หูฟังไอโฟนไร้สาย หรือ AirPods ปัจจุบันนี้เปิดตัวมาหลายรุ่น ทั้ง AirPods 1 ถึง 3 และ AirPods Pro ใช้งานกับอุปกรณ์ของ Apple เป็นอุปกรณ์เสริมที่ต้องซื้อเอง ประโยชน์ของหูฟังไร้สาย คือใช้กับการประชุม ขับรถ หรือออกกำลังกาย ที่ไว้สื่อสารหรือฟังคอนเทนต์เสียงที่คุณสนใจ มาดูกันว่าหูฟังไอโฟนของแท้แต่ละรุ่นเป็นอย่างไร Show
หูฟังไอโฟน แต่ละประเภท พร้อมราคา
หูฟังไอโฟนแท้แบบมีสายหูฟังไอโฟน 3.5 มม. (EarPods)EarPods พร้อมหัวเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ฿690.00 หูฟัง 3.5 มม. หรือชื่อทางการค้าว่า EarPods เป็นหูฟังมาตรฐานที่จะได้รับมาพร้อมกับเครื่องไอโฟนที่คุณซื้อ ราคา 690 บาท รวมถึงไอแพดบางรุ่นที่ให้หูฟัง 3.5 mm. มาด้วยในกล่อง แต่เนื่องจากโทรศัพท์ไอโฟนบางรุ่นได้เปลี่ยนพอร์ตชาร์จเป็น Lightning ใช้ชาร์จและส่งข้อมูลเสียงไปด้วย ทำให้ต้องซื้ออะแดปเตอร์ Lightning ราคา 390 บาท เพื่อเปลี่ยนช่องต่อหูฟัง 3.5 มม.ให้ใช้งานได้กับอุปกรณ์ของคุณ อะแดปเตอร์ Lightning เป็นช่องต่อหูฟังขนาด 3.5 มม ฿390.00 หูฟังไอโฟน Lightning (EarPods Lightning)
หูฟังไอโฟน Lightning หรือ EarPods Lightning ราคา 690 บาท เป็นหูฟังไอโฟนแบบมีสายที่ปลายเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มาเป็นขั้ว Lightning โดยที่คุณไม่ต้องซื้ออะแดปเตอร์ Lightning มาเสริม เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้หูฟังกับไอโฟนโดยเฉพาะ และไม่ได้ใช้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง MacBook หรือโน้ตบุ๊กอื่นๆ หูฟังไอโฟนไร้สายAirPods รุ่นที่ 1 ราคาเปิดตัว 4,990 บาท (ไม่มีจำหน่ายบนเว็บไซต์แอปเปิลแล้ว)
AirPods Gen 1 หรือ AirPods รุ่น 1 เป็นหูฟังไร้สายจากค่ายแอปเปิลที่เปิดตัวมาสร้างความเปลี่ยนแปลงของวงการหูฟัง แม้ว่าจะมีก้านยาวๆ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับการฟังเสียง และยังใช้งานได้ตั้งแต่ iPhone 5s จนถึง iPhone 13 รุ่นปัจจุบัน (ดูอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับ AirPods Gen 1 ได้ที่นี่) AirPods 2 ราคา 4,990 บาท
AirPods 2 หรือ AirPods Gen 2 ปรับปรุงมาให้ชาร์จเร็วยิ่งขึ้น และใช้งานสับเปลี่ยนกับอุปกรณ์อื่นได้ด้วยการแตะสัมผัส เคสชาร์จเชื่อมต่อด้วยสาย Lightning เป็น USB-A ชาร์จ 1 ครั้ง ใช้งานสนทนาได้นานสุด 3 ชั่วโมง AirPods 3 ราคา 6,790 บาท
AirPods 3 หรือ AirPods Gen 3 ปรับดีไซน์ใหม่ ควบคุมด้วยเซนเซอร์แรงกด และก้านที่สั้นลง ทนเหงื่อ ทนน้ำ ไมโครโฟนหันเข้าด้านในตรวจจับเสียงที่ได้ยิน แล้วปรับย่านความถี่ต่ำและกลางได้อัตโนมัติ แบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้น AirPods Pro ราคา 8,992 บาท
