ตลอดระยะเวลาในการเรียนภาษาอังกฤษ พี่ๆ InterPass เชื่อว่าน้องทุกคนคงเคยผ่านเจ้า “คำเชื่อม” มาแล้วไม่มากก็น้อย เพราะคำเชื่อมภาษาอังกฤษเหล่านี้ปรากฎตัวอยู่ทั่วไป ทั้งในชีวิตประจำวันและบทเรียน โดยความสำคัญของการคำเชื่อม คือการร้อยเรียงเรื่องราวให้ลื่นไหล และเล่าเรื่องราวให้ตรงจุดที่สุดนั่นเอง ซึ่งไม่ต้องบอกเลยว่าความลื่นไหลของการเล่านี่แหละที่แปรผันตรงกับคะแนนการสอบเขียนหรือ Essay part ทั้ง IELTS และ TOEIC ฉะนั้นถ้าอยากอัพสกิลการเขียนในชีวิตประจำวัน พิชิตคะแนนสอบให้เป๊ะปัง! ก็ต้องไม่พลาดที่จะฝึกฝนเพื่อใช้งานคำเชื่อมเหล่านี้ให้เชี่ยวชาญ ฉะนั้นวันนี้พี่ๆ InterPass จึงรวบรวมเอาคำเชื่อมน่ารู้มาแบ่งปัน พร้อมวิธีใช้งาน Show
รวมคำเชื่อมภาษาอังกฤษเนรมิต Essay ให้เฉียบในทุกประเด็น!หนึ่งในหัวใจของการเขียน Essay ที่ดีก็คือการถ่ายทอดเรื่องราวหรือความคิดเห็นต่อประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ซึ่งจะเขียนให้สื่อความครบถ้วนและเก็บคะแนนได้เยอะก็จะต้องใส่ใจรายละเอียด รวมถึงรู้จักการประยุกต์ใช้เคล็ดลับการเขียน Essay Writing ให้ดี แต่หนึ่งในสิ่งที่จะช่วยทำให้งานเขียนออกมาให้เป๊ะ สื่อถึงใจความสำคัญได้โดยไม่มีสะดุด คือการรู้จักใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษให้ถูกบริบทและเป็นธรรมชาตินั่นเอง เรียกว่าเป็นอีกจุดที่ช่วยพัฒนางานเขียนของน้องๆ ให้มีความเป็นมืออาชีพได้เลย มาดูกันว่าคำเชื่อมภาษาอังกฤษที่นิยมใช้ในบริบทต่างๆ มีอะไรบ้าง! คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเปรียบเทียบการใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเปรียบเทียบ ใช้เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ มีความคล้ายคลึงกันหรือเหมือนกันอย่างไร โดยการเปรียบเทียบนั้นก็มีระดับของมันเช่นกัน อาทิ การเชื่อมโยงไปในทำนองเดียวกัน การเปรียบเปรย หรือการสร้างความต่อเนื่อง เป็นต้น โดยคำที่นิยมใช้สำหรับเคสเหล่านี้ ก็จะได้แก่
คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงความขัดแย้งการใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงความขัดแย้ง ใช้เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นว่าสิ่งต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างไร หรือใช้เพื่อปฏิเสธข้อมูลใดๆ เช่น
คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเพิ่มเติมข้อมูลการใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเพิ่มเติมข้อมูล ใช้เพื่อระบุรายละเอียดเพิ่มเติม เหมือนเป็นการขยายข้อมูล อธิบายเพิ่มโดยการเพิ่มประโยคเข้ามา คำเชื่อมกลุ่มนี้อาจจะถูกเรียกว่า Conjunctive adverbs เพราะถูกใช้เพื่อขยายใจความของคำนามที่ถูกกล่าวถึง ดังนี้
คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการยกตัวอย่างการใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการยกตัวอย่าง ใช้เพื่อยกตัวอย่างประโยค หรือยกตัวอย่างหมวดหมู่ให้เข้าใจมากขึ้น เช่น
คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการลำดับเวลาการใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการลำดับเวลา ใช้ในการเรียงลำดับเนื้อหาบทความ ให้เข้าใจลำดับก่อน-หลัง เป็นการใช้คำเชื่อมที่เกี่ยวข้องกับเวลา เพื่อให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้น ตัวอย่างคำเชื่อมที่แสดงถึงลำดับเวลา มีดังนี้
คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเน้นประเด็นสำคัญการใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการเน้นประเด็นสำคัญ ใช้เพื่อเน้นให้เห็นถึงสาระหรือใจความสำคัญของประโยคนั้น เป็นการชี้ให้เห็นถึงส่วนสำคัญ ยกตัวอย่างคำเชื่อม ดังนี้
คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการสรุปจบความการใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษที่แสดงถึงการสรุปจบความ ใช้เพื่อขมวดปม หรือปิดการเขียนบทความ เป็นส่วนสรุปของบทความ ยกตัวอย่างคำเชื่อม ดังนี้
3 ประเภทคำเชื่อมภาษาอังกฤษที่ควรรู้คำเชื่อมในภาษาอังกฤษ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ Coordinating Conjunctions, Subordinating Conjunctions และ Correlative Conjunctions Coordinating ConjunctionsCoordinating Conjunctions เป็นกลุ่มคำสันธานที่ใช้เชื่อมได้ทั้ง วลี คำ และประโยค ที่มีความหมายหรือความสำคัญเท่าๆ กัน โดยมีวิธีการใช้ ดังนี้
รู้จักโครงสร้างประโยคในการใช้ Coordinating Conjunction มาเชื่อมระหว่างประโยคใช้ Subject + Verb + , Coordinating Conjunction + Subject + Verbในประโยคหนึ่งประโยคจะต้องประกอบไปด้วยประธาน + กริยา และมีเครื่องหมาย Comma (,) มาอยู่หน้า Coordinating Conjunction แล้วค่อยตามด้วยประธาน + กริยาอีกครั้ง เช่น A is sick, so she couldn’t join us tonight. จะแปลได้ว่า เอป่วย ดังนั้นเธอจึงไม่ได้มากับเราคืนนี้ จุดสังเกต ให้สังเกตรูปประโยคดังกล่าว จะใช้ so ที่เป็น Coordinating Conjunction แปลว่า ดังนั้น และจะมีเครื่องหมาย comma อยู่หน้า so เสมอ ตัวอย่างของ Coordinating Conjunction ให้ท่องจำง่ายๆ ด้วยสูตร FANBOYS
ตัวอย่างประโยค I cannot speak Spanish, for I have never studied it. แปลว่า ฉันพูดภาษาสเปนไม่ได้ เนื่องจากฉันไม่เคยเรียนภาษาสเปนมาก่อน
ตัวอย่างประโยค I am going to shopping, and I will buy new clothes. แปลว่า ฉันจะไปซื้อของและฉันจะซื้อเสื้อผ้าใหม่
ตัวอย่างประโยค I cannot sing, nor can I dance. ฉันทำไม่ได้ทั้งร้องและเต้น
ตัวอย่างประโยค I can’t play football, but I like to watch it. แปลว่า ฉันเล่นฟุตบอลไม่เป็น แต่อย่างไรก็ตามฉันชอบที่จะดูฟุตบอล
ตัวอย่างประโยค You should go now, or you will miss the train. แปลว่า คุณควรไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นคุณจะพลาดรถไฟ
ตัวอย่างประโยค I know junk food is not good for health, yet I love it. แปลว่า ฉันรู้ว่าอาหารขยะมันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ฉันก็ชอบอยู่ดี
ตัวอย่างประโยค Blue is sick, so she couldn’t come to school. แปลว่า บลูป่วย ดังนั้นเธอเลยไม่ได้มาโรงเรียน Subordinating ConjunctionsSubordinating Conjunctions ใช้เชื่อมประโยคใจความรองเข้ากับประโยคใจความหลัก ซึ่งประโยครอง จะเป็นประโยคไม่สมบูรณ์ และมีคำเชื่อมมาประกอบในประโยค วิธีทำความเข้าใจ Subordinating Conjunctions ง่ายๆ ให้แปลคำว่า sub = รอง ก็จะเข้าใจว่าเป็นการใช้คำเชื่อมมาเชื่อมประโยครองที่ไม่สมบูรณ์ เข้ากับประโยคหลักนั่นเอง ตัวอย่างของ Subordinating Conjunction เช่น as soon as, although, after, before, because, if, since, so that, unless, until, when เป็นต้น
ตัวอย่างประโยค I’ll get back to you as soon as I finish my work. แปลว่า ฉันจะรีบตอบกลับคุณทันทีที่ฉันเสร็จงาน
ตัวอย่างประโยค Although it is hard, I’ll try my best. แปลว่า ถึงแม้ว่ามันจะยากลำบาก แต่ฉันก็จะทำให้เต็มที่
