Show 1. ทำเลที่ตั้ง ทวีปยุโรปตั้งอยู่ในระหว่างละติจูดที่ 36 – 71 องศาเหนือ ซึ่งอยู่เหนือเส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ ทำให้ทวีปยุโรปมีอากาศอบอุ่น อย่างไรก็ตาม พื้นที่บางส่วนของทวีปตั้งอยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิลขึ้นไป จึงมีอากาศหนาวเย็นและมีธารน้ำแข็งอยู่ในพื้นแผ่นดินเป็นจำนวนมาก 2. ลมประจำ ทวีปยุโรปมีลมประจำตะวันตกซึ่งพัดจากทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ผ่านมหาสมุทรแอตแลนติกเข้ามาสู่ฝั่ง ทำให้มีฝนมากตามบริเวณด้านตะวันตกของทวีป ส่วนบริเวณทางเหนือมีลมขั้วโลกนำความหนาวเย็นมาให้ ในฤดูหนาวบริเวณทางตอนเหนือของทวีปยุโรปจึงมีหิมะปกคลุมและอากาศหนาวเย็น 3. การวางตัวของเทือกเขา เทือกเขาส่วนใหญ่วางตัวในแนวทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ จึงไม่กีดขวางทางลมตะวันตก ทำให้ลมตะวันตกนำความชุ่มชื้นจากมหาสมุทรแอตแลนติกเข้าไปในภาคพื้นทวีปได้ทั่วถึง 4. ระยะห่างจากทะเล ทวีปยุโรปมีที่ตั้งติดทะเลและมหาสมุทร 3 ด้าน คือ มหาสมุทรอาร์กติกทางด้านทิศเหนือ มหาสมุทรแอตแลนติกทางด้านตะวันออก และทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางด้านทิศใต้ ทำให้ดินแดนต่างๆในภาคพื้นทวีปได้รับอิทธิพลความชุ่มชื้นจากทะเลและมหาสมุทรอุณหภูมิโดยเฉลี่ยจึงไม่แตกต่างกันมากนัก 5. กระแสน้ำในมหาสมุทร ชายฝั่งด้านตะวันตกของทวีปมีกระแสน้ำอุ่นแอตแลนติกเหนือไหลเลืยบฝั่งของหมู่เกาะบริติช และชายฝั่งประเทศนอร์เวย์ ทำให้มีผลต่อภูมิอากาศของบริเวณดังกล่าว ดังจะเห็นได้ว่า หมู่เกาะบริติชอันเป็นที่ตั้งองประเทศสหราชอาณาจักรและประเทศไอร์แลนด์นั้นมีอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี แม้ในฤดูหนาวอากาศก็ไม่หนาวเย็นมากนัก นอกจากนี้ชายฝั่งของประเทศนอร์เวย์ น้ำทะเลไม่แข็งตัวในฤดูหนาว ผิดกับน้ำในทะเลบอลติกซึ่งแข็งตัวเป็นเวลานานหลายเดือน ในระหว่างฤดูหนาว ประเทศสวีเดนจึงต้องอาศัยการขนส่งสินค้าทางรถไฟไปลงเรือที่เมืองท่าของประเทศนอร์เวย์ เพราะไม่สามารถใช้เมืองท่าของตนในทะเลบอลติกได้ ที่มาภาพ : https://thankyou0874277257.wordpress.com/ภูมิศาสตร์ของทวีปยุโรป/ https://mt082.wordpress.com/2013/01/04/ลักษณะภูมิอากาศและพืชพ/
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ยุโรป
ยุโรป (อังกฤษ: Europe; อ่านว่า "ยุ-โหฺรบ") เป็นทวีปที่ตั้งอยู่ในซีกโลกเหนือและส่วนมากอยู่ในซีกโลกตะวันออก ทางทิศเหนือติดกับมหาสมุทรอาร์กติก ทางทิศใต้ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางทิศตะวันออกติดกับทวีปเอเชีย ทางทิศตะวันตกติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นอนุทวีปทางด้านตะวันตกของทวีปยูเรเชีย ตั้งแต่ประมาณ 1850 การแบ่งยุโรปกับเอเชียมักยึดตามสันปันน้ำของเทือกเขายูรัลและเทือกเขาคอเคซัส แม่น้ำยูรัล ทะเลแคสเปียน ทะเลดำและช่องแคบตุรกี[9] แม้คำว่า "ทวีป" จะหมายถึงภูมิศาสตร์กายภาพของผืนดินขนาดใหญ่ที่ไม่มีการแบ่งอย่างแน่นอนและชัดเจน จึงมีการโยกย้ายติดต่อกันในช่วงสมัยคลาสสิก ทำให้บริเวณชายแดนยุโรปกับเอเชียของยูเรเชียนั้นแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม ภาษา ความแตกต่างทางชาติพันธุ์ของตะวันออกกับตะวันตกและแบ่งจากกันอย่างเด่นชัดกว่าการขีดเส้นแบ่งเขตแดน เส้นแบ่งเขตแดนของทวีปไม่ได้แบ่งตามเส้นแบ่งเขตแดนทางการเมืองทำให้ตุรกี รัสเซียและคาซัคสถานเป็นประเทศข้ามทวีป ยุโรปมีพื้นที่ประมาณ 10,180,000 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2% ของผิวโลก (6.8% ของผืนดิน) ในทางการเมืองยุโรปมีรัฐอธิปไตยและเขตปกครองกว่า 50 รัฐ ซึ่งมีรัสเซียเป็นประเทศที่ใหญ่และมีประชากรมากที่สุด โดยกินพื้นที่ทวีปยุโรป 39% และมีประชากรทั้งหมด 15% ของทวีป ใน พ.ศ. 2560 ยุโรปมีประชากรประมาณ 741 ล้านคน[2] (หรือ 11% ของประชากรโลก) ภูมิอากาศยุโรปส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำอุ่นในมหาสมุทรแอตแลนติกทำให้ภายในทวีปจะมีอากาศหนาวจัดในฤดูหนาวและร้อนในฤดูร้อนแม้ในละติจูดเดียวกันในเอเชียกับอเมริกาเหนือจะมีสภาพอากาศที่รุนแรง ยุโรปภาคพื้นทวีปจะเห็นความแตกต่างตามฤดูกาลได้ชัดเจนกว่าบริเวณชายฝั่ง ทวีปยุโรปโดยเฉพาะกรีซโบราณเป็นแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมตะวันตก[10][11][12] การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกใน ค.ศ 476 และสมัยการย้ายถิ่นช่วงต่อมา เป็นจุดจบของสมัยโบราณและเป็นจุดเริ่มต้นของสมัยกลาง มนุษยนิยมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา ยุคแห่งการสำรวจ ศิลปะและวิทยาศาสตร์อันเป็นเป็นรากฐานนำไปสู่สมัยใหม่ ตั้งแต่ยุคแห่งการสำรวจเป็นต้นมานั้นยุโรปมีบทบาทสำคัญระดับโลกในด้านเศรษฐกิจ ระหว่างศตวรรษที่ 16 ถึง 20 ประเทศในยุโรปมีอำนาจปกครองหลาย ๆ ครั้งในทวีปอเมริกา เกือบทั้งหมดของแอฟริกาและโอเชียเนียร่วมถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของเอเชีย ยุคเรืองปัญญาหลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศสและสงครามนโปเลียนส่งผลให้เกิดการปฏิรูปวัฒนธรรม การเมืองและเศรษฐกิจในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ถึงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19 การปฏิวัติอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักรช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและสังคมเป็นอย่างมากในยุโรปตะวันตกและขยายไปทั่วทั้งโลกในเวลาต่อมา สงครามโลกทั้ง 2 ครั้งมีสมรภูมิส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปนั้น ทำให้ช่วงกลางศตวรรษที่ 20 สหภาพโซเวียตและสหรัฐขึ้นมามีอำนาจในขณะที่ประเทศยุโรปตะวันตกส่วนใหญ่มีอำนาจลดลง[13] ระหว่างสงครามเย็นยุโรปถูกแบ่งด้วยม่านเหล็กระหว่างเนโททางตะวันตกกับกติกาสัญญาวอร์ซอในตะวันออก จนกระทั่งสิ้นสุดลงหลังการปฏิวัติ ค.ศ. 1989และการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน ใน ค.