คนไทยทุกคนที่มีรายได้เกิน 10,000 บาทต่อเดือน ล้วนต้องยื่นภาษีตามกฎหมายกันทั้งนั้น สำหรับชาวฟรีแลนซ์ที่กำลังปวดหัวเรื่องภาษีทุกสิ้นปี วันนี้ OfficeMate รวบรวมทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการยื่นภาษีของชาวฟรีแลนซ์ ทั้งประเภทของเงินได้ เอกสารที่ต้องเตรียม และการลดหย่อนภาษี อ่านจบ ไม่งง ยื่นเป็นแน่นอน ไปดูกันเลย! Show อาชีพฟรีแลนซ์ คืออะไร?ฟรีแลนซ์ (Freelance) คือ หนึ่งในอาชีพรับจ้างอิสระ ไม่สังกัดองค์กร บริษัท หรือหน่วยงานใด แม้จะมีผู้ว่าจ้าง แต่ก็ถือว่าชาวฟรีแลนซ์นั้นเป็นนายตัวเอง ซึ่งเป็นอาชีพในฝันของใครหลายๆ คนในยุคสมัยนี้ และด้วยความที่เป็นนายตัวเอง ก็ต้องจัดการเรื่องเงิน และเรื่องภาษีด้วยตัวเองเช่นกัน บทความที่เกี่ยวข้อง : 6 ข้อต้องคิด ก่อนผันตัวจากมนุษย์ออฟฟิศมาเป็นฟรีแลนซ์ ฟรีแลนซ์ยื่นภาษีแบบไหน?รายได้ของชาวฟรีแลนซ์จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 ตามมาตรา 40 (2) ในประมวลรัษฎากร ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90 เงินได้ประเภทที่ 2 ตามมาตรา 40 (2) ได้แก่ เงินที่ได้จากหน้าที่, ตำแหน่งงานที่ทำ หรือจากการรับทำงานให้ เช่น ค่านายหน้า ค่าส่วนลด เงินอุดหนุนในงานที่ทำ เบี้ยประชุม บำเหน็จ โบนัส เงินค่าเช่าบ้าน หรือเงินที่ได้จากการรับทำงานให้ ไม่ว่าจะเป็นประจำ หรือชั่วคราว ซึ่งการคำนวณภาษีในเงินได้ประเภทที่ 2 นี้ ก็ยังคงใช้เกณฑ์อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งคิดจาก ‘เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี’ เช่นเดียวกันกับชาวมนุษย์เงินเดือน ได้แก่
ฟรีแลนซ์โดนหักภาษี 2 รอบชาวฟรีแลนซ์นั้น ต้องโดนหักภาษี 2 รอบ รอบแรก คือ การหักภาษี ณ ที่จ่าย 3% ซึ่งนายจ้างจะเป็นคนหักก่อนจ่ายเงินค่าจ้าง ส่วนรอบที่ 2 คือ หักภาษีจากการยื่นภาษีประจำปี แต่! ชาวฟรีแลนซ์อย่าเพิ่งขมวดคิ้ว เพราะถึงจะบอกว่าโดนหักภาษี 2 รอบ แต่การยื่นภาษีประจำปีนั้น ‘ไม่เท่ากับ’ การเสียภาษีเสมอไป หากคำนวณแล้ว ภาษีที่ต้องจ่ายมากกว่า 3% ที่นายจ้างหัก ณ ที่จ่ายไป ฟรีแลนซ์ในกลุ่มนี้จะต้องจ่ายภาษีประจำปีเพิ่ม แต่ถ้ารวมแล้วน้อยกว่า ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ฟรีแลนซ์ก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แถมยังสามารถขอคืนภาษีที่โดนหักไปได้อีกด้วย ขั้นตอนจัดการภาษี สำหรับชาวฟรีแลนซ์1.รวบรวมเงินได้พึงประเมิน คำนวณเงินได้สุทธิสิ่งที่เอามาคำนวณภาษี คือ จำนวนเงินได้สุทธิ ที่คิดจาก ‘เงินได้พึงประเมิน’ โดยปกติแล้ว หากเป็นมนุษย์เงินเดือนที่สังกัดกับหน่วยงาน จะมี ‘ทวิ 50’ เป็นข้อมูลเงินเดือน โบนัส ประกันสังคม ฯลฯ ซึ่งสามารถนำไปเป็นหลักฐานประกอบการยื่นภาษีได้เลย แต่สำหรับชาวฟรีแลนซ์ที่ไม่มี ทวิ 50 จะต้องเตรียมเอกสาร และคำนวณเงินได้พึงประเมินด้วยตัวเอง ซึ่งหลักฐานนี้ ก็คือ ‘ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย’ ที่ฟรีแลนซ์จะได้รับจากผู้ว่าจ้าง ในกรณีที่เงินค่าจ้างเกิน 1,000 บาท ขึ้นไป สำหรับเงินค่าจ้างที่ไม่เกิน 1,000 บาท อาจจะเก็บเป็นหลักฐานการโอนเงิน รวบรวมเอาไว้ทุกครั้ง เพราะต้องนำมาคิดรวมเป็นเงินได้พึงประเมินด้วยเช่นกัน เมื่อรวบรวมเงินได้พึงประเมินของทั้งปีเอาไว้แล้ว ก็เอามาคำนวณเงินได้สุทธิ เพื่อนำไปเทียบอัตราภาษีที่ต้องเสีย ซึ่งเงินได้สุทธิมาจาก เงินได้สุทธิ = เงินได้พึงประเมิน – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน 2.ค่าใช้จ่าย และการลดหย่อนภาษีสำหรับชาวฟรีแลนซ์ค่าใช้จ่ายของชาวฟรีแลนซ์ ค่าใช้จ่ายของชาวฟรีแลนซ์จะหักจากเงินได้พึงประเมิน โดยหักแบบเหมา 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ฟรีแลนซ์ลดหย่อนภาษีอะไรได้บ้าง?
*ทั้งนี้ รายการลดหย่อนภาษีให้ยึดตามกฎเกณฑ์ล่าสุด เพราะจะมีการปรับปรุงและปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์กันทุกปี อย่าลืมติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ จะได้วางแผนลดหย่อน เซฟเงินในกระเป๋าได้ทัน! เมื่อรู้วิธีคำนวณภาษีและอัตราภาษีที่ต้องเสียแล้ว อย่าลืมประเมินเงินได้สุทธิของตัวเองเอาไว้คร่าวๆ และเตรียมเงินสำรองเอาไว้สำหรับจ่ายภาษีช่วงต้นปี 3.ยื่นภาษีสำหรับการยื่นภาษีสามารถทำได้ 3 วิธี คือ
การยื่นภาษีไม่ได้น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือการโดนตรวจสอบย้อนหลัง เพราะฉะนั้นชาวฟรีแลนซ์ทุกคน อย่าลืมวางแผน คำนวณ และยื่นภาษีตามกฎหมายทุกปีกันนะ! ทำงานอยู่บ้าน ช้อปออนไลน์ที่บ้านสบายๆ กับเว็บไซต์ OfficeMate อยากได้คอมพิวเตอร์, โน๊ตบุ๊ค, เครื่องปริ้นเตอร์, เก้าอี้เพื่อสุขภาพ, เมาส์ หรือคีย์บอร์ดอันใหม่ เรามีทุกอย่างที่ชาวฟรีแลนซ์ต้องการ! แถมด้วยบริการส่งฟรี เมื่อสั่งซื้อครบ 499 บาท บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก
|