ไก่, ปลา, ก้งุ สงิ ทไี มค่ วรกระทาํ 1. การเอาพวงมาลัยไปสวมพระเศยี ร 2. อาหารทปี รุงด้วยเนือววั เนือหมู ( โดยเฉพาะพะแนงเนือ ห้ามเด็ดขาด มผี เู้ คย ถวายแล้วเกิดอาเพศกับผนู้ ัน) สาํ หรบั การบวงสรวงกรมหลวงชุมพรนัน สว่ นใหญจ่ ะนิยมกระทาํ กันในวนั ที 19 ธนั วาคม อันเปนวนั อาภากรราํ ลึก หรอื เปนวนั คล้ายวนั ประสตู ิของกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศกั ดิ นันเอง 14 สาํ หรบั เครอื งบวงสรวง มดี ังต่อไปนี 1. ขา้ วปากหมอ้ (ขา้ วทพั พแี รกเมอื หุงเสรจ็ ) 2. หมตู ้ม 1 ชนิ (ประมาณครงึ กิโลกรมั ขนึ ไป) 3. ไก่ต้ม 1 ตัว (หรอื 1 ชนิ ถ้าหากมี ฐานะยากจนแต่ชนิ ต้องไมเ่ ล็กเกินไป) 4. ทองหยบิ ทองหยอด ฝอยทอง เมด็ ขนุน 1 จาน 5. ขนมจีนนาพรกิ วธิ กี ารบนคือให้ตังโต๊ะกลางแจ้ง ปูผา้ ขาว พรอ้ มขา้ วตอกดอกไม้ ธูป เทยี นและ เครอื งบวงสรวงด้านบน ก่อนบนต้องตังเครอื งบนครงั หนึงเมอื ได้ผลแล้ว จะต้องตัง เครอื งบนอีกครงั หนึง แล้วตามด้วยคําบนวา่ ขา้ พเจ้าชอื .....นามสกลุ .....ขอบนต่อ เสด็จกรมหลวงชุมพรวา่ ขอให้ลกู .....(บอกให้ละเอียด วา่ ทไี หน เวลาอะไร เรอื ง อะไร) ขอให้ลกู ได้ตามทปี รารถนา(หรอื ตามทบี นไว)้ และลกู จะนําเครอื งบวงสรวงนี มาสกั การะอีกครงั หนึง อยา่ งไรก็ตามจะขอพรหรอื บนให้สาํ เรจ็ ดังทหี วงั ไวน้ ัน จําเปนต้องเกิดจากความ ศรทั ธาและตังใจจรงิ รวมทงั การประพฤติดีของผทู้ ตี ้องการจะขอพรหรอื บนบาน นันเพราะแน่นอนวา่ ทา่ นยอ่ มเมตตาเฉพาะผทู้ ปี ระพฤติในความดีเทา่ นัน พลเรอื เอก พระเจ้าบรมวงค์ เธอ กรมหลวง ชมุ พรเขตอุดม ศกั ดิหน้าวทิ ยาลัย การขนสง่ และโลจิ สติกส์ 15 พระพลบดี ก่อนจะกล่าวถึงพระพลบดี ขอกล่าวถึงชา้ งเอราวณั เปนอันดับแรก เนืองจาก อธบิ ดีกรม พลศกึ ษา คนแรกคือ นอ.หลวงศุภชลาศยั เปนทหารเรอื จึงได้นําเอาชา้ ง เอราวณั ทมี อี ยูใ่ น ตราราชวลั ลภ และหมายถึงประเทศไทยมาใชใ้ นตราของกรม พลศกึ ษา พระพลบดีเปนนามของพระอินทร์ ในความหมายวา่ เทพผเู้ ปนราชาแห่ง พละ ๕ ซงึ ได้แก่กําลังหรอื พลัง ๕ ขอ้ มชี อื เชน่ เดียวกันกับอินทรยี ์ ๕ คือ ๑ สทั ธา พละ กําลังคือศรทั ธา ๒ วริ ยิ ะพละ กําลังคือวริ ยิ ะความเพยี ร ๓ สติพละ กําลังคือ สติ ๔ สมาธพิ ละ กําลัง คือสมาธิ ๕ ปญญาพละ กําลังคือปญญา พระอินทรเ์ ปนชอื เทวราชผเู้ ปนใหญใ่ นสวรรค์ชนั ดาวดึงสแ์ ละชนั จาตมุ มหาราชหรอื ผเู้ ปนใหญใ่ น เทวโลก เทวโลกมี ๖ ชนั รูก้ ันทวั ไปวา่ สวรรค์เปนภมู หิ รอื กําเนิด อันสมบูรณ์เพยี บ พรอ้ มไปด้วยความผาสกุ ทกุ ๆสงิ ล้วนชวนให้เพลิดเพลินเจรญิ ใจทงั นัน ดังมี คํา เปรยี บเทยี บสงิ สวยงามวา่ เหมอื นกับชาวสวรรค์เปรยี บหญงิ งามวา่ เหมอื นเทพธดิ า ชายงามวา่ เหมอื นเทพบุตร บา้ นเมอื งสะอาดสวยงามวา่ เหมอื นเมอื งสวรรค์ เปนต้น พระอินทรก์ ับเทพสหจรรวม ๓๓ องค์ เปนผปู้ กครองเทวโลกชนั นีซงึ มเี วช ยนั ตปราสาท มสี ธุ รรมสภา มสี วนนันทวนั มสี วนจิตรลดามี สนุ ันทาโบกขรณี ล้วน แต่น่ารนื รมยท์ งั นีเกิดขนึ เพราะบุญญานุภาพของพระอินทร์ พระนามทหี มายถึง พระอินทรม์ มี ากถึง ๒๗ พระนาม พระนามเหล่านีล้วนเปนเนรมติ ตกนามไมม่ ใี คร ตังให้ เกิดขนึ ตามคณุ สมบตั ิแต่พระนามทรี ูจ้ ักกันโดยมากคือ พระอินทร์ ทา้ วสกั ก เทวราช ทา้ วมฆวะทา้ วปุรนิ ททะ ทา้ ววาสวะ ทา้ วสหัสสกั ขะ ทา้ วสชุ มั บดี ทา้ วเท วานมนิ ทะเปนต้น พระอินทร์ มมี า้ สนิ ธพเปนมา้ นิรมติ สาํ หรบั เทยี มเวชยนั ตราชร ถมาตลิเทพบุตรเปนสารถี สว่ นชา้ งของพระอินทรน์ ันชอื วา่ เอราวณั เปนชา้ ง จําแลง คือ เทพบุตร ชอื วา่ เอราวณั จําแลงเปนชา้ งทรง ในเวลาพระอินทรแ์ ละเทพ สหจรเสด็จประพาสอุทยานเอราวณั เทพบุตรจะนิรมติ กายเปนชา้ งใหญป่ ระมาณ ๑๕๐ โยชน์ มกี ระพอง ๓๓ กระพอง แต่ละกระพองวดั โดยรอบประมาณ ๓ คาวตุ วดั ผา่ ศูนยก์ ลางกึงโยชน์ในทา่ มกลางกระพองทงั หมด จะมกี ระพองหนึงประมาณ ๓๐ โยชน์ ชอื สทุ ศั นะเปนทปี ระทบั 16 ของพระอินทร์ บนกระพองเหล่านันมรี ตั นมณฑปประมาณ ๑๒ โยชน์ในระหวา่ งกระพองเหล่านันประดับด้วยธงแก้ว ๗ ประการ สงู ธงละ ๑ โยชน์ มบี ลั ลังก์แก้วมณีประมาณ ๑ โยชน์ สาํ หรบั พระอินทรซ์ งึ มอี ยูใ่ นทา่ มกลางรตั นมณฑปกระพองอืน นอกจากนีมรี ตั นบลั ลังก์ประจําสาํ หรบั เทพสหจรเหล่านัน กระพองหนึง ๆ มงี ากระพองละ ๗ งา งาหนึง ๆ ยาว ๕๐ โยชน์แต่ละงามสี ระโบกขรณี ๗ สระ แต่ละสระโบกขรณีมกี อ ปทมุ ๗ กอแต่ละกอมดี อกปทมุ ๗ ดอก แต่ละดอกมเี ทพ อัปสรฟอนราํ อยู่ ๗ นางทงั นีเกิดขนึ ด้วยการนิรมติ ของ เอราวณั เทพบุตร คาถาของชาวพลศกึ ษา กยริ า เจ กยริ า เถนัง ทาํ อะไร ทาํ จรงิ ( นะโม ๓ จบ ) กยริ า เจ กยริ า เถนัง กยริ า เจ กยริ า เถนัง กยริ า เจ กยริ า เถนัง 17 พระวษิ ณุกรรม พระวศิ วกรรม เทพเจ้าแห่งสถาปตยกรรม พระวษิ ณุการมศลิ ปะอินเดียเหนือ (ซา้ ย) และศลิ ปะเบงกอล (ขวา) วมิ าน วศิ วกรรมโลก มนตร์ โอม วศิ วกรรมะยะ นะมะ อาวธุ ตาชงั พาหนะ ห่าน หรอื ชา้ ง (คติเบงกอล) ค่คู รอง พระคยาตร[ี ต้องการอ้างอิง] บุตร - ธดิ า พระมณู, พระมายา, Twosta, Viswajna, Silpy, Saranyu and her shadow Chhaya พระวศิ วกรรม (สนั สกฤต: व कमा) หรอื พระวษิ ณุกรรม (บาลี: วสิ สฺ ุ กมมฺ ) หรอื พระเพชรฉลกู รรม เปน เทวดานายชา่ งใหญข่ องพระอินทร์ ตามตํานานกล่าววา่ เปนผสู้ รา้ งเครอื งมอื สงิ ของต่าง ๆ ให้เกิดขนึ และ เปนแบบอยา่ งให้กับมนุษยส์ บื มา พระวศิ วกรรมรบั เทวโองการต่าง ๆ จากพระอินทร์ เพอื สรา้ ง อุปกรณ์ สงิ ของ อาคาร ต่าง ๆ มากมาย เปนผนู้ ําวชิ าชา่ ง มาสอนแก่มนุษย์ นับ แต่นันมามนุษยจ์ ึงรูจ้ ักการสรา้ งและใชง้ านสงิ ของต่าง ๆ จนมกี าร พฒั นารูปแบบมาจนถึงปจจบุ นั นี ชา่ งไทยแขนงต่าง ๆ ให้ความเคารพบูชาพระวศิ วกรรมในฐานะครูชา่ ง หรอื เทพแห่งวศิ วกรรมของไทย โดยเรามกั พบเห็นรูปจําลององค์ทา่ น ได้บอ่ ย ๆ ตามสถานศกึ ษาทางชา่ งทกุ สถาบนั โดยนิยมสรา้ งอยูส่ องทา่ คือ ทา่ ประทบั นังห้อยพระบาท พระหัตถ์ขา้ งหนึงถือ ผงึ (จอบสาํ หรบั ขดุ ไม)้ และอีกขา้ งถือ ดิง และทา่ ประทบั ยนื มอื ขวาถือไมเ้ มตรหรอื ไมว้ า มอื ซา้ ยถือลกู ดิงและไมฉ้ าก ทมี าขององค์พระวษิ ณุกรรมทงั 2 ทา่ นี พอขยายความได้วา่ หากสถาบนั ใดเปดสอน 18 วชิ าชพี ชา่ งก่อสรา้ ง มกั อยูใ่ นทา่ ยนื มอื ถือลกู ดิงและไมเ้ มตรหรอื ไมว้ าอันเปนเครอื งมอื ของชา่ งก่อสรา้ งมาแต่สมยั โบราณซงึ ชา่ งทงั หลายทราบดีวา่ เปนเครอื งมอื สาํ หรบั วดั ระยะ วดั ความเทยี งตรง แต่สงิ ทนี อกเหนือไปจากนันยงั แฝงไปด้วยปรชั ญาในการ ดําเนินชวี ติ คือความแมน่ ยาํ เทยี งตรง ไมเ่ อนเอียงในทางปฏิบตั ิ ซงึ เปนทมี าของชา่ ง ทดี ี คือความมคี ณุ ธรรมประจําใจ หากสถาบนั ใดเปดสอนวชิ าชพี สาขาอืนๆ ทไี มใ่ ช่ ชา่ งก่อสรา้ งอยูด่ ้วย มกั จะใชท้ า่ นัง เขา้ ใจวา่ ผสู้ รา้ งคงจะชใี ห้เห็นเด่นชดั ถึงสถาบนั ผู้ ผลิตชา่ งก่อสรา้ ง อันเปนชา่ งเก่าแก่มมี าแต่ก่อนแล้ว ศาสนาพทุ ธ ในชาตกัฏฐกถา สภชาดก กล่าววา่ ทา่ นเปนผสู้ รา้ งอาศรมให้แก่พระโพธสิ ตั วห์ ลาย พระองค์ (ก่อนทจี ะอุบตั ิเปนพระพทุ ธเจ้า) เชน่ ในพระเวสสนั ดรชาดก [2] เปนผสู้ รา้ ง บนั ไดเงนิ บนั ไดทอง บนั ไดแก้ว ทอดจากสวรรค์ชนั