ศ. 1949 สภายุโรปก่อตั้งขึ้นตามคำปราศรัยของ เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล ซึ่งมีแนวคิดในการรวมยุโรปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน ทุกประเทศในยุโรปเป็นสมาชิกยกเว้นเบลารุส คาซัคสถานและนครรัฐวาติกัน การบูรณาการยุโรปอื่น ๆ อย่างการรวมกลุ่มโดยบางประเทศนำไปสู่การก่อตั้งสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นสหภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองซึ่งมีรูปแบบสมาพันธรัฐและสหพันธรัฐ[14] สหภาพยุโรปก่อตั้งขึ้นในยุโรปตะวันตกแต่เริ่มเพิ่มสมาชิกในยุโรปตะวันออกตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 ประเทศที่เป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปส่วนใหญ่ใช้สกุลเงินยูโรซึ่งชาวยุโรปนิยมใช้กันทั่วไป; และในเขตเชงเก้นของอียูจะยกเลิกการควบคุมชายแดนและการอพยพระหว่างประเทศสมาชิก เพลงประจำสหภาพยุโรปคือ "ปีติศังสกานท์"และมีวันยุโรปเพื่อการเฉลิมฉลองสันติภาพและเอกภาพประจำปีในทวีปยุโรป ประวัติศาสตร์[แก้]ประเทศ[แก้]ดูบทความหลักที่: ประเทศในทวีปยุโรป
ภูมิศาสตร์[แก้]ดูบทความหลักที่: ภูมิศาสตร์ยุโรป ภูมิประเทศ[แก้]แผนที่ดาวเทียมแสดงส่วนประกอบทางภูมิศาสตร์ของทวีปยุโรป ลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญของทวีปยุโรป ได้แก่ ทางตะวันตกของฝรั่งเศส ทางตะวันออกของเกาะอังกฤษ เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และเดนมาร์ก
ภูมิอากาศ[แก้]เขตอากาศของทวีปยุโรป สามารถแบ่งเป็น 7 เขตดังนี้
ภูมิภาค[แก้]การแบ่งภูมิภาคของทวีปยุโรป: ทวีปยุโรป แบ่งออกเป็น 4 ภูมิภาคใหญ่ ๆ ได้แก่
เมืองสำคัญ[แก้]ทวีปยุโรปมีหลายเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก ทวีปยุโรปจึงเป็นทวีปที่มีการคมนาคมที่สะดวกสบายเป็นอย่างมาก การคมนาคมส่วนใหญ่จะเป็นระบบราง เช่น รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และรถไฟความเร็วสูง ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการคมนาคมระหว่างเมืองและระหว่างประเทศ โครงสร้างพื้นฐาน[แก้]
เศรษฐกิจ[แก้]ทวีปยุโรปมีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจรุ่งเรืองมาก โดยมีการรวมกลุ่มเป็นประชาคมเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เรียกว่า กลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งมีบทบาทมากต่อเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ สมาชิกจี 8 จำนวน 8 ประเทศ มีสมาชิกอยู่ในทวีปยุโรปมากถึง 5 ประเทศ คือ รัสเซีย เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสหราชอาณาจักร หลังเกิดวิกฤตการเงินโลก 2010 ที่ประเทศกรีซ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงเหวอย่างหนัก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มสหภาพยุโรปเริ่มขาดสภาพคล่องทางการเงินจากปัญหาหนี้สินเพิ่มมากขึ้น
ตัมเปเรในฟินแลนด์เป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ทางตอนเหนือของยุโรป อ้างอิง[แก้]
ข้อมูล[แก้]
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
แผนที่ในอดีต
|