ข อว น จฉ ย เส ยงต อการพล ดตกหกล ม

เสียงนกหวีดจาก หลวงลุง !!

เผยแพร่: 3 พ.ย. 2557 05:28 โดย: MGR Online

เกาะกระแส

00 ศรัทธาและความเชื่อมั่น เป็นเรื่องสำคัญที่สุด บุคคล หรือว่าหน่วยงานใดก็ตามที่มีเรื่องให้ "เสื่อม" เมื่อนั้นแหละความหายนะก็จะมาเยือน ไม่วันนี้ก็อีกไม่นานข้างหน้า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเวลานี้ก็คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่กำลังอยู่ในภาวะ "วิกฤติศรัทธา" ถือว่าเป็นยุคที่ตำรวจทำงานลำบากที่สุด ทั้งหลายทั้งปวงล้วนมีผลต่อเนื่องสะสมมาตั้งแต่อดีตที่เข้าไปรับใช้การเมือง เพื่อหวังลาภ ยศ รวมหัวกันประพฤติมิชอบ นอกเหนือจากเรื่องที่ข้องแวะกับชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ที่รีดไถ รับสินบนเอากับชาวบ้าน ซึ่งแม้ว่าจะมีรายละเอียดในแบบว่า ชาวบ้านก็ทำผิดแล้วจ่ายสินบนเพื่อให้รอดพ้น แต่ประเด็นก็คือ ถ้าตำรวจยึดมั่นในการรักษากม.อย่างเคร่งครัด มันก็ไม่เกิดเรื่องอัปยศตามมา ที่ตอนหลังมีการให้รางวัลกับตำรวจที่ "ล่อซื้อ" ชาวบ้านจ่ายสินบน จนเพิ่มความเกลียดชัง และความหวาดระแวงต่อกันมากขึ้นไปอีก

00 สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นชัดว่า ตำรวจอยู่ในภาวะ "ไร้เครดิต" แทบจะสิ้นเชิงก็เห็นจะได้แก่กรณี "คดีที่เกาะเต่า" ซึ่งหากไม่พูดถึงรายละเอียดของคดีที่ว่า ใครคือฆาตรกร ฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ แต่ความหมายที่ประจักษ์ก็คือ "ชาวบ้านไม่เชื่อตำรวจ" แม้ว่าจะมีการยืนยันอย่างหนักแน่นแค่ไหน ทั้งผู้บริหารระดับสูง ตั้งแต่ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หรือแม้แต่นายกฯ หัวหน้าคสช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองนายกฯ ด้านความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่า "ไม่จับแพะ" ตำรวจทำคดีตามหลักมาตรฐานสากล แต่ก็มีคนเชื่อถือน้อยมาก พิสูจน์ได้จากต้องมีการระดมทุกฝ่ายลงมายืนยัน ทั้งแพทย์ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน ตั้งโต๊ะแถลงใหญ่โต แต่ก็ยังมีข้อสงสัย กล่าวหาว่า ทั้งแพทย์ ฝ่ายพิสูจน์หลักฐาน ล้วนอยู่ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ "รวมกันจัดฉาก" ว่ากันไปถึงขนาดนั้น จนล่าสุดต้องมีการให้ "ผู้ใหญ่บ้าน" ในพื้นที่ นำตัวลูกชายที่ถูกชาวบ้านสงสัยมาตั้งแต่ต้น มาตรวจดีเอ็นเอ โดยมีฝ่ายนิติเวชตำรวจ และสถาบันการแพทย์ 4 มหาวิทยาลัย มาร่วมพิสูจน์ ซึ่งผลก็ออกมาว่า ผลดีเอ็นเอของลูกชายผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวไม่ตรงกัน ผบ.ตร. สรุปว่าไม่ใช่คนร้ายตั้งแต่ต้น แต่ก็ยังมีคนไม่เชื่ออีก ตั้งข้อสงสัยกันไปอีกว่า มีการเปลี่ยนหลักฐานดีเอ็นเอไปแล้ว จึงไม่ตรง หรือ ตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจถึงแถลงก่อน ทำไมไม่รอแถลงพร้อมกัน หรือทำไมไม่ให้ "นิติวิทยาศาสตร์" ของกระทรวงยุติธรรม ร่วมตรวจสอบ เป็นต้น