ดาวดึงสล์ งมายงั โลกมนุษยท์ เี มอื ง สงั กัสสนคร ซงึ เปนเสน้ ทางทพี ระพทุ ธเจ้าใชเ้ สด็จลงจากสวรรค์ชนั ดาวดึงส์ (หลังจาก เสด็จขนึ ไปโปรดพทุ ธมารดาบนสวรรค์ในชว่ งเขา้ พรรษา) นอกจากจะเปนสถาปนิก และเปนวศิ วกรด้านโยธาและสาํ รวจ ดังจะเห็นได้จากผลงาน ๒ ประการทวี า่ นีแล้ว พระวศิ วกรรมายงั เปนวศิ วกรเครอื งกลอีกด้วย กล่าวคือ ทา่ นเปนผสู้ รา้ งวาฬสงั ฆาต ยนต์ ซงึ เปนกงล้อหมนุ รอบองค์พระสถปู ปกปกรกั ษาปองกันมใิ ห้บุคคลเขา้ ใกล้ พระบรมสารรี กิ ธาตขุ องพระพทุ ธเจ้า เมอื ครงั ทพี ระเจ้าอชาตศตั รูได้รบั สว่ นแบง่ พระบรมสารรี กิ ธาตหุ ลังพทุ ธปรนิ ิพพานและอัญเชญิ ไปประดิษฐานไวใ้ นองค์พระ สถปู ทวี า่ นี 19 การสักการะบูชาองค์พระวิษณุกรรม บูชาด้วยดอกไม้ ธูปเทยี นเครอื งหอม จดุ ธูป 8 ดอก นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มา สมั พทุ ธสั สะ (3 จบ) คาถาบูชา โอม นะโม วษิ ณุกรรม นะมะ ภะวนั ตเุ ม ทตุ ิยมั ป นะโม วษิ ณุกรรม นะมะ ภะวนั ตเุ ม ตะติยมั ป พระลักษมี อิตถีเทวะ เมตะตัญจะ มหาลาโภ พระไพรพี นิ าศ 20 พระไพรพี นิ าศนันได้ชอื วา่ มดี ีทางกําราบศตั รูทงั ปวงทคี ิดรา้ ยแต่คนทใี ช้ อานุภาพต้องบรสิ ทุ ธิ 1.อยูใ่ นศลี ธรรมอันดีไมค่ ิดรา้ ยคนอืนไมม่ วั เมาด้วยโมหะคิดจะเอาชนะคนอืน เปนทตี ังไมค่ ิดรา้ ยต่อผคู้ ิด รา้ ยหรอื ใสร่ า้ ยตน 2. ไมต่ อบโต้ด้วย กาย วาจา และใจคงมนั นความสจุ รติ เปนทตี ังแมจ้ ะถกู รบกวนหรอื ให้รา้ ยก็ยดึ มนั ในอุเบกขา และสนั ติธรรม เมอื มเี หตผุ ลเชน่ นีแล้วจึงจะอาศยั เปนผลขอรองรบั บารมจี ากพระพทุ ธไพรี พนิ าศได้อยา่ งเต็มที การรบั บารมที าํ ได้ดังนี -เขยี นชอื ศตั รูทมี งุ่ รา้ ยตนและนามสกลุ ตังจิตอธษิ ฐานต่อพระพทุ ธไพรพี นิ าศ ทมี อี ยูก่ ับตัววา่ ขอบารมกี ําราบศตั รูให้แพภ้ ัยตัวเองไป -พบั กระดาษทมี ชี อื ของศตั รูให้เปนแผน่ แล้วเอาพระพทุ ธไพรพี นิ าศวางทบั ลง ไป -เมอื สวดมนต์ไหวพ้ ระแล้วให้แผเ่ มตตาไปยงั คนผนู้ ันอยา่ ให้ขาดขอให้เขามี สติระลึกถึงกรรมและเลิกรงั ควาญรงั แก -เมอื ผคู้ ิดรา้ ยสาํ นึกได้หรอื มอี ันเปนไปแล้วเอาชอื ออกและแผเ่ มตตาให้ถือวา่ เขาได้รบั กรรมแล้วเปนอันสนิ สดุ กรรม พระไพรพี นิ าศ หน้าคณะ รฐั ศาสตร์ ประวตั ิพระไพรพี นิ าศ 21 เมอื ราว พ.