AirPods Pro ดีไซน์ใหม่ ตัวเคสชาร์จเล็กลงเรียกเคสชาร์จ MagSafe และมีเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ บล็อกเสียงข้างๆ ที่ฟังอยู่ ใช้ไมโครโฟน 2 ตัว หันออก และหันเข้าด้านในเพื่อตัดเสียงรบกวน วางบนเคสชาร์จ MagSafe หรือแผ่นรองชาร์จได้ AirPods Max ราคา 19,900 บาท
AirPods Max มาในรูปทรง Head phone แบบไร้สาย ใช้เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแอคทีฟเช่นเดียวกัน AirPod Pro ชาร์จโดยสาย Lightning to USB-C Cable มีหลากสีสันให้เลือก สำหรับนักศึกษาและเจ้าหน้าที่สถาบันการศึกษามักมีโปรโมชันซื้อหูฟังราคาพิเศษ Back to School ช่วงเดือนกรกฎาคมในปีนี้จะมีโปรส่วนลดหูฟังไอโฟนราคานักศึกษาอีกหรือไม่ ต้องติดตาม อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง :
จะซื้อหูฟังไอโฟนใหม่สักตัวไม่ต้องหาแบบมีสายแล้ว ยุคนี้ True Wireless Earphone ดีๆ ราคาไม่แพงมีเยอะเลย!ถ้าใครเป็นแฟนคลับ Apple และใช้ iPhone มาตลอด จะจำได้ว่าตอนซื้อมือถือมาจะได้หูฟังไอโฟนแบบมีสายแถมมาให้ในกล่องด้วย แต่ตอนนี้เมื่อ Apple ไม่แถมหูฟังมาให้ในกล่องแล้วเปิดตัวหูฟัง True Wireless อย่าง AirPods ออกมา ฝั่งผู้ใช้เองก็หันมาใช้หูฟังไร้สายแบบนี้มากขึ้นและค่อยๆ แพร่หลาย ประกอบกับมีผู้ผลิตจากหลายๆ แบรนด์พากันเปิดตัวหูฟังประเภทนี้ออกมาอย่างต่อเนื่องแล้วราคาจับต้องได้อีกด้วย เลยทำให้หูฟังประเภทนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับไอโฟน นอกจาก AirPods ของ Apple เองแล้ว ก็มีหูฟังอีกหลายแบรนด์น่าสนใจให้เลือกซื้อไปใช้ฟังเพลงและโทรติดต่องานได้สะดวกขึ้นด้วย และข้อดีของหูฟังแบบ True Wireless คือ หูฟังประเภทนี้เมื่อไม่มีสายไฟเชื่อมต่อระหว่างหูฟังกับสมาร์ทโฟนแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าสายจะรกรุงรังและไม่เกิดอุบัติเหตุอย่างสายไฟไปคล้องโดนข้าวของต่างๆ แล้วดึงมือถือให้หลุดจากกระเป๋าแล้วตกกระทบพื้นเสียหายอีกด้วย แต่ก่อนจะเลือกซื้อหูฟัง True Wireless ใหม่มาใช้สักตัว นอกจากรู้สเปคของหูฟังแล้วผู้เขียนก็แนะนำให้ดู Codec เสียงที่ไอโฟนรองรับด้วยว่ารองรับตัวไหนบ้าง ซึ่งถ้าอิงตามหน้าสเปคของ iPhone 13 แล้ว Codec ที่มือถือเครื่องนี้รองรับจะเป็นดังนี้
ถ้าไล่จากรายชื่อ Audio Format ที่ไอโฟนรองรับ จะเห็นว่ารองรับ Codec หลักๆ ครบถ้วน เช่น AAC, MP3, Lossless, FLAC แต่จะเห็นว่ารองรับระบบเสียงของ Dolby หลายตัว รวมไปถึง Dolby Atmos และ Spatial audio อีกด้วย 6 หูฟังไอโฟนไร้สายน่าโดน ฟังเพลงเพลินชัวร์!ถ้าใครซื้อไอโฟนเครื่องใหม่มาใช้หรือสายหูฟังอันเก่าที่มีอยู่โทรมจนไม่น่าใช้แล้ว ส่วนตัวผู้เขียนก็แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้หูฟัง True Wireless ไปเลย เพราะตอนนี้ราคาของหูฟังไร้สายประเภทนี้ราคาก็ถูกลงเรื่อยๆ และมีรุ่นน่าใช้งานให้เลือกเต็มไปหมดอีกด้วย โดยรุ่นที่ผู้เขียนเลือกมาแนะนำจะมีดังนี้
