เพราะเหตุใดทวีปแอฟริกาจึงมีการย้ายถิ่นออกมามากกว่าการย้ายถิ่นเข้า

ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน 3 คน เปิดใจ ทำไมย้ายไปอยู่แอฟริกา

ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน 3 คน เปิดใจ ทำไมย้ายไปอยู่แอฟริกา

11 สิงหาคม 2020

ไบรอัน, รูคิยา และมาร์คัส พวกเขาทั้ง 3 คนไม่รู้จักกัน แต่ต่างก็ตัดสินใจทิ้งบ้านในสหรัฐฯ ย้ายไปอยู่นามิเบีย, แทนซาเนีย และยูกันดา ตามลำดับ ขณะที่ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันบางส่วนเริ่มทยอยย้ายถิ่นฐานไปอยู่แอฟริกามากขึ้นเมื่อไม่นานนี้ เพราะพวกเขาเห็นว่า แอฟริกาไม่มีการเหยียดเชื้อชาติ และหลายคนบอกว่า พวกเขาเลือกอพยพเพราะบุตรหลานของตัวเอง

ในปี 2019 จำนวนชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันจำนวนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากขบวนการ "ปีแห่งการหวนกลับ" ที่เริ่มต้นขึ้นในกานา 400 ปี หลังจากที่ชาวแอฟริกันคนแรกถูกนำตัวล่ามโซ่ไปยังเมืองเจมส์ทาวน์ของสหรัฐฯ

"การเหยียดเชื้อชาติในอเมริกามีอยู่ดาษดื่น เห็นได้ตำตาทั่วไป ฉันไม่มั่นใจว่าเราจะเลี่ยงมันหรือออกจากปัญหานี้ได้ หรือมีหนทางอื่นที่จะแก้ไขปัญหานี้ นี่คือเหตุผลที่เราอพยพออกมา" รูคิยา แม็กแนร์ ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่ย้ายไปอยู่แทนซาเนีย กล่าว

ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ทยอยย้ายไปตั้งรกรากในแอฟริกาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าสำหรับตัวเองและครอบครัว

คำบรรยายภาพ,

"ผมจัดการชีวิตในยูกันดา ได้ดีกว่าในอเมริกามาก เพราะผมมีเงินพอใช้จ่าย" มาร์คัส กล่าว

"ผมเข้า ๆ ออก ๆ ยูกันดามา 2 ปีแล้ว ปีนี้ผมตัดสินใจอยู่ถาวร" มาร์คัส เพซ ยูทิวเบอร์ ซึ่งเป็นอีกคนที่อพยพไปอยู่แอฟริกา กล่าว

เขาเล่าว่า "ผมเลือกอยู่ที่นี่เพราะว่าผมดูแลเรื่องค่าครองชีพได้ดีกว่า และผมไม่รู้สึกว่า ผมตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป มีอีกหลายเรื่องที่ต้องกังวล แต่ว่าผมไม่รู้สึกว่าตัวเองตกเป็นเป้า ไม่รู้สึกว่า มีคนอยากจะเอาชีวิต หรืออยากจะบงการชีวิตของผม เพียงเพราะผมมีสีผิวแบบนี้"

รูคิยา บอกว่า เธอและครอบครัวอาศัยอยู่ในเมืองดาร์เอสซาลาม ประเทศแทนซาเนีย ประมาณ 5 เดือนแล้ว

"ตอนเรามาที่นี่ สิ่งที่ทำให้เราตัดสินใจได้ก็คือ การเห็นเด็ก ๆ มีความสุข และหาเพื่อนใหม่ได้ง่ายดาย" รูคิยา กล่าว

  • จอร์จ ฟลอยด์ : อคติและความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติที่ฝังรากลึกในสังคมอเมริกัน
  • "คาเรน" คือใครกันแน่ แล้วการล้อเลียนนี้มีที่มาอย่างไร
  • จอร์จ ฟลอยด์ : ตำรวจอเมริกันคิดอย่างไรกับการประท้วงการเหยียดเชื้อชาติและการใช้ความรุนแรงของตำรวจ

รูคิยา ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจ เล่าว่า "ฉันรู้สึกปลอดโปร่ง และมีความสุขมาก เราจึงตัดสินใจอยู่ที่นี่ เราหลงรักแทนซาเนีย เราแค่ต้องการที่สักแห่ง ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่บ้านตัวเอง"

ส่วน ไบรอัน วีลเลอร์ เจ้าของกิจการ ซึ่งอพยพไปอยู่นามิเบีย เล่าว่า "ผมอยู่แอฟริกามา 11 ปีเศษ แล้วครับ ตอนนี้ ผมรู้สึกมาตลอดว่า แอฟริกาเคยเป็น และมาเป็นบ้านของผม"

"ผมรู้สึกมาตลอดว่า ผมเป็นชาวแอฟริกัน แม้ว่าจะเป็นคนแอฟริกันที่ย้ายถิ่นฐานมา มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเอง เมื่อผมเดินทางมาถึงทวีปนี้ ผมรู้สึกเหมือนมาถึงบ้าน รู้สึกผ่อนคลายและรู้สึกสงบมาก การอยากย้ายมาแอฟริกา เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ" ไบรอัน กล่าว

ส่วน มาร์คัส เล่าถึงชีวิตในแอฟริกาว่า "ผมจัดการชีวิตในยูกันดา ได้ดีกว่าในอเมริกามาก เพราะผมมีเงินพอใช้จ่าย ก่อนหน้านี้ ผมไม่ค่อยมีเวลาหาความสุขจากเงินที่หาได้ ไม่ค่อยได้ใช้วันหยุด ต้องทำงานติดต่อกัน ผมต้องพยายามพิสูจน์คุณค่าของตัวเอง ในประเทศที่ทำให้ผู้คนแบบผมดูเหมือนไร้ค่า"

ไบรอัน บอกว่า "สิ่งที่แตกต่างมากที่สุดสำหรับผมคือ ความสบายใจ ผมรู้สึกสบายใจ ผมเชื่อว่า ครอบครัวของผม ลูก ๆ ของผม ต่างก็รู้สึกสบายใจในทวีป ที่พวกเขาอาจจะไม่เคยรู้สึกในอเมริกา"

รูคิยา บอกว่าชีวิตที่แทนซาเนียผ่อนคลายและสบายกว่ามาก

"บอกตามตรง ทุกที่ที่ฉันเคยไปในทวีปนี้ ฉันรู้สึกปลอดภัยกว่าที่เคยรู้สึกในสหรัฐฯ มาก"

คำบรรยายภาพ,

รูคิยา เล่าว่า "ฉันเติบโตมาในย่านของคนผิวขาวนอกเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย ในความเห็นของฉัน พิตต์สเบิร์กเป็นเมืองที่เหยียดเชื้อชาติมาก"

มาร์คัส บอกว่า "ตอนผมเป็นเด็ก ผมไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับแอฟริกา ผมไม่รู้ว่า แอฟริกาเป็นอย่างไร แต่เมื่อผมโตขึ้น ผมเริ่มอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งผมก็ย้ายมาจริง ๆ"

ไบรอัน ซึ่งอยู่ในยูกันดา กล่าวว่า "มาร์คัส การ์วีย์ สอนเราว่า แอฟริกา เป็นของคนที่อยู่ที่นี่และที่อยู่ต่างประเทศ"

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยพิว เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2016 ระบุว่า "ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันส่วนใหญ่ (71%) ในสหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาเคยถูกเลือกปฏิบัติหรือได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพราะเชื้อชาติของพวกเขา"

ไบรอัน กล่าวว่า "อเมริกา ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงงานของทาสชาวแอฟริกันดังนั้น การเหยียดเชื้อชาติในอเมริกาจึงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเหมือนกับพายแอปเปิลสำหรับอเมริกันชน"

เขาบอกว่า ไม่เคยถูกเหยียดเชื้อชาติในแอฟริกา แต่ยอมรับว่า พบเห็นอคติและการเหมารวมบางอย่างในแอฟริกา

รูคิยา เล่าว่า "ฉันเติบโตมาในย่านของคนผิวขาวนอกเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลวาเนีย ในความเห็นของฉัน พิตต์สเบิร์กเป็นเมืองที่เหยียดเชื้อชาติมาก"

เธอเล่าว่า เธอเคยถูกเรียกคำที่ขึ้นต้นด้วยตัวเอ็น ตอนเรียนชั้นประถม

"มันเป็นเรื่องที่ บอกตามตรง ฉันคงต้องใช้เวลาทั้งวัน ถ้าต้องเล่าประสบการณ์ทุกอย่างที่ฉันเคยเผชิญเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติในสหรัฐฯ ตั้งแต่การถูกเดินตามในร้านค้า การถูกตำรวจเรียกโดยไม่มีเหตุผล ไปจนถึงการถูกปฏิเสธงาน ฉันคงต้องใช้เวลาทั้งวันในการอธิบายถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวันของการเป็นคนดำในอเมริกา" เธอกล่าว

ส่วน มาร์คัสกล่าวว่า "การบังคับใช้กฎหมายที่นี่ในยูกันดากับในอเมริกาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางสถานการณ์ก็น่ากังขาแต่ส่วนใหญ่แล้ว คุณไม่ได้ตกเป็นเป้าเพียงเพราะสีผิว เชื้อชาติ หรือสัญชาติของคุณ"

เว็บไซต์ mappingpoliceviolence.org ระบุในปี 2019 ว่า "ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันถูกตำรวจยิงและสังหาร คิดเป็น 2.5 เท่า ของชาวอเมริกันผิวขาว"

รูคิยาบอกว่า "แม้ว่าคุณจะไม่ตาย หรือไม่ได้ถูกตำรวจล่วงละเมิดในสหรัฐฯ คุณก็เผชิญกับการแสดงออกที่ไม่ดี เมื่อเราต้องเจอกับตำรวจ"

นอกจากนี้ ไบรอันและรูคิยา ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกในแอฟริกาด้วย

คำบรรยายภาพ,

ไบรอัน กล่าวว่า "อเมริกา ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงงานของทาสชาวแอฟริกันดังนั้น การเหยียดเชื้อชาติในอเมริกาจึงเป็นเรื่องธรรมดาสามัญเหมือนกับพายแอปเปิลสำหรับอเมริกันชน"

