บางคนอาจคิดว่าสีมงคล เป็นเรื่องของความเชื่อ แต่จริง ๆ เราสามารถอธิบายเรื่องสีมงคลได้ด้วยแนวคิดทางจิตวิทยาและทฤษฏีสี ซึ่งการใช้สีให้ถูกต้องได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถยกระดับการทำงานได้จริง Show พอพูดถึงคำว่า “สีมงคล” หลายคนอาจไปนึกถึงเรื่องโชคชะตาหรือ “สายมู” และคิดไปว่าเราไม่สนใจจนมองข้ามเรื่องการใช้สีอย่างเหมาะสมไปเสียอย่างนั้น แต่รู้ไหมว่าปัจจุบันประเด็นเรื่องการใช้สีคือสิ่งที่ HR ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญเพราะมีผู้เชี่ยวชาญมากมายออกมายืนยันแล้วว่า การใช้สีอย่างถูกต้องจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้จริง ยกตัวอย่างหากเราไปสปาเพราะอยากผ่อนคลาย เราย่อมคาดหวังถึงสีขาวสว่างและการตกแต่งที่ดูสะอาด ปลอดโปร่ง พร้อมกลิ่นหอม ๆ ที่ช่วยสร้างความสุนทรีย์อย่างเต็มที่ แต่ลองคิดดูว่าหากสปาเจ้าประจำของเราเปลี่ยนสีห้องเป็นดำสนิทและสาดด้วยสีแดงสดเพิ่มความเร้าใจไปอีกขั้น เราจะรู้สึกทันทีว่าแม้กลิ่นหอมและบริการยังมีประสิทธิภาพเท่าเดิม แต่ความรู้สึกของเราต่อสปาจะเปลี่ยนไปทันที นี่คืออิทธิพลของสีต่อความรู้สึกนึกคิดของเรา HR สามารถนำสีมงคลมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง บทความนี้จะเล่าให้ฟัง Contents
การเลือกสีมงคลมีผลกับมนุษย์อย่างไรแท้จริงแล้วการใช้สีมงคลคือเรื่องทางจิตวิทยาโดยตรง เพราะการเลือกใช้สีสามารถส่งอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด, อารมณ์, ระดับความเครียด รวมถึงช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็นได้ทันที คุณลีตรีซ ไอซ์แมน (Leatrice Eiseman) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสีชื่อดังจาก Pantone Color Institute บอกว่าสีต่าง ๆ นั้นผูกพันกับสิ่งที่คนพบเห็นได้ใจธรรมชาติ โดยเบื้องต้นมนุษย์จะมีปฏิกริยาพื้นฐานเกี่ยวกับสีที่ใกล้เคียงกันมาก จะแตกต่างกันแค่เพราะสีนั้นเคยสร้างประสบการณ์ใดกับตนเอาไว้ หรือตรงกับลักษณะนิสัยของตนหรือไม่เท่านั้น เช่นคนที่ชอบเพลงร็อค อยากนำเสนอความโหด ก็อาจมีทัศนคติต่อต้านสีชมพู แต่ทั้งนี้ทัศนคติดังกล่าวก็เกิดจากความเข้าใจว่าสีชมพูเป็นตัวแทนของความอ่อนหวาน เป็นต้น ผลวิจัยของ Eastern Illinois University เมื่อปี 1974 ระบุว่าการเลือกสวมชุดสีต่าง ๆ มีผลให้ความประพฤติของฝ่ายตรงข้ามต่อเราเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย และที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือสีมีอิทธิพลต่อการเต้นของหัวใจ, ความดันในเลือด, ระบบการหายใจ ดังนั้นการเลือกสีมงคลโดยพื้นฐานแล้วคือการเลือกสีให้เหมาะกับสิ่งที่ตนเองเป็นหรือ “อยากจะเป็น” ตามทฤษฎีด้านจิตวิทยานั่นเอง ความหมายของสีมงคลในแง่มุมเชิงจิตวิทยาจากประเด็นที่กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้า ทฤษฎีสีไม่ได้มีคำจำกัดความแน่นอน แต่เกิดจากการสังเกตคนหมู่มากเป็นเวลานานและได้ข้อสรุปออกมาว่าสีต่าง ๆ มีอิทธิพลต่อจิตใจของมนุษย์อย่างไร เช่น เมื่อเราเห็นสีน้ำเงิน