1. Soundpeats Air3 (1,599 บาท)ถ้าใครหาหูฟังไอโฟนไร้สายคุณภาพดีแต่ราคาเป็นมิตรมาฟังเพลงล่ะก็ Soundpeats Air3 นั้นถือเป็นหูฟังไร้สายที่ดีรุ่นหนึ่ง ซึ่งโทนเสียงจะได้ออกโทนอุ่นฟังสบายและเบสหนักแน่นกว่ารุ่น TrueAir2 จนสื่อต่างประเทศหลายเจ้าชื่นชมและแนะนำว่าถ้าจะซื้อ True Wireless ดีๆ มาใช้แล้วไม่อยากซื้อ AirPods ล่ะก็ จะขยับมาใช้แบรนด์นี้เลยก็ดีเช่นกัน ดีไซน์หูฟังตัวนี้จะเป็นแบบ Earbuds ใส่ไดรเวอร์ขนาด 14.2 มม. มาให้ในตัว มีชิป Qualcomm QCC3040 รองรับ Codec อย่าง SBC, aptX, aptX Adaptive เชื่อมต่อผ่านทาง Bluetooth 5.2 รองรับโปรไฟล์ HSP, HFP, A2DP, AVRCP ครบถ้วน ส่วนค่า Frequency response อยู่ที่ 20-20,000 Hz ใช้ฟังเพลงต่อเนื่องได้ 5 ชั่วโมงและเอากลับไปชาร์จในเคสจนแบตเตอรี่เต็มได้อีก 2 รอบ ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่กลับให้ตัวเคสและหูฟังจะชาร์จผ่านสาย USB-C สเปคของ Soundpeats Air3
2. Edifier TWS200 Plus (1,990 บาท)ชื่อของ Edifier นั้นจะโด่งดังในฐานะของลำโพงคอมพิวเตอร์ที่ได้เรื่องเสียงดี เบสแน่น แต่เมื่อเร็วๆ นี้ทางบริษัทก็เปิดตัวหูฟัง True Wireless ออกมาให้เลือกซื้อเช่นกัน ซึ่งถ้าใครอยากได้หูฟังไอโฟนเสียงดี โทนเสียงออกบาลานซ์และเบสฟังกำลังเพลินแล้วราคาไม่แพงเกินไป แนะนำให้ดู Edifier TWS200 Plus ตัวนี้เอาไว้ฟังเพลงได้เลย สเปคของหูฟังไอโฟนรุ่นนี้ดีไซน์เป็น Earbuds กันน้ำระดับ IP54 จึงใส่ออกกำลังกายได้ ใช้ไดรเวอร์ขนาด 13 มม. เคลือบไดอะแฟรมหูฟังด้วย Liquid crystal polymer ให้คุณภาพเสียงดีขึ้น ติดตั้งชิป Qualcomm QCC3040 รองรับ aptX, aptX Adaptive, SBC เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.2 ค่า Frequency response 20-20,000 Hz ติดตั้งไมโครโฟนคู่ มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน CVC ติดตั้งมาให้ ช่วยตัดเสียงรบกวนตอนคุยโทรศัพท์ ตัวหูฟังสามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้ 6 ชั่วโมง ส่วนตัวเคสสามารถใช้ชาร์จหูฟังได้อีก 18 ชั่วโมง สรุปแล้ว Edifier TWS200 ตัวนี้สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้นานสุด 24 ชั่วโมง และชาร์จแบตเตอรี่กลับให้เคสและหูฟังผ่านพอร์ต USB-C ได้เลย ซึ่งถ้าใครเคยใช้ลำโพงของแบรนด์นี้มาแล้วประทับใจ จะซื้อหูฟังไร้สายมาใช้จะเริ่มจากตัวนี้ก็ดี สเปคของ Edifier TWS200 Plus
3. Jabra Elite 3 (2,990 บาท)คนที่เคยซื้อหูฟังบลูทูธมาต่อมือถือโทรติดต่องานบ่อยๆ น่าจะคุ้นแบรนด์ Jabra ที่เป็นเจ้าตลาดของหูฟังประเภทนี้อย่างแน่นอน และหูฟังไอโฟนรุ่นที่ผู้เขียนแนะนำสำหรับคนที่เน้นใช้งานแนวนี้บ่อยๆ จะแนะนำให้ดูเป็น Jabra Elite 3 ที่ติดตั้งไมโครโฟนมาให้ 4 ตัวพร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน มี Surround sound สำหรับปล่อยเสียงภายนอกเข้ามาให้เราได้ยินโดยไม่ต้องถอดหูฟังได้ และกันน้ำระดับ IP55 แล้วปรับแต่งเสียงได้ด้วยแอพฯ Jabra Sound+ ได้อีกด้วย ด้านดีไซน์จะเป็นทรง Earbuds จุกซิลิโคน ติดตั้งไดรเวอร์ขนาด 6 มม. รองรับ aptX, SBC เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นด้วย Bluetooth 5.2 รองรับ A2DP, AVRCP, HFP, HSP รองรับ Google Fast Pair ทำให้จับคู่สมาร์ทโฟน Android กับหูฟังนี้ได้อย่างรวดเร็ว ค่า Frequency response 20 – 20,000 Hz ใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 7 ชั่วโมง รวมกับแบตเตอรี่ในเคสด้วยจะใช้งานได้นานสุด 28 ชั่วโมง และชาร์จแบตเตอรี่กลับให้หูฟังไอโฟนตัวนี้ได้ด้วย USB-C ซึ่งถ้าใครเน้นเรื่องการโทรติดต่องานมากกว่าฟังเพลงล่ะก็ แนะนำให้ดู Jabra ตัวนี้เอาไว้ได้เลย สเปคของ Jabra Elite 3
4. Fender Tour (3,690 บาท)ถ้าใครเป็นสายดนตรีน่าจะได้ยินชื่อของผู้ผลิตกีตาร์ชื่อดังอย่าง Fender แน่นอน รวมทั้งหูฟังไอโฟนไร้สายรุ่น Fender Tour ซึ่งคุณภาพเสียงเรียกว่าเหมาะกับสายฟังเพลงเป็นอย่างมาก ซึ่งตัวหูฟังจะได้เบสหนักแน่นแยกเสียงเครื่องดนตรีและเสียงนักร้องชัดเจน เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงมาก สเปคของหูฟังตัวนี้จะทนน้ำระดับ IPX4 ใช้ไดรเวอร์ Dynamic ขนาด 7 มม. รองรับ aptX, AAC, SBC เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 ค่า Frequency response 20 – 20,000 Hz ฟังเพลงต่อเนื่องได้ 5 ชั่วโมง และถ้าชาร์จด้วยเคสจะใช้งานได้นานสุดรวม 22 ชั่วโมงทีเดียว มีไมโครโฟน 4 ตัว แบ่งข้างละคู่ สามารถโหลดแอพฯ Fender Tour มาตั้งค่าต่างๆ รวมทั้งอัพเดทเฟิร์มแวร์ให้หูฟังได้ด้วย ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ใช้สาย USB-C เพื่อชาร์จแบตให้กล่องหูฟังตัวนี้ได้เลย เรียกว่าถ้าใครชื่นชอบการฟังเพลงแล้วกำลังจะซื้อหูฟังไอโฟนไร้สายตัวใหม่อาจจะดู Fender Tour ตัวนี้ไปใช้งานได้เลย สเปคของ fender Tour
5. Sony WF-1000XM3 (5,990 บาท)เรื่องเสียงและเพลงยังไงก็ต้องมี Sony เป็นหูฟังรุ่นแนะนำที่จะใช้เป็นหูฟังไอโฟนหรือ Android ก็เวิร์คทั้งคู่ โดยหูฟัง True Wireless รุ่นที่แนะนำยังเป็น Sony WF-1000XM3 ที่ถึงจะเปิดตัวมานานแล้วก็ตาม แต่ยังน่าใช้มาก สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกหรือจะดึงเสียงภายนอกเข้ามาก็ได้ด้วยชิป QN1e และมี DSEE HX ฟีเจอร์เพิ่มคุณภาพไฟล์เสียงดิจิตอลให้ดีขึ้นได้และโหลด Sony Headphones Connect มาควบคุมและตั้งค่าต่างๆ ได้อีกด้วย ด้านดีไซน์หูฟังตัวนี้จะเป็น Earbuds เช่นกัน ใช้ไดรเวอร์แบบ Dynamic ขนาด 6 มม. คอยล์เสียง CCAW กับแม่เหล็กนีโอดิเมียม รองรับ Codec SBC, AAC ส่วนค่า Frequency response 20 – 20,000 Hz เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.0 โปรไฟล์ A2DP, AVRCP, HFP, HSP ใช้ฟังเพลงได้นานสุด 8 ชั่วโมง และเอาไปชาร์จในเคสด้วยจะอยู่ได้นานรวม 24 ชั่วโมง และชาร์จแบตเตอรี่ได้ผ่านพอร์ต USB-C ที่ตัวเคส ซึ่งโดยรวมแล้วต้องถือว่า Sony WF-1000XM3 ตัวนี้ถึงจะเป็นหูฟังไอโฟนที่ขายมาสักพักแล้ว แต่ก็ยังถือว่าน่าใช้อย่างมากอยู่ สเปคของ Sony WF-1000XM3
