ประเภทของคอมพิวเตอร์ลักษณะสำคัญของคอมพิวเตอร์
ประเภทของคอมพิวเตอร์ แบ่งตามขนาดและราคาเครื่องประเภทของคอมพิวเตอร์ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputer) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง มีความสามารถในการประมวลผลสูงมาก เหมาะกับงานที่มีความซับซ้อนสูงมาก เช่น งานอุตสาหกรรมน้ำมัน การคำนวณเพื่อพยากรณ์อากาศ เป็นต้น เครื่องซุปเปอร์คอมพิวเตอร์นั้นราคาแพงมาก ต้องติดตั้งในที่ๆ มีการปรับอุณหภูมิ ปราศจากฝุ่นละอองต่างๆ ประสิทธิภาพการทำงานจะวัดเป็น กิกะฟลอป (Gigaflop) มีการคำนวณ หนึ่งพันล้านครั้งของการคำนวณตัวเลขระดับทศนิยมต่อหนึ่งวินาที
ประเภทของคอมพิวเตอร์เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่และประสิทธิภาพรองลงมา และเป็นที่นิยมตามองค์กรขนาดใหญ่ มีราคาแพงรองลงมา นิยมนำมาใช้ในงานที่มีการรับและแสดงผลข้อมูลจำนวนมาก เช่น ธนาคาร มหาวิทยาลัย เป็นต้น ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจะวัดเป็น เมกะฟลอป (Megaflop) หรือการคำนวณ หนึ่งล้านครั้งของการคำนวณตัวเลขระดับทศนิยมต่อหนึ่งวินาที โดยทั่วไปแล้วระบบการทำงานของเครื่องประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ย่อยๆ เพื่อช่วยในการทำงานแก่เครื่องหลักได้แก่ – เครื่องโฮสต์ (Host processor) เป็นเครื่องหลักที่มีหน้า ที่ควบคุมหน่วยประมวลผล อุปกรณ์รอบข้างและการคำนวณต่างๆ – เครื่องส่วนหน้า (Front-end processor) มีหน้าที่ควบคุมการติดต่อ ระหว่างหน้าจอของผู้ใช้งาน ที่เรียกว่า จอเทอร์มินัลระยะไกล (Remote terminal) กับระบบเครื่องโฮส มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) เป็นเครื่องที่คล้ายกับเครื่องแบบเมนเฟรม แต่มีขนาดกลาง และราคาถูกกว่า สามารถนำมาใช้งานแบบมัลติโปรแกรมมิ่ง (รันโปรแกรมได้มากกว่าหนึ่งโปรแกรมได้ในขณะใดขณะหนึ่ง) แบบเครื่องเมนเฟรมแต่จะมีความเร็วในการทำงานช้ากว่า การควบคุมผู้ใช้ต่างๆ จะกระทำได้จำนวนน้อยกว่า สื่อที่เก็บข้อมูลต่างๆ มีความจุไม่สูงเท่าเมนเฟรมจัดเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง และส่วนมากใช้ในธุรกิจขนาดกลาง เวิร์คสเตชัน (Workstation) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบชนิดใช้คนเดียว จะถูกควบคุมโดยผู้ใช้โดยตรง เป็นคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ส่วนมากใช้ในงานเกี่ยวกับวิศวกรรมสถาปัตยกรรม อาจมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ซุปเปอร์ไมโคร (Supermicro) ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) พัฒนาขึ้นในปี ค.ศ.1975 เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวกับการจัดการทั่วไป เช่น การพิมพ์ การเก็บข้อมูลขนาดเล็ก เป็นต้น ปัจจุบันมีอยู่ 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ เครื่องแบบ PC (Personal Computer) และเครื่องแอปเปิล หรือเครื่องแมคอินทอช (Apple Macintosh) อุปกรณ์ผู้ช่วยชาญฉลาด (Smart Device) เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กมาก สามารถวางอยู่บนฝ่ามือเพียงมือเดียวได้ และอาจใช้ปากกาที่เรียกว่า สไตล์ลัส (Stylus) ป้อนข้อมูลเข้าสู่เครื่อง ในปัจจุบันอุปกรณ์พวกนี้พัฒนาขึ้นมามากจนสามารถทำงานต่างๆ ได้เหมือนกับไมโครคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์แบบฝัง (Embedded computer) เป็นคอมพิวเตอร์ ที่ถูกฝังไว้ในอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้มองไม่เห็นจากรูปลักษณ์ภายนอกว่า เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ นิยมใช้ในการทำงานเฉพาะทาง เช่น เตาอบไมโครเวฟ นาฬิกาข้อมือ มือถือรุ่นเก่า เป็นต้น ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ จากการที่คอมพิวเตอร์มีลักษณะเด่นหลายประการ ทำให้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ ต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในสังคมเป็นอย่างมาก ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือ การใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ เช่น พิมพ์จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซึ่งเรียกว่างานประมวลผล ( word processing ) นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในด้านต่างๆ อีกหลายด้าน ดังต่อไปนี้