ในตอนเด็กเราอาจมองว่ามันเป็นสีของท้องฟ้าที่สดใส, น้ำทะเลที่สนุกสนาน แต่เมื่อเราเติบโตขึ้น สีฟ้าอาจสะท้อนถึงความหมองหม่น, การเข้ามาของพายุหรือความเครียด, ความเปลี่ยนแปลงเมื่อพายุนั้น ๆ เลือนหายไป ดังนั้นสรุปได้ว่ามิติของความรู้สึกจะเข้มข้นลึกซึ้งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีคำตอบที่สามารถฟันธงเรื่องอิทธิพลของสีต่อความรู้สึกได้แบบ 100% แต่ก็เป็นข้อมูลพื้นที่ควรรู้เพื่อนำไปต่อยอดกับองค์ประกอบอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน สีแต่ละชนิดมีความหมายในภาพรวมดังนี้
การเลือกสีมงคลมีผลต่อการทำงานอย่างไรองค์กรส่วนใหญ่จะใช้สีเพื่อสร้าง Employer Branding ที่ทำให้เกิดเอกลักษณ์และส่งผลกระทบต่อการทำงานทั้งด้านบวกและลบ โดยคุณแอนดรูว์ นิโคล (Andreu Nicole) จาก CannonDesign สหรัฐอเมริกา เผยว่าปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ พยายามหาวิธีดึงดูดพนักงานรุ่นใหม่มากขึ้นภายใต้แนวคิดการทำให้คนรู้สึกว่าที่ทำงานกับบ้านไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ดังนั้นการใช้สีที่โดดเด่นจึงเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าออฟฟิศไม่มีข้อจำกัดอย่างที่เคยคิด พนักงานจึงรู้สึกสบายใจขึ้นที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันอยู่ในที่ทำงาน ซึ่งในประเด็นนี้ University of Texas ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง การทำ Employer Branding แบบจริงใจ ใช้ได้จริง และพนักงานรู้สึกอินไปกับมัน ดังนั้นหากถามว่าการใช้สีที่ถูกต้องส่งผลต่อการทำงานอย่างไร ยกตัวอย่างหากเราต้องการกระตุ้นพนักงานให้มีใจสู้มากขึ้น เราสามารถทาสีออฟฟิศด้วยสีแดงในปริมาณที่เหมาะสม เพราะสีแดงสามารถทำให้สมองตื่นตัว หรือบางบริษัทเลือกทาสีโทนมืดที่ทางเข้าบริษัทเพื่อทำให้แขกรู้สึกถึงความลึกลับ อยากค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งช่วยให้แขกสนใจข้อมูลที่พนักงานบริษัทต้องการนำเสนอมากขึ้น หรือการใช้สีโทนสว่างตรงทางออกเพื่อเล่นกับจิตวิทยาให้แขกรู้สึกว่าเขาได้รับข้อมูลอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาฉลาดขึ้น เป็นต้น วิธีเหล่านี้จะทำให้เกิดความประทับใจระหว่างกันมากกว่าออฟฟิศที่ตกแต่งด้วยสีแบบปกติธรรมดา อนึ่งการใช้สีเพื่อกระตุ้นอารมณ์ไม่จำเป็นต้องเป็นสีผนังเท่านั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามันสามารถเป็นสีของพรม, หมอน, กระเบื้อง หรือของตกแต่งก็ได้เช่นกัน
Science of People ได้แนะนำวิธีใช้สีให้เหมาะกับการทำงาน ดังนี้ – การเลือกโทนสีสำหรับหน้า Desktop คอมพิวเตอร์ : ให้เน้นสีโทนเขียว เพราะทำให้รู้สึกสบายตา, เกิดการปวดตาน้อยที่สุด สามารถใช้เป็นภาพพักหน้าจอของเรา หรือเป็นสีหลักของเว็บไซต์บริษัทก็ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่เนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ต้องอาศัยการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน – การเลือกโทนสีเมื่ออยากให้คนอื่นเห็นว่าเราแข็งแกร่ง : ให้เลือกสีดำ เพราะมีการวิจัยจากการวิเคราะห์การแข่งขัน NHL (กีฬาฮ็อกกี้ ในสหรัฐอเมริกา) มากกว่า 52,000 แมตช์ ระหว่างปี ค.