ก นยาค ม yaz แล วประจ าเด อนไม มา

คืออยากถามทุกๆคนว่า กินยาคุมยี่ห้อไหนกันบ้างค่ะ?? ส่วนตัวเอ กินยาคุม YAZ มาได้ 4 กล่องแล้วค่ะ ระยะเวลา 4 เดือน จะบอกว่า ก่อนหน้านี่ไม่เคยกินยาคุมมาก่อนน่ะค่ะ เพราะไม่มีแฟน!!! แล้วเมื่อก่อนเอเป็นคนที่เวลาประจำเดือนมาจะปวดท้องมากถึงมากที่สุดค่ะ แต่พอกินยาคุมแล้ว ไม่เคยมีอาการปวดท้องเลย แถมประจำเดือนมาน้อยมากเลยค่ะ จนเดือนนี้ ประจำเดือนไม่มาเลย!!!!!!!!!!! คือสงสัยว่า มันมีปัญหาอะไรรึเปล่า?????? ที่สำคัญคือ สิวก็ไม่ค่อยยุบ ถามว่าผิวหน้าดีขึ้นบ้างไหม ก็รู้สึกว่าหน้าแห้งลงนิดหน่อย สิวที่หน้ายุบนิดหน่อย แต่ที่หลัง เหมือนเดิม... เลยอยากขอความคิดเห็นหน่อยว่า 1. เปลี่ยนยาดีไหม? 2. ทำไมประจำเดือนไม่มา มันเกิดจากอะไร แล้วมันจะอันตรายมั้ย?? 3. แล้วพอจะแนะนำยาตัวไหนที่ดีๆ กินแล้วไม่อ้วน แล้วคุมสิวได้ดีบ้างค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ลืมค่ะ ยาคุมตัวนี่ เอซื้อมากินเองน่ะค่ะ ไม่ได้ปรึกษาหมอค่ะ

Show

สวัสดีค่ะก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนนะคะว่านี่เป็นประสบการณ์ของเราโดยตรง บางคนอาจจะไม่เคยเป็นแบบเรา บางคนอาจจะเคยเป็นหรือใกล้เคียง ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อนๆอ่านแล้วลองพิจารณาด้วยตัวเองก่อนนะคะ

ยาคุมที่เรากินประจำเป็นระยะเวลาเกือบ 3 ปี คือยี่ห้อ yaz ตัวนี้นะคะ เป็นยาคุมแบบฮอร์โมนรวม 28 เม็ด (ตัวยาสีชมพูมี24 เม็ด ตัวยาเม็ดแป้งสีขาว 4เม็ด)

📌ทำไมถึงต้องกินยาคุม?

•เริ่มจากอาการปวดประจำเดือนค่ะ ช่วงมีประจำเดือนแรกๆไม่มีปัญหาอะไรปกติดีทุกอย่าง พอเริ่มเข้าสู่ช่วงมหาลัยก็เริ่มรู้สึกผิดปกติคือเวลามีประจำเดือนปวดท้องน้อยมากๆ ปวดจนทำอะไรไม่ได้ นอนขดตัวเกร็ง บางทีปวดจนเหงื่อออกทั้งตัว อาเจียนบ้างก็มีเป็นประจำแบบนี้ทุกเดือน เลยตัดสินใจไปหาคุณหมอค่ะ คุณหมออัลตราซาวด์ดูครั้งแรกก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ คุณหมอเลยบอกว่างั้นก่อนประจำเดือนจะมาให้ลองทานพอนสแตนก่อนสัก2-3 วัน เผื่อมันจะบรรเทาลง เราก็ทำตามที่คุณหมอบอกสรุปคือมันก็ดีขึ้นแต่อาการปวดมันยังคงอยู่เหมือนเดิม เลยตัดสินใจเปลี่ยนโรงพยาบาลคุณหมอเลยให้ตรวจภายในเลยค่ะ สรุปว่า ผนังมดลูกเราหนามาก เนื่องจากประจำเดือนไปค้างสะสมนานๆจนทำให้ประจำเดือนไหลไม่ปกติ มดลูกเลยบีบตัวไม่สะดวก คุณหมอเลยถามว่า ลองทานยาคุมดูไหม มันจะช่วยเรื่องการปวดประจำเดือนได้ดีเลยนะ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการทานยาคุมตั้งแต่นั้นมาเลยค่ะ

📌ผลข้างเคียงหลังทานยาคุมเป็นอย่างไร?

