ต งค าให เหม อนเด ม same settings

ตลอดระยะเวลาในการเรียนภาษาอังกฤษ พี่ๆ InterPass เชื่อว่าน้องทุกคนคงเคยผ่านเจ้า “คำเชื่อม” มาแล้วไม่มากก็น้อย เพราะคำเชื่อมภาษาอังกฤษเหล่านี้ปรากฎตัวอยู่ทั่วไป ทั้งในชีวิตประจำวันและบทเรียน โดยความสำคัญของการคำเชื่อม คือการร้อยเรียงเรื่องราวให้ลื่นไหล และเล่าเรื่องราวให้ตรงจุดที่สุดนั่นเอง ซึ่งไม่ต้องบอกเลยว่าความลื่นไหลของการเล่านี่แหละที่แปรผันตรงกับคะแนนการสอบเขียนหรือ Essay part ทั้ง IELTS และ TOEIC ฉะนั้นถ้าอยากอัพสกิลการเขียนในชีวิตประจำวัน พิชิตคะแนนสอบให้เป๊ะปัง! ก็ต้องไม่พลาดที่จะฝึกฝนเพื่อใช้งานคำเชื่อมเหล่านี้ให้เชี่ยวชาญ ฉะนั้นวันนี้พี่ๆ InterPass จึงรวบรวมเอาคำเชื่อมน่ารู้มาแบ่งปัน พร้อมวิธีใช้งาน

รวมคำเชื่อมภาษาอังกฤษเนรมิต Essay ให้เฉียบในทุกประเด็น!

หนึ่งในหัวใจของการเขียน Essay ที่ดีก็คือการถ่ายทอดเรื่องราวหรือความคิดเห็นต่อประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ซึ่งจะเขียนให้สื่อความครบถ้วนและเก็บคะแนนได้เยอะก็จะต้องใส่ใจรายละเอียด รวมถึงรู้จักการประยุกต์ใช้เคล็ดลับการเขียน Essay Writing ให้ดี แต่หนึ่งในสิ่งที่จะช่วยทำให้งานเขียนออกมาให้เป๊ะ สื่อถึงใจความสำคัญได้โดยไม่มีสะดุด คือการรู้จักใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษให้ถูกบริบทและเป็นธรรมชาตินั่นเอง เรียกว่าเป็นอีกจุดที่ช่วยพัฒนางานเขียนของน้องๆ ให้มีความเป็นมืออาชีพได้เลย มาดูกันว่าคำเชื่อมภาษาอังกฤษที่นิยมใช้ในบริบทต่างๆ มีอะไรบ้าง!

ต งค าให เหม อนเด ม same settings

คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเปรียบเทียบ

การใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเปรียบเทียบ ใช้เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ มีความคล้ายคลึงกันหรือเหมือนกันอย่างไร โดยการเปรียบเทียบนั้นก็มีระดับของมันเช่นกัน อาทิ การเชื่อมโยงไปในทำนองเดียวกัน การเปรียบเปรย หรือการสร้างความต่อเนื่อง เป็นต้น โดยคำที่นิยมใช้สำหรับเคสเหล่านี้ ก็จะได้แก่

  • Likewise เป็นคำที่ไม่มีคำแปลตายตัว สามารถใช้เชื่อม ในบริบทที่เป็นทำนองเดียวกัน เช่น The food was excellent, likewise the service. แปลว่า อาหารมื้อนี้ยอดเยี่ยมมาก การบริการก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน
  • The same as ที่ใกล้เคียงที่สุดคือการแปลว่า เหมือนกัน, เหมือนกับ เช่น I want our relationship to stay the same as the day we met. แปลว่า ฉันอยากให้ความสัมพันธ์ของเรา ยังเหมือนกับวันแรกที่เราพบกัน
  • Just like เหมาะกับการใช้ในการเปรียบเสมือน ที่ไม่ได้สำบัดสำนวนจนเกินไป เช่น My life is very messy, just like the weather today. แปลว่า ชีวิตของฉันยุ่งเหยิงมาก พอๆ กับอากาศวันนี้เลยแหละ
  • Similarly เป็นคำเชื่อมแสดงความต่อเนื่อง สามารถแปลได้ว่า เหมือนกัน และเหมือนกับ เช่น My girlfriend was late to the meeting to night, similarly do I. แฟนสาวของฉันเข้าประชุมสายวันนี้ เหมือนกับฉันเลย
  • Similar to แปลว่า เหมือนกับ เช่น Similar to the Kangaroo, Koala also be a marsupial animal too. เช่นเดียวกับจิงโจ้ โคอาล่าเองก็เป็นสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องเช่นกัน
    ต งค าให เหม อนเด ม same settings

คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงความขัดแย้ง

การใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงความขัดแย้ง ใช้เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างไร หรือใช้เพื่อปฏิเสธข้อมูลใดๆ เช่น

  • Unlike จะใช้ในกรณีเปรียบความต่าง เมื่อสิ่งที่เราเปรียบเทียบนั้นแตกต่างกัน เช่น Unlike the other colleagues, I didn’t have the same kind of that fancy life. ไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ฉันไม่ได้มีชีวิตหรูหราแบบพวกเขา
  • Nevertheless แปลว่า แต่, แม้กระนั้น ซึ่งใช้นำเสนอเนื้อหาที่มีความแตกต่างขัดแย้ง เช่น She works hard; nevertheless, she is still poor. แปลว่า เธอทำงานอย่างหนัก แต่เธอก็ยังจนอยู่
  • Contrary to แปลว่า ในทางตรงกันข้าม เช่น Contrary to well-known belief, carrot isn’t a rabbit’s favorite foods แปลว่า ตรงกันข้ามกับที่ทุกคนเชื่อกัน จริงๆ แล้วแครอทไม่ใช่อาหารโปรดของกระต่าย
  • Despite / in spite of นั้นไม่สามารถแปลเป็นภาษาไทยตรงๆ ได้ แต่สำหรับการนิยามคำนี้ ให้มองว่ามันเป็นคำตรงข้าม Because of (เพราะว่า) ฉะนั้นการใช้ Despite นั้นจะใช้เพื่อปฏิเสธว่าสิ่งที่เรานำมาเปรียบเทียบนั้นไม่ใช่เหตุผล ของสิ่งที่เรากำลังจะพูดถึง เช่น Despite age and infirmity, he is our best leader. แปลว่า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงอายุ หรือความอ่อนแอ เขาเป็นผู้นำที่ดีที่สุดของเรา
  • Even though แปลว่า แม้ว่า แต่ในกรณีนี้จะใช้เพื่ออธิบายสิ่งที่ขัดแย้งกับความเป็นจริง เช่น Even though he was richer, he never looked down on me แปลว่า แม้ว่าเขาจะรวยกว่า เขาก็ไม่เคยดูถูกฉัน
  • Even if แปลว่า แม้ว่า, ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เช่นกัน แต่เป็นการอธิบายที่ขัดแย้งกับความเป็นไปได้ หรือใช้ปฏิเสธอย่างไร้เงื่อนไข เช่น Now he’s a good person, even if he has a troubled past. ตอนนี้เขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะเคยมีปัญหาในอดีตก็ตาม
    ต งค าให เหม อนเด ม same settings

คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเพิ่มเติมข้อมูล

การใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเพิ่มเติมข้อมูล ใช้เพื่อระบุรายละเอียดเพิ่มเติม เหมือนเป็นการขยายข้อมูล อธิบายเพิ่มโดยการเพิ่มประโยคเข้ามา คำเชื่อมกลุ่มนี้อาจจะถูกเรียกว่า Conjunctive adverbs เพราะถูกใช้เพื่อขยายใจความของคำนามที่ถูกกล่าวถึง ดังนี้