"ผมรู้สึกสบายใจในการเลี้ยงลูกในแอฟริกา ลูก ๆ ของผมปรับตัวได้ดี และเข้ากับสังคมได้ พวกเขาโชคดีที่ได้อยู่ในประเทศที่ตัดสินพวกเขาจากสิ่งที่พวกเขาทำ ไม่ใช่จากสีผิวของพวกเขา" ไบรอันกล่าว

ส่วนรูคิยา กล่าวว่า "การเลี้ยงดูครอบครัวที่นี่ ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายที่รู้ว่า ลูก ๆ ของฉันจะปลอดภัย ฉันรู้ว่า พวกเขาจะหาเพื่อนได้ง่ายกว่ามาก ฉันรู้ว่า พวกเขาจะได้มีโอกาสเป็นเด็กจริง ๆ"

"ฉันรู้สึกว่าในสหรัฐฯ เด็กผิวดำจะต้องรีบโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะพวกเขาเรียนรู้ว่า พวกเขาไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ฉันอยากให้พวกเขามีอิสระ มีอิสระในการเป็นตัวเอง" รูคิยา กล่าว

"ถ้าผมเลือกได้ในเรื่องนี้ ผมจะไม่ย้ายกลับไปที่นั่น ไม่มีเหตุผลสำหรับผมที่จะต้องย้ายกลับไปอเมริกา เพื่อไปเผชิญกับสิ่งที่ผมต้องรับมือมาตลอดทั้งชีวิต" มาร์คัส กล่าว

ส่วนไบรอันบอกว่า "ผมยังคงมีญาติในอเมริกา แน่นอนว่า ผมหวังว่าจะได้กลับไปเยี่ยมสมาชิกครอบครัวของผม แต่ผมไม่คาดหวังว่า จะย้ายกลับไปอยู่อเมริกาอีกแล้ว"

มาร์คัสกล่าวว่า "ถ้าพวกเราทุกคนร่วมมือกัน ถ้าเราช่วยเหลือกันและกัน ผมเชื่อว่าเราสร้างสังคมที่ดีกว่านี้ได้มาก สังคมของชาวแอฟริกันที่มาจากต่างประเทศ และชาวแอฟริกันที่อยู่ในทวีปนี้"

รูคิยา บอกว่า "สิ่งที่คุณมีที่นี่ ช่างสวยงามและวิเศษมาก มากกว่าสิ่งที่คุณเคยพบเจอในที่อื่น ฉันเคยไปสถานที่มากมายในโลกนี้ ไม่มีที่ไหนเหมือนกับแอฟริกา"

เพราะเหตุใดจึงมีผู้อพยพในทวีปแอฟริกา

4. เพราะเหตุใด จึงมีค่ายผู้อพยพในทวีปแอฟริกา เพื่อเป็นที่พักของผู้ละทิ้งถิ่นเดิม อันเนื่องจากหนีความแห้งแล้ง หนีความอดอยาก หนีภัยจากการสู้รบ หนีปัญหาความขัดแย้งในสังคมกับชนผ่าต่างๆ

เพราะเหตุใดทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกาจึงมีประชากรกระจายตัวอยู่อย่างเบาบาง

ภูมิอากาศ ส่วนใหญ่จะมีทะเลทราย อากาศแห้งแล้ง ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชากรในทวีป ส่วนมากจะอยู่ทางตอนเหนือสุดและใต้สุดของทวีป ซึ่งมีอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน มีภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนาอยู่บริเวณตอนเหนือ และใต้แนวศูนย์สูตร

บริเวณใดในทวีปแอฟริกาที่มีประชากรตั้งถิ่นฐานหนาแน่นที่สุด เพราะเหตุใด

บริเวณที่มีประชากรตั้งถิ่นฐานหนาแน่นมาก ที่สุดในทวีป คือ บริเวณที่ราบลุ่มน้า เช่น ที่ ราบลุ่มน้าไนล์ที่ราบลุ่มน้าไนเจอร์ ➢ บริเวณทะเลทรายและป่าดิบชื้น จะมี ประชากรอาศัยอยู่เบาบาง ยกเว้นบริเวณที่มี แหล่งน้าใต้ดินในทะเลทราย (โอเอซิส) จะมี ประชากรอาศัยอยู่จานวนมาก เนื่องจากมี ความอุดมสมบูรณ์ปริมาณน้าเพียงพอต่อการ บริโภค

เพราะเหตุใดในทวีปแอฟริกาจึงมีการเลี้ยงโคเนื้อจำนวนมาก

- โคพันธุ์พื้นเมือง เป็นโคเขายาวที่นิยมเลี้ยงกันทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของทวีป การเลี้ยงโคของชาวแอฟริกานอก จากเพื่อใช้แรงงานและใช้เนื้อเป็นอาหารแล้ว ยังแสดงถึงฐานะทางสังคมด้วย กล่าวคือ ผู้มีจำนวนโคมากแสดงถึงความมีฐานะดีและเป็นผู้ Page 6 of 7.