•หลังจากที่ได้ยาคุมกล่องแรกมาลองกิน พอถึงช่วงรอบประจำเดือนมาคือเห็นผลชัดที่สุดคืออาการปวดท้องประจำเดือนน้อยลงเยอะมาก อาจจะมีปวดบ้างนิดหน่อยเป็นปวดแบบเล็กๆน้อยๆ แต่ช่วงแรกที่เริ่มกินแอบตกใจเพราะประจำเดือนเรามานานมาก อาทิตย์กว่าเลยค่ะ ซึ่งปกติเราเป็นประจำเดือนไม่เกิน5-6 วันเท่านั้น คุณหมอบอกไม่ต้องตกใจเพราะมันคือเอฟเฟคหลังจากที่เราทานยาไป ตัวผนังมดลูกที่มันเกาะหนาๆมันหลุดออกมาพร้อมประจำเดือนเลยค่ะ ก็คือเลือดที่ค้างอยู่ในมดลูกนั่นเอง

📌สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลังกินยาคุมมาได้สักระยะ?

•ตอนนี้ก็เกือบ3ปีแล้วที่เรากินยาคุมตลอดทุกวัน หลักๆที่บอกไปคือไม่ปวดประจำเดือนมาก แต่ประจำเดือนในแต่ละเดือนมาน้อยลง บางที3 วันก็หายไป ตอนแรกก็ตกใจค่ะว่ามาน้อยเกินผิดปกติไหม แต่ปรึกษาคุณหมอแล้ว คุณหมอบอกว่าเป็นปกติของคนกินยาคุมค่ะ

•แล้วก็อีกเรื่องที่เห็นผลชัดสำหรับคือสิวขึ้นน้อยลง แทบไม่ค่อยมีเลยค่ะ จะขึ้นแค่ช่วงจะเป็นประจำเดือนเม็ดสองเม็ดเท่านั้น รูขุมขนตื้นขึ้น หน้ามันน้อยลง ผิวละเอียดขึ้น ชอบมากค่ะข้อนี้ นี่ก็มีแต่คนทักเยอะเหมือนกันว่าหน้าดูเนียนขึ้น

📌กินยาคุมอย่างไร เวลาไหน?

•สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องกินติดต่อกันต่อเนื่องทุกเม็ด ตรงเวลา ตรงวัน อย่างเราจะตั้งเวลาเตือนเลยค่ะว่าเวลานี้ของทุกวันต้องอย่าลืมกิน ถ้าลืมก็อย่าให้เกินสัก3-4 ชม.ค่ะ แล้วต้องกินต่อเนื่องจนหมดแผงก็ขึ้นแผงใหม่กินต่อได้เลยไม่ต้องเว้นนะคะ สำหรับยาคุม28เม็ดแบบเรา

📌เอฟเฟคที่รู้สึกว่าไม่ค่อยโอเค?

•เราชอบปวดไมเกรนหลังจากกินยาคุมไปสักระยะค่ะ ลองสังเกตตัวเองว่าช่วงไม่เคยกินยาคุมคือไม่เคยเป็นไมเกรนมาก่อน ไม่รู้ว่ามันจะเกี่ยวกันไหม แต่หลังจากกินยาคุม ก่อนเป็นประจำเดือนสัก3-4 วัน ไมเกรนเราจะเริ่มเป็นเลยค่ะ หรืออาจจะเป็นที่เราพักผ่อนน้อยก็เป็นได้

📌แล้วเคยคิดจะหยุดกินยาคุมไหมในอนาคต?

•เราเคยคิดค่ะเพราะบางทีกลัวลืมกินยาบ้าง บางทีขี้เกียจบ้าง กลัวผลกระทบนานๆบ้าง เลยลองปรึกษาคุณหมอแล้วว่าถ้าอยากหยุดหยุดได้ไหม คุณหมอบอกว่าได้ค่ะ แต่อาการปวดประจำเดือนเหมือนเดิมก็จะกลับมาอีกนะคะ นอกจากคนไข้ตัดสินใจจะมีบุตรถึงจะเริ่มหยุดได้ค่ะ ซึ่งด้วยอายุหรืออะไรต่างๆเรายังไม่ถึงเวลานั้น เลยตัดสินใจกินต่อไปเหมือนเดิมค่ะ เรื่องหยุดค่อยเป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันค่า

❗️สำหรับใครอยากเริ่มลองกินยาคุมหรืออยากซื้อมากินเอง เราแนะนำว่าให้ปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางหรือเภสัชก่อนจะดีกว่านะคะ เพราะบางทีมือใหม่แบบเราตอนแรกๆก็งงค่ะ กินไม่เป็น นับวันไม่เป็น ถ้ามีคนให้คำแนะนำจะดีมากๆเลยค่ะ

📍ยาคุมทุกชนิดหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเลยค่ะ ส่วนตัวyaz ที่เราทานราคาจะอยู่ที่ประมาณกล่องละ 380-450 บาท แล้วแต่ที่นะคะ

❗️❗️สำหรับคนที่จะกินยาคุมเพื่อคุมกำเนิดโดยเฉพาะก็สามารถทำได้ค่ะ แต่ไม่มียาคุมกำเนิดชนิดไหนป้องกันได้100% แน่นอนค่ะ ทางที่ดีต้องศึกษาวิธีกินอย่างเข้าใจและถูกต้องจะดีที่สุดค่ะ 💖

ยาเม็ดคุมกำเนิด มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิด > 90% นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ บรรเทาอาการปวดประจำเดือน ประจำเดือนมามาก ลดการเกิดสิว ลดความเสี่ยงของมะเร็งรังไข่และมะเร็งมดลูก และช่วยรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตามยาเม็ดคุมกำเนิดไม่สามารถช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ หากต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้ง

ยาเม็ดคุมกำเนิดประเภทต่าง ๆ

ยาเม็ดคุมกำเนิดนั้นแบ่งออกได้เป็นฮอร์โมน 2 ประเภท

  1. ยาฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจนกับโปรเจสเตอโรน) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันโดยทั่วไป
  2. ยาฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว ยาคุมฉุกเฉินเป็นโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว แนะนำกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เหมาะสำหรับหญิงที่กำลังให้นมบุตร หรือมีประวัติโรคเลือดสมองหรือภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ

ประสิทธิภาพของยาเม็ดคุมกำเนิด

ยาเม็ดคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงที่ราว 93% เมื่อรับประทานเป็นประจำทุกวัน แต่ถ้าหากลืมรับประทานยา ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์จะลดลง สำหรับยาคุมฉุกเฉิน ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดเพียง 60-80% ไม่แนะนำให้ใช้เป็นประจำหรือใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดหลัก

การทำงานของยาเม็ดคุมกำเนิด

  • ระงับไม่ให้ไข่สุกหรือขัดขวางไม่ให้มีการตกไข่
  • เพิ่มความเหนียวข้นให้กับเมือกบริเวณปากมดลูก เพื่อให้อสุจิเข้าไปปฏิสนธิได้ยากขึ้น
  • ทำให้ผนังมดลูกบางลง ไม่พร้อมให้ไข่ที่ปฏิสนธิฝังตัว

วิธีรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด

อาจเริ่มรับประทานภายใน 3-5 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

ยาเม็ดคุมกำเนิดนั้นมีหลากหลายรูปแบบ 1) แบบที่ให้มีประจำเดือนตามรอบเดือน ได้แก่ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด 2) แบบรับประทานยาว ๆ เช่น 84 เม็ด หรือ 365 เม็ด (ไม่ค่อยนิยม) โดยแต่ละแบบจะบรรจุตัวยาต่างกันและมีกำหนดเวลาที่ต้องรับประทานแตกต่างกันไป จึงควรรับประทานยาให้ถูกต้องถูกเวลาเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ยาฮอร์โมนรวม

ในแผงยาจะบรรจุยาที่มีฮอร์โมนและยาที่ไม่มีฮอร์โมนหรือยาหลอก

  1. ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบทั่วไป
    • ยาคุมแบบแผง 28 เม็ด ประกอบไปด้วยยาจริง 21 เม็ดและยาหลอก 7 เม็ด หรือยา 24 เม็ด ยาหลอก 4 เม็ดช่วงที่รับประทานยาหลอกมักมีเลือดคล้ายประจำเดือนออกมา หากยาหมดแผงให้เริ่มแผงใหม่ได้ทันที
    • ยาคุมแบบแผง 21 เม็ด ประกอบไปด้วยยาจริง 21 เม็ดและเว้นการรับประทานยาไป 7 วัน ซึ่งระหว่างนั้นมักมีเลือดออก จากนั้นจึงเริ่มรับประทานยาอีกครั้งในวันที่ 29
  2. ยาฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว
    • แบบยาจริง 28 เม็ด ซึ่งต้องรับประทานทุกวันในเวลาเดียวกัน ห่างกันได้ไม่เกิน 3 ชั่วโมง
    • แบบยาจริง 24 เม็ด และยาหลอก 4 เม็ด

หลังรับประทานยาคุมกำเนิดแล้ว ยาจะเริ่มออกฤทธิ์เมื่อไหร่?