ศ.1984 – 2010 และได้ข้อสรุปว่านักกีฬาถูกลงโทษมากขึ้นเป็นพิเศษเมื่อใส่เครื่องแต่งกายสีดำ ทั้งนี้ผู้วิจัยกล่าวว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นชุดดำแบบเต็มตัวเท่านั้น เพราะแค่มีสีดำอยู่ราวครึ่งหนึ่งของชุด ก็มีผลต่อการกระทำของบุคคลแล้ว อย่างไรก็ตามประเด็นที่น่าสนใจก็คือยังไม่แน่ชัดว่าสีดำ ทำให้ผู้สวมใส่ดุดันขึ้นจริง หรือเป็นผลที่เกิดขึ้นจากผู้สังเกตการณ์ (คนนอกมองเข้าไป) และมองว่าผู้สวมใส่แข็งแกร่งดุดันขึ้นกันแน่ ดังนั้นหากเราต้องเผชิญหน้ากับปัญหายาก ๆ ในที่ประชุม ก็ไม่ควรใส่เสื้อสีขาวหรือโทนอ่อนที่ดูสบายเกินไปเด็ดขาด อภิชาติ ขันธวิธิ กับแนวทางการแก้ปัญหาความสัมพันธ์ภายในองค์กร คุณเจฟฟ์ เฟอร์มิน (Jeff Fermin) ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพแวดล้อมในออฟฟิศจากบริษัท Officevibe กล่าวเสริมว่าการใช้สีในเว็บไซต์ชื่อดังที่เราเห็นอยู่ทุกวันนั้นผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทำไปเพราะเห็นว่าสวยเพียงอย่างเดียว โดยเขาเสริมข้อมูลไว้ว่า “การใช้สีก็ส่งผลกับอารมณ์ของพนักงานได้จริง ๆ และคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการต้องตื่นมาทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมือนตายทั้งเป็น” ดังนั้นก่อนตัดสินใจทุกครั้ง ต้องคำนึงถึงจิตวิทยาและความหมายของสีให้เหมาะกับเนื้องานและความต้องการของพนักงานที่สุด ด้วยการใช้วิธี Mood Research หรือจัดประชุมเพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเลือกเท่า ๆ กัน ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของ HR ในการสื่อสารอย่างครอบคลุม ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบภายในจาก Drexel University กล่าวว่าหากออฟฟิศมีที่ว่างเยอะ บริษัทสามารถทาสีห้องแต่ละห้องแตกต่างกันตามทฤษฏีสี และออกนโยบายให้พนักงานสามารถนั่งทำงานตรงไหนในออฟฟิศก็ได้ เพื่อเพิ่มตัวเลือกให้พนักงานรู้สึกสบายใจที่สุด ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ออฟฟิศก็ไม่ควรพยายามยัดเยียดหรือเลือกใช้สีของบริษัทโดยอ้างอิงกับโลโก้มากเกินไป ยกตัวอย่างเช่นหากเราเป็นร้านขายสัตว์เลี้ยงและมีโลโก้เป็นสีเหลืองและแดง เราก็ต้องศึกษาก่อนว่าทั้งสองสีนี้เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงทุกชนิดที่เรานำเข้ามาขายหรือไม่ มากกว่าการดันทุรังโดยไม่สนใจผลกระทบที่ตามมา 10 ไอเดียสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานตั้งใจทํางานมากขึ้น เคล็ดลับการเลือกสีสำหรับที่ทำงานมีดังนี้ 1. หากไม่รู้จะเลือกสีอะไร ให้เลือกสีธรรมดา : คุณลอว์เร็น เดนนิสัน (Lauren Dennison) ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจากบริษัท Vocon แนะนำว่าหากยังไม่รู้ว่าจะใช้สีอะไรในที่ทำงาน ให้เริ่มจากการใช้สีขาว หรือสีอ่อนมาเป็นพื้นก่อน และค่อยเพิ่มสีอื่นเข้าไปนิด ๆ หน่อย ๆ เพราะสีพื้นที่เรียบง่ายจะช่วยให้สีที่เราเติมเข้าไปโดดเด่นยิ่งขึ้น 2. ให้อำนาจกับหัวหน้าในการเลือกสี : เพราะสีมีผลต่อการตัดสินใจ ดังนั้นหากเราตั้งเป้าไว้ว่าจะทาสีหรือตกแต่งเพื่อช่วยให้การทำงานดีขึ้น การเลือกสีเพื่อส่งเสริมการทำงานของหัวหน้าทีมก็คือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งหัวหน้าทีมสามารถเลือกสีตามทฤษฎีเชิงจิตวิทยาที่เราเขียนเอาไว้ข้างต้นได้เลย 3. เลือกสีให้สอดคล้องกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว : หากเราไม่รู้จะเริ่มเลือกสีอย่างไร ให้ลองมองไปที่กระเบื้องบนพื้น, ตู้, เก้าอี้, โต๊ะ หรืออื่น ๆ จากนั้นค่อยเลือกสีที่เข้ากับวัตถุเหล่านั้น วิธีนี้จะช่วยให้เราตัดสินใจง่ายขึ้นมากหากเทียบกับการจินตนาการทุกอย่างขึ้นมาเองแบบไร้ทิศทาง 4. อย่ากลัว ลองไปเลย ! : แต่ถ้าคุณเป็นออฟฟิศใหม่และไม่รู้จริง ๆ ว่าควรเริ่มอย่างไร ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าให้คุณลองใช้สีที่ต้องการไปเลย เพราะท้ายสุดแล้วเราสามารถทาสีใหม่ได้ตลอดเวลา แค่อาจเสียเวลาและเงินทองมากกว่าเดิมเท่านั้น ! HR มีข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับประเด็นนี้Q: การนำเสนอยูนิฟอร์มของพนักงานต่อหัวหน้าควรมีวิธีการอย่างไร บริษัทมีแผนจะเปลี่ยนแบบฟอร์มพนักงาน แต่ติดตรงที่การออกแบบต่างจากแบบเก่ามากๆ คำถามคือเราจะโน้มน้าวเจ้านายให้เห็นด้วยกับเราได้อย่างไร A: การเปลี่ยนแบบฟอร์มใหม่นั้นควรให้ความสำคัญในหัวข้อเหล่านี้ – การเปลี่ยนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์อะไร ,,, (คลิกดูคำตอบทั้งหมด👇)
การใส่เสื้อตามสีมงคลสะท้อนตัวตนในมุมการทำงานอย่างไรวิทยาศาสตร์อธิบายว่าโดยปกติแล้วมนุษย์ใช้เวลาตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ชอบสินค้านั้น ๆ ในเวลาไม่ถึง 90 วินาที และมีถึง 90% ที่ตัดสินใจโดยอ้างอิงจากการเห็นสีเท่านั้น ยกตัวอย่างหากเราไปซื้อน้ำในร้านค้า เราอาจหยิบกระป๋องสีแดงหรือน้ำเงินขึ้นมาเมื่ออยากกินโคล่า โดยไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ากระป๋องที่หยิบมานั้นเป็นยี่ห้อที่ตนคิดจริง ๆ รึเปล่า (ซึ่งบางทีก็หยิบผิด เพราะบางยี่ห้อก็จงใจเพิ่มยอดขายด้วยวิธีนี้) ดังนั้นจะเห็นว่าการเลือกสีมีผลกับมนุษย์อย่างรวดเร็วมาก และการเลือกสีที่ผิดจะส่งผลเสียโดยไม่เปิดโอกาสให้เราแก้ตัว ดังนั้นถ้าเรามองประเด็นเรื่องสีมงคลที่สายมูใช้เป็นตัวช่วยเสมอเวลาต้องไปสัมภาษณ์งาน ทฤษฎีสีและจิตวิทยาคือสิ่งที่ทำงานกับสมองของมนุษย์โดยตรง และเพื่อให้คำอธิบายมีน้ำหนักมากขึ้น Buiness Insider ได้ทำการสำรวจถึงผลกระทบของสีต่อการสัมภาษณ์งานโดย HR Hiring Manager จำนวน 2,099 คน จนได้คำตอบออกมาในเบื้องต้นว่า สีน้ำเงินและดำคือสีที่เหมาะกับการทำงานมากที่สุด ขณะที่สีส้มคือสีที่แย่ที่สุด สาเหตุก็เพราะสีดำและน้ำเงินเป็นสีพื้นฐานที่คนนิยมใช้กันมายาวนาน ไม่ได้อ้างอิงอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมอย่างเช่นสีอื่น ๆ ที่ปรับตัวตามแฟชั่นหรือสมัยนิยม ดังนั้นสีที่ทุกคนคุ้นเคย (รวมถึงสีอย่างน้ำตาลและเทา) ถือเป็นสีที่เหมาะที่สุดในการคุยงานกับลูกค้าเป็นครั้งแรก เพราะดูเป็นมืออาชีพ สุขุม น่าเชื่อถือ ส่วนสีส้มที่เป็นสัญลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์ตามทฤษฎีสีกลับถูกมองว่าฉูดฉาดเกินไปสำหรับการพบกันครั้งแรกหรือการสัมภาษณ์งาน ดังนั้นหลังจากที่อธิบายเรื่องความหมายโดยรวมของแต่ละสีจากหัวข้อก่อน ๆ แล้ว เราจะพาผู้อ่านไปพบกับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญว่าการแต่งตัวโดยใช้สีแต่ละแบบ แสดงถึงอะไร และมีประโยชน์อย่างไร – เสื้อสีดำ คือความเป็นผู้นำ : บางคนอาจมองว่าการใส่ชุดสีดำจะดูเข้าถึงยาก แต่คุณคาเร็น ฮอลเลอร์ (Karen Haller) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์กล่าวว่าหากเราใส่สีดำอย่างถูกต้อง มันก็จะแสดงถึงความหรูหรา, น่าค้นหา และดูโดดเด่นแตกต่างจากคนอื่น ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ระดับโลกอย่าง Chanel หรือ Yves Saint Lauren ที่เลือกใช้สีดำเป็นและประสบความสำเร็จจนเป็นผู้นำตลาด – เสื้อสีน้ำเงิน คือความเป็นทีม : คุณลิซ่า จอห์นสัน แมนเดลล์ (Lisa JOhnson Mandell) จาก AOL Jobs กล่าวว่าสีกรมท่าคือสีที่ดีที่สุดสำหรับชุดสูท เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจ และการแต่งกายด้วยสีกรมท่าจะทำให้มีโอกาสสมัครงานผ่านมากกว่าการใส่ชุดสีอื่น ๆ จากประสบการณ์ของเธอ – เสื้อสีเทา คือความมีตรรกะและช่างวิเคราะห์ : สีเทาคือตัวแทนของความอิสระและความสันโดด ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใดตราบใดที่เราทำในสิ่งที่มั่นใจได้จริง ๆ เสื้อสีเทาจะแสดงถึงความขี้เหงาแต่ก็เด็ดขาดมากพอที่จะตัดสินใจในเรื่องสำคัญด้วยตนเอง – เสื้อสีขาว คือความมีระเบียบ : การใส่เสื้อสีขาวหรือสีโทนอ่อนอาจดูสบาย ๆ ใช้งานได้ทุกโอกาส แต่ก็ถูกมองว่าธรรมดาเกินจนเหมือนคนไม่กล้าทดลองอะไรใหม่ ๆ ก็ได้ อย่างไรก็ตามเทคนิคการใส่สีขาวก็คือการใส่ในวันที่คนอื่นน่าจะใส่สีโทนฉูดฉาดกันหมด เช่นเมื่อคุยกับลูกค้าหรือสมัครงานในสายครีเอทีฟที่มีคนมาร่วมงานหลายคน การใส่ชุดสีขาวอาจทำให้เราโดดเด่นขึ้นมาทันที – เสื้อสีแดง คือพลัง : สีแดงเหมาะสำหรับการใส่เพื่อเรียกร้องความสนใจจากใครสักคน โดยคุณเคนนี่ ฟริมปง (Kenny Frimpong) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาแบรนด์ของ Eredi Pisano เครื่องแต่งกายสัญชาติอิตาลีกล่าวว่าสีแดงจะช่วยให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกตื่นเต้น, มีแรงกระตุ้น และมีชีวิตชีวา – เสื้อสีเขียว, เสื้อสีเหลือง, เสื้อสีส้ม และเสื้อสีม่วง คือความคิดสร้างสรรค์ : สีที่ฉูดฉาด โดดเด่นเหล่านี้ทำให้คนมองว่าผู้ใส่เป็นคนสนุก และน่าเข้าใกล้ แต่จะไม่น่าเชื่อถือเท่ากับการใส่เสื้อที่ดูเรียบง่าย ดังนั้นอาจไม่เหมาะสำหรับการสัมภาษณ์งานหรือพูดคุยกับลูกค้าที่ต้องใช้ความจริงจัง แต่อาจใช้เพื่อเปลี่ยนลุคจากคนนิ่ง ๆ ให้ดูสดใสขึ้นเวลามีงานเลี้ยงบริษัท เป็นต้น บทสรุปสีมงคล, การเลือกสีตามทฤษฎีสี หรือการใช้จิตวิทยาในการแต่งกาย