ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ

๑. ข้อใดให้ความหมายของการพูดได้ถูกต้องชัดเจนที่สุด
ก. การติดต่อสื่อสารของมนุษย์ด้วยการใช้ถ้อยคำและน้ำเสียง
ข. พฤติกรรมการใช้ถ้อยคำ น้ำเสียงและอากัปกิริยาของมนุษย์
ค. การเปล่งเสียงออกมาเป็นถ้อยคำเพื่อการระบายอารมณ์ของมนุษย์
ง. การถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของผู้พูดไปยังผู้ฟังด้วยน้ำเสียง ถ้อยคำและกิริยาท่าทางต่าง ๆ

๒. “เมื่อมีการชุมนุมประท้วงนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็มักจะมีตัวแทนฝ่ายรัฐบาลมาเจรจาทำความเข้าใจแก่กลุ่มผู้ประท้วงอยู่เสมอ” จากข้อความนี้ชี้ให้เห็นว่าการพูดมีความสำคัญอย่างไร
ก. การคลี่คลายเหตุการณ์ 

ข. การเมืองภายในประเทศ
ค. มนุษยสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน 

ง. การปกครองและควบคุมสังคม

๓. สำนวนคำในข้อใดแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพูด
ก. พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง
ข. พูดดีเป็นศรีแก่ตัว พูดชั่วอัปราชัย
ค. สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล
ง. ปากปราศรัย ใจเชือดคอ

๔. องค์ประกอบใดของการพูดที่สามารถชี้วัดได้ว่าการพูดในครั้งนั้นสัมฤทธิ์ผล
ก. ผู้ฟัง ข.สาร ค. สื่อ ง. ผลตอบสนอง

๕. ข้อใดให้ความหมายของการพูดต่อหน้าชุมชนได้ถูกต้องชัดเจนที่สุด
ก. การที่บุคคลแสดงความรู้ ความรู้สึกต่อหน้าคู่สนทนา
ข. การที่บุคคลเสนอแนะข้อคิดเห็นต่อหน้าที่ประชุมสาธารณะ
ค. การที่บุคคลกล่าวแสดงความรู้สึกนึกคิดของตนในห้องบันทึกเสียง
ง. การที่บุคคลพูดแสดงความรู้ ความรู้สึกนึกคิดต่อหน้าผู้ฟังจำนวนมาก

๖. ข้อใดเป็นความจำเป็นในการพูดต่อหน้าชุมชน
ก. เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในหมู่คณะ
ข. เพื่อขอร้องผู้อื่นให้เห็นความสำคัญของตน
ค. เพื่อถ่ายทอดวิทยาการใหม่ ๆ สู่บุคคลอื่น
ง. เพื่อให้สมาชิกในสังคมฝึกฝนและนำไปปฏิบัติได้

๗. ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการพูดต่อหน้าชุมชน
ก. ช่วยทำให้มนุษย์ดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข
ข. ช่วยเผยแพร่ความคิดเห็นของบุคคลได้สะดวกและรวดเร็ว
ค. ช่วยให้มนุษย์สามารถชี้แนะการแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้แก่สังคม
ง. ช่วยถ่ายทอดวัฒนธรรม ปลูกฝังคุณธรรมและเผยแพร่วิทยาการใหม่ ๆ

๘. การพูดในข้อใดมีจุดมุ่งหมายเพื่อจรรโลงใจผู้ฟัง
ก. การเล่าประสบการณ์ชีวิต 

ข. การเชิญชวนให้เลิกสูบบุหรี่
ค. การพูดหาคะแนนเสียงสนับสนุน 

ง. การพูดชี้แจงให้ตระหนักในภัยของโรคเอดส์

๙. การโฆษณาสินค้าที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน จัดเป็นการพูดเพื่อจุดมุ่งหมายใด
ก. การพูดเพื่อจรรโลงใจ 

ข. การพูดเพื่อโน้มน้าวใจ
ค. การพูดเพื่อค้นหาคำตอบ 

ง. การพูดให้ความรู้และข้อเท็จจริง

๑๐. การกล่าวคำปราศรัยของบุคคลสำคัญ จัดเป็นการพูดในรูปแบบใด
ก. การแสดงสุนทรพจน์ 

ข. การแสดงปาฐกถา
ค. การสัมภาษณ์ 

ง. การอภิปราย

เฉลย

1.ก  2.ก  3.ค  4.ง  5.ง  6.ค  7.ก  8.ก  9.ข  10.ก

ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ

ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ
การพูดหรือสนทนากันอย่างมีพิธีรีตอง  เป็นการพูดต่อหน้าชุมชนในโอกาสต่างๆ  และเพื่อจุดมุ่งหมายต่างกัน  เป็นการพูดที่มีแบบแผนเป็นพิธีการ  ต้องอาศัยความรู้  ความสามารถ  ศิลปะในการพูดและบุคลิกภาพในการพูด  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องมีการเตรียมตัวก่อนและฝึกฝนเป็นอย่างดี  ภาษาต้องสุภาพ  เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล
รูปแบบก่อนพูดอย่างเป็นทางการแบ่งออกเป็น  4  รูปแบบ  คือ
ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ
1  การพูดโดยไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า  เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  การพูดโดยกะทันหัน”  การพูดแบบนี้ต้องใช้ปฏิภาณไหวพริบ  ประสบการณ์   ความรู้และความชำนาญที่มีอยู่เดิม
ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ
2  การพูดโดยมีการเตรียมตัวล่วงหน้า  เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า       “การพูดแบบมีโน๊ตย่อ”  ผู้พูดต้องรู้ล่วงหน้าว่าจะพูดเรื่องอะไร  ที่ไหน  ใครฟัง   จึงสามารถ  เตรียมเนื้อเรื่อง  เตรียมอุปกรณ์ประกอบการพูดและทำโน๊ตย่อหรือ    โครงเรื่องที่จะพูดมาดูได้ในขณะที่พูด
ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ
3  การพูดจากความจำ  เรียกว่า  การพูดแบบท่องจำ”  การพูดแบบนี้เหมาะสมกับผู้พูดที่มีความจำดี  และเป็นเรื่องที่ไม่ยาวนัก  ผู้พูดต้องมีเวลาในการนำเรื่องไปอ่าน    ท่องจำให้ได้ทั้งหมดโดยจดจำประเด็นสำคัญให้ได้
ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ
4  การพูดโดยการอ่านจากต้นฉบับ  เป็นการพูดตามต้นฉบับที่ตระเตรียมไว้ให้ครบถ้วน  วิธีนี้จึงดูเหมือนเป็นการอ่านจากต้นฉบับ  แต่ผู้พูดจะต้องใช้สายตามองดูผู้ฟังมากกว่าต้นฉบับ  จึงมักใช้ในการพูดที่เป็นพิธีการ  เช่น  กล่าวสุนทรพจน์ คำปราศรัย  แถลงการณ์  เป็นต้น
การพูดออกเป็น 3 ขั้นตอน คือ
ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ
1. ก่อนพูด คือ ขั้นเตรียมตัวเพื่อการพูดและฝึกพูด
ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ
2. ขณะพูด คือ การปฏิบัติการพูดและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ
3. หลังพูด คือ การประเมินผลการพูด อาจจะประเมินด้วนตนเองและผู้อื่นก็ได้

ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ

ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ
https://sites.google.com/site/kfjofjopjsjflskldskdpipwe/1/1-1

ข้อใดเป็นการพูดแบบเป็นทางการ