หากเริ่มทานยาใน 3 วันแรกของการมีประจำเดือน ยาแผงนั้นจะมีประสิทธิภาพคุมกำเนิดได้ในรอบนี้เลย ยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังรับประทานไปได้หนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นในสัปดาห์แรกควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาไป 1 วัน ควรรีบรับประทานยาโดยทันทีที่จำได้ และใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 7 วันหลังจากนั้น หากลืมรับประทานยาเป็นเวลาหลายวัน ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์

สามารถรับประทานยาคุมกำเนิดควบคู่ไปกับยาอื่น ๆ ได้หรือไม่?

ขณะรับประทานยาคุมกำเนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทุกครั้ง เพราะยาบางชนิดอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง โดยเฉพาะยาแก้ชัก ยารักษาโรคเอดส์ หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ทำมาจากสมุนไพรพร้อมกับยาคุมกำเนิด

สามารถรับประทานยาคุมกำเนิดระหว่างที่ให้นมบุตรได้หรือไม่?

หากกำลังให้นมบุตร ควรเลือกรับประทานยาฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว เพราะยาฮอร์โมนรวมซึ่งมีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบอาจส่งผลให้ปริมาณน้ำนมลดลง อย่างไรก็ตามแนะนำปรึกษาแพทย์

ประโยชน์ของยาเม็ดคุมกำเนิดมีอะไรบ้าง?

  • สะดวก: รับประทานเพียงวันละ 1 เม็ด หาซื้อได้ง่าย
  • ประสิทธิภาพดี: สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ถึง 93%
  • สามารถกลับมาตั้งครรภ์ได้ทันที: หลังจากที่หยุดรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด

นอกจากนี้ยาเม็ดคุมกำเนิดยังช่วย

  • ลดสิว ลดขนดก
  • ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ประจำเดือนไม่มามาก ป้องกันโรคโลหิตจาง
  • บรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนและปวดไมเกรนจากประจำเดือน
  • ลดอาการเหวี่ยงวีนก่อนมีประจำเดือน
  • รักษากลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญภายนอกโพรงมดลูก
  • ลดความเสี่ยงของมะเร็งรังไข่ มะเร็งมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่ หากใช้ต่อเนื่องหลายปี

ยาเม็ดคุมกำเนิดช่วยป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่?

ยาเม็ดคุมกำเนิดไม่สามารถช่วยป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหนองในเทียม โรคเริม โรค HIV หรือเชื้อ HPV

การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

เมื่อเริ่มรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด อาจมีอาการข้างเคียง เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ หงุดหงิดง่าย คัดหน้าอก มีเลือดออกกระปริดกระปรอย ซึ่งอาการเหล่านี้จะดีขึ้นหรือหายได้เองหลังรับประทานยาไปแล้ว 2-3 เดือน หากอาการไม่หายไปหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนตัวยาหรือเข้ารับการตรวจวินิจฉัย ผลข้างเคียงที่รุนแรงแต่พบได้น้อย ได้แก่ ลิ่มเลือดอุดตัน ก้อนเนื้อที่เต้านมหรือมะเร็งเต้านม หากใช้ยาเป็นระยะเวลานานกว่า 5-10 ปี

กินยาปรับฮอร์โมน เพื่ออะไร

ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีฮอร์โมน Estrogen ต่ำที่สุด จึงช่วย ลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน ได้แก่ อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ บวมน้ำ น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อาการคัดตึงเต้านม การเกิดฝ้า ความเสี่ยงต่อการเกิด โรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคหัวใจ

ทานยาคุมyaz เเล้วหลั่งในได้ไหม

ให้รับประทานทันทีที่นึกได้ และรับประทานเม็ดต่อไปตามปกติ และหากจำเป็นก็สามารถรับประทานพร้อมกัน 2 เม็ดได้ ยังมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง จึงสามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางร่วมด้วย

กินยาเลื่อนประจำเดือนมีผลข้างเคียงไหม

แม้ยาเลื่อนประจำเดือนจะไม่มีผลร้ายต่อร่างกาย แต่การใช้ยานาน ๆ หรือบ่อยมากเกินไป อาจทำให้ระบบการมีประจำเดือนเกิดความสับสน และต้องใช้เวลาเพื่อปรับสภาพร่างกายสู่ภาวะปกติ ดังนั้นจึงควรใช้ยาเพื่อเลื่อนประจำเดือนเท่าที่จำเป็นเท่านั้น

Yaz มีฮอร์โมนอะไรบ้าง

'ยาส' (Yaz) เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 24+4 เม็ด ประกอบด้วย Ethinylestradiol 0.02 มิลลิกรัม Drospirenone. 3 มิลลิกรัม คือเป็นตัวยา 24 เม็ด และเม็ดแป้ง 4 เม็ด สำหรับคนที่ไม่เคยกินยาคุมมาก่อนสามารถเลือกใช้ได้