6. B&O Beoplay E8 Gen3 (12,900 บาท)ส่วนหูฟังไอโฟนรุ่นท็อปสุดที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้จะเป็นอีกแบรนด์ที่เป็นคู่แข่งของ Sennheiser อย่าง B&O หรือ Bang & Olufsen จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งรุ่นแนะนำเป็น B&O Beoplay E8 Gen 3 รุ่นล่าสุดที่มิติและคุณภาพเสียงถือว่าสมราคาเพราะโทนเสียงถือว่าสมค่าตัว เบสแน่นเสียงดีและฟังเพลงได้ทุกแนว รวมทั้งมีฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนและดึงเสียงภายนอกเข้ามาก็ได้โดยไม่ต้องถอดหูฟังออก ส่วนดีไซน์ วัสดุและงานประกอบนั้นจัดว่าอยู่ในระดับหรูหราเลยทีเดียว สามารถควบคุมการทำงานทั้งหมดได้ด้วยแอพฯ ของ Bang & Olufsen และกันน้ำระดับ IP54 อีกด้วย ดีไซน์ของตัวหูฟังเป็นแบบ In Ear ใช้ไดรเวอร์แบบอีเล็คโทรไดนามิคขนาด 5.7 มม. รองรับ SBC, AAC, aptX ค่า Frequency response 20 – 20,000 Hz เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.1 ใช้ฟังเพลงต่อเนื่องได้นานสุด 7 ชั่วโมง ส่วนระยะเวลาใช้งานนานสุดรวมการชาร์จในเคสด้วยจะอยู่ได้ 35 ชั่วโมงทีเดียว ชาร์จแบตเตอรี่กลับให้หูฟังได้ 2 แบบ คือผ่านพอร์ต USB-C หรือชาร์จไร้สายตามมาตรฐาน Qi (ชี่) ก็ได้ ซึ่งถ้าใครอยากได้หูฟัง True Wireless ระดับพรีเมี่ยมคุณภาพดี ลงทุนครั้งเดียวคุ้มค่าและจบในตัวก็แนะนำให้ลงทุนกับ Beoplay E8 Gen 3 ตัวนี้ได้เลย สเปคของ B&O Beoplay E8 Gen 3
สรุปสเปคหูฟังไอโฟนไร้สาย 6 รุ่นน่าใช้ ฟังเพลงเพลินสำหรับคนที่อ่านฟีเจอร์เด่นของหูฟังไอโฟนที่เลือกมาแนะนำในบทความนี้ทั้ง 6 รุ่นแล้ว จะเห็นว่าหูฟังแต่ละรุ่นจะมีฟีเจอร์และราคาแตกต่างกันไป ซึ่งถ้าสรุปสเปคโดยหลักๆ แล้วจะเป็นดังนี้
สุดท้ายสำหรับการเลือกหูฟังไอโฟนเอาไว้ฟังเพลงหรือใช้ติดต่องานสักรุ่นนั้น ส่วนตัวผู้เขียนอยากชี้ให้เห็นว่าถ้าดูแค่สเปคอย่างเดียว จะเห็นว่าสเปคก็ไม่หนีกันมากนัก แต่ในเมื่อหูฟังเป็น Gadget ที่ต้องไปลองฟังเสียงเพลงด้วยตัวเองก่อนซื้อ ว่าเราชอบแนวเสียงของหูฟังรุ่นนั้นๆ หรือเปล่า เพราะไม่อย่างนั้นซื้อมาแบบไม่ได้ลอง พอฟังไปสักพักก็อาจจะรู้สึกไม่ถูกใจ ฟังเพลงไม่สนุกดูหนังไม่สุขเหมือนเดิมจนต้องขายแล้วหาซื้อหูฟังอันใหม่มาลองไปเรื่อยๆ ก็ได้ ทางที่ดีที่ผู้เขียนแนะนำ คือถ้าหาร้านหรือมีเพื่อนที่ใช้หูฟังรุ่นที่เราสนใจอยู่ ก็แนะนำให้ไปขอยืมแล้วลองฟังเพลงที่เราฟังเป็นประจำสัก 2-3 เพลง เพื่อทดลองฟังเสียงดูว่าหูฟังรุ่นที่สนใจได้เสียงเพลงแบบที่เราชอบหรือเปล่า ซึ่งถ้าเสียงเป็นแนวแบบที่ชอบและฟังแล้วถูกใจค่อยซื้อก็ได้ บทความที่เกี่ยวข้อง
|