แม้จะมีประโยชน์ก็จริง แต่สิ่งที่ HR ควรให้ความสำคัญที่สุดก็คือกาลเทศะของพนักงาน เพราะหากเราปล่อยให้ทุกคนแต่งตัวตามทฤษฏีสี หรือสีมงคลตามความเชื่อในแต่ละวัน ยกตัวอย่างหากเราต้องไปพบลูกค้าที่อาวุโสกว่า แต่พนักงานกลับแต่งตัวด้วยสีฉูดฉาดเพียงเพราะเป็นสีมงคลในวันนั้น ผลที่ได้ก็อาจออกมาในแง่ลบแทน ต้องเข้าใจก่อนว่าสีมงคลนั้นเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในการทำงานเท่านั้น ไม่ใช่ทางลัดที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องอาศัยความพยายามในด้านอื่น เราสามารถประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องสนใจเรื่องสีมงคลเลยก็ได้ อย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Facebook ที่นิยมใส่เสื้อผ้าแบบเดิมในทุกโอกาส ดังนั้นสิ่งสำคัญกว่าคือการฝึกฝนตัวเองให้รอบด้านเพื่อให้มีความรู้มากพอในการออกไอเดียสร้างสรรค์ และแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดมากกว่า เราแนะนำให้ HR หรือผู้อ่านเข้าไปค้นหาคำตอบว่า “คุณคือสีอะไร” ผ่านทาง myCOLOR ซึ่งเป็นการนำทฤษฏีสีมาประยุกต์เข้ากับคำถามด้านพฤติกรรมของคนหลาย ๆ แบบ ซึ่งพอเราได้คำตอบแล้ว เราก็จะรู้ว่าควรดึงคนแบบไหนเข้ามาร่วมทีม หรือควรแต่งตัวด้วยสีใดเพื่อชดเชยสิ่งที่ขาด แค่นี้เราก็รับรองว่าเราจะใช้ประโยชน์จาก วันจันทร์ใส่เสื้อสีอะไรไปสมัครงานคนเกิดวันจันทร์เป็นที่ค่อนข้างจริงจังในการทำงาน และชอบทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งสีเสริมดวงเรื่องงานที่เหมาะมากๆ เลยก็คือสีเขียว สีฟ้า และสีครีม ซึ่งจะช่วยเสริมความผ่อนคลาย เรียบง่าย และเสริมความน่าเชื่อถือให้กับคนที่เกิดวันจันทร์ยิ่งขึ้นไปอีก ใครนึกไม่ออกว่าจะแมตช์ยังไงลองเลือกจับคู่สีเขียวหรือสีฟ้าเป็นหลัก และ ...
ควรใส่ชุดอะไรไปสมัครงานเสื้อผ้า จะต้องดูสุภาพ เรียบร้อย ถ้าเป็นกระโปรง ก็ไม่ควรสั้นจนเกินไป และ ควรมีโทนสีสุภาพ เช่น สีดำ สีเทา สีขาว สีกรม หรือ สีเบจ เครื่องประดับ ไม่ควรใส่เครื่องประดับเยอะจนเกินไป ใส่ให้พอดูงาม และเข้ากับเสื้อผ้าของเราก็พอ รองเท้า ควรเป็นรองเท้าหุ้มส้น คัตชู ไม่โชว์เล็บเท้า และ ไม่ควรสวมรองเท้าที่ส้นสูงจนเกินไป
เริ่มงานวันแรกควรใส่เสื้อสีอะไรเริ่มต้นวันแรกของการทำงานด้วยการสวมใส่เสื้อสีเทาเข้มและสีเบจ ช่วยทำให้อาชีพการงานราบเรียบ ไม่มีปัญหา เอาฤกษ์เอาชัยเหมาะสำหรับใครทำงานออฟฟิศ เพราะจะไม่ต้องเจอกับเรื่องปวดหัวยามเช้า ส่วนพ่อค้าแม่ขายท่านใดที่อยากจะใส่เพื่อเสริมดวงค้าขายก็สามารถใส่เสื้อนี้ได้ ส่วนใครที่อยากให้มีเงินทองคล่องมือหรือเปิดบิลแรกได้ไวๆ อาจต้อง ...
สัมภาษณ์งานใส่สูทสีอะไรการแต่งตัว แน่นอน สายงานProfessional เป็นสายงานที่เน้นความน่าเชื่อถือเป็นหลัก สูทสีเทา หรือสีเทาเข้มชาโคลเป็นสีที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้ใหญ่ น่าไว้วางใจ อย่าลืมเลือกเชิ้ตที่ดูมีTexture และเนคไทสีเขียวยิ่งทำให้ดูน่าเชื่อถือ หนุ่มๆอาจเสริมด้วยPocket Square ที่มีสีสอดคล้องกับเชิ้ตหรือไท ก็ได้ ขอสีเรียบๆ ล่ะ อย่างลายจุดเก็บ ...
|