ตัวอย่างประโยค After I met him, I cried a lot. แปลว่า หลังจากที่ฉันเจอเขา ฉันก็ร้องไห้อย่างหนัก
ตัวอย่างประโยค Don’t forget to close the door before you go. แปลว่า อย่าลืมปิดประตูก่อนที่คุณจะออกไป
ตัวอย่างประโยค Lucy will be absent today because she is sick. แปลว่า วันนี้ลูซี่จะไม่มาเพราะว่าเธอป่วย
ตัวอย่างประโยค If you cannot come tomorrow, please let me know. แปลว่า ถ้าหากพรุ่งนี้คุณไม่สามารถมาได้ โปรดแจ้งให้ฉันทราบ
ตัวอย่างประโยค Since I met you, my life has never been the same. แปลว่า ตั้งแต่ฉันได้เจอคุณ ชีวิตของฉันก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ตัวอย่างประโยค I studied hard so that I’ll be able to pass the exam. แปลว่า ฉันตั้งใจเรียนอย่างมาก เพื่อที่จะสามารถสอบผ่าน
ตัวอย่างประโยค You will not pass unless you work hard. แปลว่า คุณจะไม่ผ่านเว้นแต่คุณจะขยัน
ตัวอย่างประโยค Wait here until I come back. แปลว่า รออยู่ตรงนี้ จนกว่าฉันจะกลับมา
ตัวอย่างประโยค Could you please give this note, when you see him? แปลว่า โปรดช่วยส่งโน๊ตใบนี้ ในขณะที่คุณเจอเขาได้ไหม? Correlative ConjunctionsCorrelative Conjunctions หรือคำสันธานที่ใช้คู่กัน ให้จำง่ายๆ ว่า เป็นคำเชื่อมที่ต้องมีทั้งเชื่อมหน้าและหลัง จะแยกขาดจากกันไม่ได้ เช่น either…or, neither…nor, rather…than, as…as, both…and… เป็นต้น หลักการใช้งานของ Correlative Conjunctions คือ ให้ใช้คำเชื่อมกับประโยคที่มีน้ำหนักเท่ากัน มีความสำคัญพอๆ กัน
ตัวอย่างประโยค She walked as fast as she could จะแปลว่า เธอเดินเร็วมากเท่ากับที่เธอสามารถทำได้
ตัวอย่างประโยค She can both read and write แปลว่า เธอสามารถทั้งอ่านและเขียนได้
ตัวอย่างประโยค Either my mother or father will go to the party tonight แปลว่า ไม่แม่ก็พ่อของฉันจะไปงานปาร์ตี้คืนนี้
ตัวอย่างประโยค Neither Lucy nor Thomas likes Thai food แปลว่า ทั้งลูซี่และโทมัสไม่ชอบอาหารไทย
ตัวอย่างประโยค I’d prefer to drink green tea rather than coffee จะแปลว่า ฉันชอบดื่มชาเขียวมากกว่ากาแฟ
ตัวอย่างประโยค I don’t know whether she loves me or not แปลว่า ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอรักฉันหรือไม่
ตัวอย่างประโยค Tom not only plays guitar but also violin แปลว่า ทอมไม่เพียงแค่เล่นกีตาร์ได้ แต่ยังเล่นไวโอลินได้ด้วย สรุป ทักษะทางการเขียนภาษาอังกฤษนั้น เป็นอีกหนึ่งทักษะที่ได้ใช้อยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นในการทำงาน หรือการสอบต่างๆ โดยนอกจากการเขียนให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์แล้ว การเลือกใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษให้ถูกต้องก็ช่วยให้งานเขียนออกมาดีได้เช่นกัน เพราะคำเชื่อมแปลความหมายได้หลายรูปแบบ และมีผลกับความสอดคล้องต่อบริบทอีกด้วย สำหรับใครที่ต้องการฝึกทักษะการเขียน Essay หรือกำลังเตรียมสอบเขียนอยู่ แล้วอยากได้เทคนิคการเขียนให้เฉียบขาดแบบฉุดไม่อยู่ พี่ๆ Interpass ก็ขอแนะนำ คอร์ส Inter Writing คอร์สที่จะปูพื้นให้ตั้งแต่โครงสร้างการเขียนทางภาษาอังกฤษ หรือใครที่สนใจหลักสูตรเร่งด่วนก็ขอแนะนำคอร์ส WRighting Tools ครบทุกเทคนิคอัพคะแนนการเขียน Essay ฉบับเร่งรัด เนื้อหา 3 ชั่วโมง (ทบทวน 1 ชม.) พกเทคนิคไปแบบแน่นๆ แล้วเขียน Essay ได้แบบมั่นใจขึ้นแน่นอน! |