  • Furthermore แปลว่า ยิ่งไปกว่านั้น ฉะนั้นในการใช้งานเราควรเล่นกับระดับความรู้สึกของทั้ง 2 ใจความให้มีระดับแตกต่างกันด้วย เช่น I don’t like his looks, furthermore, his personalities are terrible. แปลว่า ฉันไม่ชอบการแต่งตัวของเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยของเขายังแย่สุดๆ (จะเห็นได้ว่ามีการใช้ Terrible เพื่อทำให้ประโยคหลังดูรุนแรงขึ้น)
  • Moreover แปลว่า ยิ่งไปกว่านั้น เช่นกัน กับ furthemore แต่บริบทที่นิยมใช้นั้น อาจจะแตกต่างกัน โดย Native Speaker จะเคยชินในการใช้ furthermore เพื่อขยายความสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้า คล้ายการเสริมรสให้กับบทสนทนา แต่ moreover จะถูกใช้ในกรณีที่เป็นกลางกว่า เช่น Fragility is the well-known property of glass, moreover it can be electrically insulating. เรารู้กันดีว่าแก้วเป็นสิ่งที่เปราะบาง แต่ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นฉนวนไฟฟ้าเช่นกัน
  • In addition ความหมายโดยรวมคือการบวกเพิ่มของคน เหตุการณ์ หรือสิ่งของ เช่น We’ve completely renovate our house. In addition, we’ve added an extra bedroom. พวกเรารีโนเวทบ้านของเราเสร็จแล้ว ซึ่งเราได้เพิ่มห้องนอนไปอีกห้อง
  • Additionally เป็นคำที่มีความ Tricky มากเพราะใกล้เคียงกับ In addition มากเช่นกัน เพราะมีความหมายโดยรวมคือการบวกเพิ่ม แต่จะเป็นการบวกเพิ่มของตัวแปรหรือผลที่จะตามมาเท่านั้น เช่น We need to hire some waitress. Additionally, we’ll need to find someone to help out at the reception desk. พวกเราน่าจะต้องจ้างพนักงานเสริฟเพิ่ม แถมยังต้องหาคนช่วยที่โต๊ะรับรองอีกด้วย
  • Also แปลว่า เช่นกัน อีกด้วย เช่น She’s a good dancer. Also, she raps like a professional. เธอเป็น นักเต้นที่ยอดเยี่ยม เช่นกัน เธอยังแรปได้เหมือนโปร
    ต งค าให เหม อนเด ม same settings

คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการยกตัวอย่าง

การใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการยกตัวอย่าง ใช้เพื่อยกตัวอย่างประโยค หรือยกตัวอย่างหมวดหมู่ให้เข้าใจมากขึ้น เช่น

  • Such as แปลว่า เช่น ซึ่งใช้เกริ่นเมื่อต้องการยกตัวอย่างกว้างๆ ดังนี้ Please avoid unhealthy foods such as hamburger and frenchfries. แปลว่า โปรดหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น แฮมเบอร์เกอร์ และเฟรนช์ฟรายส์
  • Including หากแปลตรงตัวจะได้ว่า รวมถึง รวมทั้ง แต่ในบริบทไทยๆ จะใกล้เคียงกับคำว่า ได้แก่มากกว่า เช่น I have many pets, including three cats, four dogs and fifteen parrots. แปลว่า ฉันมีสัตว์เลี้ยงหลายตัว ได้แก่ แมวสามตัว สุนัขสี่ตัว และนกแก้วสิบห้าตัว
  • Like แปลว่า เหมือนกับ เหมือน เช่น We’re sweating like we’re in a sauna room. แปลว่า เราเหงื่ออออกเหมือนกับว่าอยู่ในห้องซาวน่าเลย
  • Namely แปลว่า คือ นั่นก็คือ เช่น Three students were absent, namely John, Tom, and Jane. แปลว่า มีนักเรียน 3 คนที่หายไปวันนี้ นั่นก็คือ จอห์น, ทอม และเจน
  • For example/ For instance แปลว่า ตัวอย่าง เช่น Marvel released many films in 2018, for example, Black Panther, Avengers: Infinity War and Ant-Man and the Wasp. แปลว่า มาร์เวลปล่อยภาพยนต์ออกมาหลายตัวในปี 2018 เช่น แบล็ค แพนเธอร์ อเวนเจอร์ส: มหาสงครามล้างจักรวาล และ แอนท์-แมน และ เดอะ วอสพ์
    ต งค าให เหม อนเด ม same settings

คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการลำดับเวลา

การใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการลำดับเวลา ใช้ในการเรียงลำดับเนื้อหาบทความ ให้เข้าใจลำดับก่อน-หลัง เป็นการใช้คำเชื่อมที่เกี่ยวข้องกับเวลา เพื่อให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้น ตัวอย่างคำเชื่อมที่แสดงถึงลำดับเวลา มีดังนี้

  • When แปลว่า เมื่อ เช่น Please call me when you get home. แปลว่า โปรดโทรหาฉันเมื่อคุณถึงบ้านแล้ว
  • After แปลว่า หลังจากนั้น เช่น After the rain stopped, there will be a rainbow. หลังฝนตก จะปรากฎรุ้งกินน้ำ
  • Before แปลว่า ก่อนหน้า เช่น The ocean is always calm before the storm comes. ก่อนพายุจะมา มหาสมุทรจะสงบนิ่งเสมอ
  • Since แปลว่า ตั้งแต่ เช่น I have always been talkative since I was a kid.
  • While แปลว่า ในขณะที่ No one can take their eyes off the stage while your performance has started. ไม่มีใครสามารถละสายตาจากเธอได้ ในขณะที่การแสดงของคุณเริ่มขึ้น
  • Until แปลว่า จนกระทั่ง I’ll wait with you until the bus comes.
  • As soon as แปลว่า ทันทีที่ We’ll have ice cream as soon as we arrive the beach. พวกเราจะกินไอศกรีมทันทีที่เราถึงชายหาด
  • As แปลว่า ณ ตอนที่ The robbers was arrested as they came out of the bank. พวกโจรถูกจับกุม ณ ตอนที่ พวกเขาออกจากธนาคาร
    ต งค าให เหม อนเด ม same settings

คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเน้นประเด็นสำคัญ

การใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเน้นประเด็นสำคัญ ใช้เพื่อเน้นให้เห็นถึงสาระหรือใจความสำคัญของประโยคนั้น เป็นการชี้ให้เห็นถึงส่วนสำคัญ ยกตัวอย่างคำเชื่อม ดังนี้

  • Obviously แปลว่า อย่างชัดเจน เช่น Looks into her eyes. Obviously she’s missing her sons. แปลว่า ดูดวงตาของเธอสิ มันชัดเจนเลยว่าเธอกำลังคิดถึงลูกชาย
  • Especially แปลว่า โดยเฉพาะ เช่น I love Japan, especially in spring and summer. แปลว่า ฉันชอบประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน
  • Particularly / in particular แปลว่า โดยเฉพาะ, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เช่น I will never talk to the guys again. Particularly the ones like you. แปลว่า ฉันจะไม่จีบผู้ชายอีกแล้ว โดยเฉพาะกับผู้ชายอย่างคุณ
    ต งค าให เหม อนเด ม same settings

คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการสรุปจบความ

การใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการสรุปจบความ ใช้เพื่อขมวดปม หรือปิดการเขียนบทความ เป็นส่วนสรุปของบทความ ยกตัวอย่างคำเชื่อม ดังนี้

  • In conclusion แปลว่า โดยสรุป เช่น In conclusion, I worked hard all this year and was rewarded with a 12 months bonus. แปลว่า สรุปว่า ฉันทำงานหนักมาตลอดทั้งปีในที่สุดฉันก็ได้รางวัลเป็นโบนัส 12 เดือน
  • In short แปลว่า โดยย่อ, อย่างย่อ, สั้นๆ เช่นHe is selfish, greedy, and dishonest. In short, I hate him! แปลว่า เขามันทั้งเห็นแก่ตัว โลภมาก และตอแหล สั้นๆ เลยนะ ฉันเกลียดเขา
  • Lastly แปลว่า สุดท้ายนี้ เช่น He’s never changed, lastly, his wife dumped him. แปลว่า เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองเลย สุดท้ายแล้วเขาจึงถูกภรรยาทิ้ง.
    ต งค าให เหม อนเด ม same settings

3 ประเภทคำเชื่อมภาษาอังกฤษที่ควรรู้

คำเชื่อมในภาษาอังกฤษ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ Coordinating Conjunctions, Subordinating Conjunctions และ Correlative Conjunctions

Coordinating Conjunctions

Coordinating Conjunctions เป็นกลุ่มคำสันธานที่ใช้เชื่อมได้ทั้ง วลี คำ และประโยค ที่มีความหมายหรือความสำคัญเท่าๆ กัน โดยมีวิธีการใช้ ดังนี้

  • ใ้ช้เชื่อม คำ กับ คำ เช่น lion and tiger, dog and cat
  • ใช้เชื่อม วลี กับ วลี เช่น pink skirt and blue jeans
  • ใช้เชื่อม ประโยค กับ ประโยค เช่น Do you want to go with us, or do you want to stay here?

รู้จักโครงสร้างประโยคในการใช้ Coordinating Conjunction มาเชื่อมระหว่างประโยค

ใช้ Subject + Verb + , Coordinating Conjunction + Subject + Verb

ในประโยคหนึ่งประโยคจะต้องประกอบไปด้วยประธาน + กริยา และมีเครื่องหมาย Comma (,) มาอยู่หน้า Coordinating Conjunction แล้วค่อยตามด้วยประธาน + กริยาอีกครั้ง

เช่น A is sick, so she couldn’t join us tonight. จะแปลได้ว่า เอป่วย ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มากับเราคืนนี้