การศึกษา ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านการเรียนการสอน ซึ่งมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยการสอนในลักษณะบทเรียน CAI หรืองานด้านทะเบียน ซึ่งทำให้สะดวกต่อการค้นหาข้อมูลนักเรียน การเก็บข้อมูลยืมและการส่งคืนหนังสือห้องสมุด อุปกรณ์โทรคมนาคมระบบโทรคมนาคม (Telecommunications Systems) คือระบบที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์จำนวนหนึ่งที่สามารถทำงานร่วมกันและถูกจัดไว้สำหรับการสื่อสารข้อมูลจากสถานที่แห่งหนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถถ่ายทอดข้อความ ภาพกราฟฟิก เสียงสนทนา และวิดีทัศน์ได้ อุปกรณ์โทรคมนาคม มีดังนี้ 1.โทรศัพท์บ้าน (Telephone) เป็นอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคมที่อนุญาตให้ ผู้ใช้สองคนหรือมากกว่า สามารถสนทนากัน เมื่อพวกเขาไม่ได้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันที่จะได้ยินเสียงกันโดยตรง 2.โทรศัพท์มือถือ คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการสื่อสารสองทางผ่าน โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่านสถานีฐาน 3.โทรพิมพ์ เป็นรูปแบบของการบริการโทรเลขชนิดหนึ่ง แต่ผู้ใช้งานสามารถติดต่อโต้ตอบกันได้โดยเครื่องโทรพิมพ์จะ มีลักษณะคล้ายเครื่องพิมพ์ดีด ที่เป็นได้ทั้งเครื่องรับและส่งข้อมูลในตัวเดียวกัน สามารถสื่อสารโดยอาศัยตัวนำหรือสัญญาณ และชุมสายที่มีการเชื่อมต่อกันกับเครื่องโทรพิมพ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน 4.คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electrinic device) ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ 5.โมเด็ม คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อกแล้ว ส่งออกไปทางสายโทรศัพท์หรือสายส่งและรับสัญญาณจากสายส่งมาเปลี่ยนเป็นสัญญาณ ดิจิตอลให้เครื่องคอมพิวเตอร์ 6.มัลติเพล็กเซอร์ (Multiplexer : MUX) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ตัวเลือกข้อมูล(Data Selector) ซึ่งเป็นตัวที่ทำหน้าที่เลือกช่องสัญญาณที่มีข้อมูลช่องหนึ่งจากหลายๆช่อง สัญญาณมาเป็นอินพุตและต่อช่องสัญญาณที่มีข้อมูลนั้นเข้าเป็นสัญญาณเอาต์พุตเพียงเอาต์พุตเดียว 7.แอมพลิไฟเออร์ อุปกรณ์ที่ส่วนใหญ่ทำการเปลี่ยนหรือเพิ่มกว้างของคลื่นเสียงซึ่งก็คือความดังของสัญญาณให้มากขึ้น 8.สายโทรศัพท์ สายที่โยงถึงกันเพื่อเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ 9.ใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable) เป็นตัวกลางของสัญญาณแสงชนิดหนึ่ง ที่ทำมาจากแก้วซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงมาก สายใยแก้วนำแสงมีลักษณะเป็นเส้นยาวขนาดเล็ก มีขนาดประมาณเส้นผมของมนุษย์เรา 10.สายโคแอกเซียล (coaxial) เป็นตัวกลางเชื่อมโยงที่มีลักษณะเช่นเดียวกับสายที่ต่อจากเสาอากา11.ดาวเทียม คือ สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์คิดค้นขึ้น ที่สามารถโคจรรอบโลก โดยอาศัยแรงดึงดูดของโลก ส่งผลให้สามารถโคจรรอบโลกได้ในลักษณะเดียวกันกับที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก และโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ วัตถุประสงค์ของสิ่งประดิษฐ์นี้เพื่อใช้ ทางการทหาร การสื่อสาร การรายงานสภาพอากาศ
13.สัญญาณไร้สายแบบต่างๆ เป็นสัญญาณที่ช่วยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายโดยใช้คลื่นวิทยุ 14.วิทยุ เป็นเครื่องมือสื่อสารทางเดียวชนิดหนึ่ง ทำหน้าที่รับและเลือกคลื่นวิทยุจากสายอากาศ แล้วนำไปสู่ภาคขยายต่อไป โดยมีช่วงความถี่ของคลื่นที่กว้าง แล้วแต่ประเภทของการใช้งาน 15.แม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Radiation (EM radiation หรือ EMR)) เป็นคลื่นชนิดหนึ่งที่ไม่ต้องใช้ตัวกลางในการเคลื่อนที่ 16.โทรสาร (facsimile, fax แฟกซ์) คือเทคโนโลยีโทรคมนาคมอย่างหนึ่งใช้สำหรับโอนถ่ายข้อมูลสำเนาของเอกสาร ผ่านทางอุปกรณ์บนเครือข่ายโทรศัพท์ที่เรียกว่า เครื่องโทรสาร หรือ telecopier 17.โทรเลข คือระบบโทรคมนาคมซึ่งใช้อุปกรณ์ทางไฟฟ้าส่งข้อความจากที่หนึ่งไปยังอีกที่ หนึ่ง เดิมส่งโดยอาศัยสายตัวนำที่โยงติดต่อถึงกันและอาศัยอำนาจแม่เหล็กไฟฟ้าเป็น หลักสำคัญ แต่ระยะหลังมีการใช้วิธีการส่งไร้สาย ที่เรียกว่า วิทยุโทรเลข
ผู้เเต่ง kitiphong-j ผู้เรียยบเรียง นางสาววรรณิภา ปรือปรัง ที่มา |