ฝ่ายพระนางประชาบดีโคตามีพอเสด็จกลับถึงพระตำหนักก็ทรงตัดสินพระทัยปลงพระเกศาของพระองค์ แล้วทรงผ้ากาสาวพัสตร์อธิฐานเพศเป็นนักบวชจำเพราะพระศาสดา พร้อมด้วยเจ้าหญิงจากศากยวงศ์ (สากิยานี) เป็นจำนวนมาก จากนั้นก็พากันเดินไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถึง เมืองเวสาลีแล้วพากันประทับยืนกันแสงอยู่ที่ซุ้มประตูป่ามหาวัน พระอานนท์พบเข้าก็ได้สอบถามข้อเท็จจริงแล้วบอกให้พระนางเจ้าพร้อมทั้งสากิยานีรออยู่ที่ซุ้มประตูนั้นก่อน จากนั้นพระอานนท์ ก็เข้าไปกราบทูลให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ พระอานนท์กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระนางมหาปชาบดีโคตามีพร้อมด้วยสากินีจำนวนมาก พากันตัดเกศา นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ยืนกันแสงอยู่ที่ซุ้มพระทวาร มีจิตใจแน่วแน่จะขออุปสมบทในพระธรรมวินัยนี้ ขอพระองค์จงโปรดให้พระนางบวชเถิด แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงอนุญาต พระอานนท์สงสารและเห็นใจหญิงเหล่านั้น จึงคิดหาเหตุผลที่จะให้พระองค์ทรงอนุเคราะห์สตรีเหล่านั้นจึงทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สตรีถ้าบวชได้แล้วจะทำมรรคผลได้สำเร็จหรือไม่?” พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า "ได้ " พระอานนท์จึงอ้างเหตุผลที่พระนางมหาปชาปดีโคตามี ซึ่งเป็นน้าของพระพุทธเจ้าได้ทรงเลี้ยงพระองค์ในวัยเยาว์ จึงมีคุณ ฉะนั้นจึงทูลขอให้สตรีบวชได้ พระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสว่าถ้าพระนางปชาบดีโคตามียอมรับ ครุธรรม ๘ ประการ ได้ก็จะให้บวช ซึ่งได้แก่ Show
ครุธรรมทั้ง ๘ ประการนี้ ภิกษุณีพึงสักการะเคารพตลอดชีวิต พระนางมหาปชาบดีโคตามีทรงยอมรับด้วยความยินดี โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือข้อแม้ใดๆ ผู้ที่บวชเป็นภิกษุณีนั้นต้องปฏิบัติตนเป็น นางขมานา อย่างเคร่ง ๒ ปี คือ รักษาศีลข้อที่หนึ่ง(งดเว้นจากการฆ่าสัตว์) ถึงข้อที่หก (ไม่รับประทานอาหารตั้งแต่เที่ยงถึงเช้าวันใหม่) ถ้าขาดตกบกพร่องข้อหนึ่งข้อใดก็ให้เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ซึ่งพระนางก็ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและปฏิบัติสมณธรรมจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์
|