00 เมื่อสภาพเป็นแบบนี้ จึงต้องสรุปได้ว่าเป็นเพราะตำรวจขาดความน่าเชื่อถือมาตั้งแต่ต้น ต่อให้คดีนี้มีการจับคนร้ายจริง ก็ยังมีคนไม่เชื่อ ขณะเดียวกัน ยังมีข้อข้องใจตามมาอีกว่า "ผู้ใหญ่บ้าน" คนนี้มันมีอิทธิพลระดับประเทศใหญ่โตถึงขนาดที่ทำให้ตำรวจเปลี่ยนรูปแบบคดีได้ มีแรงจูงใจถึงขนาดที่ทำให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องปกป้อง เพราะเท่าที่ทราบ สังคมเพิ่งรู้จักตอนเกิดคดีดังกล่าวเท่านั้นเอง ถือว่า "โนเนม" กระจอกมาก สามารถครอบงำคดีระดับชาติ ที่เป็นความสนใจระหว่างประเทศ ถึงขั้นที่ตำรวจ และผู้นำประเทศย้ำเป็นเสียงเดียวกันว่า การทำคดีมาถูกทางถูกต้องแบบนี้หรือ มันน่าคิดนะ !!

00 อย่างไรก็ดี มาถึงขั้นนี้หากไม่พูดถึงรายละเอียดของคดี ว่าจะแพะหรือใครเป็นฆาตกรตัวจริงหรือไม่ แต่มันสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า นี่คือ "วิกฤติศรัทธาตำรวจ" ถึงขั้นกู่ไม่กลับจริงๆ อาจเป็นเพราะสังคมเปลี่ยนไป ชาวบ้านมีสื่ออยู่ในมือ สื่อสารวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อออนไลน์ถึงกันอย่างรวดเร็ว ทำให้ตำรวจทำงานลำบากหรือเปล่า ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมที่ผ่านมายังไม่สร้างความเชื่อมั่นให้ดีขึ้นได้เลย แม้ว่าที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ยืนยันเมื่อตอนรับตำแหน่งใหม่ๆว่า "จะทำให้ตำรวจเป็นที่รักของประชาชนให้ได้" ซึ่งดูตามรูปการณ์แล้ว ยังอีกยาวไกล รู้แต่เพียงว่า อารมณ์ของคนตอนนี้อยากให้ "ปฏิรูปตำรวจ" อย่างขนานใหญ่เลยแหละ !!

00 มาถึง รัฐบาล คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังมาถึงจุดที่กำลัง "หมดยุคขาขึ้น" ส่วนจะอยู่ในระดับเท่าเดิม หรือ "ขาลง" แบบไหน ค่อยๆ ลง หรือลงลงแบบพรวดพราดหรือไม่ ต้องคอยจับตาดู เพราะดูเหมือนว่าหลายอย่างรอบตัว "ไม่ได้ดั่งใจ" โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องไม่เป็นใจ ยิ่งเรื่อง"ปรับโครงสร้างพลังงาน" ที่ทำไปทำมาก็คือ ต้อง "ปรับขึ้นราคา" เท่านั้น แน่นอนว่าเมื่อเป็นแบบนี้ "รายจ่าย" ของชาวบ้านประจำวันต้องพุ่ง รัดเข็มขัดจนเอวขาดแน่ และที่สำคัญเรื่องนี้แหละเป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นลงมา อย่าประมาทเชียวนะ

00 กลับมาจากเมืองจีนแล้ว สำหรับ "พี่ใหญ่" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ที่บอกว่า นอกจากไปแนะนำตัวในฐานะรมว.กลาโหมคนใหม่ แต่ได้รับมอบหมายให้ไปเคลียร์ทางก่อนที่ นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา จะพบกับนายกฯจีน ระหว่างเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปก ที่เซี่ยงไฮ้ ต้นเดือนนี้ บอกว่าไปคุยนำร่องขายสินค้าเกษตร ประเภทข้าว ยางพารา แถมด้วยรถไฟความเร็วสูง กลายเป็นว่า พี่ใหญ่คนนี้งานรัดตัวจริงๆ ไหนต้องดูแลงานด้านความมั่งคงแบบครอบจักรวาลแล้ว ยังต้องเป็นทูตเศรษฐกิจอีก เหนื่อยเนาะ อ้อ ไม่ต้องโกรธ กลัวว่าชาวบ้านไม่เชื่อว่าไม่ได้คุยกับ แม้ว อ้าวไม่คุย ก็ไม่คุย !!

00 แล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็บินกลับมาเมืองไทยตามที่ได้รับปากเอาไว้กับพี่ๆ แล้ว บินไปต่างประเทศเที่ยวนี้ ทุกอย่าง "ได้ตามปราถนา" อย่าคิดมาก ก็ได้พบ "พี่แม้ว" ได้ตามหารากเหง้า บรรพบุรุษ ได้เซลฟี่ ถ่ายรูปกำแพงเมืองจีน ที่สำคัญได้ชิงพื้นที่ข่าวมาเป็นสัปดาห์ให้แฟนคลับได้หายคิดถึงกันแล้ว !!