จุดสังเกต ให้สังเกตรูปประโยคดังกล่าว จะใช้ so ที่เป็น Coordinating Conjunction แปลว่า ดังนั้น และจะมีเครื่องหมาย comma อยู่หน้า so เสมอ

ตัวอย่างของ Coordinating Conjunction ให้ท่องจำง่ายๆ ด้วยสูตร FANBOYS

  • F = For แปลว่า เนื่องจาก, เพราะว่า

ตัวอย่างประโยค I cannot speak Spanish, for I have never studied it. แปลว่า ฉันพูดภาษาสเปนไม่ได้ เนื่องจากฉันไม่เคยเรียนภาษาสเปนมาก่อน

  • A = And แปลว่า และ

ตัวอย่างประโยค I am going to shopping, and I will buy new clothes. แปลว่า ฉันจะไปซื้อของและฉันจะซื้อเสื้อผ้าใหม่

  • N = Nor แปลว่า ไม่ทั้งสองอย่าง

ตัวอย่างประโยค I cannot sing, nor can I dance. ฉันทำไม่ได้ทั้งร้องและเต้น

  • B = But แปลว่า แต่, แต่อย่างไรก็ตาม

ตัวอย่างประโยค I can’t play football, but I like to watch it. แปลว่า ฉันเล่นฟุตบอลไม่เป็น แต่อย่างไรก็ตามฉันชอบที่จะดูฟุตบอล

  • O = Or แปลว่า หรือ หรือไม่อย่างนั้น

ตัวอย่างประโยค You should go now, or you will miss the train. แปลว่า คุณควรไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นคุณจะพลาดรถไฟ

  • Y = Yet แปลว่า แต่

ตัวอย่างประโยค I know junk food is not good for health, yet I love it. แปลว่า ฉันรู้ว่าอาหารขยะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ฉันก็ชอบอยู่ดี

  • S = So แปลว่า ดังนั้น

ตัวอย่างประโยค Blue is sick, so she couldn’t come to school. แปลว่า บลูป่วย ดังนั้นเธอเลยไม่ได้มาโรงเรียน

Subordinating Conjunctions

Subordinating Conjunctions ใช้เชื่อมประโยคใจความรองเข้ากับประโยคใจความหลัก ซึ่งประโยครอง จะเป็นประโยคไม่สมบูรณ์ และมีคำเชื่อมมาประกอบในประโยค

วิธีทำความเข้าใจ Subordinating Conjunctions ง่ายๆ ให้แปลคำว่า sub = รอง ก็จะเข้าใจว่าเป็นการใช้คำเชื่อมมาเชื่อมประโยครองที่ไม่สมบูรณ์ เข้ากับประโยคหลักนั่นเอง

ตัวอย่างของ Subordinating Conjunction

เช่น as soon as, although, after, before, because, if, since, so that, unless, until, when เป็นต้น

  • As soon as แปลว่า ทันที่ที่

ตัวอย่างประโยค I’ll get back to you as soon as I finish my work. แปลว่า ฉันจะรีบตอบกลับคุณทันทีที่ฉันเสร็จงาน

  • Although แปลว่า ถึงแม้ว่า

ตัวอย่างประโยค Although it is hard, I’ll try my best. แปลว่า ถึงแม้ว่ามันจะยากลำบาก แต่ฉันก็จะทำให้เต็มที่

  • After แปลว่า หลังจากที่

ตัวอย่างประโยค After I met him, I cried a lot. แปลว่า หลังจากที่ฉันเจอเขา ฉันก็ร้องไห้อย่างหนัก

  • Before แปลว่า ก่อน

ตัวอย่างประโยค Don’t forget to close the door before you go. แปลว่า อย่าลืมปิดประตูก่อนที่คุณจะออกไป

  • Because แปลว่า เพราะว่า

ตัวอย่างประโยค Lucy will be absent today because she is sick. แปลว่า วันนี้ลูซี่จะไม่มาเพราะว่าเธอป่วย

  • If แปลว่า ถ้าหาก

ตัวอย่างประโยค If you cannot come tomorrow, please let me know. แปลว่า ถ้าหากพรุ่งนี้คุณไม่สามารถมาได้ โปรดแจ้งให้ฉันทราบ

  • Since แปลว่า ตั้งแต่

ตัวอย่างประโยค Since I met you, my life has never been the same. แปลว่า ตั้งแต่ฉันได้เจอคุณ ชีวิตของฉันก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

  • So that แปลว่า เพื่อที่จะ

ตัวอย่างประโยค I studied hard so that I’ll be able to pass the exam. แปลว่า ฉันตั้งใจเรียนอย่างมาก เพื่อที่จะสามารถสอบผ่าน