ศ. 2391 มผี นู้ ํามาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัว รชั กาลที ๔ ซงึ ขณะนันยงั ผนวชอยูท่ วี ดั บวรนิเวศวหิ าร และอยูใ่ นรชั กาล พระบาทสมเด็จพระนังเกล้าเจ้าอยูห่ ัว พระไพรพี นิ าศองค์นีทรงแสดง อภินิหารให้ปรากฏอรริ าช ศตั รูทคี ิดปองรา้ ย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยูห่ ัวต่างมอี ันเปนไป และพา่ ยแพภ้ ัยตนเอง พระองค์จึงโปรดให้ถวาย พระนามของพระพทุ ธ รูปองค์สาํ คัญนีวา่ \"พระไพรพี นิ าศ\" โดยมหี ลักฐาน เปนกระดาษซงึ พบในพระไพรพี นิ าศเจดีย์ มอี ักษรเขยี นวา่ \"พระสถปู เจดีย สลิ าบลั ลังองค์ จงมนี ามวา่ พระไพรพี นิ าศเจดียเทญิ \" และอีกด้านเขยี นวา่ \"เพราะตังแต่ทาํ แล้วมา คนไพรกี ็วนุ่ วายยบั เยนิ ไปโดยลําดับ\" หลักฐานดัง กล่าวได้ค้นพบเมอื วนั จันทรท์ ี 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 ระหวา่ งการ ซอ่ มแซมพระเจดีย์ 96 ป วดั บวรนิเวศวหิ าร21 ลักษณะทางกายภาพ เปนพระพทุ ธรูปศลิ าขนาดยอ่ ม หน้าตักกวา้ ง 33 ซม. และมคี วามสงู ถึง ปลายรศั มี 53 ซม. สมเด็จฯกรมพระยาดํารงราชานุภาพได้มพี ระวนิ ิจฉัยใน สาสน์สมเด็จวา่ \"พระไพรพี นิ าศเปนพระพทุ ธรูปแบบมหายานปางประทบั นัง ประทานอภัย กล่าวคือ มพี ระพทุ ธลักษณะเหมอื นพระปางมารวชิ ยั หัตถ์ขวา ทวี างอยูบ่ นพระชานุขนี \" ซุม้ เก๋ง ด้านเหนือแห่งพระเจดียน์ ัน เปนที ประดิษฐานพระไพรพี นิ าศ ในการบูรณปฏิสงั ขรณ์ปพทุ ธศกั ราช ๒๕๐๗-๘ นี ทาํ ประตเู หล็ก ๒ ชนั ชอ่ งหน้าต่างใสเ่ หล็กทงั สองขา้ ง ฝาผนังปดโมเสก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ ัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ ีนาถ ได้ปดทองพระไพรพี นิ าศ ในวนั ที ๒๙ สงิ หาคม ๒๕๐๘ ด้วย ในหนังสอื ตํานานวดั มกี ล่าววา่ “พระไพรพี นิ าศ ใครค่ รวญตามพระนามน่า จะได้เชญิ ประดิษฐานไวใ้ นเก๋งน้อยทสี รา้ งใหม่ ณ ทกั ษิณชนั บนแห่งพระ เจดียใ์ นครงั นัน เวน้ ไวแ้ ต่จักได้ประดิษฐานไวแ้ ล้วในครงั ยงั ทรงผนวชเมอื พ.ศ.๒๓๙๑ ทเี ปนคราวสนิ เสยี นศตั รู ครงั แรก” พระไพรพี นิ าศ ในสาสน์ สมเด็จ เล่ม ๒ หน้า ๘๕-๙๐-๑๑๖ สมเด็จเจ้าฟากรมพระยานรศิ รานุวตั ิวงศ์ ทลู สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพ วา่ สมเด็จพระวชริ ญาณวงศ์ ตัง ปญหาถามกระหมอ่ มวา่ พระไพรพี นิ าศนัน เปนพระอะไร มาแต่ไหน ทาํ ไม จึงมาอยูว่ ดั บวรนิเวศ เหตใุ ดจึงชอื วา่ ไพรพี นิ าศ เกล้ากระหมอ่ มหงายทอ้ ง ไมส่ ามารถตอบได้ อยากรูเ้ หมอื นกัน เคยทลู ถามฝาพระบาทก็ไมท่ รงทราบ เหมอื นกัน หันไปหันมาเห็นกรมหมนื พงศา จึงลองเขา้ จดทลู ถามดู ตรสั บอก วา่ ใครก็ทรงจําชอื ไมไ่ ด้เสยี แล้ว เปนผนู้ ํามาถวายทลู กระหมอ่ มเมอื ยงั ทรง ผนวชอยู่ เปนเวลาติดต่อกับทหี มอ่ มไกรสรถกู สาํ เรจ็ โทษ จึงโปรดตัง พระนามวา่ \"พระไพรพี นิ าศ” ขอ้ พงึ ระวงั 22 -ถ้าตนเองคิดรา้ ยต่อต้านโต้ตอบเขาวนั ใดผลรา้ ยนันจะยอ้ นเขา้ ตัวเอง พนิ าศสนิ ไปด้วยอกศุ ลกรรม -ดังนันไมว่ า่ ผใู้ ดก็ตามนําเอานามของพระพทุ ธไพรพี นิ าศไปตังเปนสงิ ทคี ิด ทาํ รา้ ยผอู้ ืนหรอื ใชพ้ ระพทุ ธไพรพี นิ าศในทางทผี ดิ คือสาปแชง่ ผทู้ เี ขาไมม่ ี ความผดิ ไมเ่ ขา้ หลักเกณฑท์ กี ล่าวแล้วจะพงึ ได้รบั ผลสะทอ้ นกลับ แบบมมู เมอแรงถึงกับพนิ าศไปเองด้วยประการต่าง ๆ พระคาถาบูชาพระไพรพี นิ าศ ตังนะโม ๓ จบ นะมสั สะ พระพทุ ธะไพรพี นิ าศายะ มาราปะราชะยงั นะมามหิ ัง พทุ ธงั วนั ทามิ ธมั มงั วนั ทามิ สงั ฆงั วนั ทามิ สพั พะโส ขอให้ขา้ พเจ้าจงประสพแต่ความสขุ ความเจรญิ ด้วยบารมขี องพระพทุ ธ ไพรพี นิ าศเทอญ 23 ศาลท่านท้าวมงคลสนิ ธุ์ เปนศาลพระภมู ปิ ระจํามหาลัยวทิ ยาบูรพาทไี มว่ า่ จะเปน นักศกึ ษาหรอื บุคคลากรในมหาลัยวทิ ยาก็ต่างเคารพนับถือ ซงึ ศาลได้ตังอยูท่ หี น้าคณะพยาบาล อ้างองิ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/25 54/E/047/34.PDF http://www.lib.buu.ac.th/buuarchives/หอพระพุทธภ ควันตศาสดา-มห/ https://www.sanook.com/campus/924954/ https://sites.google.com/a/spm9dlit.com/pohcha ng/home/pkinka http://www2.nmd.go.th/sirikit/srkhospital/Intrane t/index_files/Chumporn.htm https://sites.google.com/site/cahnayphikhnessn gphri/home/rupphaph/prawati-phra-phikhnes http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp? TOPIC_ID=5768 คคณณะะผผูจ้้จู ดััดททําํา นางสาว ณัฐธดิ า หินปรชา 63030197 กลุม่ ที 23 นางสาว ธนัญญา บาํ รุง 63030300 กลุม่ ที 23 นางสาว พรรณัฐฎา บุญสระ 63030382 กลุม่ ที 20 นาย จิรายทุ ธ สขุ เกษม 63030651 กลุ่มที 23 นางสาว พฤกษชาติ เจรญจติ ร 63030668 กลุ่มที 20 นางสาว พัทธ์ธีรา กุมรัมย์ 63030669 กลมุ่ ที 23 นาย สหกานต์ ขมุ ทอง 63030674 กลมุ่ ที 23 คณะวทยาศาสตร์ มหาวทยาลยั บูรพา