  • Unless แปลว่า เว้นแต่

ตัวอย่างประโยค You will not pass unless you work hard. แปลว่า คุณจะไม่ผ่านเว้นแต่คุณจะขยัน

  • Until แปลว่า จนกระทั่ง

ตัวอย่างประโยค Wait here until I come back. แปลว่า รออยู่ตรงนี้ จนกว่าฉันจะกลับมา

  • When แปลว่า ในขณะที่

ตัวอย่างประโยค Could you please give this note, when you see him? แปลว่า โปรดช่วยส่งโน๊ตใบนี้ ในขณะที่คุณเจอเขาได้ไหม?

Correlative Conjunctions

Correlative Conjunctions หรือคำสันธานที่ใช้คู่กัน ให้จำง่ายๆ ว่า เป็นคำเชื่อมที่ต้องมีทั้งเชื่อมหน้าและหลัง จะแยกขาดจากกันไม่ได้ เช่น either…or, neither…nor, rather…than, as…as, both…and… เป็นต้น

หลักการใช้งานของ Correlative Conjunctions

คือ ให้ใช้คำเชื่อมกับประโยคที่มีน้ำหนักเท่ากัน มีความสำคัญพอๆ กัน

  • as…as… แปลว่า …เท่ากับ…

ตัวอย่างประโยค She walked as fast as she could จะแปลว่า เธอเดินเร็วมากเท่ากับที่เธอสามารถทำได้

  • both…and… แปลว่า ทั้ง…และ…

ตัวอย่างประโยค She can both read and write แปลว่า เธอสามารถทั้งอ่านและเขียนได้

  • either…or… แปลว่า ไม่…ก็…

ตัวอย่างประโยค Either my mother or father will go to the party tonight แปลว่า ไม่แม่ก็พ่อของฉันจะไปงานปาร์ตี้คืนนี้

  • neither…nor… แปลว่า ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ใช้เชื่อมประโยคที่มีความหมายเชิงปฏิเสธหรือเชิงลบทั้งคู่

ตัวอย่างประโยค Neither Lucy nor Thomas likes Thai food แปลว่า ทั้งลูซี่และโทมัสไม่ชอบอาหารไทย

  • rather…than … แปลว่า …มากกว่า…/ ค่อนข้างจะมากกว่า

ตัวอย่างประโยค I’d prefer to drink green tea rather than coffee จะแปลว่า ฉันชอบดื่มชาเขียวมากกว่ากาแฟ

  • whether…or แปลว่า ว่า…หรือ…

ตัวอย่างประโยค I don’t know whether she loves me or not แปลว่า ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอรักฉันหรือไม่

  • not only…but (also) แปลว่า ไม่เพียงแค่…แต่ยัง…(อีกด้วย)

ตัวอย่างประโยค Tom not only plays guitar but also violin แปลว่า ทอมไม่เพียงแค่เล่นกีตาร์ได้ แต่ยังเล่นไวโอลินได้ด้วย

สรุป

ทักษะทางการเขียนภาษาอังกฤษนั้น เป็นอีกหนึ่งทักษะที่ได้ใช้อยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นในการทำงาน หรือการสอบต่างๆ โดยนอกจากการเขียนให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์แล้ว การเลือกใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษให้ถูกต้องก็ช่วยให้งานเขียนออกมาดีได้เช่นกัน เพราะคำเชื่อมแปลความหมายได้หลายรูปแบบ และมีผลกับความสอดคล้องต่อบริบทอีกด้วย

สำหรับใครที่ต้องการฝึกทักษะการเขียน Essay หรือกำลังเตรียมสอบเขียนอยู่ แล้วอยากได้เทคนิคการเขียนให้เฉียบขาดแบบฉุดไม่อยู่ พี่ๆ Interpass ก็ขอแนะนำ คอร์ส Inter Writing คอร์สที่จะปูพื้นให้ตั้งแต่โครงสร้างการเขียนทางภาษาอังกฤษ หรือใครที่สนใจหลักสูตรเร่งด่วนก็ขอแนะนำคอร์ส WRighting Tools ครบทุกเทคนิคอัพคะแนนการเขียน Essay ฉบับเร่งรัด เนื้อหา 3 ชั่วโมง (ทบทวน 1 ชม.) พกเทคนิคไปแบบแน่นๆ แล้วเขียน Essay ได้แบบมั่นใจขึ้นแน่นอน!